Elixir Supplier - ตอนที่ 555
555 งูดำผู้ดูแลเนินเขา
“โอ้โห หมาตัวใหญ่จริงๆ!” เมื่อเห็นซานเซียนที่ยืนอยู่ข้างๆหวังเย้า ชายคนนั้นก็ถอยหลังไปสองสามก้าว ซานเซียนดูคล้ายกับสิงโต และหน้าตาของมันก็ยังดูดุร้ายอีกด้วย
หวังเย้าสังเกตเห็นมือของชายคนนั้น มันคือรังผึ้งที่ดูเหมือนว่าจะถูกแช่เอาไว้ในน้ำเป็นเวลานาน แขนของชายคนนั้นก็แดงก่ำราวกับถูกผึ้งต่อยมา
“นั่นคือรังผึ้งเหรอครับ?” หวังเย้าค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้คือคนที่ไปที่ด้านหลังเดินเขาหนานชานมา
“ใช่แล้วล่ะ ลุงได้มันมาจากหน้าผาที่เนินเขาหนานชานน่ะ” ชายคนนั้นพูด
“คุณลุงจะเอามันไปทำอะไรเหรอครับ? หรือคิดจะเอาน้ำมันจากในนั้น?” หวังเย้าถาม
“เปล่าหรอก ลุงได้ยินมาว่า น้ำแช่รังผึ้งช่วยรักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบได้น่ะสิ” ชายคนนั้นพูด “ลุงชอบป่วยเป็นโรคเยื่อจมูกอักเสบทุกๆฤดูใบไม้ผลิ พอไปเจอรังผึ้งที่เนินเขาหนานชาน ลุงก็เลยเก็บมาได้เพราะโชคช่วยน่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ปีนี้ก็คงต้องทรมานเพราะโรคนี้อีก”
“ถูกแล้วล่ะครับ รังผึ้งช่วยรักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบได้” หวังเย้าพูด
รังผึ้งสามารถใช้ฆ่าแมลงมีพิษ, ขับลม, และบรรเทาความเจ็บปวดได้ มันยังสามารถนำไปต้มในน้ำร้อนเพื่อใช้รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบได้อีกด้วย
“เพียงแต่ว่า รังผึ้งที่เก็บในช่วงเวลานี้ของปี จะมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะสิครับ” หวังเย้าพูด
“ขอแค่มันช่วยได้บ้างก็พอแล้วล่ะ” ชายคนนั้นพูด
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
“ไว้เจอกันนะ” ชายคนนั้นพูด อยู่ๆเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “รอเดี๋ยวก่อน เสี่ยวเย้า!W
“ครับ?” หวังเย้าพูด
“เวลาที่อยู่บนเนินเขาหนานชานก็ให้ระวังตัวไว้หน่อยนะ มันมีงูตัวใหญ่อยู่บนนั้นด้วย” ชายคนนั้นพูด
“งูตัวใหญ่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ มันเป็นงูสีดำตัวหนึ่ง ตัวยาวเกือบ 3 เมตรและใหญ่เท่านี่เลย!” ชายคนนั้นทำมือเป็นรูปวงกลม
“เสี่ยวเฮย!” ฟังจากสิ่งที่ชายคนนั้นพูดมา มันก็ทำให้หวังเย้านึกถึงเสี่ยวเฮยในทันที มันจะต้องเป็นเสี่ยวเฮยแน่ๆ เขาไม่ได้เห็นเสี่ยวเฮยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฮยจะโตขึ้นมากแล้ว “ผมว่า ช่วงนี้งูน่าจะจำศีลกันอยู่ คุณลุงอาจจะตาฝาดก็ได้นะครับ”
“ไม่มีทาง! ฉันคงจะไม่ไปอยู่แถวๆหน้าผา ถ้าไม่ใช่เพราะหนีเจ้างูตัวนั้นมา” ชายคนนั้นพูด
เขาขึ้นไปเก็บฟืนบนเนินเขาหนานชานเมื่อสองวันก่อน แต่เขาก็เก็บได้ไม่มากนัก ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น เขาก็เห็นเสี่ยวเฮยเข้า คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นงูก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดา โดยเฉพาะงูตัวใหญ่อย่างเสี่ยวเฮย เขาจึงหมุนตัวและวิ่งหนีในทันที สุดท้าย เขาก็วิ่งไปจนถึงบริเวณหน้าผา และบังเอิญไปเห็นต้นพุทราเข้า ในปัจจุบันผู้คนเริ่มให้ความสนใจในเรื่องไม้แกะสลักมากขึ้น และต้นพุทราก็ถือเป็นไม้ดีในหมู่ไม้ที่สามารถหาได้ตามท้องถิ่น เขาจึงตัดมาบางส่วนและเดินต่อไป จนกระทั่งไปเห็นรังผึ้งอยู่ที่ใต้หน้าผา เขาจึงเก็บมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก โชคดี ที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผึ้งกำลังจำศีลอยู่
หลังผ่านโชคร้ายมา เขาก็เก็บได้ของดีติดมือกลับมาด้วยถึงสองอย่าง เขาไปเจองูบนเขา แล้วหนีไปจนถึงหน้าผา จากนั้นก็พบไม้อย่างดีและรังผึ้งหนึ่งรัง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดให้หวังเย้าฟัง หลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหวังเย้าไปมาก พวกเขารู้ดีว่า ไม่ควรไปสร้างความไม่พอใจให้กับชายหนุ่มคนนี้เด็ดขาด
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะระวังตัว” หวังเย้าพูด
ตอนนี้ เขารู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น หวังเย้าจึงสงบใจลงได้ แต่มันก็ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิอาจจะมีคนขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานมากขึ้น และพวกเขาบางคนก็อาจจะเผลอเดินเข้าไปในแปลงสมุนไพรด้วย
งูเหรอ? แล้วหวังเย้าก็มีความคิดดีดีอย่างหนึ่ง “ซานเซียน เสี่ยวเฮยอยู่ไหนเหรอ?”
