Dungeon Defence - ตอนที่ 18
มปีศาจที่อ่อนแอที่สุด, อันดับที่ 71st, ดันทาเลี่ยน
ปฏิทินจักรวรรดิ: ปี 1505, เดือน 8, วันที่ 20
นิฟเฮม, ณ พระราชวังของเจ้าเมือง
ที่รอบนอกพระราชวังนั้นกำลังเต็มไปด้วยเสียงดังอันจอแจ
ในด้านหน้าประตูใหญ่ของพระราชวังอันใหญ่โตมโหฬาร, ได้มีรถม้าเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก และมีสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษเดินลงมาจากรถม้าของพวกเขาโดยไม่หยุดไม่หย่อน รูปร่างหน้าตาและเครื่องแต่งกายของพวกเขามีหลากหลายรูปแบบอย่างมีสไตล์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนๆกัน ; พวกเขาทั้งหมดนั้นมีเขาอยู่บนหัว
ผมได้นั่งอยู่ในรถม้าเช่นกันและกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
“ดูแล้วคงจะมีเหล่าจอมปีศาจเข้าร่วมเป็นจำนวนน้อยนะ”
“ไม่มีการบังคับให้ทุกคนต้องเข้าร่วมงาน ‘วัลเพอร์กิสไนท์’ ค่ะ จอมปีศาจที่มีนิสัยไม่ชอบสุงสิงกับใครจะไม่ค่อยมาเข้าร่วมงานนี้กันสักเท่าไหร่ค่ะ จอมปีศาจอันดับ 1 บาอัล และจอมปีศาจอันดับ 2 อากาเรส ก็ไม่เคยเข้าร่วมเสมอมาค่ะ ” [Walpurgis Night]
“แล้วทำไมข้าต้องเข้าร่วมด้วยล่ะ? ช่างน่ารำคาญจริงๆเลยพับผ่าสิ ”
“การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือโรคระบาดค่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับฝ่าบาท, ‘ผู้ผูกขาดการผลิตยารักษาโรค’, ปฏิเสธที่จะไม่เข้าร่วมการประชุมนะคะ ”
“ที่แท้ ปัญหามันเกิดจากการที่คนเรามีชื่อเสียงเกินไปนี่เอง”
สักครู่ ลาพิส ลาซูรี่ ก็ลอบบ่นพึมพำเสียงต่ำออกมา
“…… ฝ่าบาท อย่างที่เราผู้นี้คาดไว้, เราผู้นี้ไม่น่าเข้าร่วมงานกับท่านเลย ”
“นี่เธอยังพูดอย่างงั้นอีกเหรอ?”
ผมโอดครวญออกมา
“เธอเป็นคู่หมั้นของข้าอย่างเปิดเผยแล้วนะ ถ้าไม่เข้าร่วมงานกับคู่หมั้นของข้า, แล้วผู้หญิงคนไหนกันที่ข้าควรจะพาไปงานรื่นเริงด้วยหา?”
ในงานพบปะกันครั้งนี้, ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังนั้น ได้มีการจัดช่วงเวลาสำหรับให้แขกได้สนุกสนานเพลิดเพลินกันก่อน ช่วงเวลาที่ว่าก็คืองานเลี้ยงสังสรรค์งานนี่นั่นเอง
ผมเลือก ลาพิส ลาซูรี่ เป็นคู่ร่วมงานของผมสำหรับงานในครั้งนี้ มันเป็นตัวเลือกที่แน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าสาวน้อยลาล่าของพวกเรา กำลังรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมากที่ต้องเข้าร่วมงานในครั้งนี้
“วัลเพอร์กิสไนท์ เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์สำหรับจอมปีศาจเท่านั้น เฉพาะปีศาจผู้มีฐานะสูงศักดิ์ถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานนี้ มันไม่ใช่สถานที่ที่พวกเลือดผสม, เช่นตัวเราผู้นี้, ควรจะปรากฏตัวนะคะ ”
