Dungeon Defence - ตอนที่ 25
นักปรัชญาอาจจะเอ่ยถามประเด็นที่ดี
แต่นักการเมืองเป็นผู้ให้คำตอบที่ดีต่างหาก
ข้าคือคำตอบต่อทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ
บทนำ
จงเอาชนะอดีตที่ผ่านมาของตนเองซะ
คนทั่วไปคงจะพูดกันว่านี่เป็นสิ่งที่ง่ายดาย
ถ้าผมจะให้คำแนะนำสักหน่อยต่อผู้คนที่มองโลกในแง่ดีเหล่านี้ งั้นมันคงจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ผ่านมามากมายในโลกที่คุณไม่สามารถเอาชนะมันได้หรอก
ถ้าแม่ของคุณเองเป็นเศษเดนมนุษย์ล่ะ?
นั่นไม่เป็นไร คุณคงจะสามารถจัดการกับมันได้
หรือถ้าพ่อของคุณเองเป็นผู้ชายที่ละม้ายคล้ายเศษสวะล่ะ?
คุณก็คงจะอดทนต่อเรื่องนั้นได้เช่นกันเนอะ
แต่, ถ้าคุณต้องทนดูน้องต่างมารดาคุณตัวสั่นกลัวเพราะแม่ของคุณเองได้ตบตีพวกเขา เพียงเพราะเหตุผลที่พวกเขามาจากผู้หญิงคนอื่น และพ่อของคุณเองกลับมองเฉยๆจากด้านข้างโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว ถ้างั้นแล้วณ จุดนั้น, คุณคงได้แต่ยอมรับความจริงอย่างสงบเสงี่ยม
ว่าชีวิตของคุณถูกถีบเข้าไปในกองขี้หมาแล้วแหละ
ผมได้คาดเอาอย่างคร่าวๆว่าชีวิตของผมได้มาถึงจุดนี้เมื่อผมอายุได้ 10 ขวบ
บรรดาน้องต่างมารดาได้กำลังโอบกอดซึ่งกันและกันและร้องไห้ออกมา เป็นที่ชัดเจนว่าสาเหตุก็คือ แม่ของผมได้สบถด่าพวกเขาด้วยการตะโกนว่า “แกมันไอ้เด็กโสโครกของนังกระหรี่!” แน่นอนว่าในเวลานั้นผมไม่รู้หรอกว่าคำ “กระหรี่” หมายถึงอะไรน่ะ ในวันที่ผมค้นพบว่าการคงอยู่ของกระเจี๊ยวนั้นสามารถนำมาใช้เพื่อการอื่นนอกเหนือจากฉี่คือตอนที่ผมอายุได้ 11 ขวบ ซึ่งหมายความว่า ผมต้องรอถึง 1 ปีก่อนที่ผมจะเข้าสู่โลกแห่งความลามก
นี่ผมซีเรียสนะเออ
ผมเองก็มีช่วงเวลาครั้นตอนที่ผมยังคงบริสุทธิ์ไร้เดียงสาน้า
กลับไปที่เรื่องราวกันต่อ
ไม่มีทางที่เด็กอายุ 6 หรือ 5 ขวบสามารถตีความหมายของคำว่า ‘กระหรี่’ ออกหรอกนะ แม้เด็ก 10 ขวบก็ไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกันแน่ เว้นแต่ มันเป็นที่ชัดเจนว่าคำพูดนั้นกล่าวด้วยเจตนาไม่แตกต่างไปจากคำด่าสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง ผมรู้ได้อย่างไรงั้นเหรอ? นั่นเป็นเพราะเมื่อตอนที่แม่ของผมเรียกพวกเขาว่ากระหรี่ยังไงล่ะ
“อุ๊ยตาย ที่แท้หนูทั้งสองคนเป็นลูกของหญิงโสเภณีนี่เอง ”
เธอไม่ได้พูดอย่างน่าฟังแบบนี้หรอกนะ แต่เป็นแบบนี้ต่างหาก
“ไอ้พวกลูกกระหรี่พันธุ์ทาง มึงกล้าดียังไงถึงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและ—! ”
เธอได้ระเบิดความโกรธแค้นของเธอออกมาอย่างหยาบคายแทน
แม้กระทั่งเด็กก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้รับการต้อนรับชัวร์
ไม่ว่าคุณจะสามารถเข้าใจคำพูดหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้ได้ว่าเมื่อใดที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าคุณกำลังพยายามฆ่าคุณหรือช่วยคุณกันแน่ มันจะสังเกตเห็นได้เป็นพิเศษเมื่อตอนที่ผู้ใหญ่คนนั้นได้ตบหน้าของคุณอย่างรุนแรงในช่วงตอนที่พูดว่า “ลูกกระหรี่”
ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาที่บรรดาน้องต่างมารดาของผมเริ่มสั่นเทาไหล่ของพวกเขา
ในช่วงเวลาที่บรรดาน้องต่างมารดาของผม ผู้ซึ่งเพิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ได้ระงับการร้องไห้ของพวกเขาเพราะกลัวอย่างจริงจังว่าพวกเขากำลังจะถูกฆ่าทิ้งแล้ว
ผมมีความรู้สึกว่าถ้าผมไม่รีบแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายนี้ล่ะก็ งั้นชีวิตของผมเองด้วยเช่นกันที่จะเลวร้ายตามไปด้วยน่ะ
“พ่อ ทิ้งแม่ของผมเถอะ ”
“ว่าไงนะ?”
