Elixir Supplier - ตอนที่ 521
521 พูดถึงชายหนุ่มที่โดดเด่น
หวูถงชิ่งคิดในใจ เม็ดยาจิ่วเฉาเหรอ?
“เขาให้เธอมากี่เม็ดเหรอ?” เฉินเหล่าถาม
“สามเม็ดครับ” หวูถงชิ่งตอบ
“นั่นมันเยอะมากเลยนะ” เฉินเหล่าพูดด้วยความประหลาดใจ
เขามองดูเม็ดยาในมือของหวูถงชิ่ง เขาอยากจะขอสักหนึ่งเม็ดเพื่อเอาไปทำการค้นคว้า แต่เขาก็ทิ้งความคิดนั้นไป
ยานั้นล้ำค่าเกินไป ครั้งก่อน เขาเคยเอายาสองชนิดของหวังเย้ามาวิเคราะห์ แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาไม่คิดว่าครั้งนี้จะต่างออกไป เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ เขาจะสามารถพบสมุนไพรที่หวังเย้าใช้ได้หรือไม่
หวังเย้าใช้สมุนไพรธรรมดาในการทำเม็ดยาจิ่วเฉาขึ้นมา ถึงเขาจะใส่สมุนไพรล้ำค่าอย่างโสมและหลินจือลงไป แต่เขาก็ไม่ได้ใส่สมุนไพรรากอย่างชานจิงและกุยหยวนลงไปด้วยเลย เฉินเหล่าสามารถวิเคราะห์ส่วนผสมของเม็ดยาจิ่วเฉาได้อย่างง่ายดาย แต่ความล้มเหลวทั้งสองครั้งที่ผ่านมา ได้หยุดยั้งไม่ให้เขาทำมันอีก
“ยาตัวนี้วิเศษจริงๆ” หมอประจำตระกูลหวูเอาแต่พูดไม่หยุด
อาการของชายขราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภายในเวลาแค่เพียงครึ่งวันเท่านั้น มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก ลูกๆของชายชราต่างก็ยอมรับในความสามารถของหวังเย้า พวกเขาล้วนคาดหวังให้พ่อของพวกเขามีอาการที่ดีขึ้น
ถ้ายาแค่ชนิดเดียวสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้ ถ้าตัวเจ้าของยามาเอง มันคงจะดีกว่านี้มาก
“ถงชิ่ง เขายังไม่ยอมตกลงมาที่นี่เหรอ?” พี่ชายของหวูถงชิ่งถาม
“ไม่ “ หวูถงชิ่งตอบ
“ทำไมล่ะ?” พี่ชายของเขาถาม
“เขาไม่ได้อธิบาย แต่พอได้คุยกับเขาหลายๆครั้ง ผมก็พบว่า เขาไม่ได้อยากจะมาที่ปักกิ่งสักเท่าไร” หวูถงชิ่งพูด
“นายได้คุยกับคุณซงรึยัง?” พี่ชายของเขาถาม
“คุยแล้ว เธอรับปากแล้วว่าจะช่วยพวกเรา” หวูถงชิ่งพูด
“ดี” พี่ชายของเขาพูด
…
ขณะเดียวกัน ภายในสวนของบ้านหลังหนึ่ง ซูเสี่ยวซวีกำลังเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท่าทีของเธอดูเหงาหงอยอย่างมาก
“เสี่ยวซวี ข้างนอกมันหนาว อย่าอยู่ตรงนั้นนานเกินไปสิจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงที่เดินออกมาจากห้อง ได้นำเสือกันหนาวคลุมลงไปบนตัวซูเสี่ยวซวี อากาศที่ปักกิ่งยังคงหนาวเหน็บ ถึงแม้ช่วงเวลาที่หนาวที่สุดจะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าอากาศจะอุ่นขึ้นเลย
“ค่ะ คุณแม่” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ลูกยังอยากออกไปข้างนอกอยู่เหรอจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ค่ะ หนูอยากจะออกไปเห็นข้างนอกบ้าง” ซูเสี่ยวซวีพูด
“เธออยากจะไปที่ไหนเหรอ?” น้ำเสียงอบอุ่นดังมาจากประตู ซูเสี่ยวซวีหันไปตามเสียงและเห็นชายหนุ่มที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเจิดจ้า เขาก็คือ กั๋วเจิ้งเหอ
“สวัสดีครับ น้าซง สวัสดี เสี่ยวซวี” เขาพูด
