Dungeon Defence - ตอนที่ 78
จอมมารแห่งความเมตตา ลำดับที่ 9 ไพมอน
ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 4 วันที่ 3
โพลส์, ที่ราบบรูโน่, กองกำลังพันธมิตรจอมมาร
—ผู้หญิงคนนี้กลั้นหายใจ
ชั่วขณะหนึ่ง ลมหายใจของปีศาจและมนุษย์ทุกๆคนถูกตรึงไว้อย่างไม่เลือกหน้า แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นเวลาเนิ่นนานแต่สำหรับเรา ความรู้สึกนั้นกลับเหมือนยาวนานชั่วนิจนิรันดร์
ผู้หญิงคนนี้ได้ตระหนักรู้ถึง ช่วงเวลาเเห่งการปัดเป่าช่วงเวลาเเห่งเปลี่ยนเเปลงกำลังไหลผ่านมนุษย์ทุกคนในที่ราบ ไม่ใช่แค่เวลาเเห่งการประวิงวร แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนังสือประวัติศาสตร์ทุกเล่มที่เขียนจะไม่มีทางเลือกเขียนเรื่องอืื่นใดนอกจากต้องเขียนบันทึกหน้าหนังสือในช่วงเวลาเเห่งประวัติศาสตร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาในสถานที่เเห่งนี้
อย่างไรก็ตาม.
“……ไอ้นี่มันอะไรกัน?”
เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ถูกฝังไว้ภายใต้กาลเวลาและปล่อยมันไหลผ่านไป เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อผ่านไปแล้ว ทีละคนๆ ปากของจอมมารที่กลั้นหายใจปากที่ควบคุมไม่ได้ก็เริ่มเปิดออก คำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขาไม่ใช่ความประหลาดใจ ความชื่นชม หรือแม้แต่การแสดงความเห็น แต่ว่าเป็น…..
“ทำไม ดันทาเลี่ยน ถึงมอบอำนาจให้พูดกับมนุษย์ผู้หญิงเมื่อเราให้สิทธิ์นั้นแก่เขากัน? ไอ้บ้านั่นกลายเป็นโรคจิตไปเเล้วเรอะ?”
เเต่ว่าเป็นความไม่พอใจเเทน
นั่นเเหละ
“โฮ่ย ไอ้เเก่ มาร์บาส ถ้าความจำของข้าไม่กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปเสียก่อน ข้าค่อนข้างมั่นใจว่า วจนะสงครามของเราไม่เคยถูกมนุษย์เอาไปพูดนี่”
“นั่นคือความเข้าใจของข้าเช่นกัน…… มันกลายเป็นเรื่องน่าหนักใจเสียเเล้วสิ บาร์บาทอส ข้าแค่ถามเพื่อเเนะนำนะ แต่เจ้าไปถือหางยอมให้ดันทาเลียนกระทำการเช่นนี้หรือเปล่า?”
“คิดว่าข้าบ้าเรอะ? ทำไมข้าถึงต้องยกตำแหน่งอันศักดิ์สิทธิ์ตัวเเทนของ พันธมิตรจันทร์เสี้ยว แก่สุนัขตัวเมียที่ต่ำต้อยไปล่ะหะ……? ไม่ว่าจะยังไงข้าสงสัยว่าคงเป็นเพราะ ดันทาเลียน เป็นเเค่ไอ้มือใหม่รึเปล่าเพราะบางครั้งเเม่งก็ไม่เคยรับรู้อะไรเลยว่าอันไหนถูกอันไหนผิด เหมือนเป็นเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่มีผิดเลย”
“ไม่เพียงแต่รูปแบบของการพูดที่เป็นปัญหานะ แต่ไอ้เนื้อหาของคำพูดก็มีปัญหาด้วยอีก การปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยกของมนุษย์นั้นยอดเยี่ยมก็จริง แต่การไม่แยกเเยอะมนุษย์และปีศาจจะทำไปเพื่ออะไร? ดูเหมือนว่า ดันทาเลียนจะใช้ผู้แปรพักตร์จากพวกมนุษย์เป็นนักแสดงเพื่อเขย่ากองทัพศัตรูได้……เเต่ว่าเขาไปไกลเกินไปแล้ว มันขัดกับความถูกต้องและขัดกับจารีตประเพณี”
“อ่าหะ. เธอนี่ชอบพูดอะไรไร้สาระออกตลอดเลยนะ”
อา.
