Elixir Supplier - ตอนที่ 529
529 คนที่ใส่ความพยายามมากจนเกินพอดีนั้นเชื่อถือไม่ได้
“เยี่ยมไปเลย!” หวูถงชิ่งและพี่น้องของเขาต่างตื่นเต้นยินดี
หวูถงชิ่งและหวูถงหรงไม่ได้ไปทำงานในเช้าวันนี้ พวกเขาเฝ้ารอเพื่อที่จะได้พบกับหวังเย้า
หวังเย้าตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ กู้หยวนหยวนได้เตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้พร้อมแล้ว
“ขอบคุณครับ” หวังเย้าพูด
“ยินดีค่ะ” กู้หยวนหยวนพูด
เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร แต่นายจ้างได้สั่งให้เธอดูแลชีวิตประจำวันของเขาและทำให้เขาพึงพอใจในทุกเรื่อง โชคดีที่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ทำอะไรที่ล้ำเส้น
“คุณมีเรื่องอะไรในใจรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
เขาเห็นว่า กู้หยวนหยวนมักจะใจลอยอยู่บ่อยๆ เธอมีท่าทีคล้ายกับเฉินหยิงในช่วงแรกที่มักจะเหม่อลอย
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” กู้หยวนหยวนพูด ความจริงเธอมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ แต่เธอก็ไม่สามารถบอกกับเขาได้
“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ก็บอกมาได้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด
หวังเย้ารู้สึกขอบคุณที่กู้หยวนหยวนดูแลเขา มันทำให้เขารู้สึกติดหนี้เธอ และเขาก็ไม่ชอบติดหนี้ใครด้วย
กู้หยวนหยวนรู้สึกลังเล ฉันควรจะบอกเขาดีไหมนะ? บางทีเขาอาจจะช่วยฉันได้ แต่มันอาจจะทำให้เขามีปัญหาไปด้วย
“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก” กู้หยวนหยวนพูด
เมื่อเห็นว่า กู้หยวนหยวนไม่ได้กระตือรือร้นที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา หวังเย้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีก เขาไม่อยากจะไปคะยั้นคะยอเธอ
เขาออกไปจากบ้านตอน 8 โมงเช้า เมื่อเขาไปถึงบ้านตระกูลหวู ทุกคนในตระกูลล้วนกำลังเฝ้ารอเขาอยู่ภายในตัวบ้าน
หวูเหล่ามีลูกชายสองคนและลูกสาวสองคน
“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอหวัง” หวูถงชิ่งและพี่น้องของเขาต่างก็เชื่อมั่นในความสามารถของหวังเย้า และต้อนรับหวังเย้าอย่างอบอุ่น
“หวูเหล่าตื่นรึยังครับ?” หวังเย้าถาม
“ครับ เขาดูดีขึ้นมาก” หวูถงชิ่งพูด
หวังเย้าเดินเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการของชายชรา ที่ดูเหมือนอาการดีขึ้นมากแล้ว ดวงตาของชายชราเป็นประกายสดใส
“รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันรู้สึกดีมากเลยล่ะ” ชายชราพูด เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้ตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อคืนก่อน เขาสามารถนอนหลับสนิทและไม่รู้สึกเจ็บปวด อย่างที่เคยทรมานเขาเป็นเวลานาน
“ผมขอตรวจดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
“อืม” ชายชราพูด
หนึ่งคืนผ่านไป แต่ฤทธิ์ของตัวยาทั้งสองยังคงทำงานอยู่ และทำให้ชายชรารู้สึกดีขึ้นมาก
ซูเซี่ยงฮวากลับมาที่บ้านในตอนเช้า
“หลี่ถงซิ่วมาหาเมื่อวานค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูดกับสามีของเธอ
“อืม มีเรื่องอะไรเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“เรื่องการแต่งงานค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“การแต่งงานเหรอ?” ซูเซียงฮวาหยุดชะงักไปและขมวดคิ้ว “เสี่ยวซวีเหรอ?”
“ค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
ซูเซี่ยงฮวาเงียบไปพักหนึ่ง “เธอได้บอกกับเสี่ยวซวีรึยัง?”