“สวัสดี เจิ้งเหอ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“เสี่ยวซวี เธออยากจะไปที่ไหนเหรอ? ฉันจะพาเธอไปเองง” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันแค่พูดออกมาลอยๆเท่านั้น อย่าคิดเป็นจริงจังเลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบ
เพราะการมาถึงของกั๋วเจิ้งเหอ ทำให้ซงรุ่ยปิงไม่กล้าปล่อยให้เขาตากลมหนาวอยู่ด้านนอกแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบเขามากนักก็ตาม
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“ขอบคุณครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“น้ายินดีที่เธอมาเยี่ยม แต่ไม่ต้องเอาของอะไรมาให้หรอกนะจ๊ะ เราคนกันเองทั้งนั้น” ซงรุ่ยปิงพูด
“แค่ของขวัญเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
เมดนำชามาเสริฟให้กับกั๋วเจิ้งเหอ
“เสี่ยวซวีดูอาการดีขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“ค่ะ ฉันดีขึ้นแล้ว แล้วฉันก็รู้สึกดีมากด้วย” ซูเสี่ยวซวีพูดอย่างมีความสุข
“เยี่ยมไปเลยนะ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
ซงรุ่ยปิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก ส่วนซูเสี่ยวซวีก็คุยกับกั๋วเจิ้งเหอเพียงสั้นๆเท่านั้น เธอดูไม่ค่อยสนใจที่จะพูดคุยกับเขามากนัก
“เสี่ยวซวี ถ้าเธออยากออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ ก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“ค่ะ ขอบคุณ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“เจิ้งเหอ ตอนนี้ก็ใกล้จะตรุษจีนแล้ว หวังว่าเธอจะจัดการงานทั้งหมดเสร็จทันเวลานะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“ครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
เขามีมารยาทดีมาก ซงรุ่ยปิงไม่สามารถจับผิดอะไรเขาได้เลย ท่าทางของเขาราวกับคนอายุ 40 มากกว่าที่จะอายุแค่ช่วง 20 ต้นๆ
“กั๋วเจิ้งเหอคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลย” ซงรุ่ยปิงถอนหายใจออกมา
“จริงเหรอคะ? แต่หนูกลับคิดว่า เขาธรรมดามากเลย” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยรอยยิ้ม
“ลูกคิดว่าเขาธรรมดาเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ค่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด” ซูเสี่ยวซวีพูด
“แล้วใครที่ลูกคิดว่าโดดเด่นล่ะจ๊ะ? คนแบบหมอหวังรึเปล่า?” ซงรุ่ยปิงถาม
“แน่นอนว่าหมอหวังคือคนที่โดดเด่นค่ะ ความจริง เขายิ่งกว่าโดดเด่นซะอีก” ซูเสี่ยวซวีพูด
“แล้วคนอื่นล่ะจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“มีคนที่โดดเด่นอยู่ตั้งเยอะนี่คะ อย่างพี่ชายของหนู พี่เฉินหยิง แล้วก็พี่เล่อเป่า” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ฮาฮา ลูกแม่สายตาดีจริงๆ” ซงรุ่ยปิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“กั๋วเจิ้งเหอใส่ความพยายามมากจนเกินพอดี” ซงรุ่ยปิงพูดอย่างจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึงกั๋วเจิ้งเหอต่อหน้าลูกสาวของเธอ กั๋วเจิ้งเหอนั้นปฏิบัติตัวดีกับคนในครอบครัวของเธอ ถึงเขาจะดูเหมือนเป็นมิตร แต่การใส่ความพยายามมากจนเกินพอดี ก็ไม่ได้เรื่องที่ดีนัก
