Elixir Supplier - ตอนที่ 550
550 กู้คืนชื่อเสียงของแพทย์ปรุงยา
มันเป็นยาที่วิเศษมากจริงๆ
“พ่อ!” หวังเจ๋อเชิงตะโกนเรียกชายชรา
มันเป็นวันที่สดใสวันหนึ่ง ชายชรากำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ที่ลานบ้าน
“แล้วห่าวหยวนอยู่ไหนล่ะ?” พ่อของเขาถาม เขาคิดว่า ลูกชายของเขาออกไปข้างนอกเพื่อไปรับหลานชายของเขา
“ผมยังไม่ได้ไปรับห่าวหยวนเลย เมื่อกี้ผมออกไปทำเรื่องอย่างอื่นมาน่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด “พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“พ่อรู้สึกสบายมากเลยล่ะ” ชายชราพูด
“ดี อีกเดี๋ยวผมจะออกไปรับห่าวหยวน” หวังเจ๋อเชิงพูด “ขอไปหาอะไรกินก่อนนะ”
เขาเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“หมอว่ายังไงบ้าง?” ภรรยาของเขาถาม
“เขาไม่ยอมลดราคาให้ฉันเลย” หวังเจ๋อเชิงพูด
“แล้วพ่อยังต้องกินยาต่ออีกเท่าไหร่?” ภรรยาของเขาถาม
“ฉันว่า คงจะได้กินอีกแค่ไม่กี่ขวดเท่านั้นแหละ” หวังเจ๋อเชิงพูด เขาตัดสินใจที่จะยังไม่บอกความจริงกับภรรยาของเขา เพราะเขาไม่ต้องการให้ภรรยาของเขาบ่นเรื่องที่เขาใช้เงินจำนวนมากในการรักษาพ่อของเขา และเขาก็ไม่อยากให้พ่อของเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ภรรยาของเขาไม่พอใจด้วย
“เอาละ ฉันจะออกไปรับห่าวหยวนนะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“โอเค ขับรถดีดีล่ะ” ภรรยาของเขาพูด
ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็กำลังสอนเทคนิคการนวดให้กับพันจวินอยู่ ในระหว่างการสอน พวกเขาก็คุยกันไปด้วย
“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนหมู่บ้านนี้เหรอ?” พันจวินถาม
“ใช่ พ่อของเขาป่วยหนักน่ะ” หวังเย้าพูด
“พ่อของเขาป่วยเป็นอะไรเหรอ?” พันจวินถาม
“มะเร็งระยะสุดท้าย” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” พันจวินตกใจ “นายคิดจะรักษาคนไข้ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเหรอ?”
“ผมกำลังลองพยายามดูอยู่น่ะ” หวังเย้าพูด
“แล้วนายรักษาเขาได้ไหม?” พันจวินถาม
หวังเย้าหัวเราะ “พี่กำลังสงสัยความสามารถของผมเหรอ? พูดตามตรงนะ ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเองกำลังขโมยวิญญาณมาจากเงื้อมมือยมทูตยังไงยังงั้นล่ะ”
ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า เขาจะสามารถรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายได้ แต่อีกหลายปีต่อจากนี้ หวังเย้าอาจจะสามารถรักษาได้ก็เป็นได้
พันจวินชวนหวังเย้าไปทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
“อาจารย์ ฉันคิดว่ามันน่าเสียดายมากเลยนะ ที่คนแบบนายจะมาอยู่แต่ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้น่ะ” พันจวินพูด เขาพูดเรื่องนี้มามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว
พันจวินไม่เคยได้รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของหวังเย้า จนกระทั่งเขาได้มาเรียนเทคนิคการนวดจากหวังเย้าโดยตรง หวังเย้าอาจจะไม่สามารถยื้อคืนชีวิตคนที่ตายไปแล้วได้ แต่เขาก็เป็นหมอที่ฝีมือดียิ่งกว่าหมอที่ถูกเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญด้วยซ้ำ
“ผมจะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ต่างกันหรอก” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์ ฉันจะตอบยังไงดี ถ้าเกิดมีคนถามว่าฉันไปเรียนเทคนิคการนวดจากที่ไหนมา?” พันจวินถาม
อยู่ๆหวังเย้าก็ได้ยินเสียงเตือนจากระบบ
[ภารกิจ: กู้คืนชื่อเสียงที่หายไปเป็นเวลานานของแพทย์ปรุงยา นี่คือภารกิจระยะยาว
รางวัล: ตำราแพทย์ 1 เล่ม และเมล็ดพันธุ์สมุนไพร 3 ถุง
บทลงโทษ: ริบคืนระบบและความรู้ทั้งหมดที่ได้รับไป]
นี่มันภารกิจบ้าอะไรกัน? ระยะยาวเหรอ? มันนานแค่ไหนกันล่ะ? แล้ววันสิ้นสุดคือเมื่อไหร่กัน?