“แม้กระนั้น, ก็ไม่มีกฎใดๆที่คู่ร่วมงานต้องเป็นจอมปีศาจเช่นกันนี่ มันไม่เป็นไรหรอกที่จะนำใครก็ได้ที่ข้าพอใจเข้าร่วมงานด้วย ”
“มันอาจจะไม่มีกฎแบบนั้น, แต่มันเป็นเรื่องของธรรมเนียม …… ”
“อ้าาาาา, ข้าไม่ได้ยินเธอเลย- ข้าไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย”
ลาพิส ลาซูรี่ได้ปิดปากของเธอลง
แม้ว่าเธอจะจ้องผมด้วยสายตาที่ไม่พอใจ, แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นะ
ในตอนนี้ดันทาเลี่ยนกำลังเป็นที่สนใจเหมือนกับตัวละครหลักในเรื่องรักโรแมนติก ผู้ชายที่ตาบอดเพราะความรัก นั่นคือภาพลักษณ์ของผมในสายตาของคนอื่น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตีตัวออกห่างจาก ลาพิส ลาซูรี่ และร่อนเร่ตัวคนเดียวในช่วงเวลานี้
อีกทั้ง, ผมก็เริ่มชอบภาพลักษณ์อันนี้เข้าแล้วล่ะ ไอ้โง่ผู้หมกมุ่นอยู่กับตัณหาของตนเอง จนสูญเสียหลักเหตุผลทั้งหมดของเขาไป มันก็เข้าท่าดีนะ? ไม่มีใครคอยหวาดระแวงคนโง่เช่นนี้หรอกเนอะ
คนฉลาดมีแต่จะสบประมาทคนเซ่อซ่าอย่างผม และพวกเขาจะไม่ทำอะไรต่อผมมากไปกว่านี้ ตามมาด้วยการเข้าใจผิดคิดว่าตัวการที่แท้จริงคือ ลาพิส ลาซูรี่ ความสงสัยทั้งหมดจะพุ่งเป้าไปที่ ลาพิส ลาซูรี่ ในขณะที่ตัวผมกำลังเสพสุขกับอิสระเสรีแทน ……
นี่ผม, บางที, อาจจะเป็นอัจฉริยะหรือเปล่าน้า?
มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
ต้องขอบคุณเจ้า ‘ความตายสีดำ’ ที่ช่วยให้ผมทำเงินได้จำนวนมหาศาล, และตอนนี้, สิ่งเดียวที่ผมต้องทำก็คือขังตัวเองภายในปราสาทของผม และใช้ชีวิตบั้นปลายที่เหลืออยู่แบบฮิกิโกะโมะริ อา, ประตูสู่สวรรค์อยู่เบื้องหน้าผมแล้ว
“…… ฝ่าบาทกำลังทำหน้าแบบเดียวกันกับตอนที่ฝ่าบาทกำลังคิดเรื่องวิตถารเลย”
เงียบเถอะน่า
หลังจากผ่านไป 20 นาที, ประตูหลักก็เริ่มที่จะไร้ผู้คน ตอนนั้นเองที่พวกเราลงจากรถม้า และเดินเข้าสู่ห้องบอลรูม ที่พวกเรารอจนถึงเวลานี้ เป็นเพราะว่าพวกเราไม่ต้องการรับมือกับคนอื่นที่จะเข้ามารังควานน่ะ
คนเฝ้าประตูพบเห็นการมาของพวกเรา, จึงได้ประกาศเสียงดังว่า
“จอมปีศาจดันทาเลี่ยน, ลำดับที่ 71, ได้มาถึงแล้ว!”
ทุกคนที่อยู่ด้านในต่างหันมามองทางนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยที่ไม่ได้ใส่ใจสายตาที่เพ่งมองของพวกเขา, ผมก็เดินของผมไปยังมุมห้องบอลรูมและเลือกพื้นที่ตรงนั้นสำหรับพวกเรา. เสียงกระซิบกระซาบของผู้คนรอบข้างดังออกมา ผมไม่สามารถได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดได้อย่างชัดเจน แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ในแง่ที่ดีแน่. คิดว่าพวกเขาคงรู้สึกตกตะลึงกับความจริงที่ว่า ผมได้มาถึงบอลรูมด้วยกันกับพวกจัณฑาลในฐานะคู่ควงร่วมงานน่ะ
ผมพึมพำออกมาว่า
“รู้สึกเหมือนข้ากลายเป็นคนดังไปแล้วแฮะ.”