ซูเสี่ยวซวีเพียงยิ้มตอบเท่านั้น
“เสี่ยวซวี ลูกมองไม่ออกเหรอว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่บ่อยๆ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“คุณแม่คะ หนูไม่ได้โง่นะคะ หนูรู้อยู่แล้วว่าเขามาทำไม” ซูเสี่ยวซวีตอบ
คนที่มีสมองหน่อยก็สามารถบอกแล้วได้ว่า กั๋วเจิ้งเหอทำแบบนี้เพื่ออะไร ซูเสี่ยวซวีเป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาด เธอเกิดและเติบโตขึ้นมาในตระกูลใหญ่ เธอจึงรู้จุดยืนของตัวเองดี
“แล้วลูกคิดยังไงกับเขาเหรอจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“หนูไม่ได้ชอบเขาค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ดีแล้วล่ะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวของเธอ ถูกภาพลักษณ์ที่อบอุ่นและอ่อนหวานของกั๋วเจิ้งเหอหลอกเอา เธอไม่สนใจว่าหน้าที่การงานของเขาจะเป็นยังไง แต่เท่าที่เธอรู้ กั๋วเจิ้งเหอไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับซูเสี่ยวซวี
…
ผ่านไปอีกวันหนึ่ง พ่อของหวูถงชิ่งดูเหมือนจะอาการดีขึ้น แล้วเขาก็กินยาเข้าไปแล้วครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
“ฉันจะไปเหลียนชานอีกครั้ง” หวูถงชิ่งพูด
“ฉันคิดว่า คุณจะต้องเข้าประชุมประจำปีซะอีก” ภรรยาของเขาพูด
“พ่อคือเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน แล้วฉันก็เป็นแค่รองผู้บัญชาการเท่านั้น” หวูถงชิ่งพูด
“ปีหน้า ผู้บัญชาการเหอก็จะเกษียณแล้วนี่คะ” ภรรยาของเขาพูด
“ฉันรู้” หวูถงชิ่งพูด
เขานั่งอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของรัฐบาล บางครั้ง เขาก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะเลื่อนตำแหน่งมากนัก เขาถูกผลักดันให้ต้องขึ้นไปอยู่บนจุดสูงเหนือผู้อื่น ซึ่งเขาไม่สามารถเลือกได้ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะพักหรือเกษียณเร็วๆ แต่เขาก็มีคู่แข่งอยู่มากมาย ถ้าเขาไม่รับตำแหน่ง ก็จะมีคนเข้ามาแทนที่เขาอย่างรวดเร็ว และศัตรูของเขาก็จะใช่โอกาสนี้เล่นงานเขา
…
มันใกล้จะถึงวันที่ต้องสักการะเทพแห่งครัวแล้ว ผู้คนต่างก็เริ่มตระเตรียมสิ่งของเพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองวันตรุษจีน
ในทุกๆปี จะมีการจัดฉลองวันตรุษจีน ซึ่งก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่ผู้คนก็ยังคงเฝ้ารอให้ถึงวันตรุษจีนอยู่เสมอ พวกเขาสามารถพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัว พวกเขาจะมีเวลาเพื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำในปีถัดไป มันเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม ซึ่งถูกสืบสานมานานนับพันปี
ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ต้องจับจ่ายซื้อของสำหรับวันตรุษจีน และทำความสะอาดบ้านในวันสิ้นปีตามปฏิทินสากล ในช่วงเวลานี้ของปี ทุกๆบ้านต่างก็ยุ่งวุ่นวายกันทั้งวัน