ศีรษะของหญิงสาวคนนี้พร่ามัวเพราะการสนทนาร่วมกันระหว่างบาร์บาทอสกับมาร์บาส นั่นไม่ได้เป็นเพียงปฏิกิริยาของจอมมารทั้งสองเท่านั้น จอมมารทุกคนที่ได้ยินคำพูดนั้นมีแนวโน้มคิดตามไปด้วยอีก จะคิดแบบมีอคติหรือจะไม่ใส่ใจมันก็ได้ เเต่ความจริงเเล้วเรายังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรังเกียจดูถูกราวกับคนตาบอดไหลผ่านออกมาในอากาศอีกด้วย หญิงสาวคนนี้รู้สึกหายใจไม่ออกกับความรู้สึกนั้น มันยากสำหรับเราที่จะหายใจเข้าไป……
มนุษย์และปีศาจต่างเท่าก็เทียมกัน สามัญชนและขุนนางต่างก็เท่าเทียมกัน ทุกคนๆควรไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ มีความปรองดองซึ่งกันเเละกัน ทุกคนควรเคารพซึ่งกันและกันโดยไม่สนใจสถานะของตนเองเเละอีกฝ่าย……ความเป็นจริงที่เรียบง่ายและชัดเจนนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาที่มืดบอดของพวกจอมมาร พวกเขามองไม่เห็นมันเลย ผู้หญิงคนนี้ทนไม่ได้จึงเปิดริมฝีปากของเธอเองออกมา
“ทุกๆท่าน……”
“หืม?”
“ทุกท่าน พวกท่านทุกคนไม่เข้าใจความหมายของคำพูดอีกนั้นเหรอ?”
“เเกกำลังหมายถึงเรื่องอะไร”
บาร์บาทอสขมวดคิ้วเข้าหากัน ด้วยท่าทางของร่างกายเล็กๆของเธอที่ขยับไปเล็กน้อย เช่นนั้นก็มากเกินพอที่จะพิสูจน์ว่าบาร์บาทอสไม่รู้เรื่องอะไรเลยตามธรรมชาติการเเสดงออกของ บาร์บาทอสเอง เราคนนี้เลิกพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ น่าประทับใจมาก บาร์บาทอสมีความสามารถในการเเดกดันผู้หญิงคนนี้ด้วยการขยับคิ้วของตัวเองได้ เราแสดงความเคารพต่อความไม่รู้นั้นของเธอไป
“ก่อนอื่นเลย เรามาลงโทษ ดันทาเลียนกันก่อน เมื่อคำพูดของฝ่ายมนุษย์จบลงดีกว่า”
ลงโทษ? หมายถึงอะไรกันดันทาเลียนจะโดนลงโทษ?
ผู้หญิงคนนี้เบิกตากว้างและจ้องไปที่ มาร์บาส เเละข้างๆ มาร์บาส มี บาร์บาทอส พยักหน้าอยู่ราวกับว่ามันชัดเจนอยู่เเล้ว
“ถ้ามันไปไม่สุดเเล้วหยุดที่กลางทาง พวกเราก็คงยกย่องเขาไปเเล้ว แต่เพราะมันดันทุรังจะคลานลงไปในจุดต่ำสุด เลยไม่มีทางเลือกอื่น แน่นอนตอนนี้เราอยู่ในสงคราม ดังนั้นเพื่อเห็นแก่เขา เรามาตัดสินโทษเขาด้วยการกักขังไว้ก่อนละกัน และสำหรับมนุษย์คนนั้น เพียงแค่โบยแส้เธอจนเกือบตายแล้วส่งกลับไปก็เพียงพอ ถ้าเราฆ่าเธอไปแล้ว ดันทาเลียนคงน่าสงสารแย่……”
กักขัง?
โบยเเส้?
พวกจอมมารกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกันตอนนี้?
