Elixir Supplier - ตอนที่ 546
546 นายมันบ้า
ภายในตลับกระเบื้องบรรจุขี้ผึ้งเหนียวหนืดมีสีคล้ายกับหยกเอาไว้ มันส่งกลิ่นพิเศษของตัวยาออกมา
“นี่คือสมบัติล่ะ” หวังเย้าพูดกับซานเซียน
“โฮ่ง!โฮ่ง!” เมื่อได้ยินเขาพูด ซานเซียนก็เห่าออกมา
“อืม ฉันไม่เอายานี้ให้นายลองหรอกน่า” หวังเย้ายิ้ม
ในอดีต เมื่อเขาต้องการทดสอบประสิทธิภาพของตัวยา เขาก็มักจะใช้ซานเซียนเป็นตัวทดลองอยู่เสมอ
มีรถสองคันจอดอยู่ที่ด้านนอกคลินิก ป้ายทะเบียนแสดงให้เห็นว่าเป็นรถที่มาจากตัวจังหวัด คนทั้งสามพากันลงมาจากตัวรถ หนึ่งในนั้นมีท่าทีดูน่าเกรงขาม เขาดูเหมือนจะเป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่ง
“ที่นี่น่ะเหรอ?” ผู้นำของกลุ่มถาม
“ครับ ที่นี่แหละ” ชายหนุ่มสวมแว่นตาพูด
“อะไรน่ะ?” พวกเขามองดูป้ายที่แขวนเอาไว้หน้าประตูคลินิก
“ไม่อยู่เหรอ?” ชายร่างอ้วนในกลุ่มพูดขึ้นมา
“เอ่อ ดูเหมือนว่าเราจะมาผิดเวลานะครับ” ชายหนุ่มพูด
“ไม่ใช่ว่าเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้หรอกเหรอ?” ผู้เป็นหัวหน้าถาม “ไปถามดูซิว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน แล้วไปตามหาเขาที่บ้าน”
“เขาไม่ชอบให้คนไปรบกวนที่บ้านพ่อแม่ของเขาครับ” ชายหนุ่มพูด
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะ? รออยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ?” ชายร่างอ้วนถาม
“ไปที่บ้านของเขา แค่ไปถามเบอร์โทรของเขาก็น่าจะไม่เป็นไร” ผู้นำของพวกเขาพูด
หนึ่งในนั้นจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อถามเรื่องของหวังเย้า แต่บังเอิญว่าพ่อแม่ของหวังเย้าไม่อยู่บ้าน เพราะออกไปเยี่ยมใครบางคนข้างนอกพอดี
ทั้งสามจึงรออยู่ภายในรถ
“เขาทำธุรกิจแบบนี้ได้ยังไงกัน?” ผู้นำของกลุ่มพูด
“นี่เป็นศูนย์การแพทย์ ไม่ใช่เปิดเพื่อทำธุรกิจหรอกครับ” ชายหนุ่มพูด
“ศูนย์การแพทย์ก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่งเหมือนกัน และการทำธุรกิจก็ต้องซื่อสัตย์และตรงต่อเวลา จริงไหม?” ชายร่างอ้วนพูด “นายก็รู้ว่าผู้อำนวยการของเรางานยุ่งแค่ไหน แต่เรากลับต้องมารอเขานานเป็นชั่วโมงๆแบบนี้ นี่มัน 1 ชั่วโมงกับ 40 นาทีแล้วนะ”
“เหล่าเหอ นายละเอียดอ่อนมากจริงๆ การที่นายคิดเผื่อผู้อำนวยการแบบนี้มันสุดยอดไปเลยนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็เหมือนนายนั่นแหละ” เหล่าเหอพูด “ในสายตาของฉัน คลินิกนี้ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้หรอก”
ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น เขาคิดถึงลักษณะนิสัยของหมอ เขาค่อนข้างจะชอบนิสัยของหวังเย้า แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเขาได้
ตอนเที่ยง หวังเย้าเดินลงมาจากเขาและเห็นว่ามีรถจอดอยู่ด้านนอกคลินิกสองคัน เขารู้สึกแปลกใจมาก เดิมทีเขาตั้งใจที่จะเข้าไปคุยกับพวกเขา แต่หลังจากที่ได้รับสายสายหนึ่ง เขาก็เปลี่ยนใจในทันที
