Dungeon Defence - ตอนที่ 71
ราชาแห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเลี่ยน
ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 4 วันที่ 2
โพล,ที่ราบ บรูโน
กองกำลังพันธมิตรจอมมารและ กองพันธมิตรมนุษย์ ทั้งสองฝั่งได้ยื่นคำขาด มีการตัดสินว่าต้องส่งฑูตทั้งสองฝั่งมาหารือกันว่าทั้งสองกองทัพจะเริ่มทำสงครามกันจริงไหม หรือจะเป็นการเจรจาเพื่อสันติภาพเเทน แน่นอนว่าโอกาสการขอผัดผ่อนเพื่อสงบศึกนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
จำนวนชีวิตที่สูญเสียมีถึงหลักพันไปแล้ว เช่นเดียวกับที่เกิดฟ้าร้องก้องกังวานเมื่อมีฟ้าแลบ ณ จุดนี้เองการทำสงครามกลายเป็นเรื่องธรรมชาติดั่งสายฟ้าที่ไม่อาจหยุดได้ แม้แต่จอมมารทั้งหมดก็กำลังเตรียมการเข้าสู่สงครามเต็มรูปเเบบ เเต่ยกเว้นจอมมารเพียงคนเดียว—ยกเว้นไพม่อน—
ใครจะเป็นผู้ได้รับเลือกให้เป็นทูต
“ทำไมไม่เลือก ดันทาเลี่ยน ล่ะ”
บาร์บาทอสยืนอยู่ข้างหน้าผมตอนนี้
“เจ้านั่นมีส่วนร่วมสนับสนุนในสงครามมากที่สุดครั้งนี้ใช่ไหมล่ะ? ความสามารถในการพูดของมันก็ไม่เลวเลยนะถึงเเม้อันดับจอมมารจะอยู่ต่ำสุดก็เถอะ ใช้มันนี่เเหละเหมาะสมเเล้วสำหรับเด็กวิ่งงาน เรากำลังส่งทูตเเค่ในนามออกไปใช่ปะล่ะ? การส่งดันทาเลี่ยนไปก็ไม่ทำให้พวกเราเสียหน้าด้วย?”
แท้จริงแล้วนั่นเป็นความเข้าใจที่เฉียบแหลมไม่เลวเลยทีเดียว
ในใจกลางระหว่างกองทัพทั้งสองนั้น มีการตั้งเต็นท์สีขาวเพียงหลังเดียวตรงกลาง นั่นคือสถานที่ซึ่งนักการทูตจะมาพบปะและพูดคุยกัน เนื่องจากมีลำธารมากมายไหลผ่านที่ราบ จึงได้ยินเสียงสุนัขจรจัดที่กำลังผสมพันธุ์อยู่ใกล้น้ำ ไม่มีการเเบ่งสายเลือดในสุนัขจรจัด ดังนั้นสุนัขตัวผู้สีดำจึงเข้ากันกับสุนัขเพศเมียสีขาว ผมหยุดระหว่างเดินทางไปที่เต็นท์เพื่อสังเกตการผสมพันธุ์ของสุนัขชั่วขณะหนึ่ง
“ให้ผมไปเป็นผู้ติดตามคงจะดีกว่ามั้งน้า……”
ผมพึมพำกับตัวเอง ตามมารยาทที่มีมาช้านาน ทูตที่มีหน้าที่ประกาศสงครามไม่ได้รับอนุญาตให้มีผู้คุ้มกันหรือผู้เข้าร่วมประชุมอื่นเข้าไปด้วย
เมื่อผมหันหลังกลับไปมองยังสถานที่ที่อยู่ข้างหลังผม ก็เห็นธงนับพันโบกไปมาตามกระเเสลม ที่ตรงนั้นดูเหมือนเกาะใหญ๋ที่ประกอบด้วยปีศาจมากมาย เมื่อมองไปที่ฝั่งตรงข้าม ธงหลายพันผืนก็โบกสะบัดอยู่ตรงนั้นเช่นกัน และมนุษย์หลายหมื่นคนรวมตัวกันเป็นแถว ทำให้ดูยิ่งใหญ่ราวกับหมู่เกาะเช่นกัน เพราะแบบนี้ผมจึงรู้สึกราวกับว่าผมนั้นอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรเเละครอบครองย่านน้ำรระหว่างทั้งสองเกาะไว้กับตัวเอง มันเป็นความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจากใจที่มากเกินหน่อย
เช่นเดียวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทูตของมนุษย์เข้าไปในเต็นท์
“……”
“……”
เราสบตากัน ผมขยับหัวและพยักหน้าก่อน หญิงสาวก็พยักหน้าเบาๆกลับ หญิงสาวผมสีเงินนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะ ในแวบเดียวที่ผมเห็นก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเธอคือ อลิซาเบธ อตานาเซีย เอวาไทร์ วอน ฮับส์บวร์ก (Elizabeth Atanaxia Evatriae von Habsburg) เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ
