Dungeon Defense - ตอนที่ 15 ปูทาง 10 สายเพื่อรับเงินมากมาย(5)
“เจ้าหนุ่ม ไม่สิ สหายวัยเยาว์ ขอถามสักคำถามเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้หน่อยได้ไหม?”
ชายคนนั้นถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชื่อของเขาคือ ฮอร์ค เขาเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ในคราวนี้
เขาไม่ได้ซ่อนสีหน้ากังวลเลยแม้แต่น้อย
“ข้าเกรงว่าจะทำให้นายต้องนึกถึงความทรงจำแย่ๆ”
“มะ ไม่เป็นไรครับ ทุกคนคือผู้ช่วยชีวิตผม”
“แม้จะยังหนุ่มยังแน่น แต่มารยาทดีเหลือเกิน”
ฮอร์คดูจะพอใจมากตอนที่หันไปพูดคุยกับพรรคพวกของเขา
“มันคงจะดีมาก ถ้าไอ้เวรนั่นฉลาดเท่าหมอนี่”
“แกพูดอะไรของแกน่ะ? อย่างน้อยเฟลิก ลูกชายข้าก็ได้รับการศึกษาแล้วนะ
แต่ก็นั่นแหละ มันเลยเป็นอะไรที่สูญเปล่าด้วย เฮ่อออ.”
“เด็กๆสมัยนี้นี่ ไม่รู้จักมารยาทกันเสียบ้างเลย”
ออกจะเป็นเรื่องตลก หัวข้อที่ว่า เด็กๆสมัยนี้หยาบคาย ไม่มีมารยาทนั้นเป็นหัวข้อที่พูดกันมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน แม้จะเป็นในโลกอื่นก็ตามที
“นายบอกว่า กลุ่มของนายถูกมอนสเตอร์โจมตี ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องขอถามว่า มอนสเตอร์ชนิดไหน และพวกมันมีจำนวนเท่าไหร่?”
“โกเลม มันเป็นหน่วยโกเลม มันมีจำนวน 14ตัว……”
“อะไรนะ? 14ตัวเลย!?”
นักผจญภัยแปลกใจและตกใจกันมาก
โกเลมนั้นเป็นมอนสเตอร์ที่นักผจญภัยแร๊งF ต้องใช้อย่างน้อย 5 คน เพื่อจัดการ การที่มีโกเลมถึง 14 ตนนั้นแทบจะเป็นการสั่งตายเสียด้วยซ้ำ เป็นเรื่องธรรมดามากที่พวกเขาจะตกใจ พวกเขาบุกเข้ามาในดันเจี้ยนโดยได้คิดไว้ก่อนว่า จะเป็นสถานที่ที่อันตรายขนาดนี้
“ฮึก ทีแรกก็มีโกเลมแค่ตัวเดียวที่โผล่มาให้เห็น แค่ตัวเดียว”
ผมเช็ดน้ำตา
“ปาร์ตี้ของผมไม่ได้แย่ขนาดที่จะแพ้โกเลมตัวเดียว พวกเราจัดตำแหน่งแล้วสู้ แต่ตอนนั้นเอง ที่โกเลมก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากอุโมงอีกฝั่ง!”
