Dungeon Defence - ตอนที่ 47
♦
ฟาร์นาเซ่ เปลี่ยนสุนัขที่ตายแล้วพวกนั้นให้กลายเป็นเนื้อแห้ง จากที่นี่ไปยังตำเเหน่งรวมพลกับจอมมารตนอื่นๆที่วางเเผนไว้ใช้เวลาเดินทาง 1 สัปดาห์ เป็นเวลา 1 สัปดาห์เเล้วที่ฟาร์นาเซ่กินเนื้อสุนัขเเละส่งสายตาไม่พึงประสงส่งไปยังพวกทหาร
ในวันหนึ่ง มีแม่น้ำที่ไม่ได้กลายเป็นน้ำแข็งอยู่ จึงตั้งค่ายพักแรมที่เรือข้ามฟากตรงนั้นเพื่อพักผ่อนเเละตรงนั้นเองก็เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเล็กๆอยู่ติดกับบริการเรือข้ามฟากเช่นกัน ผมได้ออกคำสั่งเเก่ทหารห้ามมิให้เข้าปล้นสะดมหมู่บ้านนั้นเด็ดขาด
ประมาณบ่ายโมงวันนั้นเอง ทหารสามนายได้ถูกจับ พวกเขาเป็นอาชญากรที่แอบเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อปล้นสะดมและข่มขืนผู้หญิง ตอนที่ผมได้ยินรายงานนี้เป็นตอนที่กำลังดื่มชาที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นอยู่ในห้องด้านหลัง โดยมี ฟาร์นาเซ่ และ ลาพิส ทั้งสองนั่งอยู่ข้างๆผม ผมลดถ้วยน้ำชาลง เหลือบไปมอง ฟาร์นาเซ่
“ตอนนี้เธอเป็นแม่ทัพเเล้ว ตัดสินใจลงโทษเองซะ”
“เราต้องการจะประหารพวกมัน”
“ประหารชีวิต….หือ”
หลังจากเหลือบมองลาพิส เล็กน้อย เเล้วผมก็ค่อยหันกลับไปหา ฟาร์นาเซ่
“การประหารชีวิตมันไม่มากเกินไปหรือ”
“หญิงสาวคนนี้ปรารถนาที่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง พวกมันไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของพวกเราเอง นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นผู้กระทำผิดเป็นรายแรกอีก การลงโทษครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานตัดสินกฏเกณการลงทัณฑ์ในกองทัพนับจากนี้ไป ”
ลาพิสเริ่มบทสนทนาและถามอย่างเงียบๆ
”เธอจะประหารด้วยวิธีการไหน”
“ในการที่จะสร้างกฎระเบียบที่เที่ยงธรรมในกองทัพ หญิงสาวคนนี้จะเป็นคนตัดหัวพวกมันเเละ
จะนำหัวของพวกมันที่โดนตัดออกนำมาเสียบประจาน ”
ลาพิสได้ถามอีกครั้ง
“ทำยังไง?”
“……”
“เราถามว่าเธอคิดจะทำยังไงอีก ฟานาเซ่”
“หมายความว่ายังไงถึงถามว่า ทำยังไงอีก? มันยังไม่จบอีกหรือเมื่อหัวของพวกมันถูกประจานเเล้ว?”
“น่าสมเพซจัง”
ไหล่ของ ฟานาเซ่กระตุกเพราะคำตักเตือนของ ลาพิส หลังจากวันที่ ลาพิส สาบานว่าเธอจะกลายเป็นแม่ เธอมักจะดุด่าและตำหนิ ฟานาเซ่ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ลาพิสจงใจประพฤติโหดร้ายเหมือนบิดาผู้ให้กำเนิดฟาร์เนเซ่ซึ่งเคยเหยียบย่ำในวัยเด็กของเธอ ฟาร์นาเซ่ มีปัญหาในการจัดการกับ ลาพิส ที่ทำตัวแบบนี้
“ผู้คนก็เหมือนวัชพืช พวกเขาจะลุกขึ้นยืนไม่ว่าจะถูกเหยียบย่ำอีกกี่ครั้ง ในบรรดาวัชพืชเหล่านั้น พวกทหารรับจ้างนั้นดื้อด้านที่สุด ทหารจะไม่ลดทิฐิของตัวเองลงเพียงเพราะหัวของของผู้กระทำผิดสามคนถูกตัดออก นั่นเพราะว่าเธอไม่ได้ปลูกฝังความหวาดกลัวไว้ล่วงหน้าเสียก่อน”
“แล้วสาวน้อยคนนี้ควรทำยังไ……”
“ลองคิดดูเอาเองสิ อวัยวะที่ติดอยู่กับไหล่ของเธอไม่ใช่หัวแต่เป็นถังดีบุกหรือไงกัน? ทำไมคิดเองไม่ได้