“อย่ามาถามกลับอย่างไม่จำเป็นสิ พ่อก็ได้ยินทุกอย่างแล้วนี่ หย่าร้างกับแม่ของผมเหอะ”
พ่อของผมได้กระพริบตาปริบๆ
แม้แต่การกระพริบตาของเขาก็รู้สึกเหมือนเป็นข้อแก้ตัวอันทำให้ความรำคาญของผมที่มีต่อเขาทวีคูณมากยิ่งขึ้น
“……เอ็งกำลังพูดเรื่องอะไรกัน?”
“ที่แท้พ่อจะใช้วิธีกลับคำพูดตลอดยังงั้นเหรอ? ไม่เป็นไร ผมจะใช้โอกาสนี้เพื่อพูดให้เข้าใจอย่างชัดเจน ณ ตอนนี้เลยว่า แม่ของผมนั้นวิกลจริต น้องสาวของผมแค่ทำถ้วยเซรามิคแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พ่อรู้มั้ยว่าแม่นั้นทำยังไง? ”
ผมได้ตบหน้าของผมเองอย่างหนักหน่วง
เพราะผมคิดว่าผมควรจะสาธิตให้เขาเห็นกันจะๆไปเลย
“หล่อนตบพวกเขา หนักพอที่จะทำให้น้องของผมล้มลงกับพื้นเลย ถึงตอนนี้พ่ออาจจะยังสามารถทำเป็นเมินเฉยต่อหล่อนประหนึ่งว่าหล่อนเป็นคนไข้โรคประสาทธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่หล่อนทำต่อจากนั้นคือปัญหาที่แท้จริง แม่ของผมได้เดินไปหยิบมีดทำครัวและยื่นมันไปใกล้ใบหน้าน้องของผม”
“……”
“พ่อเข้าใจมั้ย? มีดทำครัว หล่อนได้โชว์มีดใส่หน้าน้องสาวอายุ 5 ขวบของผม แม่ของผมไม่ใช่คนไข้โรคประสาทหรอก เพราะหล่อนเป็นยิ่งไปกว่าคนวิกลจริตแล้วแหละ หย่าขาดจากแม่ของผมโดยทันทีและเตะเธอออกไปจากบ้านของเราซะ”
“เจ้าลูกชายเอ๋ย เธอยังคงเป็นแม่ของเอ็งอยู่นะ”
“ผมรู้ดี”
ผมพูดออกมาอย่างเย็นชา
“นั่นคือสาเหตุที่ผมยิ่งเร่งเร้าให้พ่อหย่าร้างหล่อนมากขึ้นไปอีก ขอร้องล่ะก่อนที่ผมจะดูแคลนพ่อผู้ซึ่งยืนยันที่จะรักผู้หญิงคนนั้นและทำให้หล่อนเป็นภรรยาของเขาให้จงได้ ”
“……”
“พ่อ, พ่อได้อ่านแนวคิดของรุสโซ (Rousseau) ให้ผมฟังเมื่อวานนี้ว่า ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และสัตว์คือพวกเขานั้นมีเจตจำนง พ่ออ่านข้อความนี้ให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และวันนี้ผมก็ได้ค้นพบสัตว์ร้ายภายใต้ใบหน้าแม่ของผมแล้ว ”
“เป็นที่แน่นอนว่า มันได้ผลดีเลยทีเดียวที่ได้หาครูมาสอนหลักวาทศิลป์ให้เอ็งน่ะ เห็นได้ชัดว่าเอ็งมีคารมคมคายมากกว่าตอนที่พ่ออยู่ในช่วงอายุเดียวกันกับเอ็งซะอีก ”
“ผมคิดได้มาตั้งนานแล้วว่าผมเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ตอนที่ผมอายุ 6 ขวบน้า พ่อคงจะไม่ทำให้ผมคิดได้อีกครั้งโดยการชมผมในตอนนี้หรอกใช่มะ ”
“นี่เอ็งได้ยินว่ามันเป็นคำชมงั้นเหรอ? พ่อกำลังเหน็บแนมเอ็งอยู่ต่างหากล่ะ ”