นักผจญภัยมองหน้ากันเองด้วยความวิตก ผมแอบยิ้มอยู่ข้างใน
ผมอาจจะขาดกำลังพลในการปกป้องดันเจี้ยน นักผจญภัยยังคงบุกเข้ามา
วิธีรับมือรับมือกับสถานการณ์น่าสิ้นหวังนั้นง่ายมาก ผมเลือกที่จะ ตอแหล ยังไงล่ะ
บางคนอาจจะบอกว่า ผมมันจอมเจ้าเล่ หรืออาจจะถึงขั้นด่าว่าผมเป็นจอมสิบแปดมงกุฏด้วยซ้ำ แต่วิธีการนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันถูกเรียกว่า ‘ไม่มีแสร้งเป็นมี’ ในตำราพิชัยสงคราม นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผมที่มีเพียงทักษะการแสดงเท่านั้น
‘ได้ผลทีเถอะ’
ปาร์ตี้ที่เข้ามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจบลงด้วยการถอยกลับไปหลังจากโดนหลอกด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของผม การที่ขอร้องให้ปาร์ตี้ระดับล่างรับมือกับโกเลม 14 คน มันออกจะเกินไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เชิงว่าได้ผลนัก มีบางครั้งที่มันไม่ได้ผลเหมือนกัน
หัวหน้าปาร์ตี้ที่ชื่อ ฮอร์คเปิดปากพูด
“เพื่อนรัก สหายเรา นี่เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก”
เขาแสดงสีหน้าจริงจังสุดๆ
“ข้าขอสาบานในนามของนาย ในฐานะเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาในหมู่บ้านเดียวกัน ในฐานะสหายผู้เคยได้ฝ่าฟันความลำบากยากแค้นมาเสมอ
ข้าได้เคยสัญญาว่าจะส่งเจ้ากลับไปเป็นๆ แล้วทุกคนต่างก็เชื่อมั่นใจข้า สำหรับเจ้าแม้จะเป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้าดันเจี้ยนแต่เจ้าก็ยังอยู่ที่นี่เพราะเชื่อข้า ต้องขอโทษด้วยที่ข้าไม่ได้คุ้มครองความปลอดภัยของเจ้า”
“ฮึก”
“เอาล่ะ ในเมื่อมีโกเลมอีกสิบกว่าตัว ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจาก……”
เหล่านักผจญภัยถอนใจ บางคนก็หันกลับไปยังทางที่เข้ามาด้วยซ้ำ
มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั้นต่างจากมอนสเตอร์ในป่าที่จะทำเงินได้มาก ขนหนังมอนสเตอร์จากดันเจี้ยนนั้นหรูหราราคาแพงกว่าหนังจากมอนสเตอร์ทั่วไป พวกเขาเอาชนะความกลัวแล้วบุกเข้ามาดันเจี้ยนเพื่อหวังรวยทางลัด แต่ความละโมบก็จะดับลงทันทีที่รู้ว่า กำแพงที่อยู่ตรงหน้านั้นมันสูงเกินจะปีนข้าม
“นับเป็นโชคดีที่ ชายหนุ่มผู้นี้แบ่งปันข้อมูลกับเรา แต่ความจริงที่เรารู้อาจไม่ได้ปกป้องเราจากความตายได้ แม้จะมีโอกาสเกิดปาฏิหารย์ขึ้นก็ตาม หากใครจะคิดหันหลังกลับไป ข้าไม่ห้าม แต่!”
ทันใดนั้นเอง เสียงเอฟเฟ็คก็ดังขึ้นทันที
「นักผจญภัยฝึกหัด ฮอร์ค สั่งใช้สกิล ‘สุนทรพจน์’」
‘เฮ้ย อะไรวะ!?’
ผมตกใจ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย
ผมรีบตรวจสอบสเตตัสของฮอร์คในทันที
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่อ: ฮอร์ค
เผ่า: มนุษย์ ฝ่าย: หมู่บ้านเลเวี่ยน
สถานะ: ดีงาม(+25)
เลเวล: 3 ชื่อเสียง: 2
อาชีพ: ชาวประมง(B+), นักผจญภัย(F)
ความเป็นผู้นำ: 20 อำนาจ: 15 ความฉลาด: 3
ไหวพริบ: 15 เสน่ห์: 10 เทคนิค: 10
ค่าความชอบ: 26
ความคิดตอนนี้: ‘โกเลม 14 ตัว ……อาจเป็นจำนวนที่ดูน่ากลัวนะ แต่!’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
‘แต่? แต่อะไรวะ!?’
มันเป็นไปได้ยังไงที่นักผจญภัยแร๊งFจะมีสกิลวะ? โกงกันชัดๆ
การที่ผมมีสกิล การแสดง ในฐานะจอมมารระดับF เนี่ย ยังไม่ถือว่า ผมเป็นจอมมารด้วยซ้ำมั้ง
ในฐานะคนติดเกม Dungeon Attack ผมยืนยันได้เลยว่า ไม่มีทางที่NPC แร๊งF จะมีสกิลแม้แต่NPCที่เป็นฮีโร่ ก็ยังเริ่มต้นด้วยการไม่มีสกิลอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับโลกนี้วะเนี่ย……?