……บาร์บาทอส ได้ทำให้ ดันทาเลียน กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ อย่างไรก็ตาม เรารู้ดี เราทราบดีว่าโดยธรรมชาติแล้ว บาร์บาทอส ไม่ใช่คนที่จะแบ่งปันความรักกับผู้อื่นได้ ผู้หญิงคนนี้คิดได้อย่างง่ายดายว่า บาบาร์ทอส เพียงเเค่ต้องการผูกมัด ดันทาเลียนไว้กับร่างกายของเธอเพราะเขานั้นเป็นสิ่งจำเป็น
โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากใครๆ เธอจึงทำมันออกมาได้ง่ายๆ
เธอสามารถโยนสหายเเละคนรักทิ้งออกไปได้ง่ายๆ ใครกันที่ได้เข้าช่วยชีวิตเธอเเละกองทัพของนางเมื่อเดือนที่เเล้วจากก้นขอดของโคลนตมกัน
To be able to cast away the comrade and lover, who had saved her life and the lives of her army a month ago, like dirt.
“……”
การตัดสินของ บาบาร์ทอส อาจถูกต้องในแง่ของแผนการทางการเมือง ยังไงก็ตามเเต่มันไม่ถูกต้องตามหลักธรรม มันจึงไม่ถูกต้องทางการเมืองไปด้วย ผู้หญิงคนนี้ถือว่ากฎเกณฑ์ที่ไม่แสวงหาความยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมาและไม่ไตร่ตรองถึงการใช้อำนาจของราชันย์ของตนอย่างถี่ถ้วนดี ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย ใช่เเล้ว ไม่ต้องสงสัย บาบาร์ทอส เป็นหญิงที่ชั่วร้าย
เราคนนี้กัดริมฝีปากและเข้าสู่การคำนวณทันที
……หากฝ่ายหญิงคนนี้สามารถมีหนทางเหนือกว่าทั้งบาร์บาทอสและมาร์บาสได้จริงในสถานการณ์ที่เราต้องต่อสู้กันได้ หากจอมมารคนอื่นๆ ที่ติดตามผู้หญิงคนนี้ ยอมรับการตัดสินใจอย่างเชื่อฟังในสถานการณ์ที่เรารวม ดันทาเลียน เข้ากันกับฝ่ายขุนเขาของเราหลังจากที่เป็นศัตรูกับเขามาโดยตลอดได้….
สถานการณ์และสมมติฐานทุกประเภทถูกคิดออกมาปะปนกันอย่างโกลาหล ในใจกลางของหมอกที่หายใจไม่ออกนั้น ประโยคเดียวก็ปรากฏขึ้นออกมาเป็นคำตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อกี้
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราเพิ่งได้เห็นคนที่มีความคิดแบบเดียวกับเรา
“……”
ความเงียบของเราคนนี้ยิ่งจมลึกเข้าไปอีก ไม่ใช่ความลึกของนักสืบที่กำลังมุ่งหน้าลงไปที่ดำลงไปด้านล่าง มันเป็นความลึกของคนที่ตะเกียกตะกายที่กำลังจมน้ำเพราะไม่มีก้นหรือขอบเขตให้เห็น เราเริ่มจะหลงทางแล้ว มันเริ่มหายใจไม่ออก
……เราคนนี้ ไพม่อน ต้องไม่แสดงอารมณ์ออกมา ต้องพิจารณาผลกระทบทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหากต้องเข้าไปปกป้อง ดันทาเลียน อย่างมีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้น แม้เราเชื่อในความเท่าเทียมกันของสามัญชนและขุนนาง เราก็รับทราบถึงความจำเป็นของชาวไพร่ด้วย คนที่เกิดมาอย่างอัปยศมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม่มดเป็นตัวอย่างของสิ่งนั้น อย่างไรก็ตาม ดันทาเลียน ได้ยอมรับแม้กระทั่งชาวไพร่พวกนั้นเช่นกัน วิธีคิดของเราแตกต่างกันเล็กน้อย เเต่คิดโดยรวมเเล้ว เราไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งเดียวกับ ดันทาเลียน ในระดับจิตใจนี่ ใจเย็นๆไว้. อารมณ์มันเป็นตัวทำลายเธอเอง ใจเย็นๆไว้. โอกาสจะมีมาเสมอ……
“เดี๊ยวก่อนนะ. ตอนนี้ข้านึกออกเเล้ว เราไปลาก ดันทาเลียน มาที่นี่ตอนนี้เลยได้มะ?”