เจ้าหญิงจักรพรรดิถือหีบในมือ สิ่งที่เธอนำออกมาจากบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง มันเป็นกระดานบอร์ด หมากล้อม ในโลกนี้มันเป็นกระดานเกมที่บางครั้งก็เรียกว่าธงดำ ธงขาว หลังจากนำกระดานหมากล้อมและภาชนะที่เต็มไปด้วยหมากหินออกมาแล้ว เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็วางมันลงบนโต๊ะ
“……”
ผมจ้องเขม็งไปที่เจ้าหญิงจักรพรรดิ
องค์หญิงจักรพรรดิหยิบหมากหินสีขาวหนึ่งกำมือแล้วพยักหน้ามาทางผม เธอต้องการที่จะกำหนดว่าใครจะเริ่มก่อนและใครจะเป็นคนเริ่มทีหลัง
– นายจะดูอยู่อย่างเดียวหรอ?
ผมหัวเราะอยู่ในหัวตัวเอง เจตนาเบื้องหลังท่าทางตลกขบขันนี้ชัดเจน องค์หญิงจักรพรรดิกำลังพยายามทดสอบสติปัญญาของผมอยู่ในตอนนี้ ถ้าผมแสดงความสามารถที่ต่ำกว่าที่เธอคาดไว้ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจะเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของผมและคิดว่าคนอย่างผมไม่คู่ควรเป็นคู่เจรจาด้วย แม้ว่าผมจะขมวดคิ้วด้วยเปรียบเหมือนเป็นการตะโกนในใจว่า ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย’ ก็เถอะนะ
น่าสนุกจริงๆ
น่าสนุกอะไรอย่างนี้
ผมหยิบหมากหินสีดำกำมือหนึ่งขึ้นมาวางบนกระดาน ตัวเลขออกมาเป็นเลขคี่ เจ้าหญิงจักรพรรดิแสดงจำนวนหิน 3 ก้อนอยู่ในมือของเธอ มันเป็นเลขคี่เช่นกัน เนื่องจากผมเดาได้อย่างถูกต้องว่าจำนวนก้อนหินที่เธอมีอยู่ในมือเป็นเลขคู่หรือคี่ ผมจึงเป็นฝ่ายเริ่มเกมก่อน ซึ่งที่จริงเเล้วหมากหินสีดำที่เริ่มเกมครั้งแรกก่อนในขณะที่หินสีขาวเคลื่อนที่ตามหลัง มันเป็นกฏเช่นเดียวกันในโลกที่ผมเคยอยู่ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีเเนวคิดของโคมิอยู่ในโลกนี้ หากใครก็ตามที่เอาหมากหินดำไปและได้เริ่มเล่นก่อนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน
(หมายเหตุ TL: โคมิในเกม หมากล้อม(โกะ) คือคะแนนที่เพิ่มเข้าไปในคะแนนของผู้เล่นหมากหินสีขาวเพื่อชดเชยการเล่นในตาที่ 2 ให้
และด้วยเหตุนี้เอง
ผมจะไม่พ่ายแพ้ใคร หากได้เล่นหมากหินสีดำก่อน
— แท็ค
ผมเริ่มวางหมากตัวเเรก
หมากหินสีดำที่ผมวางลงไปส่งเสียงเบา ๆ
พื้นผิวของกระดานหมากล้อมนี้เรียบ เเต่เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นกระดานที่เจ้าหญิงจักรพรรดิชอบใช้งาน เป็นไปว่าจะใช้ไม้ที่ค่อนข้างหรูหราทำขึ้นมา สังเกตได้จากเสียงที่ลื่นหู
“……”
เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิมองลงไปที่กระดาน หมากล้อม อย่างเงียบๆ
ตำแหน่งแรกของผมอยู่ที่มุมบนซ้ายของกระดาน
โดยการประเดิมครั้งแรกที่มุมซ้ายบนของกระดาน เป็นเหมือนกับการชูนิ้วกลางให้คู่ต่อสู้อย่างโจ่งแจ้ง ในเกม หมากล้อม ที่เน้นเรื่องมารยาท นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ยากจะทนได้ เป็นการดีที่จะเรียกสิ่งนี้ว่าการประกาศสงครามของผม ในที่ผมกำลังเล่นหมากหินที่อยู่ในมือ เจ้าหญิงจักรพรรดิก็เคลื่อนไหว
— แท็ค
คราวนี้ถึงคราวของผมต้องเงียบบ้าง
ตำเเหน่งที่เจ้าหญิงจักรพรรดิได้วางหมากหินของเธอไว้นั้นอยู่ที่จุดศูนย์กลางของกระดาน หมากล้อม กล่าวอีกนัยหนึ่งมันคือชอนวอน
(หมายเหตุ TL: ชื่อของการวางหมากนี้เรียกว่า ‘cheonwon’)
