Elixir Supplier - ตอนที่ 549
549 ใช้เงินยืดเวลาชีวิต
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” หมอหลี่พูดหลังจากผ่านไปได้สักพัก
“ทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกันเหรอ? ทำไมเขาถึงได้ดูโมโหแบบนั้น?” ภรรยาของเขาได้ยินเสียงทะเลาะกันระหว่างสามีของเธอและเฉินเหล่า เธอจึงออกมาจากห้องและเห็นสามีของเธอยืนนิ่งอยู่ที่ประตู
“ไม่มีอะไรหรอก!” หมอหลี่ส่ายหน้า “ดื้อจริงๆ!” เขาหันหน้าไปมองเกมส์หมากรุกที่ยังเล่นไม่จบ
รุก, อัศวิน, ขุน เมื่อโจมตีเข้ามา เขาก็จะเป็นฝ่ายแพ้เกมส์
“กินข้าวกันเถอะ” เขาพูด
“คุณสับสนอะไรอยู่รึเปล่า?” ภรรยาของเขาถาม “คุณเพิ่งจะกินข้าวเย็นไปเมื่อกี้เองนะ”
“เอ่อ งั้นก็ดื่มชาแล้วกัน” หมอหลี่พูด
“ชาก็วางอยู่บนโต๊ะนั่นไง” ภรรยาของเขาพูด
“ฉันไม่ดื่มชาแล้ว ฉันจะฟังวิทยุ!” หมอหลี่เดินหงุดหงิดงุ่นง่านไปที่ห้องนอนของเขา
“ทั้งสองคนก็อายุตั้ง 70 กว่ากันแล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้ไปได้นะ?” ภรรยาของเขาส่ายหน้า เธอถอนหายใจและจัดการเก็บโต๊ะที่ลานบ้าน
…
พ่อของหวังเจ๋อเชิงหลับไปตลอดทั้งบ่าย เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดลดลงไป เขายังรู้สึกเหนื่อยน้อยลงและรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิมมาก
“เป็นยาที่วิเศษจริงๆ” ชายชราพูด ไม่รู้ว่าเจ๋อเชิงไปเอายาจากไหนมา?
ภายในห้องอีกห้องหนึ่งของบ้าน ภรรยาของหวังเจ๋อเชิงกำลังจัดโต๊ะอยู่ “ฉันทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว พี่ไปดูพ่อหน่อยสิว่าตื่นรึยัง? เขาหลับไปทั้งบ่ายเลยนะ”
“ได้” หวังเจ๋อเชิงใช้ปลายเท้าเดินย่องไปที่ห้องพ่อของเขา และพบว่าพ่อของเขาตื่นแล้ว เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่พ่อของเขาดูดีขึ้มาก
“พ่อตื่นแล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด “พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“พ่อรู้สึกดีมากเลยล่ะ” ชายชราพูด “ท้องก็ไม่ได้เจ็บมากเหมือนทุกที และพ่อยังรู้สึกมีกำลังมากขึ้นด้วย ยาได้ผลดีมากเลยนะ ลูกไปเอามาจากไหนเหรอ?”