‘นี่มันความยากระดับไหนกันวะ!?’
ฮอร์คนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง
“พวกเรามีครอบครัวที่พึ่งพาเรา เรามีภรรยาและลูกๆที่รอเรากลับบ้านด้วยริมฝีปากที่แห้ง พวกเขาจะอดทนรอได้นานแค่ไหนกัน? พวกลอร์ดที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้งทั้งหลายไม่คิดจะลดภาษีให้พวกเราหรอก ตั้งแต่สัปดาห์หน้าคนเก็บภาษีที่เป็นเหมือนปีศาจจะมาเก็บหาเราที่หมู่บ้าน พวกเราไม่มีเงินพอจะจ่ายได้แม้สักครึ่งของภาษีที่จะเก็บด้วยซ้ำ”
ทุกคนต่างเงียบกริบ ผมบอกได้เลยว่า พวกเขากำลังคิดถึง ครอบครัวตัวเอง
แม่งเอ้ย คนมีเมียมีลูกแต่เสือกทำตัวไร้เหตุผลนี่มันไม่ดีเลยแฮะ
“จริงอยู่ ที่การเอาชนะโกเลมทั้ง 14 ตัวมันเป็นไปไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น สหายทั้งหลาย จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าข้ามีแผน??”
“แผนเนี่ยนะ? จะมีแผนอะไรกันล่ะ?โกเลมตั้ง 14 ตัวแน่ะ
”ลองอีกในอีกมุมนึงดูสิ! พ่อหนุ่ม เมื่อครู่เจ้าบอกว่า มีโกเลม14ตัวใช่ไหม?”
ผมฮอร์คถาม ผมก็ผงกหัวตอบรับทันที
“ชะ-ใช่”
“แต่ไม่มีมอนสเตอร์อื่นอยู่ใกล้ๆเลยถูกไหม?”
“……ก็ใช่”
ฮอร์คก็ยิ้มกว้างทันที
“จุดอ่อนศัตรูเราอยู่ตรงนั้นไง ทุกคนก็รู้แล้วนี่ว่า ว่ามีแค่โกเลม 14ตัว อย่างที่รู้กันว่า โกเลมนั้นเชื่องช้ามาก หมัดมันอาจจะเร็ว แต่การเคลื่อนไหวของมันช้าสุดๆ เข้าใจอะไรนี่ไหม ถ้าเราถอยหลังแล้วจู่โจมมันนอกระยะพวกเราก็ไม่เป็นอะไร”
“เออแฮะ!”
“ใช่ นายพูดถูก!”
นักผจญภัยทั้งหลายต่างอุทานออกมา
ในขณะเดียวกัน ปากผมอ้าค้างกรามแทบจะไปชนพื้น เขาแม่งพูดถูกว่ะ!