เขาทำเป็นไม่สนใจรถสองคันนั้นและเดินกลับไปที่บ้าน ระหว่างทางกลับ เขาก็บังเอิญเดินสวนกับชายร่างอ้วนที่กำลังเดินไปที่คลินิกด้วยท่าทีรีบร้อน
“นี่ เขายังไม่มาอีกเหรอ?” เหล่าเหอถาม “ตอนที่คนที่บ้านของเขาโทรไป เห็นบอกว่า เขากำลังจะลงมาแล้วนี่นา”
“เสี่ยวจี้ เธอเห็นเขาเดินลงมาไหม?” ชายผู้เป็นผู้นำของกลุ่มถาม
“ไม่ครับ” ชายหนุ่มสวมแว่นตาตอบ
ชายหนุ่มสวมแว่นที่นั่งอยู่ภายในรถไม่ได้พูดอะไรมากนัก ความจริงเขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง และเคยเห็นหน้าของหวังเย้าแล้ว แล้วเขาก็เห็นด้วยว่า เมื่อกี้หวังเย้ามองเห็นพวกเขาที่นั่งอยู่ภายใน รถ แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดทัก ชายหนุ่มจำหน้าของหวังเย้าได้ แต่เขาก็ไม่ได้ลงจากรถ เพราะเขาเห็นท่าทีไม่แยแสที่หวังเย้าแสดงออกมา
“เสี่ยวจี้ เธอเคยมาที่นี่มาก่อนใช่ไหม?” ผู้นำของกลุ่มถาม
“ผมเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งครับ” ชายหนุ่มตอบ
“แล้วเธอเคยเห็นหน้าหมอรึเปล่า?” ผู้นำของหลุ่มถาม
“ไม่ครับ ผมรออยู่ข้างนอกและไม่ได้เข้าไปข้างใน” ชายหนุ่มตอบ
หวังเย้ากลับไปที่บ้านของเขา พ่อแม่ของเขาก็อยู่ที่บ้านด้วยเช่นกัน
“อ้าว เมื่อกี้ลูกไม่ได้เดินผ่านหน้าคลินิกมาเหรอจ๊ะ?” แม่ของเรารู้สึกประหลาดใจ
“ผ่านครับ แล้วก็เห็นมีคนรออยู่ตรงนั้นด้วย ปล่อยให้พวกเรารอไปอย่างนั้นแหละครับ” หวังเย้าพูด
“ทำไมล่ะ?” จางซิวหยิงถาม
“พวกเขาไม่ทำตามกฎน่ะสิครับ” หวังเย้าตอบอย่างใจเย็น
“ไม่ทำตามกฎเหรอ? พวกเขาแค่มาถามเบอร์ของลูกเองนะ มันอาจจะเป็นเรื่องด้วยก็ได้” จางซิวหยิงเป็นคนที่เห็นใจคนอื่นได้ง่าย
“ผมเห็นพวกเขาแล้ว ไม่มีอะไรเร่งด่วนหรอกครับ” หวังเย้าพูด
สาเหตุที่เขาทำตัวแบบนี้กับคนเหล่านั้น ก็เพราะเขาได้ยินจากในโทรศัพท์ว่า คนที่มาถามปฏิบัติตัวไม่ดีกับแม่ของเขา พวกเขาทำตัวอวดดี ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจจะให้คนพวกนั้นรอไปก่อน
“แม่ ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนะครับ” หวังเย้าเปลี่ยนประเด็น
“แม่จะไปอุ่นอาหารให้เดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ!” จางซิวหยิงรีบไปเตรียมอาหารให้ลูกชายของเธอทันที ส่วนคนที่กำลังรออยู่ด้านนอกคลินิกนั้น พวกเขาเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจแทน
เมื่ออาหารทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็นั่งทานอาหารด้วยท่าทีใจเย็น ที่ด้านนอกคลินิก คนเหล่านั้นไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป
“นี่มันอะไรกัน?” เหล่าเหอมีท่าทีร้อนใจ
“นายได้ถามเบอร์โทรของเขากับคนที่บ้านมารึเปล่า?” ชายหนุ่มสวมแว่นถาม
“พวกเขาไม่ยอมให้เบอร์ฉันมาน่ะสิ” เหล่าเหอพูด “เจ้าหมอนี่…ในเมื่อเขาปล่อยให้ผู้อำนวยการต้องรอนานขนาดนี้ เขาจะต้องเป็นพวกระดับล่างแน่ๆ!”