“ยังค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“กั๋วเจิ้งเหอเป็นชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาด แต่เขาก็เจ้าเล่ห์เกินไป ถึงเขาจะดูดีและอ่อนโยน แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ฉันไม่คิดว่าเสี่ยวซวีจะเหมาะกับเขาหรอก” ซูเซี่ยงฮวาพูด
เขาเคยพูดเรื่องนี้กับภรรยาของเขามาก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อรู้ว่ากั๋วเจิ้งเหอสนใจในตัวลูกสาวของเขา เขาจึงได้เริ่มสังเกตดูพฤติกรรมของกั๋วเจิ้งเหอ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูลกั๋ว เขาพบว่า กั๋วเจิ้งเหอเป็นคนที่มีความสามารถ ฉลาด และเจ้าแผนการ ลักษณะนิสัยของเขาสามารถส่งให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้วตอนนี้ กั๋วเจิ้งเหอก็ยังอายุน้อยอยู่มาก ซูเซี่ยงฮว่าคิดว่า หากเขาอายุเท่ากั๋วเจิ้งเหอในตอนนี้ เขาคงจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เท่ากับกั๋วเจิ้งเหอ แต่เขาไม่คิดว่า นิสัยแบบนี้ของกั๋วเจิ้งเหอจะสามารถเป็นสามีที่รักถนอมภรรยาได้ เขาเพียงต้องการให้ลูกสาวของเขามีชีวิตที่มั่นคง เพราะเธอต้องทนทุกข์ทรมานเพราะโรคร้ายมามากเกินพอแล้ว เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวของเขาต้องเจ็บปวดอีก
เมื่อต้องยืนอยู่เหนือผู้คน ความมั่นคงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“ฉันเห็นด้วยกับคุณค่ะ ฉันก็เลยไม่ได้รับปากตกลงเรื่องแต่งงานกับเธอไป” ซงรุ่ยปิงพูด
“ความรู้สึกของเสี่ยวซวีที่มีต่อเขาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แล้วกั๋วเจิ้งเหอยังมาที่นี่บ่อยๆไหม?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“ค่ะ แต่ลูกสาวของเราดูเหมือนจะชอบคนอื่นอยู่น่ะค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“จริงเหรอ? เธอชอบใครอยู่เหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“คุณเอาแต่ทำงานทุกวัน คุณรู้เรื่องอะไรบ้างคะ? แต่คนนี้คุณก็รู้จักนะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“จริงเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“ค่ะ หมอหวังยังไงล่ะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“ใครนะ?” ซูเซี่ยงฮวาถามด้วยความประหลาดใจ
“หวังเย้าค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
ซูเซี่ยงฮวาเงียบไปพักหนึ่ง “เขาถือว่าไม่เลวเลย แต่…”
“เขาอยู่คนละระดับกับเราใช่ไหมคะ?” ซงรุ่ยปิงพูด
คู่แต่งงานที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในตระกูลใหญ่
“ใช่” ซูเซี่ยงฮวาพูด
“ขอบอกให้รู้ไว้ก่อนนะคะว่า เขาอาจจะไม่ได้ชอบลูกสาวของเราเลยก็ได้” ซงรุ่ยปิงพูด
“อะไรนะ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“ช่างมันเถอะค่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ตอนนี้หมอหวังอยู่ที่ปักกิ่ง เขาแวะมาที่นี่เมื่อวาน คุณคงคิดภาพไม่ออกหรอก ว่าลูกสาวของเรามีความสุขขนาดไหนที่ได้เจอเขาน่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“เขาพักที่กระท่อมของเราเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“เปล่าค่ะ เขามาเพื่อรักษาหวูเหล่า” ซงรุ่ยปิงพูด
ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็กำลังรักษาหวูเหล่า โดยการให้เขากินยาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้น เขาก็ทำการฝังเข็มรักษาต่อ หวังเย้าแทงเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มในบริเวณช่วงอกและหน้าท้องของชายชรา แล้วก็นวดรักษาเป็นการปิดท้าย
หลังจากจบการรักษา ก็มีเหงื่อไหลลงมาตามศีรษะของชายชรา
“การรักษาของวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ผมจะทิ้งยาเอาไว้ให้คุณ คุณรู้อยู่แล้วนะครับว่าต้องให้ปริมาณเท่าไหร่ต่อครั้ง” หวังเย้าพูด
หวังเย้าทิ้งซุปเป่ยหยวนกับยาอีกตัวหนึ่งไว้กับหวูถงชิ่ง
“ได้ครับ” หวูถงชิ่งรับยามาเก็บเอาไว้อย่างระมัดระวัง ยาทั้งสองชนิดนี้สามารถรักษาชีวิตพ่อของเขาได้
“ผมจะกลับบ่ายนี้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ผมจัดเตรียมเรื่องการเดินทางเอาไว้ให้พร้อมแล้วครับ” หวูถงชิ่งพูด
“โอเคครับ แล้วเจอกันตอนบ่ายนะครับ” หวังเย้าพูด