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนนำทางหวังเย้าไป พวกเขากลับไปยังทิศใต้ของเนินเขาหนานชาน และหยุดอยู่ตรงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นถ้ำที่ค่อนข้างลึกและมืดสนิท
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนส่งเสียงเห่าออกไป ไม่นาน หวังเย้าก็ได้ยินเสียงฟ่อๆดังออกมา งูที่มีขนาดใหญ่พอๆกับแขนคนเลื่อยออกมาจากถ้ำ มันแลบลิ้นออกมาและมองไปที่หวังเย้าและซานเซียน
“ว่าไง นายโตขึ้นมาเลยนะ” หวังเย้าลูบศีรษะของงูและยิ้มออกมา เสี่ยวเฮยอยู่นิ่งไม่ได้ขยับหนี ราวกับมันรู้จักหวังเย้าดี
“ฉันไม่แน่ใจว่า นายจะเข้าใจที่ฉันพูดไหม” หวังเย้าพูด “นายพอจะช่วยเลื่อยไปแถวๆทางเหนือของเนินเขาบ้างได้ไหม?”
หวังเย้าชี้ไปอีกด้านหนึ่งของเนินเขา “ไปกันเถอะ ตามฉันมา”
งูสีดำเลื่อยตามหวังเย้าและซานเซียนไปยังอีกด้านของเนินเขา ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้แปลงสมุนไพรมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งอบอุ่นมากขึ้นเท่านั้น
“นายมาแถวนี้บ่อยๆจะได้ไหม?” ระหว่างที่เดินไปตามทางเดินบนเนินเขาหนานชาน หวังเย้าก็พูดกับเสี่ยวเฮย บนเนินเขามีก้อนหินอยู่เต็มไปหมดและทำให้ทางเดินค่อนข้างแคบ ดังนั้น มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกพืชในบริเวณนี้ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่มักจะพาวัวและแกะมากินหญ้าในบริเวณนี้
เมื่อปีก่อน หวังเย้าใช้ก้อนหินและต้นไม้ปิดทางเดิน ที่มุ่งสู่แปลงสมุนไพรของเขาเอาไว้ และเขาก็ยังวางแผนที่จะปลูกเพิ่มในฤดูใบไม้ผลินี้อีก
เขาไม่แน่ใจว่า เสี่ยวเฮยจะเข้าใจในเขาที่เขาพูดหรือไม่ แต่ในระหว่างที่เดินไป เขาก็ยังคงพูดกับมันไปเรื่อยๆ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็น่าจะได้แล้ว เรากลับไปที่แปลงสมุนไพรกันเถอะ” หวังเย้าพูด
หนึ่งคน สุนัขหนึ่งตัว และงูอีกหนึ่งตัวเข้าไปในแปลงสมุนไพร หวังเย้าไม่รู้ว่าต้าเซี่ยไปอยู่ที่ไหน และตอนนี้ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว
“ถ้านายชอบ นายจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะ” หวังเย้าพูด
เสี่ยวเฮยไม่ได้แสดงออกมามันต้องการจะอยู่หรือไม่ มันเพียงแค่แลบลิ้นของมันออกมาเท่านั้น
หวังเย้าดูเวลา “ฉันต้องไปแล้วล่ะ” แล้วเขาก็เดินลงไปจากเนินเขาหนานชาน
“พ่อกลับมาแล้วเหรอครับ” หวังเย้าที่เดินผ่านประตูเข้าไป มองเห็นพ่อของเขากำลังปลูกต้นไม้อยู่
“เสี่ยวเย้า ไปเอากระต่ายนั่นมาจากไหนเหรอ?” หวังเฟิงฮวาถามขึ้นมา เมื่อเห็นกระต่ายในอ้อมแขนของหวังเย้า
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซานเซียนไปเอามันมาจากไหน แต่ผมกลัวว่ามันจะกินสมุนไพรผมจนหมด ผมก็เลยเอามันมาไว้ที่บ้านน่ะครับ” หวังเย้าพูด
“อ่อ” หวังเฟิงฮวาพูด
หวังเย้าและหวังเฟิงฮวาคุยกันได้สักพัก จากนั้นไม่นาน จางซิวหยิงก็ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