“ทำไมไปลองไปดูที่บ้านของเขาดูล่ะ” ชายหนุ่มสวมแว่นถาม
เมื่อเหล่าเหอไปถึงที่บ้านของหวังเย้า เขาก็พบว่า หวังเย้ากำลังนั่งดื่มน้ำอยู่อย่างสบายใจ เฮ้ย ไอ้หมอนี่มันคือคนที่เดินลงมาจากเขาตอนนั้นนี่ แล้วเขาก็อยู่ที่บ้านแล้วด้วย!
“ตอนที่นายกลับมา ทำไมนายไม่ไปที่คลินิกล่ะ? เรามารอนายตั้งนานแล้วนะ!” เหล่าเหอมีท่าทีร้อนใจ ดังนั้น น้ำเสียงของเขาจึงฟังดูกระโชกโฮกฮากอยู่บ้าง
“ถ้าคุณรอไม่ได้ คุณก็กลับไปซะ” หวังเย้าพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ทำไมถึงได้พูดแบบนี้ ฮ่ะ?” เหล่าเหอเริ่มโมโหขึ้นมา การที่ต้องรออยู่เป็นเวลานาน ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าหมอกลับมาอยู่ที่บ้าน และปล่อยให้พวกเขารออยู่อย่างนั้น เขาจึงยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
“คุณมีทัศนคติที่แย่มากเลยนะ” หวังเย้าพูด
“ทำไมถึงได้ทำตัวอวดดีแบบนี้?” เหล่าเหอถาม “นายมันก็แค่หมอที่อยู่ในหมู่บ้านกลางเขาคนหนึ่งเท่านั้น”
“ออกไป” หวังเย้าพูด
“แก!” เหล่าเหอรู้สึกโกรธอย่างมาก
“ออกไป!” หวังเย้าตะโกน
เหล่าเหอรู้สึกราวกับว่า คำพูดของหวังเย้าดังกระหึ่มอยู่ในหูของเขาราวกับเสียงฟ้าผ่า และมันทำให้เขารู้สึกมึน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” เขารู้สึกตกใจ เขามองหน้าชายหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ “หรือจะเป็นภาพลวงตา?”
