Elixir Supplier - ตอนที่ 554
554 ผู้บุกรุก
“ฉันได้ยินมาว่า ราชายามีกฎพิเศษตั้งเอาไว้ด้วย ถ้าหากใครก็ตามสามารถเอายาหรือสมุนไพรแปลกๆไปให้เขาได้ เขาก็จะยินดีทำสิ่งหนึ่งเป็นการตอบแทน” หานจื้อหยูพูด
“แล้วยังไงต่อ?” หานชิ่งถาม
“พี่เอายาสามตัวนั้นไปให้ราชายา แล้วขอให้เขามารักษาน้องของเราดีไหม?” หานจื้อเกาถาม
หานชิ่งจ้องหน้าน้องชายของเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“พี่?” หานจื้อเหาเรียกเบาๆ
“พวกนายไม่คิดบ้างเหรอว่า เรายังต้องการความช่วยเหลือจากหมอหวังอยู่น่ะ?” หิ่งถาม
“ถ้าเรามีราชายาอยู่ด้วย จะเอาเขามาอีกทำไมกันล่ะ?” หานจื้อเกาพูด
“แล้วพวกนายไม่ต้องการหมอซางอีกแล้วเหรอ?” หานชิ่งถาม
“เอ่อ หมอซางเป็นหมอที่เก่งก็จริง แต่ก็ไม่มีใครเก่งเท่าราชายาได้” หานจื้อเกาพูด
ในยูนนาน ราชายามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก สำหรับคนยูนนานแล้ว เขาคือคนที่สามารถทำได้ทุกเรื่อง
“เอาล่ะ!” หานชิ่งพยักหน้า เขาจ้องหน้าน้องชายทั้งสอง “แล้วพวกนายเคยคิดบ้างไหม ว่าราชายาอาจจะไม่สามารถรักษาน้องชายของเราได้?”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ?” หานจื้อเกาพูด “หวังเย้าคนนั้นยังเด็กอยู่มาก แล้วเขาจะไปเก่งกว่าราชายาได้ยังไงกัน?”
“ใช่ๆ พี่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นหมอที่เก่งกว่าราชายาได้หรอก” หานจื้อหยูพูด
“ฉันไม่เห็นด้วยกับพวกนายเลย” หานชิ่งพูด “ตระกูลหานรักษาสัญญาเสมอ แล้วพวกนายก็ควรจะคิดให้ดีดีเกี่ยวกับกฎของราชายา ตาแก่นั่นเป็นคนที่แปลกมาก”
หานชิ่งเดินออกไป เขาไม่ต้องการพูดเรื่องนี้กับน้องๆของเขาอีก
“พี่เขาหมายความถึงอะไรเหรอ?” หานจื้อเกาถาม
“นายไม่เข้าใจเหรอ?” หานจื้อหยูถาม “เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของเรายังไงล่ะ”
“แต่ฉันว่า มันเป็นความคิดที่ดีทีเดียวนะ” หานจื้อเกาพูด “พี่ใหญ่ของเราเป็นคนดี แต่บางครั้งเขาก็ดื้อดึงเกินไป นายคิดว่ายังไง?”
“ฉันเห็นด้วย” หานจื้อหยูพยักหน้า เขาคิดว่า ความคิดของหานจื้อเกาน่าสนใจมาก “ฟังนะ ตอนนี้เราต้องรู้ว่ากฎของราชายาเป็นยังไงกันแน่ แล้วเราก็จะได้คิดแผนขึ้นมาได้”
“เราก็อยากจะรักษาสัญญาอยู่หรอก แต่เราก็ไม่รู้ว่าหมอคนนั้นจะรักษาน้องของเราได้รึเปล่า” หานจื้อเกาพูด “แล้วถ้าเราไม่บอก ใครจะรู้ได้ล่ะ? ทั้งหวังเย้าและซางกู้จื้อก็ไม่อยู่กันแล้ว”
“โอเค ตอนนี้ เราเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัว และเลิกพูดเรื่องนี้ไปก่อน” หานจื้อหยูพูด
หวังเย้าบินตรงไปลงที่เมืองเต๋า เขาไปถึงก็ตอนที่ฟ้ามืดแล้ว พี่น้องหานได้จัดการจองโรงแรมภายในเมืองเอาไว้ให้เขาเรียบร้อย เขานอนค้างอยู่ที่นั่นหนึ่งคืน และในตอนเช้า ก็มีรถมารับเขาเพื่อไปส่งที่เหลียนชาน
มีคนไข้หลายคนมารออยู่ที่หน้าคลินิกของหวังเย้าแล้ว
“เขาไม่อยู่เหรอ? แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?” หนึ่งในคนไข้ถาม
“มันก็พูดยากนะ” คนไข้อีกคนพูด
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนหมู่บ้านนี้เหรอ? เราไปถามที่บ้านของเขาดีไหม?” คนไข้คนหนึ่งถาม
“อย่า ไปบ้านเขาไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่ชอบให้คนไปยุ่งที่บ้านของเขา” คนไข้อีกคนพูด “ฉันได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งบอกมา ไม่เห็นป้ายที่แขวนไว้หน้าประตูเหรอ?”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้?” คนไข้คนหนึ่งถาม “เราอุตส่าห์ตั้งใจมาที่นี่แท้ๆ”