บาร์บาทอสพูดออกมา
“คนพูดตอนนี้มันก็คือมนุษย์คนนั้น ดังนั้นเราก็ปล่อยเธอไปก่อนเเละไปเอาตัว ดันทาเลียน มาที่นี่เพื่อลงโทษซะ”
“เห็นด้วย ไปเอาตัวมันมา”
……
ไพม่อน.
เธอทำไม่ได้หรอก.
หันกลับมามองตัวเองเเล้วมองอย่างเป็นกลางก่อน เธอเป็นผู้นำของฝ่ายขุนเขา เธอครอบครองฝ่ายที่ใหญ่ที่สุดในกองทัพจอมมาร หากเธอไปกำหนดตำแหน่งของตัวเองตามแรงกระตุ้นอื่น อิทธิพลนั้นจะถูกครอบงำโดย จอมมาร คนอื่นๆ โดยตรงเป็นเเน่ ถ้าเธออยู่มานาน 500 ปี เธอควรจะตั้งสติซะ ยังมีไม่เพียงพออีกหรือที่มีจอมมารผู้ประพฤติตนเป็นเด็กตลอดกาลมีเพียงเเค่บาร์บาทอสเท่านั้นก็พอเเล้ว? ถูกต้องแล้ว ไพม่อน ใจเย็นๆไว้. เหตุผลที่เธอรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่เสมอเป็นเพราะเธอคิดว่าตัวเองกำลังทุกข์ทรมานจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ถ้าหายใจเข้าช้าๆ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง……
“เฮ้ นังกะหรี่”
“ฮะ?”
“ไอ้อีตัว ทำไมเเกถึงมาขวางทางข้าเเล้วไม่พูดห่าไรสักคำวะ”
บาร์บาทอส เงยหน้าขึ้นมามองเราจากด้านล่าง ใบหน้าที่หยาบคายซึ่งดูเหมือนจะถุยน้ำลายออกมาในทันที ยืนยันว่าเธอคือบาร์บาทอส
……เอ๊ะ?
เราเดินมาตรงนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่?
เราจำไม่ได้ว่าเดินมาตรงนี้นี่ เห็นได้ชัดว่าเรากำลังยืนอยู่อีกฝั่งเมื่อวินาทีที่แล้ว เเต่ตอนนี้ เราคนนี้กำลังขวางทางของ บาร์บาทอส ที่กำลังไปหา ดันทาเลียนอยู่ แปลกมาก. นี่มันแปลกจริงๆ ถ้าเราไม่รีบหันหลังกลับไปละก็……
“ไอ้เวร พยายามเอาไขมันออกมาจากนมสะบ้างนะ เพราะไขมันเน่าๆที่ต้องลงพุงของเเกมันไปกองรวมอยู่ในนมเน่าๆของเเก มันเหม็นโว้ยมันมีกลิ่นเหม็นออกมา ไอ้กลิ่นที่ชวนให้อ๊วกเเทบตายมันเล็ดลอดออกมาเพราะหัวนมกลวงๆที่เปิดอยู๋ของเเกนี่เเหละ”
“……”
ตัวเราได้โปรด.
คิดอย่างมีเหตุผลสิ
ไม่เอาอารมณ์มาเกี่ยวข้อง
“เฮ้. เฮ้. ถอยไปสิวะ. จะถอยหรือไม่ถอยกัน? เเกเป็นบ้าไปแล้วเหรอวะ? ไอ้หน้าส้นตีน—”
“คนที่ส่งกลิ่นเหม็นของหน้าอกมันเธอไม่ใช่หรอกเรอะ บาร์บาทอส? เราไม่คิดว่าเธอจะมาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเธอมันเตี้ยม้อต้อ แต่หลังจากดูวันนี้อีกที หน้าอกของเธอก็เล็กจนเราคิดว่าเป็นผู้ชายเสียอีก ลองทำสัญลักณ์ให้หน่อยสิ สัญลักณ์ที่บอกว่าเธอมีเครื่องเพศที่บอกว่าเป็นผู้หญิงน่ะ? ใช่เเล้ว. เช่น ลองเขียนคำว่า “ฉันเป็นโสเภณี” เป็นตัวอักษรสีเเดงลงกลางหน้าผากดีไหม ลองทำตอนนี้เลยก็ได้นะทำเลยเถอะจะได้ชัดเจนกันไปเลย?”
