Elixir Supplier - ตอนที่ 527
527 ความสุขในความประหลาดใจ
“มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า?” น้าของหวังเย้าถาม
“ผมมารักษาคนคนหนึ่งน่ะครับ” หวังเย้าพูด “แล้วน้าเขยไปไหนเหรอครับ?”
“เที่ยงนี้ เขาคงไม่กลับมาหรอกจ๊ะ เขาจะอยู่กินข้าวที่ที่ทำงานเลย” น้าของหวังเย้าพูด “เธอไม่ต้องเอาของมาให้ทุกครั้งที่มาหรอก แล้วพ่อแม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
“พวกเขาสบายดีครับ” หวังเย้าพูด “ตากับยายก็สบายดีเหมือนกัน น้าไม่ต้องห่วงเลย”
“แล้วเธอกินข้าวเที่ยงมารึยังจ๊ะ?” น้าของเขาถาม
“กินมาแล้วครับ” ความจริง หวังเย้ายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่เขาก็ไม่อยากจะรบกวนน้าของเขา แล้วตอนนี้ก็ช้าเกินกว่าที่จะเตรียมอาหารกลางวันแล้ว
“แล้วเธอจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ?” น้าของเขาถาม
“พรุ่งนี้ครับ” หวังเย้าตอบ
“ดูรีบร้อนจังเลยนะ” น้าของเขาพูด “ช่วงเทศกาลแบบนี้ คนเดินทางกันเยอะมา จะหาตั๋วกลับก็คงจะยาก เธอจะกลับเครื่องบินใช่ไหม?”
“คงจะอย่างนั้นครับ” หวังเย้าไม่ได้กังวลเรื่องการเดินทางกลับบ้านเลยสักนิด
เขาอยู่คุยกับน้าของเขาสักพัก แล้วจากนั้นก็ตรวจดูสุขภาพร่างกายของเธอ ร่างกายของเธอแข็งแรงดี จากนั้น หวังเย้าก็ขอตัวกลับ
“เราไปหาที่กินข้าวกันดีกว่าครับ” หวังเย้าพูดกับคนขับ
คนขับจึงขับรถพาหวังเย้าไปที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง “ที่นี่เหรอครับ?” หวังเย้าตกตะลึง
“คุณหมอไม่ชอบที่นี่เหรอครับ?” คนขับรถรีบถามขึ้นมาทันที มันเป็นสถานที่หรูหราและใกล้ที่สุดที่เขาสามารถพามาได้
“เราไม่ต้องกินในร้านที่หรูขนาดนี้ก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด “แล้วมันก็วุ่นวายหน่อยๆด้วย เราไปหาร้านเก่าสักร้านกันดีกว่าไหมครับ?”
คนขับจึงขับพาหวังเย้าไปที่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง เส้นทางที่เข้ามานั้นค่อนข้างคดเคี้ยว แต่ในร้านกลับมีคนมาทานเป็นจำนวนมาก
“อ้าว เสี่ยวหวูนี่นา วันนี้จะกินอะไรดีล่ะ?” พนักงานเสริฟถาม
“ว่าไง อาหลิน สบายดีนะ?” ดูเหมือนคนขับจะมาทานอาหารที่ร้ายนี้เป็นประจำ
“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ” พนักงานเสริฟตอบ “จะสั่งอาหารเลยไหม?”
