Elixir Supplier - ตอนที่ 518
518 การเลื่อนตำแหน่งมีไว้สำหรับคนมีคุณธรรมเท่านั้น
“ตอนนี้ เธอคงจะสวยมากเลยล่ะสิ?” กั๋วซือหรงยกชาขึ้นมาจิบ
“เธอสวยมากเลยล่ะครับ แล้วยังสวยกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ” กั๋วเจิ้งเหอยิ้ม ไม่ว่าเขาจะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร เขาก็มักจะมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอ ทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่าเข้าหา และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายชื่นชมในตัวเขาอย่างมาก
“พอได้เห็นหน้าของเธอ นายก็เลยคิดจะแต่งงานกับเธออย่างนั้นเหรอ?” กั๋วซือหรงถาม ในฐานะของพี่สาวคนโต เธอคิดอยู่เสมอว่าเธอรู้จักน้องชายของตัวเองเป็นอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอกลับพบว่า เธอไม่เข้าใจความคิดน้องชายของเธออีกต่อไปแล้ว
“ใช่ครับ” กั๋วเจิ้งเหอไม่ได้ปฏิเสธ คงไม่มีใครอยากจะแต่งงานกับคนที่ใกล้ตายและหน้าตาน่าเกลียด โดยเฉพาะผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานแบบเขา
“ถ้านายพูดมันออกมาตอนที่เธอยังไม่ได้แกะผ้าพันแผลออกจากหน้า เรื่องมันก็คงง่ายกว่านี้มาก แต่ตอนนี้มันคงยากแล้วล่ะ” กั๋วซือหรงพูด
“ตอนนี้ ทุกคนในปักกิ่งต่างก็รู้กันหมดแล้วว่า องค์หญิงน้อยของตระกูลซูอาการดีขึ้นและยังงดงามราวกับนางฟ้า” กั๋วซือหรงถอนหายใจออกมา “ตระกูลซูก็เหมือนกับตะวันฉายแสงบนท้องฟ้า มีคนมากมายต้องการจะเล่นเกมส์นี้เหมือนกับนาย!”
กั๋วซือหรงเข้าใจความคิดน้องชายของเธอ สาวงามและอำนาจเป็นของสองสิ่งที่ผู้ชายให้ความสนใจ ถ้าหากเขาต้องทิ้งสิ่งใดไป มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะทิ้งสาวงามก่อน เพราะเมื่อใดที่มีอำนาจ ก็สามารถเป็นเจ้าของสาวงามได้ทุกเมื่อ เขาต้องการใช้ทรัพยากรของตระกูลซูเพื่อตัวเขาเอง และในเวลาเดียวกัน ซูเสี่ยวซวีก็เป็นสาวงามคนหนึ่ง มันก็ไม่ต่างกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“ผมได้ไปเยี่ยมเธอมาก่อนหน้านั้นแล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูด “เราเข้ากันได้ดีทีเดียว”
เขารู้ว่า ในช่วงเวลานี้มีคนไปเยี่ยมเยือนตระกูลซูมากกว่าปกติ แต่เขานั้นก้าวเร็วกว่าคนเหล่านั้นไปแล้วหลายก้าว เพราะเขาไปเยี่ยมเธอตั้งแต่ที่อาการของเธอเริ่มดีขึ้น แล้ว
เธอเป็นผู้หญิงสวยและเฉลียวฉลาด และเบื้องหลังของเธอก็คือตระกูลใหญ่อย่างตระกูลซู จะไปหาลูกสะใภ้ที่ครบเครื่องเท่ากับเธอได้จากที่ไหนอีก?
“พี่คิดว่ายังไงครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“นายไปบอกแม่ให้ไปคุยกับคุณซงสิ” กั๋วซือหรงพูด “นายได้บอกแม่แล้วรึยัง?”