อ๊า.
อ๊าาาาาาาาา.
ร-เราไม่ได้ต้องการพูดเเบบนี้นี่!
เราไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมาด้วยความต้องการเสียหน่อย!
ร่างกายของเรา ร่างกายที่เคลื่อนไหวไปเองเมื่อวินาทีที่แล้ว ตอนนี้มันกำลังควบคุมปากของเราอยู่และกำลังขยับลิ้นของเราด้วยความตั้งใจของมันเอง ใช่เเล้ว. มันเป็นความจริง นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเรา แต่ว่า—
“พูดอะไรไร้สาระ? อีกะหรี่ต๊อกต๋อยมันเป็นเเกต่างหาก มีคนเคยมาบอกข้าว่ามีปีศาจจำนวนหนึ่งหายไปเพราะมันหายเข้าไปในรูของเเกและหาทางออกมาไม่ได้ มีถึงเกือบ 200 คนเลยในปีนี้ นี่คงเป็นคือเหตุผลที่ท้องของเเกหย่อนย้อยเพราะท้องน้อยของเเกเเดกคนไปตั้ง 200 คนเลยจริงไหมล่ะวะ? โสเภณีทั่วๆบอกว่าพวกเธอเเค่ ‘กิน(เย็ด)ผู้ชาย’ แต่เเกนี่เเม่งอุดมสมบูรณ์ไปหน่อยนะเพราะเเกกระเดือกผู้ชายเข้าไปจริงๆ?”
—ไอ้กระดูกหมาที่รูปร่างเป็นเด็กหญิงเหี้ยนี่
อยากตายนักใช่ไหม?
“ทำไมอีเด็กกะโปก ที่เเม้เเต่ก็อบลินยังไม่อยากเเดกเเขนขาอีกทั้งยังป่วยเป็นลมบ้าหมู ถึงยังดันทุรังพยายามที่จะเริ่มต่อสู้กับผู้หญิงคนนี้โดยที่ไม่รู้ว่าควรวางตนไว้แบบไหนกัน? หืม? คงเป็นเพราะหน้าอกที่แบนราบของเธอ ทำให้หัวสมองมันเเบนตามไปด้วยไหมล่ะ? ให้เราโกนหัวให้ไหมจะได้เห็นกันไปเลย ดูเหมือนว่าเธอยังต้องไปเรียนรู้ไปแก้ไขการแสดงตลกเหมือนสุนัขตั้งแต่วัยเด็กมาใหม่อีกนะ กลับมาหาเราอีกครั้งถ้าทำได้เเล้วกัน แม้ว่าเราจะเคยโกนหัวให้ไอ้พวกไร้สมองมาเมื่อ 300 ปีก่อนตอนพวกมันเสียสติ หากพวกมันตอนนั้นได้เข้าใจว่าหน้าอกของพวกมันมันน่าสมเพซขนาดไหน เเต่อย่างอย่างน้อยพวกมันก็ยังเอื้อมเอาปากของตัวเองไปแนบกับหัวนมได้และแสร้งเเกล้งทำเป็นว่ามีหน้าอกอยู่ ดูเหมือนเธอจะใช้ชีวิตได้ค่อนข้างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยใช่ไหม ถึงได้มีปี๊ปที่น่าอับอายคลุมหัวอยู่นี่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอเป็นเเค่ศพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา พวกมันจึงไม่มีห่าอะไรเลยสักกอย่าง ลูกน้องของเธอมันกลวงโบ๋ไปหมด และเธอมันก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่เราหาข้อยุติออกมาให้เธอได้มันก็มหัศจรรย์เกินพอเเล้ว ที่เราพูดออกไปเพียงเพราะเห็นเธอชอบมองไปที่ซากศพของเธอมันช่างงดงามเสียเหลือหลาย เเต่เพราะเธอยังเล่นกับซากศพอยู่ เธอก็เหมือนตายไปเเล้วส่วนหนึ่งใช่ไหมล่ะ?”