“ถ้าที่นี่มีก็อบลินและแฟรี่ด้วย แผนของเราคงจะล้มเหลว แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่มันมีแต่โกเลมเท่านั้นก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่เลย ใช้ธนูของพวกเราสิ แค่ยิงธนูไปเรื่อยๆแล้วถอยหลังไปด้วย อาจจะใช้เวลานานไปหน่อย แต่สุดท้ายพวกเราจะกำจัดโกเลมได้ทั้งหน่วย”
นักผจญภัยทั้งหลายพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ราวกับว่า พวกเขาได้รับชัยชนะไปเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ย แกพูดถูกว่ะ! นี่มันทางแก้ง่ายๆเลยนี่”
“โล่งใจชะมัด ไม่ต้องกลัวเมียบ่นอีกแล้ว เอาจริงๆนะ เมียแทบจะฆ่ากูเลยล่ะ ถ้ากูกลับบ้านไปมือเปล่าอีกที”
แถบแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมา
「นักผจญภัยฮอร์คแห่งปาร์ตี้หมู่บ้านเลเวียน(F) ใช้สกิล ‘สุนทรพจน์’ ประสบผลสำเร็จ」
「กำลังใจของนักผจญภัยปาร์ตี้หมู่บ้านเลเวียน(F)เพิ่มขึ้นอย่างมาก!」
ผมแทบจะสบถออกมา ใครๆต่างก็รู้ว่า มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับต่ำ ก็คือ โกเลม แต่เพราะอย่างนั้น กลยุทธการตอแหลของผมถึงได้พังทลายไม่มีชิ้นดี
ผมนี่แม่งง่าวที่สุดในดินแดนนี้แล้วมั้ง จนอยากจะฆ่าตัวตายไปให้พ้นๆ นี่ถ้ามี หินงอกแหลมๆอยู่ในระยะ 1 เมตรผมคงเอาหัวไปกระแทกด้วยซ้ำ จริงอยู่ที่ผมมันโง่เขลานัก แต่เจ้านักผจญภัยที่ชื่อ ฮอร์คก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
มันอาจฟังดูง่าย แต่การที่กำจัดโกเลมทั้ง14ตัว ด้วยนักผจญภัยมือใหม่โดยใช้แค่เพียงหินและธนูนี่ไม่ใช่อะไรง่ายดายอย่างนั้น มันต้องอาศัยความกล้าหาญและความดื้อด้านอย่างมาก ซึ่งหัวหน้าปาร์ตี้ของพวกเขา ที่ชื่อ ฮอร์ค สามารถเติมเต็มสองอย่างนั้นด้วยการทำให้พวกเขานึกถึงลูกเมียที่บ้าน
‘นี่ถ้าผมมีสกิลดีๆแบบนั้นบ้างนะ’
ผมแทบอยากจะร้องไห้ออกมา เป็นไปได้ยังไงกันที่จอมมารจะห่วยกว่าNPCระดับต่ำสุด? ผู้เล่นที่อยู่จุดสูงสุดของDungeon Attackมาอยู่ ณ จุดนี้ได้ยังกันเนี่ย? ผมล่ะสงสัยกับชีวิตจริงๆ
แม้จะเสียใจแต่ผมก็พยายามดังตัวเองให้กลับมาหนักแน่น
มีคำกล่าวที่ว่า เป็นการดีกว่าหากเตรียมตัวไว้ในวันที่ฝนตก แม้ผมจะไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องจุดอ่อนโกเลม แต่ผมก็ได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้วเช่นกัน
“หัวหน้าฮอร์คครับ!”
ผมรีบคุกเข่า
“หืมม? นาย……?”
“ผมประทับใจในคำพูดของพี่สุดๆ! ขอให้ผมได้ร่วมปาร์ตี้กับพี่ด้วยนะครับ!”
รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของฮอร์ค ดูเหมือนเขาจะเจอปัญหาแล้ว แต่ผมก็ยังคงตะโกนต่อไปอย่างสิ้นหวัง
“ผมยังมี……ผมยังมีครอบครัว น้องสาวอีกสามคนและแม่ที่แกกำลังรอผมกลับบ้าน……ผมไม่มีปัญญาหาเงินมาชดเชยได้เกือบ 3 เดือนแล้ว…… หมู่บ้านของเรา เจอประสบกับภัยแล้งเมื่อปีที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่า พวกเราจะรอดได้กี่คน”
“อืม นายเองก็ลำบากเหมือนกันนะ”
“ก็เหมือนทุกคนแหละครับ ผมบุกลงไปดันเจี้ยนบ้านี่เพราะชีวิตมันยากแค้นเกินอดทนไหว และอยากจะหาเงินด้วย สหายทุกคน ชายจากหมู่บ้านเราถูกฆ่าหมด ครอบครัวผมอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ครอบครัวของชาวบ้านคนอื่นล่ะ……? ถ้าผมไม่ได้อะไรกลับไปล่ะก็ ถ้าเป็นอย่างนั้นคนในหมู่บ้านเราคง คนในหมู่บ้านของเราก็คง……”
บรรยากาศกลับเคร่งขรึม มีเพียงเสียงร้องไห้ของผมที่สะท้อนไปมาในถ้ำ มันเป็นภาวะที่ตกอยู่ในความเงียบงัน
“นายน่ะ ….ความจริงแล้วนายน่ะ”
ฮอร์คสูดน้ำมูก
“โอ้ เจ้าช่างเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปเลย! ข้าน่ะคิดแต่เรื่องครอบครัวตัวเอง แต่เจ้ากลับนึกถึงเป็นห่วงคนทั้งหมู่บ้าน …… ช่างเป็นเด็กหนุ่มผู้มีใจสูงส่งเหลือเกิน งดงามมาก! ตลอดช่วงอายุ 45 ปีของข้า ฮอร์ค ไม่เคยรู้สึกอับอาบขนาดนี้มาก่อน! แค่คิดว่า เด็กหนุ่มอย่างเจ้าจะกลายเป็นผู้นำรุ่นถัดไปที่จะบุกตะลุยดันเจี้ยนก็เปี่ยมไปด้วยความหมายแล้ว!”