“เราผู้นี้คิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องถึงขนาดเดินควงแขนกันหรอกนะคะ”
“มันไม่ดีเหรอที่พวกเราจะปรากฏตัวให้สมกับที่เป็นคนโง่น่ะ?”
ที่พูดเช่นนี้, เป็นเพราะว่าพวกเรากำลังยืนควงแขนแสดงความรักใคร่อันหวานซึ้งกันอยู่
ผมยิ้มออกมา
“อย่ารังเกียจกับอีแค่เรื่องควงแขนสิ ข้ายังวางแผนที่จะจูบริมฝีปากของเธอต่อด้วยนะ ”
“ลิ้นของฝ่าบาทดันทาเลี่ยนจะถูกตัดทิ้งหลังจากนั้นแน่ค่ะ”
“ข้าชื่นชอบวิธีที่เธอตอบแบบเย็นชาจัง”
“คะ, ฝ่าบาท”
“โอ้ ลาซูรี่, อย่าอยู่อย่างเห็นแก่ตัวสิ ตอนนี้พวกเรากำลังเป็นคู่รักที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อื้อฉาวสุดฮอตที่สุดในทวีปนี้นะ เหล่าประชาชนกำลังเรียกร้องการปรากฏตัวของพวกเรา เธอจะไม่สนองเรื่องนินทาให้แก่ประชาชนสักหน่อยหรือ? แสดงความเสียสละออกมาให้เห็นบ้างสักครั้งนึงน่า ”
“การที่คนซึ่งเห็นแก่ตัวมากที่สุดให้คำแนะนำแก่เราผู้นี้เช่นนั้น มันน่าตกใจอย่างเหลือเชื่อเลยค่ะ …… ”
“นี่ข้าอยากรู้อะไรบางอย่าง ดังนั้นข้าขอถามนะ เธอรู้หรือเปล่าว่าทำไมทุกครั้งที่เธอพูดอย่างเย็นชา ริมฝีปากของเธอถึงเป็นประกายน่าหลงใหลจัง? สมมุติว่า, นั่นเป็นเจตนาที่, คุณพยายามหว่านเสน่ห์ผมละก็ …… ”
ปึ้ด
ลาพิซ ลาซูรี่ ได้เหยียบนิ้วเท้าของผม
“เป็นคำตอบที่น่ารักจัง ข้าชักจะเริ่มชอบเธอมากขึ้นแล้วล่ะ ”
“บังเอิญจัง เราผู้นี้ก็ชักจะเริ่มรังเกียจฝ่าบาทมากขึ้นแล้วเช่นกันค่ะ”
“สักวันนึงพวกเราจะค้นพบความเห็นที่ตรงกันแน่นอน”
“โปรดจำเอาไว้ด้วยว่าความเห็นที่ตรงกันนั้น จะไม่มีเรื่องบนเตียงแน่นอนค่ะ”
“ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ”
ผมตัดสินใจที่จะอ่อนข้อให้ จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น่าสนุกไปกว่าการหยอกล้อผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดหรอกนะ
แฟรี่, ที่ถือถาดเต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ได้กระพือปีกบินตรงมาที่พวกเรา ผมค่อยๆหยิบแก้วไวน์ขาวขึ้นมา ลาพิซ ลาซูรี่และผม, พูดคุยกระหนุงกระหนิง (ผมยอมรับว่าผมใช้คำที่จะก่อให้เกิดการโต้เถียงกัน) ดื่มด่ำไปกับไวน์ของพวกเราและรอให้งานเริ่มต้นขึ้น
นอกเหนือจากพวกแฟรี่, ก็ไม่มีใครอื่นที่จะพยายามเข้ามาใกล้พวกเรา ผู้คนต่างเพียงมองพิจารณาพวกเราจากระยะไกลด้วยหางตาของพวกเขา มันรู้สึกเหมือนกับผมได้กลายเป็นฮิปโปในสวนสัตว์สำหรับไว้เข้าชมเลย
ถึงอย่างงั้น, ผมก็ใช้เวลาของผมอย่างสนุกสนานได้ มันน่าสนใจมากเลยทีเดียวที่ได้เห็นเหล่าจอมปีศาจมีลักษณะอย่างไรในชีวิตจริง เดิมที, ผมเคยเห็นพวกเขาในภาพประกอบของเกม เท่านั้น. อันดับที่ 9 ไพม่อน, อันดับที่ 8 บาร์บาทอส, อันดับที่ 5 มาร์บาส …… นี่เป็นระดับที่สูงที่สุดของจอมปีศาจในงานนี้เหรอ? พวกเขาเคยเป็นศัตรูอันเก่งกาจที่ทำให้พระเอกในเกมของผม Game Overs หลายต่อหลายครั้งเลย