ถึงมาร้องหาความช่วยเหลือ”
“……”
“ถ้าเธอเป็นแม่ทัพจริงๆ ก็ไม่ต้องวางใจในตัวเราหรือฝ่าบาทอีก ก่อนหน้านี้ เธอพึ่งขอคำใบ้จากฝ่าบาทเพื่อซื้อความกลัวของทหาร และตอนนี้เธอกำลังพยายามซื้อความกลัวของทหารอีกครั้งด้วยการเชื่อใจในตัวเราอีก วันหนึ่งเธอจะต้องชดใช้หนี้ที่ได้ยืมมาจากฝ่าบาทเเละตัวเรา และชื่อของราคาที่ต้องจ่ายนั้น นั้นคือความสามารถของเธอที่ลดน้อยด้อยลงไป หากมีการนับจำนวนครั้งที่เธอได้ขอยืมมือจากคนผู้อื่นจากตรงนั้นตรงนี้ จำนวนความช่วยเหลือที่เธอยืมจะไปด้อยความสามารถที่เธอขาดไปอย่างแน่นอน ฟาร์นาเซ่ เราไม่ปรารถนาให้ความโชคร้ายของหนี้ที่เธอสะสมไว้เพราะเธอเป็นพวกไร้ความสามมารถ ได้รับการชดใช้โดยฝ่าบาทเป็นคนจ่ายให้เเทนหรอกนะ” (เเง้น้องโดนดุ)
ฟาร์นาเซ่ เงียบลงไป
ผมไม่ได้เข้าข้างใครระหว่างสองคนนี้ ถ้าผมเข้าไปยุ่งตอนนี้ละก็ ลาพิสคงจะละอายใจ และฟาร์เนสก็จะรู้สึกอับอาย เพื่อให้ข้าราชบริพารทั้งสองของผมได้แลกเปลี่ยนสนทนากัน และเพื่อประโยชน์นั้นเอง ผมจึงนิ่งเงียบเข้าไว้
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ฟาร์นาเซ่ ก็พึมพำ
“หญิงสาวคนนี้จะจับดาบและฟันอาชญากรเพื่อ……”
เพี๊ยะ
ฟาร์นาเซ่ ถูกตบลง
แก้มที่ถูกตีกลายเป็นสีแดง
ลาพิสพูดขึ้น
“ลองตอบอีกทีสิ”
“……ระ เราไม่รู้. พี่ลาซูลี หญิงสาวคนนี้ไม่มีความคิดที่โลดเเล่นในหัวเลย”
ลาพิสตบแก้มอีกฝ่ายด้วยเเรงที่มากกว่าเดิม ฟาร์เนเซ่ก้มหน้าลง เธอกลายเป็นคนอนาถเหมือนห่ออลูมิเนียมย่น
“ถ้าเธอไม่รู้ตั้งแต่แรก ก็อย่าไปตอบสิ เธอตอบกลับมาและหวังว่ามันจะเป็นคำตอบที่ใช่โดยบังเอิญ ถ้าจะสารภาพตั้งแต่แรกว่าไม่รู้ ก็คงไม่โดนแบบนี้หรอก และถ้าเธอคงท่าทีพยายามหาคำตอบให้ถึงที่สุด โอกาสที่เธอจะถูกตี ก็คงจะไม่เกิดขึ้นหรอก ความไม่ซื่อสัตย์ของเธอแสดงออกมาถึงความภูมิใจที่หลงผิดในตนเอง และการขาดความพยายามแสดงถึงความไร้ความสามารถ ต้องเป็นคนหน้าด้านแบบไหนกันที่ทั้งกระจอกและไร้ความสามารถเสนอหน้ามานั่งตรงนี้ได้อย่างสบายใจ? ออกไปจากห้องนี้ซะ”
ฟาร์นาเซ่ ถูกไล่ออกจากห้อง
ในห้องที่มีแต่ลาพิสและผมที่ยังคงอยู่ มันก็เงียบลงทันตาไป
“……”
“……”
ผมเทชาลงไป เเละสังเกตเห็นไอน้ำสีขาวขุ่นที่ลอยขึ้นมาจากถ้วยชา
แม้ว่าก้นถ้วยจะมีใบชากองทับกันมากขึ้น แต่ชาก็ยังคงใสและไม่ขุ่น ชาที่มีสีอ่อน ๆ จะใสกว่าน้ำเปล่าที่ไม่มีสี ความโปร่งใสนั้นชัดเจนเเละบางสิ่งนั้นก็เริ่มต้นโดยไม่มีสีเช่นกัน แต่สำหรับบางสิ่งที่มีสีและโปร่งใสพอที่จะเห็นก้นบึ้งของมันได้นั้นจะต้องทั้งสะอาดและศักดิ์สิทธิ์ พวกเราต้องการจะสอนความรู้นี้ให้แก่ฟาร์นาเซ่ ดังเช่นชานี้ ลาพิสกับผมไม่คิดว่าจะเปลี่ยนฟาร์นาเซ่ให้กลายเป็นน้ำเปล่าหรือปล่อยทิ้งไว้ให้กลายเป็นเพียงใบชาเราได้ให้การศึกษานี้กับเธอ เราคำนึงถึงกระบวนการตัด บด ต้มใบชา แล้วสุดท้ายก็เทลงในถ้วยน้ำชาเพื่อเธอจะได้เรียนรู้มัน ถ้าผมเป็นคนให้สีกับลูกสาวของเราและ ลาพิสเป็นคน