“ยัง ขอดูเมนูก่อน” คนขับพูด จากนั้น เขาก็ส่งเมนูไปให้หวังเย้า
“คุณไม่ต้องทำตัวสุภาพขนาดนั้นก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด “ผมไม่คุ้นกับที่นี่ คุณเป็นคนสั่งอาหารดีกว่า เอาที่พอให้เราสองคนกินอิ่มก็พอ”
“ได้ครับ” คนขับสั่งอาหารมาหกจาน พร้อมกับซุปอีกสองอย่าง
“นั่นมันเยอะมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด “เรากินกันไม่หมดหรอก”
“อาหารของที่นี่ให้ไม่เยอะน่ะครับ” คนขับพูด
หลังจากนั้นสักพัก อาหารทั้งหมดก็ถูกนำมาเสริฟ พวกเขามีน่าตาน่าทาน และมีปริมาณไม่น้อยเลยทีเดียว
“ลองชิมดูสิครับ คุณชอบไหม?” คนขับถาม
“ครับ มันรสชาติดีมาก” หวังเย้ายิ้ม
“คุณชอบก็ดีแล้ว” คนขับพูด
ในขณะที่หวังเย้ากำลังทานอาหารอยู่นั้น ก็มีแขกสองคนเดินทางมาเยี่ยมที่ตระกูลหวู พวกเขาก็คือ เฉินเหล่าและหมอหลี่ ทั้งสองคือแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือสูงส่ง
“เขาได้กินยาแล้วเหรอ?” เฉินเหล่าถาม
“ใช่” หมอหลี่ตอบ
“ยังมีเหลืออยู่ไหม?” เหล่าเฉินถาม
“เหลืออยู่นี่โดสหนึ่ง” หมอหลี่พูด
“ไม่มีอะไรต้องสงสัยในตัวยานี้เองแล้วล่ะ” เฉินเหล่าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครั้งก่อนที่เอาไปวิเคราะห์ ได้อะไรมาบ้างรึเปล่า?” หมอหลี่ถาม
“ครั้งที่แล้วฉันล้มเหลว แต่ครั้งนี้ ฉันจะลองดูอีกครั้ง” เฉินเหล่าพูด
“ถ้าอย่างนั้น นายก็ควรจะลองดูอีกที” หมอหลี่พูด
ถึงแม้ทั้งสองจะดูเหมือนกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ แต่จุดประสงค์ที่มาในวันนี้นั้นชัดเจน พวกเขามาเพื่อดูอาการของหวูเหล่า ที่นอนหลับไปหลังจากได้รับการรักษาจากหวังเย้าในช่วงเช้า
เฉินเหล่าตรวจดูหวูเหล่าเป็นคนแรก “โอ้ ฉันนับถือเขาจริงๆ” หลังจากที่จับดูชีพจรของชายชราแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา
จากนั้น ก็เป็นตาของหมอหลี่ “มันทั้งแปลกและน่าอัศจรรย์มาก!” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายของความประหลาดใจ
หลังจากที่ตรวจดูอาการของหวูเหล่าเรียบร้อยแล้ว หมอหลี่ก็ต้องตกตะลึง “มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?”
“เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะครับ” หวูถงหรง ลูกชายคนโตของหวูเหล่าพูด เพราะตอนนี้พ่อของเขากำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ ตลอดหลายวันมานี้ มันเป็นเรื่องยากมากที่พ่อของเขาจะสามารถนอนหลับสนิทได้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อยากจะรบกวนการนอนของเขา
พวกเขาเดินออกมานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น
“อาการป่วยของพ่อเป็นยังไงบ้างครับ?” หวูถงหรงถาม
“เขาอาการดีขึ้น อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาก็ปลอดภัยเป็นการชั่วคราวล่ะนะ” เฉินเหล่าพูด
“ใช่แล้วล่ะ” หมอหลี่เห็นด้วย
“จริงเหรอครับ?” หวูถงหรงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกยินดีด้วยเช่นกัน นี่เป็นข่าวดีที่เขาเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว
“แน่นอนว่าเป็นความจริง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราสองคนจะโกหกเธอจริงไหม?” เฉินเหล่าพูด
“แต่ถึงอาการของเขาจะดีขึ้น แต่อาการป่วยของเขาก็ยังสามารถทรุดลงได้อยู่” หมอหลี่พูด
“แล้วถ้าได้รับยาต่อเนื่อง มันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะหายน่ะครับ?” หวูถงหรงถาม
“มันก็ต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการรักษาด้วย” หมอหลี่พูด “พวกเราทั้งสองได้ปรึกษากันดูแล้ว ฉันรู้สึกว่า ถ้าเขายังใช้ยาต่อไป มันก็มีโอกาสที่เขาจะหายดีได้ แต่คำถามก็คือ เขาจะทำยาให้เธออีกรึเปล่า?”