“อาจารย์? นายโอเคไหม?” เมื่อเห็นว่าหวังเย้ามีท่าทีเหม่อลอย พันจวินก็เรียกเขาเบาๆ
“ไม่มีอะไรครับ” หวังเย้าพูด “พี่ก็แค่บอกคนที่ถามไปว่า พี่เรียนจากแพทย์ปรุงยามาได้เลยครับ”
“แพทย์ปรุงยาเหรอ?” พันจวินถาม “ดูเหมือนว่าอาจารย์จะเคยพูดชื่อนี้มาก่อน ถ้ามีคนมาถามว่าใครสอนเทคนิคการนวดให้ฉัน ฉันก็จะตอบไปว่า ฉันเรียนกับแพทย์ปรุงยาท่านหนึ่ง แล้วนายมีแซ่ว่าหวัง หรือฉันจะบอกไปว่า ฉันเรียนกับราชาแพทย์ปรุงยา แพทย์ปรุงยาหวังดีล่ะ?”
“ไร้สาระน่า” หวังเย้าพูด เขาคิดว่า ตัวเองไม่คู่ควรกับชื่อเรียกนั้น
“ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ อย่าโกรธเลยนะอาจารย์” พันจวินพูด
“ไม่หรอก กินข้าวกันดีกว่านะ” หวังเย้าพูด
เขาไม่คิดเลยว่า คำถามจากลูกศิษย์ของเขาที่ถามขึ้นมาในระหว่างที่กำลังทานอาหารกันอยู่นั้น จะทำให้เขาได้รับภารกิจระยะยาวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาต้องกู้คืนชื่อเสียงของแพทย์ปรุงยา มันเป็นภารกิจที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก รวมทั้งเวลาด้วย
มันทำให้หวังเย้านึกถึงกวีบทหนึ่ง : ศัตรูที่แข็งแกร่งเปรียบเสมือนกำแพงเสริมใยเหล็กกล้า เราจะปีนป่ายขึ้นสู่สูงสุดเพื่อกำชัย
“อาจารย์คิดว่า เมื่อไหร่ที่ฉันเก่งพอจะลงมือเองได้แล้ว?” พันจวินถาม
“พี่เหรอ?” หวังเย้ายิ้ม “ยังไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก”
“โอเค ฉันจะพยายามให้มากกว่านี้” พันจวินพูด
หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาก็กลับไปที่คลินิก
“พี่งีบที่นี่ได้เลยนะ มันดีต่อสุขภาพของพี่ด้วย” หวังเย้าพูด หวังเย้าชี้ไปห้องว่างห้องหนึ่ง ที่มีเตียงวางอยู่
“โอเค” พันจวินพูด
ทั้งหวังเย้าและพันจวินต่างก็พากันนอนกลางวัน คนหนึ่งนอนงีบ ส่วนอีกคนฝึกการหายใจ หวังเย้ากลับมาสอนการนวดให้พันจวินต่อในตอนบ่าย
ไม่นานก็มีคนไข้มาที่คลินิก เขาเคยมาหาหวังเย้าแล้วครั้งหนึ่งด้วยอาการท้องเสีย
“ขอโทษด้วย ผมรักษาคุณไม่ได้” หลังจากที่ได้มองใบหน้าซีดเผือดของชายวัยกลางคนแล้ว หวังเย้าก็พูดออกมา
“ทำไมละ?” คนไข้ถามด้วยความประหลาดใจ
“ครั้งก่อน ผมจ่ายยาให้คุณไปกินแล้ว และยังบอกด้วยว่า ห้ามไม่ให้คุณดื่มหรือสูบในช่วงที่กินยาอยู่” หวังเย้าพูด “แล้วคุณได้ทำตามที่ผมบอกไปไหมล่ะครับ?”