“หมอหวัง คุณสะดวกทานอาหารกลางวันด้วยกันไหมครับ? เราได้จองร้านอาหารเอาไว้แล้ว” หวูถงชิ่งพูด
“ไม่ดีกว่า ขอบคุณนะครับ ผมไม่ค่อยชอบกินกับคนเยอะๆเท่าไหร่น่ะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ…” หวูถงชิ่งพูดด้วยท่าทีอึดอัดใจ
“แล้วเจอกันนะครับ” หวังเย้าพูด แล้วจึงเดินออกไปจากตัวบ้าน
“อวดดีจริงๆ” หญิงวัย 40 คนหนึ่งบ่นออกมา
“เงียบซะ” ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงตะคอกใส่เธอ
“พ่อคะ” หญิงวัยกลางคนพูด
“ทำไมเขาจะต้องกินข้าวกับพวกแกด้วย? พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ฉันเคยสอนไว้ว่ายังไง? อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเหนือคนอื่น เพียงเพราะพวกแกเป็นลูกของฉัน ไม่เห็นหรือยังไงว่ามีกี่ตระกูลแล้วที่ต้องล้มลงไปน่ะ?” ชายชราตำหนิลูกสาว
“หนูขอโทษค่ะพ่อ อย่าโกรธเลยนะคะ” ลูกสาวของชายชรารีบพูดขอโทษในทันที เธอไม่ได้อยากจะให้พ่อที่เพิ่งจะอาการดีขึ้นต้องอารมรณ์เสียเพราะเธอ
“พวกแกไปกันได้แล้ว ถงหรงกับถงชิ่งอยู่ที่นี่ก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ชายชราพูด
หลังจากที่หวังเย้ากลับออกไปจากบ้านตระกูลหวูแล้ว เขาก็ไปพบกับเฉินหยิง พวกเขาพากันไปที่โรงพยาบาลที่เฉินโจวรักษาตัวอยู่
“มันไม่มีปัญหาถ้าคุณจะพาเฉินโจวไปฉลองตรุษจีน ฉันจะช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่จำเป็นให้เองค่ะ” ผู้จัดการสถาบันพูด เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะถึงยังไง เฉินหยิงก็เป็นแหล่งรายได้ก้อนใหญ่ของพวกเขา “มีแค่เรื่องเดียวคือ…”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หมอเจิ้ง “ในระหว่างที่เขาอยู่ข้างนอก ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดเองค่ะ” เฉินหยิงพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” หมอเจิ้งพูด
จากนั้น เฉินหยิงและหวังเย้าก็ขับรถพาเฉินโจวกลับไปที่กระท่อม
ระหว่างทางกลับ เฉินโจวมองดูความวุ่นวายของตัวเมืองผ่านทางหน้าต่างรถ มีตึกระฟ้าอยู่ทั่ว ถนนเต็มไปด้วยรถรา เขารู้สึกราวกับไม่ได้เห็นภาพเหล่านี้มานานนับล้านปีแล้ว
หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงกระท่อมแล้ว หวังเย้าก็เอายาที่เขาต้มไว้เมื่อคืนออกมา
“กินยานี่ซะ” หวังเย้าพูด
“ได้ครับ” เฉินโจวพูด ตัวยามีรสขมเล็กน้อย
สามสิบนาทีหลังจากที่เฉินโจวดื่มยาเข้าไป หวังเย้าก็ฝังเข็มที่ศีรษะของเขาเพื่อทำการรักษา การรักษาจบลงเมื่อเวลาบ่ายโมงกว่า
“ให้เธอหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าภายนอกที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ และพยายามอย่าให้อารมณ์ขึ้นๆลงๆมากนัก” หวังเย้าพูด
“ผมเข้าใจครับ ขอบคุณนะครับ หมอหวัง” เฉินโจวพูด
“ด้วยความยินดี ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ” หวังเย้าพูด
“คุณอยากอยู่กินข้าวกับเราก่อนไหมคะ?” เฉินหยิงถาม
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ ผมต้องเดินทางกลับเหลียนชานบ่ายนี้แล้ว” หวังเย้าพูด
หลังจากบอกลาเฉินหยิงและน้องชายของเธอแล้ว หวังเย้าก็กลับมาที่ที่พักของตระกูลหวู กู้หยวนหยวนได้เตรียมอาหารกลางวันรอเอาไว้แล้ว หลังจากทานอาหารเสร็จ เขาก็จัดการเก็บของและพร้อมออกเดินทาง
“คุณหวังคะ” กู้หยวนหยวนเดินเข้ามาหาหวังเย้าด้วยท่าทีลังเล
“ครับ?” หวังเย้าถาม
“คุณพอจะช่วยฉันได้รึเปล่าคะ?” กู้หยวนหยวนถาม
“มีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
กู้หยวนหยวนเล่าทุกอย่างให้หวังเย้าฟัง มีชายหนุ่มคนหนึ่งในตระกูลหวูเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมา เขาต้องการให้เธอเป็นคนรักของเขา แต่เธอไม่ได้สนใจและพยายามเลี่ยงเขา เพราะเธอรู้ความเขาเป็นคนยังไง ชายหนุ่มไม่ใช่คนดีอะไร ความสนใจของเขาที่มีต่อหญิงสาวธรรมดาๆอย่างเธอ ไม่มีทางยืนยาว หลังจากที่คบกับเธอไปสักพักหรือเอาเธอไปแลกเปลี่ยนเพื่อสิ่งอื่นแล้ว เขาก็คงจะเขี่ยเธอทิ้ง เธอไม่ต้องการเป็นคนรักของเขา แล้วเธอก็รักกับคนอื่นอยู่แล้วด้วย
“ผมจะลองดู ว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างนะครับ” หวังเย้าพูด
หลังจบมื้อกลางวัน เขาก็พร้อมจะออกเดินทางแล้ว
“คุณน่าจะลองคุยกับเฉินหยิงดูนะครับ คุณคงรู้จักเธอสินะครับ” หวังเย้าพูด
“ค่ะ ฉันรู้จักเธอ” กู้หยวนหยวนพูด “ขอบคุณนะคะ”