Elixir Supplier - ตอนที่ 537
537 เมามายในเวลากลางคืน
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ” ชายชราพูด “รีบพาฉันเข้าไปในห้องสิ”
“อ้อ อ้อ!” หวังเจ๋อเชิงรีบเข้าไปช่วยพ่อของตนเอง “นั่งก่อนสิ อยากจะดื่มชาสักหน่อยไหม?”
“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ ผมมีเรื่องอยากจะบอกน่ะครับ” หวังเย้าพูด
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงเดินตามหวังเย้าออกไปที่ลานบ้าน
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่สบายเหรอ? ไม่มีนะ” หวังเจ๋อเชิงอึ้งไป
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” หวังเย้ายิ้มและตบไปที่ไหล่ของเขา จากนั้น หวังเย้าก็หมุนตัวและจากไป
“หืม เธอหมายความว่ายังไงเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกงุนงง เขาไล่ตามหวังเย้าไปและยิ้มออกมา “เสี่ยวเย้า เธอจะมาพูดแค่ครึ่งเดียวแบบนี้ไม่ได้นะ พูดมาให้หมดๆสิ”
“พี่ดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นะครับ” หวังเย้าพูด “ผมเดาว่า อีกไม่นานพี่อาจจะป่วยได้”
“หา! ทำไมล่ะ?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกกลัว
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด
“เธอตรวจให้ฉันหน่อยได้รึเปล่า?” หวังเจ๋อเชิงถาม
“ไว้ถ้ามีอาการขึ้นมาเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันก็ได้ครับ” หวังเย้าพูดและเดินจากไป
มีปัญหาอย่างนั้นเหรอ? เขากำลังพยายามจะหลอกฉันอยู่รึเปล่า? หลังจากที่หวังเย้าจากไปแล้ว หวังเจ๋อเชิงก็พูดพึมพำออกมา “นายน่ะสิที่ป่วย!”
เมื่อกลับไปถึงที่บ้าน เขาก็มีอาการตัวสั่นและทรุดลงไปที่พื้น ทำให้หน้าผากของเขาโขกเข้ากับขอบประตู อยู่ๆเขาก็เห็นเดือนเห็นดาวลอยอยู่ตรงหน้า เขาน้ำตาไหลพรากและมีน้ำมูกไหล โดยเอามือกุมหน้าผากของตัวเองเอาไว้
“หัวไปโดนอะไรมาน่ะ?” ภรรยาของเขาเดินออกมาจากในห้องและเห็นว่าเขาเอามือกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้อยู่
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีล้มเอาหัวชนเข้ากับขอบประตูน่ะ” เขาเดินเข้าไปด้านในและไปส่องกระจกดู หน้าผากของเขามีรอยฟกช้ำอยู่ “เฮ้อ ซวยจริงๆเลย ต้องโทษไอ้บ้าหวังเย้านั่นแหละ!”
ตอนกลางวัน มีชายคนหนึ่งมาที่คลินิก เขาเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านและรู้สึกไม่สบาย หวังเย้าตรวจดูอาการของเขา มันเป็นแค่หวัดธรรมดาเท่านั้น เขาจึงไม่ได้จ่ายยาอะไรให้ และบอกให้ชายคนนั้นกลับไปต้มน้ำขิงดื่มสักถ้วยหนึ่งแทน แล้วเขาก็จะอาการดีขึ้นเอง
…
ปักกิ่ง
“พี่กลับไปเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมอยู่ที่นี่ก็สบายดี” เฉินโจวพูดและยิ้มให้เฉินหยิง
ตรุษจีนได้ผ่านพ้นไปแล้ว เฉินหยิงจึงต้องพาตัวน้องชายกลับมาส่งที่ศูนย์รักษาเพื่อเข้ารับการสังเกตอาการต่อไป เธอไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่ความรู้สึกบอกว่าเธอควรต้องทำ การรักษาจะทำให้อาการของเขาดีขึ้นได้
“เฮ้อ” เฉินหยิงจากมาอย่างไม่ยินยอม ในช่วงเวลาที่ได้อยู่กับน้องชายของเธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความรักความผูกพันของคนในครอบครัว มันคือสิ่งที่ควรค่าแก่การรักษาและทะนุถนอมเอาไว้
เมื่อออกมาจากศูนย์การแพทย์แล้ว เฉินหยิงก็กลับไปที่กระท่อมที่พักและพบว่ามีคนกำลังรอเธออยู่ “ผู้บัญชาการหวู สวัสดีค่ะ”
“เธอกลับมาแล้ว” หวูถงชิ่งพูด
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ต้องรอ เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิคะ” เธอรีบเดินไปเปิดประตู “มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ?”