“มันได้ผลจริงเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงถาม
“ทำไมพ่อจะต้องโกหกด้วยล่ะ?” ชายชราพูด
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมได้ยามาจากเสี่ยวเย้าน่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“อ่อ เขาเก่งมากเลยนะ” ชายชราพูด
“ใช่ๆๆ” หวังเจ๋อเชิงพูด ราคายาก็สุดยอดมาเช่นกัน ตั้ง 10,000 หยวนแน่ะ เขาไม่ได้บอกพ่อของเขาว่าเขาจ่ายค่ายาไปเท่าไหร่ และพ่อของเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย เขายังรู้สึกเสียใจที่บอกภรรยาของเขาไปด้วยซ้ำในตอนนี้
“ผมจะไปเอาน้ำมาให้พ่อนะ กับข้าวทำเสร็จแล้ว ดื่มน้ำแล้วไปกินข้าวกันเถอะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“ได้” ชายชราพูด
ชายชราจิบน้ำเข้าไปและลุกออกจากเตียงนอน
ภรรยาของหวังเจ๋อเชิงยกอาหารเข้ามาในห้องของชายชรา ทุกคนนั่งทานอาหารร่วมกันภายในห้อง
“ห่าวหยวนจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ?” ชายชราถาม
“เราว่าจะให้เขาอยู่ที่บ้านแม่ยายอีกสักสองสามวัน ให้เขาได้สนุกอยู่ที่นั่นไปก่อน” หวังเจ๋อเชิงพูด เด็กๆมักจะส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ต้องการให้ลูกชายของเขาไปรบกวนการพักผ่อนของชายชรา
“อืมมม พ่อไม่ได้เจอเขามาสักพักแล้วสินะ” ชายชราพูดด้วยความคิดถึงหลาน
หลังจากที่สำนึกได้ถึงพฤติกรรมของตัวเอง หวังเจ๋อเชิงก็พาลูกชายของเขาไปฝากไว้ที่บ้านพ่อต่แม่ยายของเขา ห่าวหยวนอายุได้ 5 ขวบและกำลังอยู่ในวัยที่ชอบเล่นสนุก เขาส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลาและอยากจะเล่นกับคุณปู่ของเขาอยู่เสมอ การเล่นกับเด็กๆจำเป็นต้องใช้พลังการมาก ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพของชายชรา ดังนั้น หวังเจ๋อเชิงจึงส่งลูกชายของเขาไปที่อื่นก่อนในช่วงนี้
“ถ้าพ่อคิดถึงเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปรับเขากลับมาแล้วกัน” หวังเจ๋อเชิงพูด
“ได้ๆ ให้เขามาอยู่ที่บ้านสักสองสามวันก็ยังดี” ชายชราพูด
ปู่ย่าตายายมักจะมีความสนิทสนมกับหลานๆของพวกเขา มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ชายชราจะรู้สึกคิดถึงหลานชายของเขา เพราะมันคือเรื่องธรรมดา
“กันข้าวกันเถอะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
ภรรยาของหวังเจ๋อเชิงทำอาหารเบาๆที่หวังเย้าแนะนำสำหรับทานเป็นมื้อเย็นไว้สองสามจาน ชายชราต้องกินอาหารอ่อนๆ เพราะร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่ เขาไม่สามารถย่อยอาหารที่มีน้ำมัน เช่น ปลาทอดและเนื้อทอดได้ การกินเนื้อมีแต่จะทำให้กระเพาะของเขาต้องทำงานหนักขึ้นเท่านั้น
หลังจากทานอาหารเสร็จ ชายชราก็ไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหาร จากนั้น เขาก็ไปนั่งดูทีวีกับลูกชายและลูกสะใภ้
“พ่อ ได้เวลากินยาแล้วนะ” หวังเจ๋อเชิงนำยาที่ได้มาจากหวังเย้าไปอุ่น จากนั้น เขาก็เทยาใส่ลงไปในถ้วยใบเล็ก
“ยาราคาเท่าไหร่เหรอ?” ชายชราถาม
“ไม่ได้แพงอะไรหรอก แค่ไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้นเอง ถึงยังไงเราก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด
ภรรยาของเขาแสดงสีหน้าแปลกๆออกมาครู่หนึ่ง ไม่กี่ร้อยหยวนเหรอ? ไม่แพงเนี้ยนะ? ล้อกันเล่นอยู่รึเปล่า? คนหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ถึงยาจะได้ผลจริงๆ แต่เขาก็ไม่ควรคิดเงินแพงขนาดนี้! แต่แน่นอนว่า เธอไม่สามารถพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าชายชราได้