ถ้าผมจะถอดรหัสความหมายออกมา คงจะดีถ้าจะบอกว่าเธอทำไปเพื่อตอบสนองต่อนิ้วกลางของผม เจ้าหญิงจักรพรรดิได้ให้นิ้วกลางสองนิ้วแก่ผมกลับด้วย
“……”
หัวของผมเย็นลง แม้ว่ามันอาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งหากจะวางหมากหินสีดำลงไปเป็นชอนวอนก่อน เเต่ชอนวอนกับหินสีขาวน่ะนะ? แม้ว่ามือโปรจะเล่นกับเด็กอายุ 7 ขวบ พวกเขาก็ไม่เคยละเลยการเคลื่อนไหวที่โง่เขลาเช่นนี้มาก่อนเลย แม้แต่พ่อของผมเอง ก็ไม่เคยถูกดูหมิ่นเช่นนี้เลย
ก็ได้
การต่อสู้นี้ได้ดุเดือดเเน่ๆ
ตาเดินเเรกอยู่ซ้ายบน และตาเดินที่สองคือชอนวอน ทำไมผมจะไม่รู้สึกสุขีกันล่ะ? เพราะสิ่งที่เรียกว่ามารยาทและการพินิจพิเคราห์กระดาน หมากล้อม นังหมูตัวเมียข้างหน้าได้พลิกมันกลับออกไปเเล้ว
— แท็ค
คราวนี้ผมตั้งใจวางหมากหินลงอย่างเงียบ ๆ ในตาเดินที่สาม หัวของผมเย็นลงเมื่อความโกรธของผมเพิ่มขึ้นมันเป็นนิสัยดั้งเดิมของผม เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็คงจะเหมือนผมเช่นกัน เนื่องจากหมากหินที่เธอวางในตาที่สี่นั้นเงียบลงและตำแหน่งที่เธอวางมันลงไปนั้นดูสมเหตุสมผล การเผชิญหน้าแบบเด็กๆ ได้จบลงแล้ว ในชั่วพริบตา เราจมดิ่งลงไปในสนามรบบนกระดาน
— แท็ค
— แท็ค
สงครามเริ่มต้นที่มุมขวาบนของกระดานและค่อยๆ แพร่กระจายไปยังตรงกลางกระดาน ส่วนใหญ่ผมเป็นฝ่ายโจมตีขณะที่เจ้าหญิงจักรพรรดิอยู่ฝ่ายที่ต้องป้องกัน ขณะที่ผมโจมตีเพื่อเจาะทะลุตรงกลาง เจ้าหญิงจักรพรรดิได้สร้างฐานที่มั่นไว้ตรงกลางเพื่อปกป้องเเละรักษาอาณาเขตรอบๆ ตัวเธอไว้ ผมที่พยายามจะเริ่มต้นการต่อสู้ไม่ได้ถอยหลังกลับ และเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิที่ตั้งรับการต่อสู้นั้นก็ไม่ได้ย่อท้อถอยจากตำแหน่งนั้น การเเข่งขันที่ยากต่อการท้าทาย ได้เกิดขึ้นมาเเล้วในตอนนี้
“……”
ในที่สุด ทุกๆ 10 ถึง 20 รอบ มือของเธอจะหยุดลงและไปอยู่ที่คางของเธอเเทน ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจะจ้องไปที่กระดานเป็นเวลานานอย่างน่ากลัว เนื่องจากไม่มีกฎเกณฑ์เรื่องเวลา เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจึงสามารถคิดได้นานเท่าที่เธอต้องการ
ในที่สุด หลังจากผ่านไป 30 ถึง 50 นาที เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็ตอบโต้การวางหมากของผม แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่านี่เป็นรูปแบบ หมากล้อม จากในอดีตหรือไม่ แต่อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าการเคลื่อนไหวนั้นไม่ใช่กลยุทธ์ หมากล้อม สมัยใหม่เเน่ๆ เห็นได้จากการวางแม้ว่าจะเป็นไปตามเหตุผล แต่ก็มีหลักการเเฝงไว้อย่างลึกซึ้ง
เจ้าหญิงจักรพรรดิชุบชีวิตหมากหินที่ผมฆ่าไป ล้อมหมากหินที่ผมตรึงไว้ และใช้หมากหินที่ผมสละทิ้งไป ผมเองก็ขโมยหมากหินซึ่งเจ้าหญิงจักรพรรดิพยายามปกป้องเช่นกัน บุกรุกดินแดนที่เจ้าหญิงจักรพรรดิได้ล้อมไว้เป็นที่ตั้งหลักของเธอ และปล้นชิงหมากด้านหลังที่เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิสร้างขึ้นมา เราไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย ไม่มีการยอมกันและไม่มีการประนีประนอม