“ยังเลย ผมอยากฟังความคิดเห็นของพี่ก่อนมากกว่า” กั๋วเจิ้งเหอพูด
ความคิดของเธอน่ะเหรอ? ฉันจะไปมีความคิดอะไรได้กัน? แต่เธอก็พูดออกมาว่า “พี่สนับสนุนนายอยู่แล้ว แต่นายก็ต้องคิดให้ดี เพราะถ้าเกิดคุณซงปฏิเสธขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ผมก็จะพยายามอย่างหนัก เพื่อให้เสี่ยวซวีชอบผม” กั๋วเจิ้งเหอพูด
กั๋วซือหรงจ้องหน้าน้องชายของเธอ เธอพูดออกมาอย่างลังเลว่า “ตอนที่พี่ไปเหลียนชาน พี่เจอพวกเขาด้วย”
“เหลียนชาน เมื่อไหร่เหรอครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“เมื่อสองวันก่อน” กั๋วซือหรงพูด
“พวกเขาไปหาหวังเย้าเหรอครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“ใช่” กั๋วซือหรงตอบ
“อืม เราจะจ้างเขาได้ไหมครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม เขาพอจะมีความคิดดีดีแล้ว
“มีหลายที่ที่คิดแบบนั้น” กั๋วซือหรงพูด “แต่สุดท้ายก็มีแค่ตระกูลซูเท่านั้น ที่สามารถทำความสนิทสนมกับเขาได้”
“ทำไม? เขาคิดจะหลีกหนีจากเรื่องการเมืองและผลประโยชน์เหรอครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“มันไม่ใช่การหลีกหนี แต่บางคนก็ไม่ชอบการถูกควบคุม แล้วเขาก็เป็นคนแบบนั้นด้วย” กั๋วซือหรงพูด “ถ้าเขาเข้ากับเรา เขาก็จะได้รับอะไรมากมายหลายอย่าง แต่เขาก็ต้องเสียอะไรไปหลายอย่างด้วยเหมือนกัน”
ตระกูลใหญ่สามารถมอบความร่ำรวย, สถานะ, โอกาส, และความสะดวกสบายได้ แต่คนเหล่านั้นก็จะถูกผูกมัดเอาไว้ด้วยกัน พวกเขาจะประสบความสำเร็จหรืออาจจะล้มเหลว พวกเขาจะสูญเสียอิสรภาพและพร้อมถูกเรียกตัวอยู่ตลอดเวลา ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่หวังเย้าต้องการ ดังนั้น เขาจึงไม่คิดที่จะตอบรับข้อเสนอของตระกูลเหล่านั้น
“พี่อยากได้ทางออกไหมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขามีคนในครอบครัวอยู่หรอกเหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายคิดจะทำอะไร?” หลังจากได้ยินคำพูดนี้ กั๋วซือหรงก็ขมวดคิ้ว “ฉันเคยบอกกับนายตั้งแต่ที่นายเหยียบเท้าลงไปบนถนนสายนั้นแล้วว่า นายควรวางแผนให้ดีและทำเรื่องลับหลังให้น้อยลง การเลื่อนตำแหน่งมีไว้สำหรับคนที่มีคุณธรรมเท่านั้น”
กั๋วซือหรงเคยเตือนน้องชายของเธอเรื่องนี้มาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง เธอเคยได้ยินข่าวลือเรื่องน้องชายของเธอมาบ้างว่า ตั้งแต่ที่เขาพอจะไต่เต้าขึ้นไปได้บ้างแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยและชื่นชอบการใช้กลโกงต่างๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
“ผมรู้ครับ พี่” กั๋วเจิ้งเหอตอบกลับด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“เอาล่ะ เรื่องที่เธอพูดไปต้องคิดให้ดีดี การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต” กั๋วซือหรงพูด
“ผมรู้ครับ พี่ แล้วเรื่องของพี่กับพี่ชื่อจิงล่ะครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้” กั๋วซือหรงยินดีกับเรื่องนั้น เธอจ้องหน้าน้องชายและพูดออกมาว่า “มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการเอาไว้ เรื่องมันเลยยุ่งยากนิดหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เขาถาม
“ไม่มีอะไรหรอก นายเปลี่ยนไปนะ” กั๋วซือหรงพูด
“เปลี่ยนไปเหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอยิ้ม
“ฉันเหนื่อยแล้ว” กั๋วซือหรงพูด
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไปพักเถอะครับ ผมก็มีเรื่องต้องไปทำเหมือนกัน” กั๋วเจิ้งเหอพูด แล้วลุกขึ้นยืน
ในตอนที่มองตามหลังน้องชายของเธอไปนั่น เธอก็คิดขึ้นในใจว่า เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!
ในอดีต เมื่อไหร่ก็ตามที่กั๋วเจิ้งเหอได้ยินว่า พี่สาวของเขาไม่ชอบอะไร เขาก็จะปล่อยให้เธอปฏิเสธสิ่งนั้นไป แต่ในตอนนี้ เขาเริ่มมีเหตุผลมากขึ้น เมื่อเข้าไปในถังย้อมสีขนาดใหญ่ เขาก็ถูกย้อมไปทั้งตัว หรือบางที นี่อาจจะเป็นนิสัยเดิมของเขาก็เป็นได้ และมันทำให้เธอกังวลเรื่องของเขามากขึ้นไปอีก
…
“เฉินเหล่า นี่เป็นสูตรยาที่ผมได้มาจากเขาครับ” หลังกลับมาจากเหลียนชานแล้ว หวูถงชิ่งก็ไปพบเฉินเหล่าเป็นอันดับแรก “คุณช่วยดูหน่อยได้ไหม?”