“ไม่กี่ร้อยหยวนก็ยังแพงอยู่ดีนั่นแหละ” ชายชราพูด เขาเป็นคนมัธยัสถ์มาตลอดทั้งชีวิต เงินไม่กี่ร้อยหยวนสำหรับเขาก็ถือว่าแพงอยู่ดี ถ้าหากเขารู้ว่าราคาจริงๆของยาคือ 10,000 หยวนละก็ เขาอาจจะข่มตานอนไม่ได้ หรือบอกให้ลูกชายซื้อมาให้อีกก็ได้
ชายชราเข้านอนเมื่อถึงเวลาสองทุ่ม หวังเจ๋อเชิงและภรรยาเริ่มปรึกษากันเรื่องอนาคตของชายชรา
“ยาได้ผลล่ะ ฉันต้องซื้อมาให้พ่อกินอีก” หวังเจ๋อเชิงพูด
“แต่ยามันแพงมากเลยนะ” ภรรยาของเขาพูด “แล้วพ่อยังจะต้องกินยาต่อไปอีกกี่ขวดกัน?” มันคงจะเป็นเรื่องโกหก ถ้าหากเธอพูดว่า เธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินเลยสักนิด พวกเขาพอมีเงินเก็บอยู่บ้างก็จริง แต่พวกเขาก็วางแผนที่จะใช้เงินนี้มัดจำสำหรับซื้ออพาร์ทเมนต์ในตัวเมือง
“ขอแค่พ่ออาการดีขึ้น ฉันก็จะซื้อ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“โอเค พี่ตัดสินเองก็แล้วกัน” เมื่อเทียบกับหวังเจ๋อเชิงที่เคยทำตัวเลวร้ายมาก่อนแล้ว ภรรยาของเขาถือว่าเป็นคนมีเหตุผลและเป็นคนดีคนหนึ่ง
“พรุ่งนี้ ฉันจะไปที่คลินิกของเสี่ยวเย้าอีกรอบ” หวังเจ๋อเชิงพูด
วันต่อมา พันจวินเดินทางมาที่คลินิกของหวังเย้าตอน 9 โมงเช้า เขายังเอาผลไม้ติดมือมาด้วยหลายอย่าง “อรุณสวัสดิ์ อาจารย์”
“อรุณสวัสดิ์ คราวหน้าไม่ต้องเอาของอะไรติดมือมาด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด “วันนี้พี่ไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”
“ไม่ไป” พันจวินพูด
“โอเค งั้นเรามาเริ่มกันเลย” หวังเย้าพูด
เขาเริ่มสอนเทคนิคการนวดให้พันจวินต่อจากครั้งก่อน เขาได้อธิบายในทางทฤษฎีก่อนที่จะนวดให้พันจวิน เขาต้องการให้พันจวินสัมผัสความรู้สึกด้วยตนเอง
“ตรงไหล่ของพี่มีปัญหาเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ใช่” พันจวินพูด
“นั่นเป็นเพราะพี่นั่งอยู่หน้าจอคอมนานๆ กล้ามเนื้อของพี่ก็เลยตึง จนผมรู้สึกได้เลย” หวังเย้าพูด
เขาใช้มือบีบ, กด, และคลึงตรงบริเวณไหล่ของพันจวิน พันจวินรู้สึกอุ่นร้อนที่บริเวณไหล่ของเขา เขารู้สึกสบายอย่างมาก
“เป็นการนวดที่วิเศษมากเลยนะ อาจารย์” พันจวินพูด
“มีสมาธิหน่อยครับ” หวังเย้าพูด
ในขณะที่เขากำลังสอนพันจวินอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลินิก
“สวัสดี หมอหวัง” หวังเจ๋อเชิงพูด
“สวัสดีครับ เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิ” หวังเย้าพูด
หวังเจ๋อเชิงเดินเข้ามาในห้อง
“พี่เจ๋อเชิงนั่งก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ ขอบคุณ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“รอผมสักเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูดกับพันจวิน
พันจวินเดินไปที่นั่งที่มุมหนึ่งของห้อง
“เอ่อ…” หวังเจ๋อเชิงเหลือบไปมองพันจวิน
“อาจารย์ ผมออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ” พันจวินพูด
“โอเค” หวังเย้าพูด เมื่อพันจวินเดินออกไปแล้ว หวังเย้าก็หันหน้ากลับมาหาหวังเจ๋อเชิง “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”
“คือ ฉันเอายาของหมอให้พ่อกินดูแล้วนะ มันได้ผลดีมาก” หวังเจ๋อเชิงพูด
“แน่นอนอยู่แล้ว” หวังเย้าพูดอย่างสงบ วิธีการทำยาของเขา คือสิ่งที่ได้รับสืบทอดต่อๆกันมาหลายรุ่นเป็นเวลานับพันปี รวมไปถึงประสิทธิของสมุนไพรรากด้วย แน่นอนว่ามันต้องได้ผลดีอยู่แล้ว
“นายพอจะคิดถูกกว่านี้หน่อยได้ไหม?” หวังเจ๋อเชิงถาม
“ต้องขอโทษด้วย ผมลดให้ไม่ได้ และยาตัวนี้ก็จะช่วยยืดชีวิตพ่อของพี่ด้วย” หวังเย้าพูด “พี่เอาชีวิตของคนมาเทียบเป็นตัวเงินได้ไหมล่ะครับ?”