ชง ฟาร์นาเซ่ ก็จะมีกลิ่นหอมและมันจะออกมาเองตามธรรมชาติ มันจะเป็นของสำเร็จรูปที่แปรรูปแบบธรรมชาติ และมันเป็นของของสำเร็จรูปที่เหมือนกับธรรมชาติเช่นกัน พวกเรานั้นเย็นชาต่อ ผู้เลี้ยงดูที่กระหายอำนาจซึ่งถูกทอดทิ้งโดยที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ และเราก็ไม่ได้ใจดีกับเด็กที่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับอำนาจของตนเองที่มีนั้นได้ยังไงเช่นกัน
ผู้แปล:(ประมาณว่า ดันทาเลี่ยนเป็นพวกรักอำนาจโดยกำเนิด เเละลาพิสเหมือนเป็นพวกรักอำนาจในภายหลังทั้ง 2 คนได้ช่วยกันชงชานั้นคือฟานาเซ่ให้ออกมาเป็นแบบกำเนิดเเละภายหลัง)
.
หลังจากยกถ้วยขึ้นดื่มแล้ววางบนริมฝีปาก ชาก็ได้เย็นลงแล้ว ระหว่างดื่มชาเย็นนั้น เราสองคนก็คุยกันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ถ้าเป็นฝ่าบาท ฝ่าบาทจะจัดการกับพวกข่มขืนอย่างไร”
“อืมม. ประเด็นหลักของเรื่องนี้คือการทำให้ทหารกลัวการลงโทษ การลงโทษที่ชัดเจนมากขึ้นจะทำให้รุนเเรงมากขึ้น และความน่ากลัวที่คลุมเครือจะทำให้มีผลมากขึ้นไปอีก ต้องทำให้มีความชัดเจนเเต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกไม่แน่ใจไปด้วย นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด”
ลาพิสพยักหน้า
“เป็นการตอบสนองเชิงจิตวิทยา”
“ถ้าเป็นเรา คงตัดอวัยวะเพศของอาชญกรออกมาแล้วเจาะรูเข้าไปในจุดที่เคยเป็นอวัยวะเพศของพวกมัน หลังจากนั้นจะนำออร์คหรือก๊อบลินที่ไม่เชื่องมาและให้รุมข่มขืนจุดที่เคยเป็นไอ้นั่น นั้นของพวกมัน เพราะพวกมันชัดเจนเเล้วว่าผู้ข่มขืนสมควรจะได้รับการข่มขืนเป็นการตอบแทน และทหารจะรู้สึกหวาดกลัวเพราะหลุมที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้นได้ถูกล่วงละเมิดเเละใช้กำลังบังคับข่มขืน ฉะนั้นเเล้ว กองทหารจะรู้สึกกลัวการลงโทษไปจนถึงด้านในกะโหลกของพวกมันเลย”
“น่าทึ่งจริงๆ เเต่ถ้าจะทำให้มีความโดดเด่นมากกว่านี้เธอต้องแกะลูกตาออกและนำลูกอัณฑะสอดเข้าไปเเทนที่ในเบ้าตาเปล่านั้นด้วย ด้วยวิธีนี้ เธอสามารถใส่ ความนัยยะ เเจ้งเตือนพวกทหารว่าอย่าก่ออาชญากรรมโดยใช้ความเงี่ยนเป็นหลักนะ ได้อีกด้วย”
“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม”
คราวนี้ถึงคราวที่ผมต้องพยักหน้า
“เพราะความนัยยะครอบคลุมทั้งความชัดเจนอีกทั้งคลุมเครือ บทลงโทษนี้จะยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเเละ นอกจากนี้ เธอสามารถจะนำลูกกะโปกที่ถูกตัดทิ้งนำไปรีไซเคิลใหม่เพื่อให้สวยงามยิ่งขึ้นได้อีกนะ” (รีไซเคิลยังไงฟระ)
มันเป็นความเข้าใจกันของเราสองคนโดยไม่ต้องมีเหตุผลที่จะทำให้เราไม่รักกัน ผมได้เข้าใจเเล้วว่าคำว่า ‘พรหมลิขิต’ นั้นไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยหลังจากได้พบกับ ลาพิส
“ฝ่าบาทคิดว่าเธอจะแก้ปัญหานี้ได้มากขนาดไหนกัน”
“คิดว่า…. ผมรู้สึกว่าเธอน่าจะได้ประมาณ 30 คะแนนอย่างฉิวเฉียดไปอย่างหวุดหวิด”