“กระผมอยากจะกล่าวคำต้อนรับผู้ทรงอำนาจทุกท่าน ที่มารวมตัวกัน ณ วัลเพอร์กิสไนท์ ในวันนี้ได้ กระผมชื่อ อีวาน ล๊อทบรอค และกระผมมาจาก บริษัท กึนคัสก้า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง, ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมอันทรงเกียรติวันนี้ครับ ”
ชายแก่ท่าทางสุภาพบุรุษมากๆได้เดินไปยังกลางห้องของบอลรูม มีเสียงปรบมือเล็กน้อยดังมาจากเหล่าจอมปีศาจ มันรู้สึกราวกับว่ามีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ปรบมือ ส่วนจอมปีศาจที่เหลือเพียงแค่จ้องมองที่ชายชราอย่างสมเพช
ในทางกลับกัน, ผมได้ย่นคิ้วของผมและกล่าวว่า
“นั่นคือ อีวาน ล๊อทบรอค?”
“ใช่ค่ะ. ชายผู้นั้นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของปีศาจ, เจ้าของบริษัท กึนคัสก้า, และเป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์, อีวาน ล๊อทบรอค คนที่เราผู้นี้ได้ทรยศเพราะฝีมือของฝ่าบาทไงคะ ”
“อืม”
ผู้ชาย, งั้นเหรอ
อีวาน ล๊อทบรอค เป็นตัวละครที่ปรากฏขึ้นในเกมเช่นกัน เว้นแต่ว่า, อีวาน ล๊อทบรอค ที่ผมรู้จักแตกต่างไปจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในขณะนี้
ผมกำลังรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในห้องบอลรูมด้วยสายตาที่สอดรู้สอดเห็น
“ก่อนอื่น, กระผมอยากจะอธิบายวาระการประชุมในวันนี้ ประการแรก, ท่านอาร์ชดยุคแห่งนรกได้เสียชีวิตไปเมื่อเดือนก่อน เนื่องจากไม่ได้แต่งตั้งทายาทอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนั้นจึงต้องรีบทำการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งอาร์ชดยุคให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้, กระผมอยากจะรวบรวมความคิดเห็นของเหล่าจอมปีศาจในที่นี่และ …… ”
“เดี๋ยว. รอสักครู่, ตาแก่ ”
เสียงแหลมสูงของเด็กผู้หญิงได้ดังขึ้น
ทุกคนล้วนหันมามองแหล่งที่มาของเสียงดังกล่าว
มันไม่มีแสงสว่างมากในห้องบอลรูม, ดังนั้นห้องจึงค่อนข้างมืดสลัว มีแค่เทียนขนาดใหญ่พอๆกับศีรษะของคนลอยอยู่รอบๆ นั้นเป็นแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมดที่มี เทียนสีเหลืองเข้มได้ล่องลอยอย่างช้าๆผ่านอากาศ บางครั้งก็ส่องแสงไปที่คนนี้ และบางครั้งก็ส่องแสงไปที่คนนั้น อย่างไรก็ตาม, มันส่องเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่นานผู้คนเหล่านั้นที่แสงส่องถูก ก็กลืนหายไปในความมืด
“เป็นเพราะไอ้โรคระบาดระยำนั่น, สถานที่ดูแลจัดการเทเลพอร์ตทั้งหมดจึงใช้การไม่ได้ พวกข้ามาถึงที่นี่โดยการขี่ไม้กวาดมา และพวกข้าทั้งหมดอีกนั่นแหละ ได้ขี่ไม้กวาดมาเป็นเวลาหลายสิบชั่วโมง รู้หรือเปล่าว่านั่นหมายความว่าอะไร? ดังนั้น นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอันน่าเบื่อคร่ำครึหรอกนะยะ ”
แสงเทียนสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเด็กสาว
เด็กสาวที่มีผมสีขาวดั่งหิมะ