“เฮอะ พ่อเป็นคนที่ต้องเข้าฟังชั้นเรียนวาทศิลป์ต่างหากล่ะ พ่อไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการเหน็บแหนมอย่างเหมาะสมต่อลูกชายของตนเองและพ่อคิดว่าพ่อจะสามารถควบคุมภรรยาของพ่อเองได้เหรอ? ได้โปรดอย่างน้อยก็ดูแลตัวของพ่อเองให้ดีขึ้นหน่อยเถอะนะ ”
“พ่อจะขอพูดอีกครั้งนึงนะว่า เธอคือแม่ของเอ็งนะ”
เสียงของพ่อของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“เป็นเวลากว่า 10 เดือน ที่เธอประสบกับความเจ็บปวดนานาชนิดต่อการอุ้มตัวเอ็งไว้ข้างในท้องก่อนที่จะคลอดเอ็งออกมา คนแรกเลยที่ยิ้มเมื่อเอ็งได้ออกมาดูโลกนี้ก็คือแม่ของเอ็ง คนแรกที่ร้องไห้ให้เอ็งเมื่อเอ็งได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรกก็คือแม่ของเอ็งอีกด้วย เจ้าลูกชาย จงรู้สถานะของเอ็งให้ดี กล้าดียังไงถึงได้กล่าวคำพูดที่เลวทรามเช่นขับไล่แม่ของตัวเองฮะ ”
ผมหัวเราะคิกคักออกมาและกล่าวว่า
“ช่างไร้ยางอายสิ้นดี”
“ว่าไงนะ?”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาของผมหรอกนะ นี่เป็นปัญหาของพ่อต่างหากล่ะ เนื่องจากแม่เพียงคนเดียว 6 คนจากลูกทั้งหมดของพ่อจึงกำลังถูกทารุณกรรม มันเป็นคณิตศาสตร์แบบง่ายๆ, จะช่วย 1 คน หรือว่าช่วยคนอื่นจำนวน 6 คนแทนล่ะ ทิ้งคำพูดที่น่ารำคาญเช่นผิดศีลธรรมทิ้งไปเหอะ เพราะมันไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไร้ศีลธรรมเท่าพ่ออีกแล้วล่ะ ไม่มีเลย”
“……”
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมขอร้องอะไรจากพ่อเกี่ยวกับเรื่องพรรณนี้นะ พ่อ, ได้โปรดเถอะ ช่วยให้คำตอบแก่ผมอย่างจริงจังหน่อยว่า พ่อจะหย่าร้างจากแม่ของผมหรือเปล่า? ”
พ่อของผมนิ่งเงียบไป
เขานิ่งเงียบอยู่อย่างงั้นเป็นเวลากว่า 40 นาที
สาเหตุที่ผมจำเวลาได้อย่างแม่นยำนั้นเป็นเพราะว่าผมได้จ้องมองที่นาฬิกาข้อมือที่พ่อของผมใส่ไว้ มันเป็นช่วงเวลา 11:00 ซึ่งกำลังจะถึงเวลา 12:00 ในช่วงบ่าย
“พ่อทำไม่ได้”
ไอ้ห่า 12 นาฬิกาช่วงบ่าย
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ผมก็เกลียดช่วงเวลานี้อย่างถาวร นิสัยของผมซึ่งปฏิเสธที่จะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ถือกำเนิดมาจากเหตุนี่ด้วยเช่นเดียวกัน ผมจะขอพูดย้ำอีกครั้งนึงเลยนะ ผมเกลียดช่วงเวลาตอนเช้าและเที่ยงวันอย่างที่สุด
“…… ทำไมถึงทำไม่ได้?”