ในบางครั้ง เมื่อเจ้าหญิงแห่งจักรพรรดิวางหมากหินสีขาวของเธอลง ดุจเธอจะถามผมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตัวเองโดยไม่ออกเสียง
– ถ้าทำถึงขนาดนี้เเล้ว นายยังไม่พอใจ เเละคิดจะถอนตัวอีกเหรอ?
เพราะในตอนนั้น ผมจะวางหมากหินสีดำลงข้างๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทุกครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามยื่นคำร้องเล็กน้อยเพื่อสร้างระยะห่าง ผมก็รีบเข้าไปทันที แม้ว่าผมจะต้องสูญเสียจากการกระทำดังกล่าวก็ตาม
แม้ว่านี่อาจเป็นเรื่องของชนะหรือแพ้ แต่ก็เป็นการสนทนาประเภทหนึ่ง ผมอยากจะตอบเธอกลับไป
— ถอยไปซะ
อันที่จริง เจ้าหญิงจักรพรรดิตอบด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์เช่นกัน เธอทำตามการชักชวนเดิมซ้ำสองครั้งตาถัดไป และตาถัดไปอีก เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิและผมต่างก็เปล่งเสียงเเห่งความหมายออกมาให้กันและกัน
— หึ ฝ่ายของเธอจะเสียเปรียบอยู่แล้วนี่……
– นั่นคือสิ่งที่นายคิด เเต่จริงๆเเล้วเราเเค่ต้องการตำเเหน่งนี้
— คนปกติไม่สามารถยึดทุกทุกจุดเท่าที่ต้องการหรอก ยอมแพ้ซะ.
— นั่นเป็นวิธีที่คนไร้ความสามารถมักจะปลอบโยนผู้อื่นนะ
— ผมเสียใจด้วยที่ต้องบอกเธอ แต่ผมไม่ใช่คนไร้ความสามารถ
– และเราเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาด้วย โทษทีเหอะ.
ผ่านไปครึ่งเกม.
มือของผมหยุดอยู่กลางอากาศโดยมีหมากหินกำอยู่ในมือ
“……”
จนถึงตอนนี้ ผมพอใจเล็กน้อย จากการใช้หลักสูตรของ หมากล้อม สมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงจักรพรรดิได้สร้างมาตรการตอบโต้ใหม่ทันทีและตอบโต้การวางหมากของผมได้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผมก็ค่อยๆ สูญเสียเส้นทางที่สามารถไปต่อได้ การต่อสู้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในคู่มือ หมากล้อม กำลังเกิดขึ้นบนกระดานต่อหน้าผม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมเป็นฝ่ายเหนือกว่าในช่วงต้นถึงกลางของการต่อสู้ ผมได้ต่อสู้และชนะมา เเต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกมผ่านไปครึ่งแมตช์แล้ว เจ้าหญิงจักรพรรดิก็ลากเกมลงไปในทะเลหมอก ความลึกของทะเลนั้นไม่ได้มาจากประสบการณ์ของเธอ แต่มันมาจากการใช้หัวของเธอคิดขึ้นมาล้วนๆ ความคิดสร้างสรรค์ของเธอ และเหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นสัญชาตญาณของเธอที่ลากการแข่งขันลงไปที่หล่มด้านล่าง องค์หญิงจักรพรรดิที่ไม่รู้ว่าโกเซเกนเป็นใคร และไม่รู้ว่าใครคือ ป่าไผ่ ลีชางโฮ ถึงสามารถวางเเผนลากผมลงไปในหลุมได้
(หมายเหตุ TL: นี่คือชื่อของผู้เล่น หมากล้อม ที่มีชื่อเสียง โกเซเกนและอีชางโฮ Sanae หรือที่รู้จักในชื่อ Bamboo Grove เขาเคยชนะการแข่งขัน Go championship ระดับชาติปี 2005 ที่ S. Korea)
หลังจากผ่านกลางเกมของการแข่งขัน ผมมักจะครุ่นคิดอยู่นาน การหายใจของผมเริ่มควบคุมไม่ได้เมื่อหยาดน้ำค้างจากหมอกเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะจัดการกับการหายใจอันเทอะทะนั้น ผมกลั้นหายใจเข้าลึกๆเและหายใจออกนานๆ ผมต้องลงทุนมากกว่าสองเท่าหรือสามเท่าของเวลามากกว่าที่เจ้าหญิงจักรพรรดิต้องใช้เพื่อวางหมากต่อไป
– เกิดอะไรขึ้น?
โดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เจ้าหญิงจักรวรรดิก็วางหมากตัวต่อไปของเธอในทันทีที่ผมวางหมากหินลง เธอกำลังกดดันผมด้วยเรี่ยวแรง เธอกำลังยั่วยุและเยาะเย้ยผมอยู่
— ดูเหมือนว่านายจะสูญเสียวิญญาณไปซะเเล้วนะ การโจมตีทั้งหมดของนายซึ่งได้ดำเนินการอย่างมั่นใจตั้งแต่ต้นเกม หายไปไหนซะเเล้วล่ะ? นายหมดกลยุทธ์แล้วงั้นสิ? ถึงจุดต่ำสุดของแผนการอันชาญฉลาดของนายเเล้วใช่ไหม? น่าผิดหวังแค่ไหนกัน นายเป็นอัจฉริยะที่มีแต่ความฉลาดเเต่ไม่มีความเฉลียว มีอัจฉริยะมากมายเช่นนี้ตลอดประวัติศาสตร์เเหละนะ
— ・・・・・・.
ผมไม่ตอบสนองต่อการยั่วยุ
ผมก้มหน้าก้มตาอีกครั้ง
แม้ว่าเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจะเคลื่อนไหวภายในไม่กี่วินาที แม้ว่าเธอจะจงใจแทรกแซงดินแดนของผม ผมก็ไม่ได้กังวลกับเรื่องนั้นเลยและพิจารณาเพียงรูปการณ์ของกระดานเท่านั้น เพราะเกมไม่มีการจำกัดเวลาแต่ มันเป็นความเชื่อของผมที่จะใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขที่สามารถใช้ได้
— ช่างจืดชืดเสียจริงเชียว
— ・・・・・・・.
— จะไปมีคำตอบไหนน่าขบขันไปกว่านี้อีก เกมนี้มันไม่สนุกสำหรับเราทั้งคู่หลังจากผ่านไปนานขนาดนั้นเเล้วหรือไง? มาเถิด จอมมารเอ่ย วิญญาณของนายและจิตวิญญาณของเรา มาสู้กันเพื่อดูสิว่าฝ่ายใดจะแข็งแกร่งกว่า สิ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นความสนุกของ หมากล้อม ด้วยหรอกหรือ?
— ・・・・・・・.
– ดูซะสิ.
ผมก้มตัวลง ผมทำเเค่เพียงก้มตัว
ไม่เป็นไรหรอก การที่ผมจะโดนด่าทอและบอกว่าผมเป็นพวกน่าเบื่อ อยากเยาะเย้ยผมก็เชิญเยาะเย้ยไปเลย
ไม่มีคนเดินเรือที่คิดต่อสู้กับคลื่นโหมกระหน่ำใส่ คนเดินเรือจะจัดแนวทางการเดินเรือให้ลื่นไหลไปกับคลื่นด้วยการบังคับหัวเรือเพิ่อหลีกเลี่ยงคลื่นที่ถาโถมใส่ได้ทันที เหตุผลที่คนเดินเรือไม่สู้กับคลื้่นมันก็ง่ายๆ คนเดินเรือข้ามมหาสมุทรนั้นเดินเรือเพื่อไปถึงแผ่นดิน พวกเขาไม่ได้ออกทะเลเพื่อต่อสู้กับมหาสมุทร ในท้ายที่สุด คนที่มีเป้าหมาย คือคนที่ชี้นำชีวิตตัวเองไปในทางที่ถูกต้องได้ ผู้ที่รู้เป้าหมายจะไม่วันถูกคลื่นซัดจนพลิกคว่ำเมื่อเผชิญหน้ากับการยั่วยุ สิ่งที่ทำต่อการยั่วยุของคลื่นก็เเค่ต้องไหลผ่านไปตามกระเเส
ในท้ายที่สุด.