เขาจับไหล่ผมแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ในจมูก
“ใช่ ใช่! พวกเราไปด้วยกัน พวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้ว! พวกเราต่างอยู่ในโลกใบต้องสาปใบเดียวกัน ทุกคนต่างต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ใช่ไหมล่ะสหายเรา แล้วนายคิดว่ายังไง?”
“ถ้านายไม่คิดอย่างนั้น ข้าก็คงเสียใจน่าดู”
“เราคือ คนใจกว้างแห่งผู้บ้านเลเวียน! หากพวกเราไม่ยอมทำตามที่เจ้าหนุ่มที่พูด เราคงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปต่อ”
นักผจญภัยตบไหล่ผมขณะที่เดินผ่านไปทีละคน พวกเขาสบตาก่อนจะผงกหัวอย่างแน่วแน่
ผมพยักหน้าตอบกลับไป แม้จะเงียบแต่พวกเขาก็กำลังสื่อสารกันอยู่ ผมดึงขวดเหล้าออกมาจากกระเป๋า
“วันดีๆอย่างนี้จะไม่มีเหล้าได้ยังไงกันล่ะ นับเป็นโชคดีมากที่ผมเป็นคนหิ้วของในปาร์ตี้ แม้ทุกคนจะกินได้เพียงหนึ่งจิบ แต่ปริมาณมันไม่สำคัญไม่ใช่เหรอ เรามาตั้งปณิธานร่วมกันก่อนออกรบกันเถอะ”
ใช่เลย! ใช่เลย! นักผจญภัยคนอื่นๆต่างตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ผมส่งขวดไป แล้วนักผจญภัยแต่ละคนก็จิบกันคนละครั้งก่อนจะส่งไปให้อีกคน
ตั้งแต่โบราณแล้วที่เหล้าถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสงคราม แอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยก็สามารถปลุกใจได้
“คราวนี้เจ้าละ ไอ้หนุ่ม เป็นคนสุดท้าย”
ฮอร์คส่งขวดให้ผม ผมรับมาอย่างสุภาพและเทใส่ปาก ฮอร์คเห็นผมทำอย่างนั้นก็ชูมือขึ้นมา
“พวกเราจะชนะ!”
“โอ้ววววว!”
“พวกเราจะรอดชีวิตกลับไป!”
“โอ้วววววววววว━━!”
ตัวแจ้งเตือนบอกผมว่า ระดับกำลังใจพวกเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก แทบไม่ต้องบอก ผมก็รู้ได้เอง ชายตรงหน้าผมแทบจะตัวระเบิดด้วยความกระปรี้กระเปร่า ผมก็ร่วมตะโกน ส่งเสียงเชียร์อย่างดุดันด้วยจนพ่นเหล้าในปากออกมา
ขณะที่ทั้งคณะกำลังจะออกเดินทาง มันก็เกิดขึ้นทันที
“เอาล่ะ พวกเราเดินทางกันเถอะ…… ราจีฟ?”