ดวงตาของเธอกำลังส่องประกายสีทองสว่างเจิดจ้า แต่ว่าเธอกำลังมองทุกคนอย่างดูถูกเหยียดหยามยกเว้นตัวของเธอเอง ไม่ว่าคุณจะมองเธอยังไง, เธอก็เหมือนเด็กอายุไม่เกิน 14 ปี แต่เธอเป็นจอมปีศาจเช่นเดียวกัน จอมปีศาจที่อยู่มานานกว่า 500 ปี, นั้นก็คือ—-จอมปีศาจอันดับที่ 8, บาร์บาทอส
ลักษณะของเธอสำหรับการอ้างอิง, ผมไม่แน่ใจว่าเธอพยายามที่จะทำตัวให้เหมาะกับผมสีขาวของเธอหรือเปล่า เพราะว่าหน้าอกของเธอแบนราบเหมือนที่ราบอันยิ่งใหญ่ของไซบีเรียเลย. ตัวเธอ, แน่นอนว่า, ดูเหมือนเด็กไม่มีผิด
“ฝ่าบาทบาร์บาทอส พวกเราเข้าใจท่าน แต่ว่าหัวข้อนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน …… ”
“ก็ได้, ตอนนี้โรคระบาดได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปเรียบร้อยแล้ว, มีผู้สืบทอดตำแหน่งที่เหมาะสม 7 คนในดินแดนของนรกที่กำลังเกิดสงครามกลางเมืองอยู่ และเนื่องจากเกิดสงครามกลางเมืองในอาณาจักรซาร์ดิเนีย บรรดาขุนนางก็เริ่มก่อกบฏกัน จะมีอะไรนอกเสียไปจากว่าพวกเรากำลังอยู่ในยุคเหี้ยๆห๊า? แม้ไม่คำนึงถึงเรื่องนี้, โลกก็เฮงซวยแบบนี้มาตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน, สองร้อยปีก่อน, และแม้กระทั่งห้าร้อยปีก่อนเช่นเดียวกัน ”
บาร์บาทอสยกแก้วของเธอขึ้นมาด้วยมือขวา
“สมมุติว่าการประชุมล่าช้าไป 3 ชั่วโมง ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก, เจ้าแวมไพร์เฒ่า มาดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่กล่าวพูดต่อเหอะ ให้พวกเรามีช่วงเวลาพักผ่อนบ้าง ”
“เออ …. ”
สุภาพบุรุษผู้สูงวัย, อีวาน ล๊อทบรอค, เปิดและปิดปากของเขาราวกับว่าเขากำลังมีปัญหา แม้ว่าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์จะเป็นขุนนางในหมู่ขุนนาง แต่พวกเขาก็ต่ำต้อยกว่าจอมปีศาจ มันยากที่จะมองข้ามข้อเสนอให้ดำเนินงานสังสรรค์ต่อ
เว้นเสียแต่ว่า เป็นจอมปีศาจที่มีลำดับใกล้เคียงกัน
“ยังคงโง่เขลาเหมือนเดิมเลยนะ, บาร์บาทอส.”
คราวนี้ เป็นเสียงของสาวใหญ่พูดออกมา
“เจ้าสามารถดื่มแอลกอฮอล์เมื่อไหร่ก็ได้ที่เจ้าต้องการ เจ้ามักจะพาตัวเองจมอยู่กับแอลกอฮอล์ตลอดทั้งปีทุกที ดังนั้นทำไมไม่ลองยั้งใจตนเองในคืนนี้ดูล่ะ? ถ้าคำว่า “อดทน” มีอยู่ในคำศัพท์ของเจ้า, อะนะ ”
แสงเทียนส่องลงบนตัวผู้หญิงคนนั้น
ตรงกันข้ามกับบาร์บาทอส, คือหญิงสาวที่มีผมสีแดงอันร้อนแรง ในทั่วโลกนี้ รู้สึกจะมีแค่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่สามารถกล่าวสบประมาทบาร์บาทอสได้
ลาพิส ลาซูรี่ได้กระซิบบอกผมด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า
“นั่นคือปีศาจลำดับที่ 9, ไพม่อน เธอเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับความเป็นปฏิปักษ์ของเธอที่หยั่งรากลึกต่อบาร์บาทอสค่ะ. ”
“ข้าก็พอรู้เช่นกันโดยไม่ต้องมีคำอธิบายหรอก เป็นเพราะการแจกจ่ายอย่างไม่ยุติธรรมน่ะ ถ้าข้าเป็นบาร์บาทอส ข้าก็คงเคียดแค้นไพม่อนเหมือนกันแหละ ”
“การแจกจ่าย?”