“สูตรนี้…” เฉินเหล่ารับมาดู “ฉันเคยเห็นสูตรยานี้มาก่อน และเคยใช้มันมาแล้ว”
“โอ้ ใช้กับซูเสี่ยวซวีเหรอครับ?” หวูถงชิ่งถาม
“ใช่ มันเป็นสูตรยาที่ได้ผลค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ใช่ยาที่ฉันให้นายไปหามา” เฉินเหล่าพูด “ยังมีสูตรยารักษาที่ดีกว่านี้เรียกว่า ซุปเป่ยหยวน มันใช้สำหรับเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกาย และได้ผลดีมากด้วย นายท่านตระกูลกั๋วก็ได้กินยานี้เหมือนกัน ซูเสี่ยวซวีก็ใช้มัน แล้วฉันก็ด้วย”
“ผมก็คิดว่าเป็นสูตรยาตัวนี้ซะอีก” หวูถงชิ่งพูด
“เขาจะยอมบอกสูตรยาแบบนั้นให้คนอื่นง่ายๆได้ยังไงกัน? ทุกครั้งที่เขาใช้ยานั้น เขาจะเตรียมมันมาก่อนล่วงหน้า แล้วนำยามาที่ตระกูลซูเพื่อรักษาเสี่ยวซวี” เฉินเหล่าพูด
เขาไม่ได้บอกรายละเอียดกับหวูถงชิ่งมากนัก
“มันเป็นความผิดของผมเอง เพราะผมไม่ได้พูดมันออกไปให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้น” หวูถงชิ่งพูด “แล้วยาตัวนี้จะใช้ได้ผลไหมครับ?”
“มันได้ผล” เฉินเหล่าพูด “หวูเหล่าสามารถใช้ยาตัวนี้ได้ แต่เธอต้องปรึกษากับหมอดูก่อน จะดีที่สุด ถ้าไม่ใช้มันคู่กับยาของแพทย์แผนตะวันตก”
หวูถงชิ่งพยักหน้ารับ “ผมต้องไปตรวจการที่จังหวัดฉี แล้วผมจะหาเวลาไปหาเขาอีกครั้ง”
“อีกครั้งเหรอ?” เฉินเหล่ารู้สึกประหลาดใจ
“เล่าปี่ไปเชิญขงเบ้งออกมาจากภูเขาถึงสามครั้ง ผมก็อยากจะแสดงความจริงใจของผมให้เขาได้เห็น” หวูถงชิ่งพูด “ขอแค่เขาสามารถรักษาพ่อของผมได้ จะให้ผมไป 10ครั้ง หรือ 100 ครั้ง ผมก็จะทำ อย่าว่าแค่สามครั้งเลย!”
“อืม เขามีจิตใจที่บริสุทธิ์จริงๆ” เฉินเหล่ายิ้มและลูบเคราของเขา นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไมเขาถึงได้ยินดีสานสัมพันธ์กับคนตระกูลนี้ มันคือ “ความประทับใจ”
…
เหลียนชาน กรมสาธารณะสุขได้โพสบทความว่า “10 สุดยอดหมอที่มีชื่อเสียง”
มีคนไม่มากที่สนใจโพสนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงการแพทย์ พวกเขาจึงคุ้นชื่อของหมอที่มีชื่อเสียงในเขต
“ฉันรู้จักหมอจ้าว เขารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้เก่งมากเลยล่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด
“ฉันเคยได้ยินชื่อของไดเรคเตอร์หลี่มาก่อน เขาเป็นกุมารแพทย์” เจ้าหน้าที่อีกคนพูด
“หืม ใครคือหวังเย้าเหรอ?” มีคนพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
คนในแผนกรู้จักหมอที่อยู่ในระบบเกือบทุกคน แต่พวกเขาแทบจะไม่รู้จักหมอที่อยู่นอกระบบเลย
“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด
ประกาศนี้ไม่ได้สร้างความยุ่งยากอะไรมากนัก แต่ทางแผนก็ยังได้รับจดหมายร้องเรียนอยู่บ้าง และคนที่ถูกตั้งคำถามมากที่สุดก็คือหวังเย้า
ในเมื่อข้อมูลที่แสดงรายละเอียดนั้นมีอยู่อย่างจำกัด คนทั้ง 10 จึงเป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงนี้อยู่แล้ว มีเพียงหวังเย้าและจางหมิงเต๋อเท่านั้น ที่ไม่ใช้คนที่ทำงานในแวดวงนั้น ชื่อเสียงของจางหมิงเต๋อในเขตนั้นค่อนข้างมากกว่าหวังเย้า ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่า เขามีอายุ 78 ปีและเป็นหมอมานานกว่า 50 ปีแล้ว จำนวนลูกศิษย์ของเขานั้นไม่น้อยกว่า 10 คน ในเขตเหลียนชานเล็กๆแห่งนี้ อายุการทำงาน 50 ปีก็ถือว่ามากพอที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้แล้ว เมื่อดูจากชื่อเสียงของเขาแล้ว จึงมีคนไม่มากที่สงสัยและตั้งคำถามในตัวเขา
หวังเย้านั้นต่างออกไป ถึงแม้ว่าเขาจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็นที่รู้จักได้แค่ไม่นาน
“ไดเรคเตอร์ คุณคิดว่ายังไงครับ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถาม
“มันไม่มีหลักฐานชัดเจน ก็แค่ข่าวลือ ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขาหรอก” ไดเรคเตอร์พูด
เพียงแค่เท่านี้ เรื่องทุกอย่างก็เป็นอันจบ ความจริงแล้วมันคือการตัดสินใจของหัวหน้าเขต พวกเขาจึงต้องทำตาม
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เจ้าหน้าที่ในแผนกต่างก็รู้สึกสับสน บางครั้ง ความคิดเห็นของพวกเขาก็ถูกจำกัดเอาไว้