“เขาบอกว่า ตัวยามีราคาที่สูงมาก” หวูถงหรงพูด
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว การแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ดังนั้น ยาที่เขาขึ้นมาก็ต้องแพงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” หมอหลี่พูด “แต่เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาของเธออยู่แล้วนี่ คำถามของเธอก็คือ เธอจะใช้วิธีไหนเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับหมอหวังได้บ้าง”
“แล้วเขาไปไหนเหรอ?” เฉินเหล่าถาม
“เขาไปหาญาติที่อยู่ในตัวเมืองครับ” หวูถงหรงพูด
“อืม นี่ถือเป็นเรื่องดี” หมอหลี่พูด
…
หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จแล้ว หวังเย้าก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านพักรับรองของเขา จากนั้น เขาก็ออกไปที่บ้านของตระกูลหวู ในเวลานั้น หมอชราทั้งสองก็ได้กลับไปแล้ว
“เขาตื่นรึยังครับ?” หวังเย้าถาม
“เขายังหลับอยู่ครับ” หวูถงหรงพูด “ดูสิครับ”
เมื่อหวังเย้าเดินไปที่เตียง เขาก็เห็นว่า ชายชรายังคงหลับอยู่ ใบหน้าของเขาไม่ได้ซีดเซียวหรือไร้สีเหมือนอย่างครั้งแรกที่ได้พบกันอีกต่อไป มันมีสีชมพูระเรื่อ และการหายใจของเขาก็ดูสม่ำเสมอดี
หวังเย้าไม่ได้ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา เขาเพียงแค่นั่งอยู่ข้างเตียงและจับชีพจรของเขาดู “ตัวยาได้ผล แต่มันยังไม่จบแค่นี้”
หลังจากที่ตรวจอาการของชายชราเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็ปล่อยให้เขานอนกลับต่อไป
“ยายังคงออกฤทธิ์อยู่” หวังเย้าพูด “ไม่ต้องห่วงเรื่องที่จะให้เขากินยานะครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาอีกทีตอนสองทุ่ม”
“ได้ครับ ขอบคุณมาก” หวูถงหรงพูด
เขาเดินออกไปส่งหวังเย้าที่ประตูและมองดูเขาจากไป ก่อนที่จะกลับเข้าไปในตัวบ้าน
…
“พวกเขาเชิญหวังเย้ามาได้ใช่ไหม?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ค่ะ ฉันได้ยินมาว่า เขามาถึงเมื่อคืนก่อน” เฉินหยิงตอบ
“ดูเหมือนว่า อาการของหวูเหล่าตระกูลหวูจะถึงขั้นวิกฤตแล้วสินะ” ซงรุ่ยปิงพูด “ตอนนี้ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเสี่ยวซวีล่ะ”
“ค่ะ ฉันรู้” เฉินหยิงพูด
หลังจากที่ไปบ้านตระกูลหวูมาแล้ว หวังเย้าก็เดินทางไปที่กระท่อมที่เฉินหยิงดูแลอยู่
“เซียนเชิง มาที่นี่เหรอคะ?” เมื่อได้เห็นหวังเย้า เฉินหยิงก็มีความสุขมาก
“พี่กำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันกำลังดูแลดอกไม้ต้นไม่อยู่ค่ะ เขามานั่งข้างในก่อนสิคะ” เฉินหยิงพูด
ในตอนที่เขากำลังเดินเข้าไปด้านในนั้น อยู่ๆก็มีเสียงพูดดังขึ้นมาในหัวของเขา ‘ภารกิจ: รักษาโรคที่รักษาได้ยาก สำเร็จแล้ว!”