“ลองรอต่ออีกสักชั่วโมงเถอะ ถ้าเขายังไม่มา เราก็คงต้องกลับมาอีกทีพรุ่งนี้” คนไข้อีกคนพูด
พวกเขารอต่ออีกหนึ่งชั่วโมง แต่หวังเย้าก็ยังไม่มา
“กลับกันเถอะ” หนึ่งในคนไข้พูด
“นี่มันคลินิกแบบไหนกันแน่เนี้ย?” ชายวัยกลางคนบ่น
“เลิกบ่นได้แล้ว ต้องโทษฉันนี่ ฉันเป็นคนพาทุกคนมาที่นี่เอง” ชายอีกคนพูด
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะไม่พอใจ เพราะพวกเขาต่างก็ตั้งใจเดินทางมาที่นี่กัน แต่กลับไม่ได้เจอหมอ ซึ่งมันทำให้พวกเขาเสียเวลาอย่างมาก
สามสิบนาทีหลังจากที่พวกเขากลับไปแล้ว หวังเย้าก็กลับมาถึงที่บ้าน
“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้วครับ” หวังเย้าพูด จางซิวหยิงกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารกลางวันอยู่ในครัว
“ลูกกินข้าวกลางวันมารึยังจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ยังเลยครับ” หวังเย้าพูด
“กินน้ำสักหน่อย แล้วก็ไปนั่งพักก่อนนะ อาหารใกล้เสร็จแล้วล่ะ” จางซิวหยิงพูด
ในเมื่อลูกชายของเธอกลับมาแล้ว จางซิวหยิงก็ทำอาหารเพิ่มอีกสองอย่าง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ทำอาหารเสร็จ “อาหารเสร็จแล้ว”
“พ่อล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“มีคนเชิญเขาไปกินข้าวด้วยน่ะ มีแค่เราสองคนเท่านั้นแหละ” จางซิวหยิงพูด “เรื่องที่ต้าหลี่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ?”
“ก็ดีครับ” หวังเย้าพูด
“แล้วลูกรักษาคนไข้หายแล้วเหรอ?” จางซิวหยิงถาม
“ยังเลยครับ ผมอยู่ที่นั่นแค่สามวันเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรักษาคนไข้จนหายได้” หวังเย้าตอบ “แล้วหลายวันที่ผ่านมา มีใครมารบกานที่บ้านของเราไหมครับ?”
“ไม่มีหรอกจ๊ะ แล้วก็ไม่มีใครขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานด้วย” จางซิวหยิงพูด
“ดีครับ” หวังเย้าพูด
หวังเย้าขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ซานเซียนแกว่งหางลงมาต้อนรับเขาอย่างมีความสุข
“ว่าไง ซานเซียน ดูเหมือนนายจะอ้วนขึ้นนะ” หวังเย้าพูด
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
“ฮาฮา! ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง!
“ไม่เหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” หวังเย้าสามารถบอกได้ถึงความปิดปกติจากเสียงเห่าของซานเซียน
หวังเย้าเร่งฝีเท้าเพื่อเดินไปที่แปลงสมุนไพร เขาเดินตรงไปที่บ้านสุนัขของซานเซียน “นี่ใช่ไหม ที่นายต้องการจะบอกฉันน่ะ?”
ภายในบ้านสุนัข มีกระต่ายป่าขนาดเล็กตัวหนึ่งอยู่
“นายไปเอามันมาจากที่ไหนเหรอ?” หวังเย้าถาม
ซานเซียนหันหน้าเห่าไปทางเนินเขา
“อะไรนะ? นายอยากจะกินกระต่ายหมักซีอิ๋วเหรอ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม “นี่ ทำไมถึงมองหน้าฉันแบบนั้นล่ะ? หรือนายอยากจะให้ฉันเลี้ยงมันเอาไว้?”
โฮ่ง!
“โว้ว! นายเป็นหมาที่ใจดีจริงๆนะ!” หวังเย้าลูบศีรษะของซานเซียน “แล้วต้าเซี่ยรู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า?”
สุนัขอาจจะไม่ชอบกินเนื้อกระต่าย แต่กระต่ายคืออาหารโปรดของอินทรี
“ก็ได้ ฉันจะพามันกลับไปเลี้ยงที่บ้านให้ เราเลี้ยงกระต่ายเอาไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก” หวังเย้าพูด “เดี๋ยวกระต่ายจะกินสมุนไพรของฉันหมดซะก่อน”
โฮ่ง!