และบ้านของหวังเย้าก็เช่นกัน จางซิวหยิงก็กำลังวุ่นวายอยู่กับงานบ้านของเธอ ในวันหนึ่ง หวังเย้าไม่มีคนไข้มาเลยสักคน เขาจึงเลิกงานเร็วและกลับบ้านไปช่วยพ่อแม่ของเขา เขาจัดการเปลี่ยนผ้าม่าน ทำความสะอาดห้อง และเช็ดกระจก เขารับงานที่ต้องปีนป่ายมาทำเองทั้งหมด
“แม่ เรื่องของพี่กับพี่หมิงหยางเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“พวกเขาไปกันได้ดีทีเดียวล่ะ” จางซิวหยิงตอบ “เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเขาก็จะมาที่บ้านด้วย”
“จริงด้วยสินะ พวกเขาควรจะกลับมาที่บ้าน” หวังเย้าพูด
ตามประเพณีของหมู่บ้านนั้น ลูกเขยจะต้องนำของขวัญมาให้กับพ่อตาแม่ยายในช่วงเวลาพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์กับวันตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของปี ในฐานะลูกเขย เขาควรจะต้องแสดงความกตัญญูและนำของขวัญดีดีมามอบให้
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับถงเวยเหรอ?” จางซิวหยิงถาม “แม่ไม่ได้เห็นเธอมานานแล้วนะ”
หวังเย้าที่กำลังนั่งยองๆอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ได้หยุดชะงักงานที่ทำอยู่ “เธอออกทริปไปทำงานที่อเมริกาน่ะครับ”
“อะไรนะ? ไปอเมริกาเหรอ? ทำไมเด็กสาวๆแบบเธอถึงไม่คิดเรื่องแต่งงานบ้างนะ?” จางซิวหยิงอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้
“มันเป็นงานที่บริษัทของเธอสั่งลงมาน่ะครับ” หวังเย้าพูด
ความจริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว หวังเย้ารู้ว่าถงเวยเดินทางไปทำงานที่อเมริกา เพราะเห็นจากโพตส์ของเธอในวีแชท
“เธอไม่คิดจะกลับมาฉลองวันตรุษจีนเหรอ?” จางซิวหยิงถาม
“ถึงตอนนั้น เธอก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะครับ” หวังเย้าตอบ
“แล้วลูกจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอเมื่อไหร่ล่ะ?” จางซิวหยิงถาม
เธอเริ่มถามซักไซ้เรื่องความสัมพันธ์ของลูกชายและแฟนสาวของเขา ความจริงแล้ว จางซิวหยิงพอจะมองออกว่า ลูกชายของเธอไม่ได้ติดต่อกับถงเวยเป็นประจำ เธอเคยถามลูกชายเธอแล้วหลายครั้ง ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา เธอบอกได้ว่า พวกเขาอาจจะกำลังมีปัญหากันอยู่ เธอเคยพูดเรื่องนี้กับสามีของเธอ และเธอต้องการจะพูดกับลูกชายของเธออย่างจริงจังด้วย แต่เธอก็เปลี่ยนใจ
“ลูกของเราก็โตแล้ว ปล่อยให้เขาจัดการเองเถอะ” หวังเฟิงฮวาพูด
หลังจากที่จัดการทำความสะอาดตลอดทั้งเช้า หวังเย้าก็ทานอาหารกลางวันพร้อมกับพ่อแม่ของเขา แล้วพวกเขาก็กลับไปทำความสะอาดต่อในตอนบ่าย เมื่อหมดวัน บ้านก็ถูกทำความสะอาดจนน่าอยู่และสวยงามราวกับบ้านใหม่
ซุนหยุนเชิงที่มาเยี่ยมหวังเย้าในตอนเช้า ได้นำของขวัญมามอบให้เขาด้วย
“สวัสดีจ๊ะ หยุนเชิง” จางซิวหยิงพูด
“สวัสดีครับ ป้าจาง” ซุนหยุนเชิงพูด
“เข้ามานั่งข้างในก่อนสิจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด ตอนนี้เธอค่อนข้างสนิทสนมกับซุนหยุนเชิงกว่าแต่ก่อนมาก