การที่ชายร่างอ้วนทำตัวโอหังแบบนี้ในบ้านของหวังเย้า มันทำให้หวังเย้าสรุปได้ว่า ชายร่างอ้วนมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว และตัดสินใจที่จะไม่รักษาคนไข้
“แก!แก!รอก่อนเถอะ!” เขาปิดประตูบ้านของหวังเย้าอย่างแรงและเดินจากไปด้วยความโมโห
“เกิดอะไรขึ้นกันเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม เธอได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกจึงได้รีบออกมาดู และมันทำให้เธอรู้สึกกลัว
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่” หวังเย้าพูด
เหล่าเหอรีบเดินกลับไปที่ด้านนอกคลินิก “ผู้อำนวยการครับ”
“เป็นยังไงบ้าง?” ชายที่ถูกเรียกว่าผู้อำนวยการถาม
“เขาอยู่ที่บ้านแล้วครับ แล้วเขาก็เห็นว่าเรารออยู่ที่นี่ด้วย ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังรออยู่ แต่ก็ยังไม่มาหา” เหล่าเหอพูด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ผู้อำนวยการที่นั่งอยู่ภายในรถมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“เขาไม่คิดจะสนใจเราเลยด้วยซ้ำ” เหล่าเหอพูด
“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว” ผู้อำนวยการโบกมือของเขา “รอต่อไป ฉันอยากจะเห็นว่าหมอคนนี้หน้าตาเป็นยังไง”
เหล่าเหอกลับขึ้นไปนั่งบนรถ “ฉันล่ะโมโหจริงๆ”
“ทำไมเหรอ?” ชายหนุ่มสวมแว่นตาถาม
เหล่าเหอเล่าเรื่องที่เขาเพิ่งเจอให้เพื่อนร่วมงานของเขาฟัง “เป็นแค่หมออาศัยอยู่ในหมู่บ้านในเขาแท้ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวอวดดีแบบนี้? เขาไม่ควรให้เราต้องมารอแบบนี้ด้วยซ้ำ”
เขาไม่คิดว่า ตัวเองจะต้องมาอารมณ์เสียในหมู่บ้านกลางเขาแบบนี้ พวกเขาเดินทางมาจากตัวจังหวัด และพวกเขายังทำงานเป็นข้าราชการอีกด้วย พวกเขาคือคนที่ควรจะได้รับสิทธิพิเศษสิ เมื่อพวกเขามาทำธุระที่นี่ ทุกอย่างควรจะต้องเรียบร้อยภายในเวลาอันรวดเร็ว หากพวกเขาเดินทางไปที่ไหนกับหัวหน้า ผู้คนในทุกๆที่ก็มักจะให้ความร่วมมืออย่างดีเสมอ เขาจึงไม่คิดเลยว่า ตนเองจะต้องมาเจอกับคนอวดดีในที่แบบนี้
“โอเค อย่าโมโหไปเลย” ชายหนุ่มสวมแว่นตาพูด เขาพูดกระซิบกับตัวเอง “คราวนี้คงจะมีปัญหาแน่”
พวกเขารอต่อไปอีก 30 นาที แต่หมอก็ยังคงไม่มา
“เขาอยู่ที่บ้าน แต่กลับไม่ยอมมา ฉันล่ะโมโหจริงๆ” เหล่าเหอพูด
“อย่าโมโหไปเลย ครั้งนี้ เป็นผู้อำนวยการที่ต้องการจะมาหาหมอเองนี่นา” ชายหนุ่มสวมแว่นตาพูด
“อืม” เหล่าเหอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขายังคงไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดอะไรลงไป ตอนนี้ พอเขาใจเย็นลงแล้ว เขาก็คิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู ไม่ดีแล้ว!
เขาไปทำให้หมอไม่พอใจ ถ้าหากว่าหมอไม่ยอมรักษาผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการก็ต้องกลับบ้านมือเปล่า และจุดประสงค์ในการมาที่นี่ก็เป็นอันล้มเหลว สุดท้าย สิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดก็จะกลายเป็นสูญเปล่า? แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะ?
ในกระจก พวกเขามองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตรงมายังที่ที่พวกเขาจอดรถอยู่
พวกเขายังอยู่ที่นี่อีกเหรอ? เมื่อหวังเย้าเดินผ่านรถ เขาก็ไม่คิดจะหันไปมองเลยสักนิด
“เหล่าเหอ นายรออยู่ในนี่ก่อนนะ ฉันจะออกไปคุยกับเขาเอง” ชายหนุ่มสวมแว่นตาหยุดเพื่อนร่วมงานที่กำลังจะลงจากรถ