“ฉัน…ฉันดื่มไปแค่นิดหน่อยเอง” ชายคนนั้นพูดเสียงเบา
“นิดหน่อย? จริงเหรอ?” หวังเย้าถาม “สามวันที่ผ่านมา คุณทั้งดื่มทั้งสูบ แล้วคุณก็มีอาการท้องเสียด้วย ถูกไหมครับ?”
ชายคนนั้นอยู่ในอาการตกตะลึง “หมอพูดถูกแล้ว”
“ตอนนี้ คุณกลับไปได้แล้วครับ” หวังเย้าพูดพร้อมกับโบกมือไล่
เขาไม่ต้องการจะเสียเวลากับคนที่ไม่ใส่ใจคำแนะนำของหมอ หรือคนที่ไม่ใส่ใจสุขภาพของตัวเอง
“ได้โปรดเถอะนะหมอ! ไหนๆฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว!” ชายวัยกลางคนต่อรอง
เขาดื่มเหล่าติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งก็เนื่องมาจากงานที่เขาทำอยู่ บริษัทที่เขาทำงานอยู่ได้ทำการเปิดการทำงานหลังจากผ่านตรุษจีนไปแล้ว หลังจากที่เขากลับไปทำงาน เพื่อนร่วมงานก็เชิญไปทานอาหารเย็นด้วยกัน การที่เขาเป็นคนชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว เขาจึงไม่คิดจะปฏิเสธคำเชิญไหนเลย ทุกคนล้วนชวนเขาดื่ม ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถหยุดดื่มได้เลย
ในตอนเริ่มแรก เขาทำตามคำแนะนำของหวังเย้าเป็นอย่างดี และกินยาตามเวลาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อผ่านไปได้สองวัน เขาก็รู้สึกดีขึ้น และหยุดท้องเสีย แต่แล้วเขาก็กลับไปดื่มอีกครั้ง และดื่มกินยาอยู่บ่อยๆ สุดท้ายเขาก็กลับมาท้องเสียอีกครั้ง และยังพบว่า เขาถ่ายออกมาเป็นเลือดด้วย เขารู้สึกตกใจมาก จึงได้รีบเดินทางมาหาหวังเย้าอีกครั้ง
“คุณควรกลับไปได้แล้ว” หวังเย้าไม่ต้องการเสียเวลาพูดกับชายคนนี้อีก คนไข้ไม่คิดจะสนใจสุขภาพของตัวเองจริงๆ
“นี่เป็นหมอประสาอะไรกันน่ะ หา?” ชายคนนั้นเริ่มไม่พอใจ
“หยุดทำตัวเสียมารยาทได้แล้ว!” พันจวินยืนขึ้น
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย” คนไข้พูด
“ออกไป” หวังเย้าพูด
ร่างของชายคนนั้นเกิดอาการสั่นเทา เขาแทบจะทรุดลงไปที่พื้น
เกิดอะไรขึ้น? เขาเหมือนเพิ่งจะได้ยินเสียงระเบิดและรู้สึกหน้ามืด
เขาหันไปมองหน้าหวังเย้า ที่นั่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้น เขาก็หันไปมองพันจวินที่มีความสูงประมาณ 180 เซนติเมตร
“ฮึ่ม! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” ชายคนนั้นเดินออกไปจากคลินิก
“แปลกคนจริงๆ” พันจวินพูดด้วยท่าทีดูถูก
“ความจริง อาการป่วยของเขาค่อนข้างรุนแรงทีเดียว” หวังเย้าพูด
เขาสามารถรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เสื่อมโทรมลงของชายคนนั้น ดูเหมือนเขาจะขาดพลังฉีและหายใจได้ลำบาก ลมหายใจของเขามีกลิ่นเหม็น ร่างกายของเขายังปล่อยกลิ่นแปลกๆออกมาด้วย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ร่างกายนี้มีสุขภาพที่ไม่ดี
“ใช่ สภาพของเขาดูแย่มาก เหมือนกับว่าจะมีการไหลเวียนของโลหิตและพลังฉีไม่ดีเท่าไหร่” พันจวินพูด