หวังเย้าวางกระต่ายลงไปและเดินดูรอบๆแปลงสมุนไพร หลังจากนั้น เขาก็เดินดูจนทั่วเนินเขา
หืม? เมื่อหวังเย้าเดินขึ้นไปจนถึงยอดเขา เขาก็พบว่า ต้นไม้ทางเนินเขาทิศใต้ถูกตัดออกไป เขาจึงเดินลงไปเพื่อดูให้ชัดๆ และพบว่า มีต้นพุทราหลายต้นที่ถูกตัดออกไป
ทางทิศใต้ของเนินเขาหนานชานค่อนข้างชัน และมีลักษณะเป็นซุ้มโค้ง ไกลออกไปก็จะมีเนินเขาเล็กๆอีกหนึ่งลูก ชาวบ้านแทบจะไม่ไปแถบนั้นเลย เพราะมันค่อนข้างไกล
หวังเย้าอยู่บนเนินเขาหนานชานมาหลายปี เขาจึงรู้ว่า แม้แต่คนเลี้ยงแกะก็ยังไม่ไปที่นั่น เพราะมันชันเกินไป ครั้งหนึ่ง เคยมีคนร่วงลงมาจากตรงนั้นและขาหักด้วย
ใครมาที่นี่กัน? เป็นคนในหมู่บ้านเหรอ? หวังเย้าสงสัย
จากสัญญาที่ได้ทำเอาไว้ ที่แห่งนี้ถือว่าอยู่ในความครอบครองของหวังเย้า
ถ้าหากมีคนมาที่นี่ได้ พวกเขาก็อาจจะสามารถเดินไปถึงทางทิศเหนือของเนินเขาได้ด้วย
หวังเย้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย “ซานเซียน!” เสียงของเขาดังไกลไปถึงยอดเขาและส่งไปถึงแปลงสมุนไพร
ครู่ต่อมา ซานเซียนที่ตัวโตราวกับลูกวัวก็วิ่งลงมาจากยอดเขา เพียงกระโดดแค่ครั้งเดียว ซานเซียนก็สามารถพุ่งไปไกลหลายเมตรแล้ว เมื่อมองจากที่ไกลๆ มันก็ดูไม่ต่างจากสิงโตตัวหนึ่งเลย
“มีคนมาที่นี่เหรอ?” หวังเย้าถาม
ซานเซียนดมกลิ่นรอบๆดูและเห่าออกมา
“มาจากทางไหนเหรอ?” หวังเย้าถาม
ซานเซียนดมกลิ่นและนำทางไป หวังเย้าเดินตามมันไป มันไม่มีรอยเท้าทิ้งไว้แถวนี้เลย และเดิมที ที่นี่เคยมีเส้นทางเล็กๆอยู่ แต่เมื่อไม่มีคนผ่านไปผ่านมา เส้นทางนั้นก็ค่อยๆจางหายไป หวังเย้าไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมีคนมาที่นี่เพื่อตัดต้นพุทราแค่ไม่กี่ต้นนั้น
ซานเซียนหยุดลงที่ตรงหน้าผา ซึ่งมีร่องรอยบางอย่างอยู่ที่พื้น
“นี่มันอะไรน่ะ? รังผึ้งเหรอ?” หวังเย้าถาม
เขาเงยหน้าขึ้นมองใต้หน้าผา และพบว่ามีรังผึ้งอยู่ใต้หน้าผาที่สูงขึ้นไปกว่า 6 เมตร แล้วเขาก็หันหน้ากลับไปมองจุดที่เคยมีต้นพุทราอยู่ มันไม่ยากที่จะมองเห็นรังผึ้งเมื่อยืนมองจากจุดนั้น
หรือว่าจะมีคนมาเก็บรังผึ้ง แล้วดันไปเห็นต้นพุทราเข้า ก็เลยตัดมันไป?
“ไปต่อ ซานเซียน” หวังเย้าพูด
ซานเซียนนำทางต่อไป พวกเขาเดินทางถึงทางทิศตะวันตกของเนินเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้น พวกเขาก็เดินต่อไปทางทิศเหนืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วพวกเขาก็เดินไปถึงเส้นทางที่มุ่งสู่หมู่บ้านของหวังเย้า ในที่สุด ซานเซียนก็ไปหยุดอยู่ที่ประตูบ้านหลังหนึ่ง
เป็นคนจากหมู่บ้านของเราเองเหรอ? หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ
“ว่าไง เสี่ยวเย้า” ชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านมาและเอ่ยทักทายหวังเย้า ชาวบ้านคนนั้นมองไปยังซานเซียนด้วยสายตาที่แปลกประหลาด “นั่นคือหมาเหรอ? มันดูอย่างกับสิงโตแน่ะ!”
“สวัสดีครับ คุณลุง” หวังเย้าพูด
“ที่นี่เหรอ?” หวังเย้าถามซานเซียน
โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมาครั้งหนึ่ง
แกร๊ก! อยู่ๆประตูบ้านหลังนั้นก็เปิดออกมา มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากตัวบ้าน เขาเป็นชายวัยประมาณ 40และมีหนวดเคราอยู่เต็มหน้า
“สวัสดี เสี่ยวเย้า เธอมาหาฉันเหรอ?” ชายคนนั้นเอ่ยถาม
“สวัสดีครับ คุณลุง” หวังเย้าพูด ชายคนนั้นถือเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของหมู่บ้าน