“ฉันเข้าใจแล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด “ฉันขอถามหน่อยได้ไหม ว่าพ่อฉันยังต้องกินยาอีกเท่าไหร่?”
“ตราบใดที่พี่อยากจะให้พ่อของพี่มีชีวิตอยู่ เขาก็จำเป็นต้องกินยาอย่างต่อเนื่องครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” หวังเจ๋อเชิงตกตะลึง
หวังเย้าพูดให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า มันจะไม่มีวันที่จะหยุดกินยาได้ ชายชราจำเป็นต้องกินยาเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เขาต้องกินยาหนึ่งขวดต่อสามวัน เท่ากับ 10 ขวดในหนึ่งเดือน หวังเจ๋อเชิงจะต้องจ่ายเงินถึง 100,000 หยวน ถ้าเขาต้องการให้พ่อของเขามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหกเดือน เขาก็จะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 600,000 หยวน มันจะต้องใช้เงินจำนวน 1.2 ล้านต่อปี เขาต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อยืดเวลาชีวิตให้พ่อของเขา
หวังเจ๋อเชิงไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบสนองยังไงกับเรื่องนี้ เขาถามออกไปว่า “นายแน่ใจนะ ว่านายลดไม่ได้แล้วจริงๆน่ะ?”
“ขอโทษด้วยจริงๆครับ” หวังเย้าส่ายหน้า เขามองดูหน้าหวังเจ๋อเชิงเงียบๆ
“เอาล่ะ!” หวังเจ๋อเชิงกัดฟันพูด “ฉันจะจ่าย”
“นี่เป็นเงินส่วนที่เหลือของยาที่เอาไปวันนั้น” เขาส่งเงิน 5,000 ให้กับหวังเย้า
หวังเย้ายิ้ม “พี่เปลี่ยนไปนะ”
“หา?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ตอนนี้พี่กลับไปได้แล้วล่ะ” หวังเย้าโบกมือให้หวังเจ๋อเชิง
“ได้” หวังเจ๋อเชิงเดินออกไปจากคลินิกด้วยอารมณ์ที่บูดบึ้ง
หวังเจ๋อเชิงอดที่จะเศร้าใจไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมหวังเย้าที่เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ถึงได้หน้าเงินและเก็บเงินเขาแพงขนาดนี้
ถ้าจำเป็น ฉันก็จะลองไปคุยกับพ่อแม่ของเขาดู หวังเจ๋อเชิงคิด
“อาจารย์ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ” พันจวินเดินเข้ามาในห้อง
“นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขาคิดว่า เพราะพวกเรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน ฉันก็ไม่ควรจะคิดเงินพวกเขาแพงเกินไป แต่ผมก็ลดให้เขาเยอะมากแล้วนะ” หวังเย้าพูด
“ฉันเข้าใจ” พันจวินพูด
เขารู้ว่า ยาของหวังเย้ามีราคาแพงมาก แต่พวกเขาก็ได้ผลดีมากเช่นกัน เขาได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับยาของหวังเย้ามาไม่น้อย
“พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ” พันจวินพูด เขารู้ว่า ด้วยความสามารถระดับหวังเย้า มีแต่คนจะฆ่ากันตายเพื่อให้ได้รักษากับเขา เงินเทียบกับหนึ่งชีวิตไม่ได้เลย
“เอาล่ะ เรามาต่อกันดีกว่าครับ” หวังเย้าพูด
หวังเจ๋อเชิงกลับไปที่บ้านด้วยท่าทีที่ดูหงุดหงิด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและเอามือถูๆหน้าของเขา เมื่อสงบอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เขาจึงเดินเข้าบ้านไป
พ่อของเขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ลานบ้าน และรับแสงแดดอย่างสบายอารมณ์ หลังจากที่ได้กินยาไปเมื่อคืนก่อน ร่างกายของเขาก็หายเจ็บ เขาสามารถนอนหลับได้สนิท และไม่ตื่นมากลางดึกอีก เขาไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานมากแล้ว