ผมลอบบอกใบ้ไปทางไพม่อนด้วยคางของผม ลาพิส ลาซูรี่, ด้วยสีหน้าสงสัย, ก็ได้มองตามสายตาของผมและพิจารณาตัวจอมปีศาจสาว
สายตาของเธอมองไปตรงหน้าอกของไพม่อน มันแตกต่างจากบาร์บาทอสตรงที่, ไพม่อนมีหน้าอกอันน่ายั่วยวนใจ เป็นหลักฐานว่า, ท้ายที่สุดแล้ว, ธรรมชาตินั้นไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ลาพิส ลาซูรี่ถอนหายใจ
“…… ฝ่าบาท กรุณาเข้าร่วมการประชุมอย่างจริงจังด้วยเถิดค่ะ ”
“เมื่อใดที่ข้าได้เห็นเนินเขาทั้งสองลูก, ข้ารู้สึกแปลกๆแฮะ มันเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับตอนที่เธอเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติและลุ่มหลงไปกับมัน ”
“กรุณาตระหนักด้วยว่าสีหน้าของฝ่าบาทในตอนนี้กำลังโคตร, ที่สุด, แห่งความหื่นกามอย่างน่าตกตะลึงเลยค่ะ”
“ลาล่า ข้าเป็นคนที่เกลียดการออกไปข้างนอกมากกว่าความตายเสียอีก และขณะนี้ข้ากำลังเผชิญกับความตายแบบเรียลไทม์ ถ้าข้าเบื่อหน่ายกับการหยอกล้อเธอ, งั้นจะมีวิธีไหนอีกที่ข้าสามารถนำมาใช้ต้านทานความอยากฆ่าตัวตายได้ล่ะ? ”
ลาพิส ลาซูรี่ นิ่งเงียบไป
สิ่งที่แทนที่, ก็คือแรงกดบนเท้าข้างขวาของผมซึ่งเพิ่มมากขึ้น
โดยที่ไม่สนใจความเจ็บปวดจากเท้าของผม, ผมฉีกยิ้มกว้างออกมา
“นี่เป็นการตอบแทนสำหรับการทรมานข้าเป็นประจำทุกวัน ลองเจอการทรมานจากข้าดูบ้างเหอะ ”
“…… นี่ฝ่าบาทเกลียดการตื่นเช้ามากขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ?”
“แต่ละคนต่างมีนาฬิกาชีวภาพเป็นของตนเอง ข้าเป็นคนที่โดยธรรมชาติแล้วไม่ควรตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเลย ”
“เราผู้นี้เดาว่าการนอนหลับโดยเฉลี่ย 16 ชั่วโมงทุกๆวัน ไม่ได้เกี่ยวกับนาฬิกาชีวภาพของฝ่าบาทหรอกค่ะ เราผู้นี้คิดว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ทางกายภาพ, แต่เป็นทางจิตใจของฝ่าบาทมากกว่า ”
“กล่าวสั้นๆก็คือ, เธอกำลังบอกว่า จิตใจของข้าผิดปกติจนถึงระดับเน่าไปถึงแกนกลางหยั่งกับน้ำเสียงั้นเหรอ?”
“ณ วันนี้, ในสถานที่แห่งนี้, เราผู้นี้เพิ่งได้ตระหนักเป็นครั้งแรกว่าฝ่าบาทมีทักษะในการสรุปได้อย่างน่าทึ่งจังค่ะ”
“ลาล่า ในหนึ่งวัน, ข้าต้องนอนให้ได้อย่างน้อย 15 ชั่วโมงนะ ”
“ไม่ว่าจะกล่าวอ้างมากแค่ไหน ข้าน้อยก็ให้ได้ไม่เกิน 7 ชั่วโมงค่ะ.”