“ฝ่าบาทมีเมตตาเหลือเกิน เรานั้นทำนายไว้เเค่ 20 คะแนน เรายังไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่าบาทถึงมีความเห็นชอบด้วยกับนาง ไม่ว่าเธอจะมีพรสวรรค์จริงๆหรือไม่ก็ตาม เรานั้นไม่สามารถตัดสินเห็นด้วยกับฝ่าบาทได้จริงๆ”
“นางยังมีด้านที่โง่เขลาอยู่น่ะ……”
ผมยิ้มอย่างขมขื่น
อย่างไรก็ตาม การประเมินความสามารถของเราจำกัดอยู่ที่ขอบเขตของการเเสดงออกแบบทางการเมืองเท่านั้น ขอบเขตของยุทธวิธีเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความถนัดของเราในด้านศิลปะแห่งสงครามนั้นไม่มีอยู่เลยหรือน้อยมากที่สุดอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่ ลาพิส ก็ควรตระหนักได้แล้วเล็กน้อยว่า ฟาร์นาเซ่ เป็นอัจฉริยะในด้านยุทธวิธี
“เพราะมีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวอาศัยอยู่เหนือภูเขาและในดินแดนของมนุษย์ ฟาร์นาเซ่ เป็นดาบที่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้”
“……เป็นปริศนาจริงๆเเน่ใจเเล้วหรือว่าคนคนนั้นเป็นมนุษย์จริงๆไม่ใช่ ปีศาจ? เขาเป็นคนแบบไหนกันที่ฝ่าบาทยอมเรียกเขาว่าเป็นสัตว์ประหลาด?”
“ไม่ใช่.”
ผมยกเเก้วดื่มชาที่เหลือทั้งหมด
“นั่นเรียกไม่ถูกต้อง ต้องเรียกว่าเป็นเธอ ไม่ใช่เขา”
ผู้นำการจอมสังหารจอมมารภายในเวลา 30 ปี
ในโลกนี้มีหญิงสาวจ้างนักดาบที่ต่ำต้อยจากชาวนาที่หมู่บ้านที่ถูกแผดเผา ออกมาเป็นแนวหน้าของสงครามโดยมีฉายา ‘ผู้กล้า’ ในโลกนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่จะบดขยี้ศัตรูที่ยืนหยัดสู้จนศัตรูกลายเป็นฝุ่นผงธุลี ศัตรูที่ยอมแพ้เธอไม่มีคำว่าให้ความปราณี . ถ้ามีคนโหดร้ายที่ไม่เปลี่ยนธรรมเนียมปฏิบัติของขุนนางหรือเเสดงความเห็นอกเห็นใจหลังจากสังหารประชาราษณ์ของตน ต่อจากนั้นก็จะเกิดจักรพรรดินีผู้จะทำลายล้างจอมมารมวลแลรังสรรค์อาณาจักรที่รวบรวมทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
เช่นนั้นเเล้ว.
— เธอรู้ไหมว่าโลกใบนี้จบลงยังไง?
ผลที่ตามมาของการที่ จอมมารหายไป พลังงานเวทย์มนตร์ทั้งหมดในโลกจะสูญเสียสมดุลของมันเเละทำให้มันล้นจนในที่สุดก็ส่งผลให้เกิดการล่มสลายของโลก ผู้บงการที่จะเป็นคนแรกที่รวบรวมทวีปนี้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในขณะที่ยังเป็นบุคคลแรกที่ทำลายโลกไปพร้อมๆ กันอีกด้วย ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในโลกนี้ในฐานะเจ้าหญิงจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่
นามนั้นคือ เอลิซาเบธ เอ.อี. วอน ฮับส์บวร์ก
ผมได้ลิ้มรสชาในปากของผมอย่างระมัดระวัง เพื่อเผชิญหน้ากับเธอ ฟาร์นาเซ่ เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าเจ้าหญิงจักรพรรดิครอบครองดาบที่เรียกว่าวีรบุรุษผู้กล้า ผมก็ครอบครองดาบที่เรียกว่าฟาร์เนเซ
จงเติบโตอย่างรวดเร็ว ฟาร์นาเซ่เอ๋ย
โอ้ ฟาร์นาเซ่ จงเร็วขึ้นอีก เเละกลายเป็นผู้ใหญ่
พวกเราถูกกำหนดไว้เเล้วว่าจะเป็นผู้เหลือรอดเเละจะไม่ตายในโลกาเเห่งนี้