“ถ้าเขายังไม่หยุดดื่มและสูบ อวัยวะภายในของเขาก็จะได้รับความเสียหายเป็นการถาวร แล้วเขาก็จะต้องเสียใจในภายหลัง” หวังเย้าพูด
มันมักจะมีคนที่ไม่ใส่ใจคำแนะนำของหมออยู่เป็นจำนวนมาก แล้วหลังจากนั้น มันก็สายเกินไปที่พวกเขาจะมานั่งเสียใจ
“เรามาต่อกันเลยไหม?” พันจวินถาม
“โอเค” หวังเย้าพูด
ชายที่เพิ่งจะออกไปจากคลินิกของหวังเย้ารู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เขาจึงได้ขับรถไปที่โรงพยาบาลประจำเขตเหลียนชาน และบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาให้หมอฟัง เพราะเขาเดินทางมาถึงในช่วงบ่าย และได้ทานอาหารและดื่มน้ำเข้าไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถเข้ารับการตรวจบางอย่างได้ เขาจำเป็นต้องกลับมาตรวจอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
พันจวินออกไปจากคลินิกของหวังเย้าตอนเวลาประมาณ 5 โมงเย็น หวังเย้ายังคงนั่งคิดเกี่ยวกับภารกิจที่ได้รับอยู่ภายในคลินิก
ฉันจะกู้ชื่อคืนได้ยังไง?
เขาพยายามถามระบบดู แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจที่จะแบ่งออกเป็นสองทาง ทางหนึ่ง เขาจำเป็นต้องสร้างชื่อเสียงที่ดี ส่วนอีกทาง เขาก็ต้องพัฒนาฝีมือของตัวเอง เขาจำเป็นต้องทำทั้งสองอย่าง
เขาต้องทำให้ชื่อของแพทย์ปรุงยาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และยังต้องส่งต่อความรู้ไปยังรุ่นต่อๆไปอีกด้วย
คนอย่างปรมาจารย์ตั๊กม้อและเตียซำฮงต่างก็ทำผลงานได้ดีในด้านที่ตนเองเชี่ยวชาญ พวกเขาทั้งสองคือผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลินและสำนักบู๊ตึ๊ง เพื่อส่งต่อความรู้จากรู่นสู่รุ่น
หรือฉันควรจะเปิดเป็นสำนักดี? หวังเย้าเอาแต่คิดเรื่องนี้ไม่หยุด
“เฟิงฮวา ฉันว่าเสี่ยวเย้าเหมือนจะมีอะไรในใจนะ” จางซิวหยิงพูด
“อืม ปล่อยให้เขาคิดไปเถอะ อย่าไปถามอะไรเลย” หวังเฟิงฮวาพูด
หวังเย้าไม่สามารถหยุดคิดถึงภารกิจที่เขาเพิ่งจะได้รับมา แม้กระทั่งเขาเดินขึ้นไปถึงเนินเขาหนานชานแล้วก็ตามที
ฉันจะทำภารกิจให้สำเร็จได้ยังไง? แล้วฉันจะกู้ชื่อเสียงของแพทย์ปรุงยาคืนมาและส่งต่อความรู้ของฉันยังไงดี?
ความจริง เขาก็ได้เริ่มต้นทำภารกิจตั้งแต่ที่เขาเปิดคลินิกขึ้นมาและสร้างชื่อเสียงในท้องถิ่นแล้ว ทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงในทางที่ดีได้เหมือนกัน เขายังรับลูกศิษย์เพื่อส่งต่อความรู้แล้วคนหนึ่งด้วย
ในอนาคต ฉันจำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างนี้
…
มีลมพัดแรงในเมืองเต๋า คนสองคนกำลังนั่งกันอยู่
“เรื่องสร้างอพาร์ทเมนต์ไปถึงไหนแล้วล่ะ?” หนึ่งในสองคนถามขึ้นมา
“กำลังเป็นไปด้วยดีครับ” ชายอีกคนพูด
“พ่อได้ยินว่า ลูกทำสัญญาเช่าเนินเขาไว้” ชายคนแรกพูด