— ・・・・・・.
— ・・・・・・.
คำพูดต่างๆ หายไปจากทั้งเจ้าหญิงและตัวผม
การยั่วยุ การเยาะเย้ย และแม้กระทั่งการเผชิญหน้ากันระหว่างเรา ผมอดทนเวลาในขณะที่ต้องก้มตัวลง และเจ้าหญิงจักรพรรดิยืดตัวตรงในเวลาที่ผมต้องก้มตัว เราทั้งคู่มาถึงในช่วงเวลาที่ลำบากใจ ไม่มีความเฉลียวฉลาดหรือสัญชาตญาณอยู่ที่นั่น ไม่มีประสบการณ์หรือตรรกะอะไร เนื่องจากเวลาที่เหลือซึ่งเราต้องอดทนจนถึงที่สุดยังคงอยู่ เราทั้งคู่จึงถูกดึงไปที่นั่น นั่นไม่ใช่เวลาที่ไหล แต่เป็นเวลาที่คว้าจับและดึงออกไป
เหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องวางหมากหินลงไปเรื่อยๆ
มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
เพื่อชัยชนะเท่านั้น
เมื่อการต่อสู้บนกระดานซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นการแข่งขันเพื่อชัยชนะและเป็นการสนทนาประเภทหนึ่งได้มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว เหลือเพียงการแข่งขันเพื่อตัดสินผู้ชนะเท่านั้น เราสูญเสียความหมายเบื้องหลังการสนทนาเงียบ ๆ ทั้งหมดที่เรามีร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ ไม่ ตอนนี้เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยพูดคุยอะไรกัน มีเพียงกระดาน หมากล้อม ที่วางอยู่ตรงหน้าเราเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเรา
นี่คือจุดสิ้นสุด
มันเป็นเกมที่จะจบโดยไม่มีความรุ่งโรจน์หรือความตกต่ำ
เป็นการสรุปสุดท้ายของการวางหมากลงไป
— แท็ค
— แท็ค
— แท็ค
“……”
เจ้าหญิงจักรพรรดิหยุดมือของเธอ
รอบที่ 252.
นิ้วที่เรียวยาวของเธอซึ่งจับอยู่บนหมากหินสีขาว ล่องลอยอยู่ในอากาศ ราวกับว่าเวลาได่้หยุดลงที่ไหนสักแห่งบนนิ้วมือของเธอ ที่กำลังจับหมากที่ลอยค้างอยู่ในมือคล้าวกับมีตาข่ายกั้นเอาไว้ มันก็ยังคงอยู่ที่เดิม เวลาผ่านไปเนินนาน. เจ้าหญิงจักรพรรดิผงกศีรษะของเธอ และจากนั้น มือของเธอก็เคลือนที่ไปยังภาชนะเก็บตัวหมาก
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก.
เจ้าหญิงจักรพรรดิได้ทิ้งหมากหินสามถึงสี่ก้อนไว้บนกระดานพร้อมกัน
บุลเกีย(不計)
(หมายเหตุ TL: ไม่มีการนับแต้มเพราะเป็นการเเพ้เเบบขอยอมเเพ้ ที่เจ้าหญิงกระทำเป็นเเสดงความหมายว่าเป็น ‘เกมที่ดี’GG Good Game )
เป็นการประกาศที่แสดงถึงการยอมจำนน
“……”
ผมหยิบหมากหินสีดำสองก้อนขึ้นมาแล้ววางไว้บนกระดาน
“……”
เมื่อผมทำเช่นนั้น เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็หยิบหมากหินสีขาวสองก้อนแล้ววางลงไป ผมได้ถามคำถามกับเธอ ผมชนะเธอ 2 แต้มใช่มั้ย เจ้าหญิงจักพรรดิก็ยืนยันว่าฉันผมชนะด้วยคะแนนต่างกัน 2 แต้มจริงๆ ผมพยักหน้าอย่างพินิจ ชนะไปด้วยคะเเนน 2 เเต้ม เฮ้ออ?