“อะไรน้า? 7 ชั่วโมง? ”
เสียงของผมดังขึ้นด้วยตัวของมันเอง
“7 ชั่วโมง?! เธอล้อข้าเล่นใช่มั้ย? เธอน่าจะบอกให้ข้านอนลงและตื่นขึ้นมาทันทีเลยดีกว่า คนเราต้องนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 12 ชั่วโมงนะ เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไปเฟ้ย! ”
“เราผู้นี้นอนหลับไม่เกินไปกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่สมัยที่เราผู้นี้ยังเร่ร่อนอยู่ตามตรอกซอกซอยและเป็นเวลาอีก 30 ปีนับจากนั้นมาด้วยค่ะ ”
“โอ้ งั้นนี่คือช่วงเวลาที่ได้เปิดเผยในที่สุดว่า ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนไร้มนุษยธรรมและเลือดเย็นอำมหิต เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเจ้าอารมณ์อยู่ตลอดเวลาราวกับว่าเธออยู่ในช่วงเวลานั้นของเดือนทุกที ”
“ฝ่าบาท คนส่วนใหญ่ล้วนใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงในการนอนนะคะ ”
“และคนส่วนใหญ่นั้นคิดผิด! นี่เธอไม่ได้ฟังสิ่งที่บาร์บาทอสได้กล่าวเลยเหรอ? เธอได้ยืนยันว่า,ไม่ว่าปัจจุบันหรือในอดีต, โลกก็ห่วยแตกอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ? ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ เป็นข้อสรุปเชิงตรรกะอย่างสมบูรณ์แบบ ”
“นั่นคือตรรกะที่แม้แต่อริสโตเติลยังต้องร้องไห้เลยค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ ลาพิส ลาซูรี่และผมล้มเหลวในการบรรลุความเห็นที่ตรงกัน
15 ชั่วโมงและ 7 ชั่วโมง, ช่องว่างระหว่างทั้งสองมีขนาดใหญ่เกินไป ถ้าถกเรื่องนี้ต่อสงครามอาจจะปะทุขึ้น โศกนาฏกรรมอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
มันไม่ใช่แค่เราสองคนเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอันเลวร้าย ในห้องบอลรูมแห่งนี้, ไพม่อนและบาร์บาทอสได้ผ่านช่วงอุ่นเครื่องและเริ่มทำสงครามจิตวิทยากันอยู่
บาร์บาทอส ได้กล่าวถากถางออกมาว่า
“ไพม่อน นังหญิงแพศยาอันสง่างามของพวกเรา! ข้าได้ข่าวมาว่า ในที่สุดแกก็ได้สมสู่กับเซนทอร์เมื่อวานนี้ สะโพกของแกควรจะปวดเคล็ดมาก แต่ข้าเห็นแกยังสามารถถ่อสังขารมาที่นี่ได้อย่างสบาย หรือว่าบางที, เป็นเพราะปากล่างของแกหลวมมากๆอยู่แล้ว แกจึงรับมือกับพวกเซนทอร์ได้อย่างง่ายดายสินะ? ฮึ-? ”
“ผู้คนอาจคิดว่าหล่อนไม่มีการศึกษาก็ได้นะ เพราะคำพูดของหล่อนหยาบโลนอย่างแรง หล่อนควรเริ่มเรียนรู้กิริยาความสุภาพบางอย่างบ้างนะบาร์บาทอส หล่อนได้ทำตัวน่าหงุดหงิดเหมือนเด็กมาตลอดระยะเวลา 500 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วล่ะที่หล่อนควรเริ่มทำตัวเหมือนผู้ใหญ่สักที”
ไพม่อนเหยียดมุมปากของเธอขึ้น จากนั้นเธอก็ป้องปากของเธอด้วยพัดขนนก เธอตั้งใจแสดงรอยยิ้มอันเหยียดหยามของเธอก่อนที่จะซ่อนมันไว้
“ด้วยร่างกายแบบนั้น, หล่อนคงไม่เคยสนิทสนมกับผู้ชายแน่ๆ เนื่องจากหล่อนไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครอย่างจริงจังตลอดชั่วชีวิตของหล่อน มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเป็นเด็กน้อยไปตลอดกาลนั่นแหละ อุ๊ยตาย, ข้าขอโทษด้วย มันผิดที่จะล้อเลียนคนอื่นเพราะร่างกายของพวกเขา….. … ข้าคนนี้ดันกล่าวหยาบคายไปซะได้ ”