“เพราะพ่อรักแม่ของเอ็งยังไงล่ะ”
“เป็นคำตอบที่น่าผิดหวังอย่างมหาศาลจริงๆ งั้นนั่นหมายความว่าพ่อไม่รักลูกๆของพ่อเลยเหรอฮะพ่อ? พ่อไม่สนใจว่าภรรยาของพ่อจะฆ่าลูกๆของพ่อเลยงั้นหรือ? ”
“ใช่”
และด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่สามารถลืมช่วงเวลานี้ได้
ดุจดั่งประติมากรได้ใช้ค้อนและสิ่วแกะสลักรอยแผลเป็นไว้บนสมองของผม
ความชอกช้ำทางจิตใจอย่างหนึ่งได้ฝังลึกลงในใจ
“พ่อรักแม่ของเอ็งมากขนาดนั้นแหละ”
“……”
“พ่อขอโทษด้วย เจ้าลูกชาย”
“…… เมื่อตะกี้ พ่อ”
ผมได้หยุดชะงักกลืนน้ำลาย
มันอาจจะไม่ใช่แค่น้ำลายเพียงอย่างเดียวที่ผมได้กลืนลงไปด้วยกระมั้ง
“พ่อ คุณเพิ่งจะสูญเสียความเชื่อใจทั้งหมดของผมไปนะ”
“พ่อรู้”
“พ่อ คุณเพิ่งจะทำลายชีวิตทั้งชีวิตของผมไปนะ”
“พ่อก็รู้เรื่องนั้นเช่นกัน”
พ่อของผมได้พยักหน้ารับรู้
“ไม่ว่าเอ็งจะเลือกเส้นทางแบบไหน เอ็งก็จะใช้ชีวิตที่บัดซบกว่าพ่อแน่นอน”
ไอ้พ่อระยำนี่
ผมเกลียดชิงชังพ่อจริงๆให้ตายเถอะ
“…… ผมขอถามเรื่องสุดท้ายนะ สมมุติว่านี่เป็นคำถามธรรมดาทั่วไป …… เป็นที่แน่นอนว่าพ่อจะเสียสละคน 1 คนเพื่อคน 6 คน เพราะนั่นคือนิสัยของคุณ, เนอะพ่อ แต่เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่าความรัก นี่พ่อกำลังบอกผมว่าพ่อตัดสินใจที่จะเลือกคน 1 คนแทนที่จะเป็นคน 6 คนสินะ?
“ถูกต้องแล้ว”
“ถ้าความรักนั้นของพ่อ มีแต่จะทำให้พ่ออ่อนแอลงแล้วล่ะก็ งั้นความรักนั้นจะมีประโยขน์อะไรล่ะ?”
พ่อของผมไม่ตอบ
มันเป็นเพราะเขาไม่สามารถตอบได้น่ะ
ผมกัดริมฝีปากของผมและสบถด่าออกมาว่า
“ผมรู้สึกอับอายเหลือเกินที่ต้องมองดูพ่อที่อ่อนแอของผม พ่อเข้าใจมั้ย? ผมรู้สึกอับอายแทบตายแหนะ เพราะสุดท้ายพ่อไม่สามารถเลือกอะไรได้เลย พ่อ, จริงๆแล้วพ่อเป็นพวกที่, เป็นพวกที่รวนเรฉิบหายเลยพับผ่าสิ ”
ในตอนนั้น ‘ฉิบหาย’ เป็นคำด่าระดับสูงสุดเท่าที่ผมรู้
ผมยังไม่รู้วิธีใช้คำด่าที่ร้ายกาจกว่านั้นน่ะ
ก็ผมเคยพูดไปแล้วนี่?