หลังจากเก็บหมากหินทั้งหมดแล้ว เราทบทวนสงครามหมากล้อมนี้ตั้งแต่ต้น เรากำลังตรวจสอบการวางหมากที่เราทำ มันชัดเจน เจ้าหญิงจักรพรรดิและผมจำทุกย่างก้าวที่เราทำตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างชัดเจน ไม่มีปัญหาใดเลยถ้าเราจะวางหมากเหมือนตาเดิมอีกครั้ง
“ทำไมนายถึงวางมันลงแบบนี้”
“ในเมื่อเธอยังเกาะติดกับผม ผมจึงวางมันแบบบิดไปมาเพื่อทำให้เธอสับสน”
“อ่า นายพยายามทำอย่างนั้นจริงๆด้วย เราสงสัยเพราะมันเป็นเหมือนเป็นการเคลื่อนไหวแบบสุ่ม เราตื่นตระหนกเล็กน้อยเพราะเราคิดว่านายอาจตั้งเป้าไปที่การแก้ปัญไขเฉพาะกาล”
“แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงกระจายหมากส่วนนี้ตรงนี้? จากสิ่งที่ผมได้เห็น การพิชิตจุดล่างขวาจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดกว่าหรือ……?”
“มันไม่ชัดเจนเกินไปเหรอ? ถ้าเราจะวางหินลงตรงนั่น รูปร่างกระดานก็จะไหลออกมาแบบนี้……”
“อาาา. เธอกังวลว่าหมากทั้งหมดของเธอที่ด้านล่างจะถูกกินไป”
“เป็นเช่นนั้น ถ้าเป็นไปได้ เราต้องการย้ายออกจากจุดนั้น”
“เดี๊ยวนะ. เเล้วถ้าผมวางหมากไว้ตรงส่วนนี้เเล้วจะเกิดอะไรขึ้น”
“อืมม. นั่นจะไม่ใช่การวางหมากในจังที่ผิดพลาดหรอกหรอ?”
“จังหวะไม่ดีหรอ? เดี๊ยวก่อนนะ. ถ้าผมตัดหมากตรงนี้ออกไปล่ะก็……”
“เราบอกนายแล้วว่ามันเป็นการวางจังหวะที่ผิดพลาดจริงๆ ระวังให้ดี หมากหินที่อยู่ตรงกลางมันตายง่ายอยู่เเล้ว……”
ในช่วงเวลาที่การทบทวนเกมของเราสิ้นสุดลง
ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจและสังเกตเห็นว่าท้องฟ้านั้นมืดสนิทไปเเล้ว แปลกประหลาดสะจริง พวกเราสองไม่รู้สึกตัวเลยเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปเเล้ว เมื่อผมเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว ผมก็รู้ได้ว่าเรากำลังมองลงไปที่กระดาน หมากล้อม ในขณะที่อาศัยเพียงแสงจันทร์ ผมขมวดคิ้วเข้าหากันและจ้องไปที่เจ้าหญิงจักรพรรดิ ตามที่คาดไว้ องค์หญิงจักรพรรดิก็ขมวดคิ้วอย่างเรียบร้อย อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนแปลกหน้า แต่พวกเรากลับรู้สึกคุ้นกันดี รู้สึกเหมือนเราตายและกลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
“……”
“……”
เราสองคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เช่นเดียวกับที่เราทำเมื่อเรามาถึงครั้งแรก เราก็จากไปโดยไม่บอกกล่าวเเม้คำพูดเดียวเช่นกัน ข้อเท็จจริงคือเราได้พูดคุยกันหลายสิ่งหลายอย่างในขณะทบทวนเกมที่ไม่เเน่นอนนั้นไปเเล้ว
เกิดความโกลาหลในขณะที่ผมกลับไปที่ค่ายพักแรมของ กองกำลังพันธมิตรจอมมาร พวกเขาอยากรู้ว่าการเจรจาแบบใดที่ทำให้ผมต้องติดอยู่ในเต็นท์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำกันเเน่ ผมไม่สามารถให้คำตอบใดๆ กับ พวกจอมมารทั้งหลายได้ถึงคำถามที่ว่าสงครามจะถูกก่อขึ้นหรือไม่นั้น หรือบรรลุข้อตกลงสงบศึกกันไปเเล้ว บาร์บาทอสเองก็มีใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังจ้องมองคนที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกถามผมอยู่
“เกิดอะไรขึ้น? เเกคุยเรื่องอะไรกันในนั้น”
“……ไม่ ยังไม่มีการตัดสินใดๆ ผมจะบอกเมื่อสิ่งต่าง ๆ ตัดสินได้แล้ว”
“เเล้วเมื่อไหร่จะตัดสินได้กัน? พรุ่งนี้เรอะ?”