ผู้แปล:(พี่พอเเล้วพี่พอเเล้ว คนแปลแปลไม่รู้เรื่องเเล้ว)
“หึ้ยยย—?”
“จะมองหน้าเราทำซากอะไร”
เรากับบาร์บาทอสจ้องตากันอย่างดุเดือด คงจะคิดว่าที่พวกเราชอบสบถใส่กันเพราะไม่รู้วิธีคุยกันดีๆ? เพราะพวกพวกเรามีศักดิ์ศรีและมีเหตุผล สิ่งเหล่านี้เป็นการดำรงอยู่ที่แตกต่างไปจากคนปกติอย่างสิ้นเชิงซึ่งขาดทั้งหน้าตาและความรู้สึก
ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้า มันคือดันทาเลียนนั่นเอง เมื่อพบว่าเรากำลังสร้างความวุ่นวาย ดันทาเลียน ก็เข้ามาหาเราอย่างระมัดระวัง
“ขอประทานอภัยด้วย. การกล่าวสุนทรพจน์ของทั้งสองฝ่ายยังไม่สิ้นสุดลง ดังนั้นเเล้วหากบาร์บาทอสกับคุณหญิงไพมอนสามารถเงียบลงไปชั่วครู่สักพักหนึ่งจะ……”
“เฮ้ ดันทาเลียน เเกมาได้ถูกจังหวะพอดีเลยว่ะ”
บาบาร์ทอส เขย่งปลายเท้าและมองไปยัง ดันทาเลียน เธอคงตั้งใจจับ ดันทาเลียน ทั้งๆแบบนี้และลงโทษเขา แม้ว่าพวกเขาจะกล่าวว่ามันจะเป็นอะไรมากไปกว่าการลงโทษเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ความเป็นทางการคือจุดเริ่มต้นของการลงโทษ คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะทิ้งมันไปงั้นเหรอ?
“ทำไมเเกถึงให้ไอ้มนุษย์ไปกล่าววจนะแบบนั้นฟะ? มาให้ข้าตบหน่อยดิ๊ ตอนนี้เข้าไปในกรงและสำนึกผิดในชีวิตของตัวเองไปก่อนซะ—”
“เงียบไปเลย บาร์บาทอส”
“……ว่าไงนะ?”
“เราบอกให้เงียบไง”
เราคนนี้เหยียดแขนขวาของตัวเองเข้าไปขวางไว้ระหว่าง บาร์บาทอส และ ดันทาเลียน ใช่เเล้ว เราขัดขวางเธอ ในที่สุดเราก็บล็อกเธอออกไป
ความสมเหตุสมผล? การคำนวณทางการเมือง? เราทิ้งสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดออกไป เมื่อนานมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตตามอารมณ์ของเธอเอง แม้จะเคยทำเช่นนั้นมา ผู้หญิงคนนี้ก็สามารถก่อตั้งกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในกองทัพของจอมมารมาได้ นั่นหมายความว่ายิ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้ทำตามอารมณ์ของตัวเธอมากเท่าไหร่ โชคชะตาก็ยิ่งพลิกผันมากขึ้นไปเท่านั้น การตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์เเล้ว เราจะไม่ยอมรับข้อโต้แย้งใดๆทั้งนั้นอีก
สำหรับตอนนี้ถ้าเราสามารถเห็นไอ้เด็กเหี้ยข้างหน้าเราบิดเบี้ยวใบหน้าของเธอได้เราก็พอใจกับสิ่งนั้นเเล้ว
“ต่อจากนี้ไปดันทาเลียน จะไม่ได้เป็นพันธมิตรของ ฝ่ายผืนราบ อีกต่อไป แต่จะเป็น จอมมารที่ได้รับการสนับสนุนจาก ฝ่ายขุนเขา ที่นำโดย ไพม่อนเเทน หากเธอยังต้องการลงโทษ ดันทาเลียน ก็ต้องได้รับความยินยอมจาก ฝ่ายขุนเขา หรือดำเนินการลงคะแนนอย่างเป็นทางการใน คืนวันวัลเพอร์กิสเสียก่อน”
“……ฮะ?”