นักผจญภัยคนหนึ่งก้าวเท้าออกไป เขาก็กลับล้มลงกับพื้นราวกับเท้าจมดินไป คนอื่นๆต่างตื่นตัวและเข้าไปใกล้เขา
“อ้าวเฮ้ย เกิดอะไรขึ้นน่ะ? จู่ๆเป็นอะไรไป!?”
บรรยากาศเปี่ยมไปด้วยกำลังใจหาบวับไปกับอากาศ มีเพียงคลื่นความสับสนเข้าครอบงำทั้งผอง
แต่นั่นก็เป็นแค่จุดเริ่มต้น
“ห-หาาา?”
“ดิน พื้นดินมัน……?”
ไม่กี่วินาที นักผจญภัยต่างล้มลงทีละคน ละคน แล้วคนสุดท้ายก็คือ ฮอร์ค เขารู้สึกงุนงงกับความอลหม่านตรงหน้า
ผมครบหนึ่งนาทีก็มีแค่ผมคนเดียวที่ยังคงยืนหยัดอยู่
“แหวะ”
ผมบ้วนน้ำลายออกมาจากปาก แล้วเอายาแก่พิษที่เตรียมไว้แล้วเคี้ยว ผมเตรียมไพ่ตายเอาไว้แล้ว และมันเป็นความคิดที่ดี
ผมควักมีดขึ้นมาแล้วเดินเข้าไประหว่างนักผจญภัย
ฉึก! ฉึก!
แต่ครั้งที่เดินผ่านร่างนักผจญภัย ผมก็จะแทงมีดสั้นเข้าไปที่คอของพวกเขา มันเป็นความตายที่ไม่มีเสียงร้องไห้ ความหวาดกลัว หรือความตกใจตามมา แม้บางคนจะมีภูมิต้านยาพิษได้แต่เขาก็ทำได้แค่ครางอยู่บนพื้น ถึงอย่างนั้น การครวญครางก็ไม่ได้หยุดมีด มีดในมือผมยังคงเฉือนคงพวกพวกเขาต่อไปอย่างไร้อุปสรรค
……ผมไม่อยากทำอย่างนี้เลยนะ
พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นมนุษย์นิสัยดี ใช่แล้วล่ะ มนุษย์ เผ่าพันธุ์ที่เป็นภัยคุกคามกับจอมมาร
หากเขาอยากจะรอด ผมก็ต้องตาย
หากผมอยากจะรอดรอด พวกเขาก็ต้องตาย
ผมเป็นคนที่รอด มันก็แค่นั้น
ผมหยุดอยู่ตรงหน้าร่างของฮอร์ค
“มันคงดีกว่านะ ถ้านายยอมกลับไปน่ะ,หัวหน้าฮอร์ค”
ผมแทงคอเขา ผมรู้สึกได้ว่า ใบมีดนั้นแทงทะลุกล้ามเนื้อแล้วขูดกับกระดูก
ผมเงยหน้าขึ้นจ้องมองเพดานถ้ำชั่วครู่
เพดานนั้นสูง ต่างจากท้องฟ้าด้านนอกที่ยิ่งสูงก็ยิ่งสว่างชัด เพดานของถ้ำนั้นยิ่งสูงกลับยิ่งมืด
ผมรู้สึกปวดหัว จึงถอดหมวกเหล็กราคาถูกแล้วโยนมันไว้ข้างๆ
เคร้ง แกร้ง เสียงเหล็กดังขึ้นเมื่อมันกระทบกับพื้น
“แม่งเอ้ย”
ผมสบถซ้ำแล้วซ้ำอีกขณะที่หยิบข้าวของออกจากศพทุกศพ ไอเทมทุกอย่างที่ได้สามารถนำไปขายได้ราคาดี
นี่ผมต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? โลกแบบนี้มันมีจุดจบจริงหรือ……?
พวกโกเลมและก็อบลินคงรับรู้อารมณ์ผมได้จึงมายืนข้างๆ พวกเขาไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
ในวันต่อมาหลังจากวันนั้น ลาพิสก็ได้มารับซื้อของพร้อมกับบอกเรื่อง โรคระบาดที่แพร่กระจายไปทั่ว
—-