“สำเร็จแล้วเหรอ?” หวังเย้าตกตะลึง
“เซียนเชิง มีอะไรรึเปล่าคะ?” เฉินหยิงรีบถามขึ้นมาในทันที
“โอ้ ไม่มีอะไรครับ” หวังเย้าพูด
พวกเขานั่งอยู่ภายในตัวบ้านได้สักพัก
“เราไปหาเสี่ยวซวีกันเถอะครับ” หวังเย้าพูด
“ฉันจะแจ้งให้คุณผู้หญิงทราบเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เฉินหยิงรีบโทรไปหาซงรุ่ยปิงอย่างรวดเร็ว
แล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลซู ซงรุ่ยปิงออกมารอต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง พร้อมด้วยลูกสาวของเธอ หญิงสาวที่งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
“เซียนเชิง!” เมื่อได้เห็นหน้าหวังเย้า ซูเสี่ยวซวีก็มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
“เธอเดินได้แล้วสินะ!” หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ ที่ได้เห็นซูเสี่ยวซวีกำลังยืนเกาะอยู่ที่ประตู
“ค่ะ แต่ฉันยังยืนได้ไม่นานเท่าไหร่” ซูเสี่ยวซวีพูด
ที่ในกระท่อม ตอนที่เขาได้ยินเสียงพูดของระบบ เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าใครคือคนข้ารายที่สิบที่เขารักษาหาย ทั้งที่เขาเตรียมใจสำหรับบทลงโทษของระบบเอาไว้ตั้งแต่ก่อนมาปักกิ่งแล้ว เพราะในตอนนั้น เขาเหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น และยังเหลือคนไข้ที่ต้องรักษาให้หายอีกหนึ่งคน
รางวัลจากภารกิจนี้มีเยอะแยะมากมาย แต่บทลงโทษก็รุนแรงมากเช่นกัน เพราะเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ระบบนานถึงสามเดือน หวังเย้าได้เตรียมใจเอาไว้พร้อมแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้รับเซอร์ไพร์ที่น่าตกใจ เมื่อได้พบกับซูเสี่ยวซวีแล้ว เขาก็พอจะเดาได้ว่า คนไข้รายที่สิบที่เขารักษาหาย น่าจะเป็นเด็กสาวที่มีรอยยิ้มสวยราวกับดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้นี่เอง
“คุณจะอยู่ที่ปักกิ่งกี่วันคะ?” เธอถาม
“ฉันจะกลับวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ” หวังเย้าพูด
“ทำไมถึงสั้นจัง!” ซูเสี่ยวซวีรู้สึกผิดหวัง ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่า มันใกล้จะถึงเทศกาลตรุษจีนแล้ว ดังนั้น หวังเย้าจึงไม่สามารถอยู่ที่ปักกิ่งนานๆได้ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่า เวลาหนึ่งวันมันสั้นมากอยู่ดี
“เสี่ยวซวี นี่ก็ใกล้จะถึงตรุษจีนแล้ว หมอหวังก็ต้องมีเรื่องให้กลับไปทำที่บ้านบ้างสิจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงยิ้ม
“คะ เซียนเชิงคะ พอผ่านช่วงตรุษจีนไป ฉันอยากจะไปเรียนกันคุณค่ะ ได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“เรียน? เธออยากจะเรียนอะไรเหรอ?” หวังเย้ารู้สึกตกใจเล็กน้อย
แม่ของเธอก็ตกใจเช่นกัน เพราะเธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครมาก่อนเลย
“ฉันอยากเรียนวิธีการฝึกตนและเกี่ยวกับกำลังภายในค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“อ่อ!” หวังเย้าเข้าใจขึ้นมาในทันที
ในตอนที่เขารักษาซูเสี่ยวซวีอยู่นั้น เขาได้ทิ้งพลังฉีบางส่วนเอาไว้ในร่างกายของเธอด้วย เขายังได้ท่องบทความบางส่วนจากในคัมภีร์จื้อหรานให้เธอฟังด้วย มันคงจะเป็นพรที่พระเจ้ามอบมันให้กับเธอ
ถ้าหากจะหาคนบนโลกนี้ ที่เหมาะจะสอนซูเสี่ยวซวีฝึกกำลังภายในมากที่สุด คนคนนั้นก็คงจะเป็นตัวเขานั่นเอง
หวังเย้ามองดูสาวงามที่กำลังมองมาที่เขา ด้วยแววตาที่แสดงความกระตือรือร้นออกมา มันทำให้เขาปฏิเสธคำขอของเธอไม่ได้
“แน่นอน ถ้าเธออยากจะเรียนก็ได้” ในที่สุด เขาก็พูดออกมา
“เยี่ยมไปเลยค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีตะโกนออกมาด้วยความยินดี