“โอ้ที่รัก ตอนนี้เราคิดดีเกี่ยวกับมันแล้ว ขั้นตอนการยื่นเรื่องในคืน วัลเพอร์กิส ระหว่างสงครามนั้นยุ่งยากและซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ ช่างโชคร้ายเหลือเกิน บาร์บาทอส เธอต้องกลับไปอย่างขมขื่นในขณะที่ยกหน้าอกอันขื่นขมนั้นไว้ก้บตัวเสียเเล้วล่ะ”
“เเก…… ไพม่อน เเกกำลังพูดบ้าอะไรอยู่?”
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
ผู้หญิงคนนี้ยิ้ม อันที่จริง ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดตามแต่ลิ้นของเธอขยับไปเองในขณะที่เลือดสูบฉีดไปที่ศีรษะของเธอเป็นจำนวนมาก เราไม่สามารถเรียบเรียงสิ่งที่กำลังพูดออกไปได้อย่างถูกต้องด้วยซ้ำ มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงคนนี้ที่จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เธอโกรธ
“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สมบัติของเธออีกต่อไปเเล้ว”
ผู้หญิงคนนี้ชี้ไปทาง ดันทาเลี่ยน ด้วยขอบพัดของเธอ
“ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายของเราแล้ว” (“He is now mine.”)
“…………”
ใบหน้าของบาร์บาทอสเริ่มบิดเบี้ยวอย่างช้าๆ
มันถูกต้องแล้ว. นี่ไง. หากผู้หญิงคนนี้สามารถเห็นใบหน้านี้ได้ แสดงว่าเธอสามารถทนต่อทั้งการทรมานและการปรามาสได้ อ่า จริงด้วย อวัยวะภายในทั้งหมดของเรารู้สึกสดชื่นขึ้น เหตุใดจึงต้องอยากต่อต้านสตรีผู้นี้ด้วยความสามารถเพียงเล็กน้อยที่ตนมี และแสดงความโง่เขลา ความไม่รู้ ความประมาทเลินเล่อของตนออกมาอวดเบ่งไปทั่วอย่างไม่มีปิดบังกัน? เพื่อให้บาร์บาทอสได้เข้าใจอย่างถ่องเเท้เเล้วนั้น……
…………อาระ?
เรามองไปรอบๆตัว ด้วยเหตุผลบางอย่าง เหล่าจอมมาร รอบตัวเราเหมือนถูกแช่แข็งดั่งรูปปั้น รู้สึกราวกับว่าอากาศอุณหภูมิได้เย็นเยียบลง
………เมื่อกี้นี้เราคนนี้เพิ่งพูดว่าอะไรออกไปนะ?
FIN
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ก็จบลงไปเเล้วสำหรับเล่ม 3 เเถมทิ้งทวนไว้แบบงงๆ ว่าจะเอาไงต่อดีกับดันทาเลียน จะย้ายฝั่งไปอยู่กับขุนเขาเบิ้มๆที่ชอบไหมไหนจะโดนลงโทษหรือเปล่า เเล้วไพม่อนนี่ดมกาวไปกี่ป๊องกันเนี่ยในใจกับร่างกายถึงตีกันขนาดนั้น5555 หรือจริงๆเเล้วจะเหลี่ยมใส่ทุกคนอีกที…..ก็ยังไงก็เเล้วเเต่ขอบคุณที่ติดตามกับมาตั้งเเต่แปลเล่ม 3 แปลรู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้างก็ยังมีคนตามอ่านอย่างน้อยผมก็แปลจนจบเล่มได้ล่ะนะ ผมยังคงยืนยันคำเดิมเหมือนที่เพิ่งเริ่มแปลในเว็บ นายท่าน ถ้าคนแปลคนเก่าอยากกลับมาแปลก็จะหลีกทางให้เพราะผมชอบสำนวนการแปลคนเดิมเเละจะแปลเล่ม 4 ต่อไปเลยนะครับ เอาเถอะทิ้งทวนกันเเค่นี้ก็คงพอละ ไว้เจอกันใหม่เล่มหน้า
ชานมหรอไม่เเดกเเล้วเดี๊ยวไขมันไม่ลงพุงไปลงนมเหมืนไพม่อน…..ว่าไปนั่น5555555555