ผมเอียงหัว
“อาจจะเป็นวันมะรืน? ประมาณนั้น”
“ที่ข้าจะบอกหมายความว่า เป็นเรื่องดีที่เเกตั้งใจประชุม แต่ทำไมเเกต้องเจรจาเป็นเวลาสามวันติดต่อกันในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสงครามด้วย”
“ยังไม่แน่ใจ อย่าเพิ่งถาม”
พวกจอมมารปรากฏตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมไม่รู้จริงๆผมจึงไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้ เเต่โดยสรุปทั้งหมดเเล้ว ได้มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการแล้วว่าการเจรจาจะดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้
ผมหลีกเลี่ยงคำถามจากจอมมารตนอื่นๆ และกลับมาที่ห้องของผม ลาพิสกำลังให้ความรู้กับ ฟาร์นาเซ่ อยู่ในห้องของเรา ฟาร์นาเซ่ กำลังเรียนรู้วิธีการพูดขณะอ่านออกเสียงบรรทัดที่เขียนบนกระดาษ เธอมีหัวคิดที่ดีบนบ่าของเธอ เธอสามารถจดจำบทงานความรู้ต่างๆได้อย่างง่ายดาย แต่น้ำเสียงของเธอขณะกล่าวสุนทรพจน์และท่าทางการส่งเสียงเเละอย่างอื่น ที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิวาทะยังไม่สมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่สมบูรณ์แบบในสายตาของ ลาพิส ผมให้พวกเธอหยุดการฝึกครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมา
“ฟาร์เนเซ่ เธอพอจะรู้วิธีเล่นธงดำ ธงขาวไหม?”
“หมายถึงหมากล้อม? แม้ว่าหญิงสาวคนนี้อาจเคยอ่านบันทึกการแข่งขัน หมากล้อม มามากมาย แต่หญิงสาวคนนี้ไม่เคยเล่นด้วยตัวเอง โดยส่วนใหญ่แล้ว หญิงสาวคนนี้ชอบอ่านบันทึกมากกว่า”
“อืม. แล้วเธอล่ะ ลาพิส”
“เราคนนี้ไม่มีประสบการณ์เช่นกัน มีอะไรเหรอ?”
“ไม่ ไม่มีอะไร เธอสอนฟาร์นาเซ่ต่อไปเถอะ”
ผมนั่งที่มุมห้องและจ้องมองไปที่พื้นที่ว่างเปล่าอย่างเนิ่นนาน แมตช์ที่ผมเล่นมาจนถึงก่อนหน้านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว มันไม่ใช่สิ่งที่ขับเคลื่อนด้วยรูปทรงของหมากหินเพียงอย่างเดียว บนกระดานนั้น บรรยากาศบางอย่างหรือสิ่งที่คล้ายคลึงกันกับอารมณ์ได้ก่อตัวขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผมจะพยายามจำรูปแบบนั้นมากแค่ไหน ก็ไม่มีสิ่งที่สามารถเข้าใจได้อย่างแม่นยำเเน่นอน
สักพักผมก็ได้ยินเสียงของลาพิสดุว่าฟาร์เนเซ ผมหลับตาลงและมองย้อนกลับไปที่บรรยากาศของกระดานหมากล้อม อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่ปรากฏในความคิดของผมคือนิ้วที่เรียวยาวของเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งจักรวรรดิ แม้ว่าจะรู้สึกราวกับว่ามีจุดสำคัญอยู่ตรงนิ้วนั้น แต่ก็ยากที่จะเชื่อว่ามีจุดซ่อนเร้นลับหลังนิ้วมือเหล่านั้น ……จริงๆ แล้ว ในโลกนี้มีโอกาสที่ค่อนข้างแปลก ที่ผมจะพึมพำกับตัวเองได้
พรุ่งนี้ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็คงจะคิดเเบบผมในขณะที่เริ่มเล่นตาที่สอง
ผมคงจะแพ้
นั่นคือความคิดสุดท้ายที่ผุดขึ้นในใจก่อนจะผล็อยหลับไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
อาจแปลผิดถูกบ้างนะตอนนี้ ผมไม่เข้าใจวิธีการเล่น หมากล้อม(โกะ) สักเท่าไหร่ บางคำผมก็เเอบยืมมาจากหมากรุกซึ่งน่าจะใช้เเทนกันได้(ล่ะมั้ง)