แม้แต่ผมก็มีช่วงเวลาครั้นที่ผมยังคงบริสุทธิ์ไร้เดียงสาน้า
“เจ้าลูกชาย”
“ไม่ต้องขอโทษ ผมไม่ได้อารมณ์เสียต่อพ่อเพื่อที่จะได้รับการขอโทษหรอกนะ จะมีอะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้หากพ่อขอโทษออกมาน่ะ แค่รับรู้เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ก็พอ”
ผมได้สาบาน
คำสาบานอันเย็นชา
คำสาบานอย่างชัดเจนว่า
“ผมจะไม่กลายมาเป็นพวกอ่อนแอเช่นพ่อเด็ดขาด”
“……”
“ไม่มีทาง”
และ
และ……
จอมปีศาจที่อ่อนแอที่สุด, อันดับที่ 71st, ดันทาเลี่ยน
ปฏิทินจักรวรรดิ : ปี 1505, เดือน 9, วันที่ 20
นิฟเฮม, ณ ลานกว้างเฮอร์เมส
เพี้ย!
ความจริงแล้ว มันเป็นเสียงที่ออกจะดังสดใสอ่ะนะ
เสียงระหว่างผิวหนังกับผิวหนังปะทะกันได้ดังก้องกังวานออกมาอย่างดัง
ผู้คนทั้งหลายคงจะตื่นตระหนกจากคลื่นเสียงอันทรงพลังอย่างฉับพลันล่ะมั้งเพราะพวกเขามีปากที่กำลังอ้าค้างกันอยู่น่ะ ปีศาจประมาณ 200 กว่าตนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆกำลังจ้องมองมาทางนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ คำว่า ‘ทางนี้’ แน่นอนว่าพาดพิงถึงคนสองคน
ก็คือผม
และลาพิส ลาซูรี่
“เราผู้นี้ผิดหวังมาก”
“……”
“คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทเป็นเพียงแค่บุคคลระดับนี้เองเท่านั้น”
ด้วยใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์อย่างสิ้นเชิง
แต่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าสิ่งอื่นใด เธอได้พูดออกมาว่า
“เพราะว่าเป็นฝ่าบาท เราผู้นี้จึงคิดว่าฝ่าบาทน่าจะแตกต่างจากจอมปีศาจอื่นๆ เราผู้นี้ได้หวังว่าฝ่าบาทจะแสดงบางอย่างที่แตกต่างออกไปเมื่อเทียบกับคนอื่นๆที่มัวแต่หลงมัวเมากับอำนาจ แต่ทั้งหมดที่เราผู้นี้สามารถมองเห็นต่อหน้าเธอก็คือหมูอ้วนน่ารังเกียจโสโครกอย่างเหลือเชื่อตัวนึง ”
ผมค่อยๆสัมผัสแก้มของผม
มันเจ็บมากเลย
ผิวของผมทั้งแดงและบวมเป่ง
นี่มันไม่น่าทึ่งหรือไง?
“……ลาพิส ลาซูรี่ ในขณะที่เธอเป็นทั้งคนรักและคู่หมั้นของข้า ตัวเธอนั้นในเวลาเดียวกันก็ยังเป็นข้ารับใช้ของข้าด้วยนะ ตอนเที่ยงวัน ระหว่างที่อยู่ในใจกลางลานกว้าง ต่อหน้าพลเมืองหลายร้อยคน เธอได้เงื้อมือของเธอขึ้นตบใส่เจ้านายของเธอ เธอรู้ไหมว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่จงรักภักดีมากขนาดไหนกัน ใช่มะ? ”
“ใช่ เราผู้นี้รู้ ”
“ดีแล้ว”
ผมพยักหน้า
ไม่ว่าจะเป็นจัณฑาลหรือพวกพันธุ์ทาง การที่คนเช่นนี้กล้าทำร้ายจอมปีศาจ เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็เพียงพอที่จะบรรลุถึงข่าวเด่นแห่งปีเลยเชียวแหละ แม้แต่บรรดาผู้คนในลานกว้างก็กำลังมองมาทางนี้ด้วยสายตาที่ตกตะลึง
แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นี้นะ ให้ผมทำมันให้น่าสนุกสนานมากขึ้นดีกว่า
ผมได้รับสั่งออกมาว่า
“ข้า, ดันทาเลี่ยน, ดัวยคำสั่งนี้จึงขอปลดเธอออกจากต่ำแหน่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
“……”
“อย่าปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกล่ะ”
ในวันนั้น ข่าวที่น่าตื่นตะลึงได้ลือไปทั่วทั้งเมือง
คู่รักที่กลายมาเป็นคู่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกของปีศาจโดยได้เอาชนะสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน ได้แตกระแหงจากกันภายในเวลาเพียง 2 เดือน
ถ้านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมแล้ว งั้นผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไรไปได้อีกอ่ะนะ