“มีสิ ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอหน่อยน่ะ” หวูถงชิ่งพูด
“เชิญถามมาได้เลยค่ะ” เฉินหยิงพูด
“น้ารองของหวังเย้าอยู่ที่เมืองหลวงนี้ใช่รึเปล่า?” หวูถงชิ่งถาม
“ใช่ค่ะ” เฉินหยิงตอบ
“เธอทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ?” หวูถงชิ่งถาม
เฉินหยิงลังเลอยู่เล็กน้อย
“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ฉันคุยเรื่องนี้กับพี่ซงมาแล้ว” หวูถงชิ่งพูด
เฉินหยิงจึงบอกสถานที่ทำงานน้าของหวังเย้าให้กับหวูถงชิ่ง
“โอเค ขอบคุณมาก” หวูถงชิ่งพูด หลังจากพูดอีกเล็กน้อย เขาก็จากไป
เธอยังคงรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย ว่าทำไมเขาถึงมาถามเรื่องนี้กับเธอ ทั้งๆที่เขาสามารถให้เลขาของเขามาแทนก็ได้ แต่กลับมาด้วยตัวเองแบบนี้ เฉินหยิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจโทรไปหาซงรุ่ยปิง
“ไม่ต้องคิดมากหรอก” ซงรุ่ยปิงพูด “มาที่นี่หน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะให้เธอทำ”
หลังจากนั้นสักพัก เธอก็ไปถึงที่บ้านตระกูลซู
“น้องชายของเธอกลับไปรึยัง?” ซงรุ่ยปิงถาม
“กลับไปแล้วค่ะ” เฉินหยิงพูด
“เธอไปหาหมอหวังที่เหลียนชานทีนะ” ซงรุ่ยปิงพูด เธอคิดที่จะให้เฉินปัวหยวนเป็นคนไป แต่หลังจากที่คิดดูดีดีแล้ว เธอก็คิดว่าเฉินหยิงเหมาะกับงานนี้มากกว่า “ช่วยขอให้เขามาที่ปักกิ่ง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคนอื่นด้วย”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปพรุ่งนี้เลย” เฉินหยิงพูด
หลังจากที่ออกมาแล้ว เฉินหยิงก็โทรไปหาหวังเย้าเพื่อยืนยันว่าเขาอยู่ที่หมู่บ้านไม่ได้ไปไหน หลังจากที่ยืนยันเรียบร้อยแล้ว เธอก็จัดการซื้อตั๋วและเตรียมตัวเดินทางไปเหลียนชาน
…
“อ๊า เจ็บจังเลย!” หวังเจ๋อเชิงกุมแก้มของตัวเองเอาไว้
“ดูทำเข้าสิ! ผ่าฟืนแค่นี้ก็ยังทำฟืนปลิวใส่หน้าตัวเองได้ ฉันล่ะยอมจริงๆ” ภรรยาใส่ยาที่หน้าของเขาและบ่นพึมพำไปด้วย
“เธอคิดว่าฉันชอบอย่างนั้นเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกโกรธเหมือนกัน
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมาก เริ่มแรก เขาเอาหน้าผากชนเข้ากับขอบประตู ต่อมา เขาก็ล้มไปที่พื้นจนฟันหน้าเกือบหลุด พอตอนบ่าย เมื่อเขากำลังผ่าฟืนอยู่นั้น ฟืนที่ถูกผ่าครึ่งก็ปลิวลอยมาโดนแก้มของเขา และทำให้เขาเจ็บเหมือนเนื้อจะฉีกออกจากกัน
“ไอ้เจ้าหวังเย้านั่น!” ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะหวังเย้า ตั้งแต่ที่หวังเย้ามาที่บ้าน เรื่องร้ายๆก็เกิดขึ้นกับเขาไม่หยุดหย่อน
“ตัวเองไม่ระวังเองแท้ๆ มันจะไปเกี่ยวกับเสี่ยวเย้าได้ยังไงกัน?” ภรรยาของเขาถาม
“ตอนที่เขามาเมื่อเช้า เขาบอกฉันว่าสีหน้าของฉันไม่ค่อยดี แล้วยังบอกให้ฉันระวังตัวไว้ด้วยน่ะสิ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“อืม ดูเหมือนเขาจะเดาถูกนะ” ภรรยาของเขาพูด “ฉันเคยแค่ได้ยินมาว่าเขารักษาโรคได้ ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าเขาจะดูโหงวเฮ้งคนเป็นด้วย”
“บ้าเอ้ย! ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขานั่นแหละ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“อยากจะไปให้เสี่ยวเย้าตรวจดูให้หน่อยไหมล่ะ?” ภรรยาของเขาถาม “ไปเอายาที่เขา แล้วก็จะได้ถามด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ฉันไม่อยากไป!” หวังเจ๋อเชิงพูดอย่างชัดเจน
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง มื้อค่ำจบลงเมื่อเวลาประมาณสองทุ่ม หวังเย้าเดินออกมาจากบ้าน เมื่อเขาเดินไปตามถนนที่นำทางจากเหนือไปสู่ใต้สุดของหมู่บ้าน เขาก็เห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่ข้างเสาไฟ
ชายคนนั้นพูดฟังไม่ได้ศัพท์ “เฮ้ย! หยุด! แกน่ะ ไปซะ! ฉันบอกแล้ว ทำไมถึงไม่ขาดเข็มขัด?”
“ใจเย็นก่อนครับ” หวังเย้าพูด “คุณดื่มหนักไปรึเปล่า?”
หวังเย้ามองสำรวจเขา ชายคนนี้ดื่มหนักจนเกินไป
“ยืนขึ้น!” ชายคนนั้นย่อตัวลง มันคล้ายกับว่า เขากำลังมองหาก้อนหินสักก้อนอยู่
หวังเย้าคิดในใจ พระเจ้า! นี่กำลังเล่นบทตำรวจอยู่ใช่ไหม ตอนที่เผชิญหน้ากับโจร ก็ควรจะหยิบปืนขึ้นมาสิ แต่นี้กลับเกาะก้อนหินเอาไว้อย่างกับเจอหมาป่า
“นายชื่ออะไร?” ชายคนนั้นถาม
“คุณเมาแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ? บอกฉันมาว่าผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอยู่ที่ไหน?” ชายคนนั้นถาม
หวังเย้าคิดในใจ เอ่อ เขาเล่นจริงจังเกินไปไหม
“รออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ!” หวังเย้าหมุนตัวและจากไป
“นายหยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะยิง” ชายคนนั้นพูด
“ยิงได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
“ปัง!” ชายคนนั้นตะโกน
“อ๊า!” หวังเย้ากรีดร้อง
“นายแกล้งทำนี่” ชายคนนั้นพูด
หวังเย้าเดินไปที่บ้านของชายคนนั้นและพูดบางอย่างกับคนในครอบครัวของเขา
“เอ่อ คุณลุงเมาอยู่ที่ข้างถนน ช่วยไปดูเขาทีนะครับ” หวังเย้าพูด
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอบคุณนะ เสี่ยวเย้า” ภรรยาของชายเมามายเดินไปที่ถนนพร้อมกับหวังเย้า
“เขาไปไหนแล้วล่ะ?” หวังเย้าพูด “เมื่อกี้เขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย”
อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงของชายคนนั้น “โอ้ น้ำนี่เย็นจริงๆ! ทำไมถึงไม่มีปลาอยู่เลยล่ะ?” เสียงนั้นดังมาจากลำธารที่อยู่ไม่ไกล พวกเขาจึงรีบตามหาตัวเขาโดยใช้ไฟฉายส่อง และพบว่า ชายคนนั้นกำลังแหวกว่ายอยู่ในลำธารราวกับปลาตัวหนึ่ง
เยี่ยม! เขาเปลี่ยนบทเร็วจริงๆ!
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หน้าหนาว แต่อากาศก็ยังเย็นมากอยู่ดี ดังนั้น น้ำในแม่น้ำจึงเย็นเฉียบ
“หวังยี่ฟู ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อเห็นภาพนี้ ภรรยาของเขาก็รู้สึกโมโหมาก
“คุณป้ารออยู่ตรงนี้นะครับ” หวังเย้าพูด
เขากระโดดเหยียบไปที่ก้อนหินในลำธาร เขาคว้าตัวชายที่กำลังว่ายน้ำท่าลูกหมาตกน้ำขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
“ทำไมถึงได้เมาขนาดนี้?” ผู้เป็นภรรยาตบไปที่หน้าของเขาต่อหน้าหวังเย้า จนได้ยินเสียงดังเพี๊ยะ
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง มันอาจจะเป็นเพราะเขาดื่มเยอะเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะเขาตกตะลึงจากการถูกตบหน้า
“คุณป้า อย่าโกรธไปเลยนะครับ เราควรพาคุณลุงกลับบ้านกันดีกว่า อากาศตอนนี้มันหนาวมากนะครับ เดี๋ยวเขาจะป่วยเอาได้” หวังเย้าพูด
ชายคนนี้ถือว่ามีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้าน เขาเป็นคนอบอุ่นและไม่ว่าใครมาขอความช่วยเหลือ เขาก็ยินดีช่วยเสมอ แต่ข้อเสียของเขาก็คือ เขานั้นชอบดื่มเหล้าและเมามายอยู่เป็นประจำ เมื่อเขาเมา เขาก็มักจะทำแต่เรื่องงี่เง่า สองสามีภรรยามักจะมีปากเสียงเพราะเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ และกลายเป็นที่นินทาของชาวบ้าน
“เขาน่าจะหนาวตายไปเลยยิ่งดี สมควรแล้วล่ะ!” ภรรยาของเขาตะโกน
ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธมาก แต่หวังเย้าก็ยังช่วยพาเขากลับไปที่บ้านและตรวจดูอาการให้ “เขาไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แค่ดื่มมากไปหน่อยเท่านั้น”
“ขอบคุณมากนะ เสี่ยวเย้า” ภรรยาของเขาพูด
“ยินดีครับ ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
ผู้เป็นภรรยาเดินไปส่งหวังเย้าที่ประตู
เธอตบไปที่หน้าของสามีที่นอนอยู่บนเตียงถึงสองครั้ง
“เธอตบฉันทำไม?”
ผู้เป็นภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาและตะคอกด่าเขาไปด้วย ถึงยังไงเขาก็เป็นสามีของเธอ เวลาที่เขาไม่ได้เมา เขาถือเป็นสามีที่ดีคนหนึ่ง