“งานแต่งเสี่ยวรุ่ยจะจัดวันที่ 26 มกรา นะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด
“ครับ” หวังเย้าจำวันที่เอาไว้
“อีกสองสามวัน ผมจะไปปักกิ่งนะครับ” หวังเย้าพูด เขารับปากซงรุ่ยปิงและหวูถงชิ่งเอาไว้แล้วว่าเขาจะไป
“อืม ไม่ต้องห่วงเรื่องบนเนินเขาหนานชานหรอกนะ” หวังเฟิงฮวาพูด
“ขอบคุณครับพ่อ” หวังเย้าพูด
…
ต้าหลี่ ลูกชายคนที่สองและสามของบ้านหานกำลังปรึกษาเรื่องบางอย่างกันอยู่
“พี่รอง ฉันได้ข้อมูลมาไม่ผิดแน่ คราวนี้ฉันไปได้ข้อมูลจากลูกศิษย์ของราชายาโดยตรงเลยล่ะ” หานจื้อเกาผู้เป็นลูกชายคนที่สามของบ้านพูด
“ฉันว่า เราควรจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับพี่ใหญ่ดูก่อนดีกว่านะ” หานจื้อหยูพูด
“แล้วถ้าเกิดพี่ใหญ่ไม่เห็นด้วยขึ้นมาล่ะ?” หานจื้อเกาถาม
“เราคงต้องแอบขโมยยามาสักส่วนหนึ่ง แล้วเอาไปให้ราชายา” หานจื้อหยูพูด
ยายังคงอยู่ และมันก็คือสิ่งที่ช่วยชีวิตน้องชายของพวกเขา มันคงจะไม่เป็นอะไร ถ้าหากพวกเขาจะแบ่งออกไปสักเล็กน้อย แล้วพวกเขาก็จะสามารถเอายาไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้ราชายามารักษาน้องของพวกเขา
พวกเขาเอาเรื่องนี้ไปคุยกับพี่ชายคนโต และผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากที่พวกเขาคาดไว้เลย พี่ชายของพวกเขาไม่เห็นด้วยที่จะนำยาส่วนหนึ่งไปให้กับราชายา
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” หานจื้อเกาถาม
“ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแผนของเรา เราก็อย่าไปเสียเวลากล่อมเขาเลย พวกเรามาจัดการเรื่องนี้กันเองเถอะ” หานจื้อหยูพูด
“ตกลง ฉันเห็นด้วยกับพี่ เรามาช่วยน้องเล็กของเรากัน” หานจื้อเกาพูด
สองพี่น้องตัดสินใจดำเนินแผนการของพวกเขาต่อไป
…
ในหมู่บ้านเริ่มมืดลง หวังเย้าก็ลงมาจากเนินเขาหนานชาน
ในตอนที่เขากำลังทานอาหารอยู่นั้น มือถือของเขาก็ส่งเสียงดังขึ้น มันเป็นสายจากหวูถงชิ่ง
“ฮัลโหล คุณหวู” หวังเย้าพูด
หวูถงชิ่งโทรมา เพื่อถามว่าหวังเย้าจะเดินทางมาที่ปักกิ่งเมื่อไหร่
“ผมจะไปปักกิ่งในอีกสามวันข้างหน้าครับ” หวังเย้าพูด
“เยี่ยมครับ” หวูถงชิ่งพูดอย่างยินดี
ในขณะเดียวกัน ภายในบ้านของหวังเจ๋อเชิง ลูกชายของเขากำลังเล่นอยู่กับผู้เป็นปู่ ภายในบ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใสของเด็กน้อย
หวังยี่หลงมีความสุขมาก หลานชายของเขากลับมาที่บ้านเมื่อสามวันก่อน และร้องอยากจะเล่นกับคุณปู่ของเขาตลอดเวลา ถึงแม้ว่าหวังยี่หลงจะรู้สึกเหนื่อย แต่เขาก็อารมณ์ดีมาก
“เอาล่ะ ห่าวหยวน ปู่เล่นกับลูกมาทั้งวันแล้วนะ” หวังเจ๋อเชิงพูด “ให้ปู่ได้ไปพักสักหน่อยดีไหม?”
“ไม่เอา ผมจะเล่นกับปู่” ห่าวหยวนพูด เขาเป็นเด็กใสซื่อและเฉลียวฉลาด เขารู้ดีว่า ใครที่ชอบเขา
“พ่อไม่เป็นไร อยู่เล่นกับห่าวหยวนต่ออีกสักหน่อยก็ได้” หวังยี่หลงพูด
“ก็ได้” หวังเจ๋อเชิงพูด
เวลาเริ่มเย็นลงแล้ว เมื่อได้เล่นมาตลอดทั้งวัน เด็กน้อยก็เริ่มหมดแรงและพล่อยหลับไป
“ฉันว่า พ่อใกล้จะกินยาหมดแล้วนะ” ภรรยาของหวังเจ๋อเชิงพูด
“ใช่ เขากินยาหมดแล้ว รอดูว่าเขาจะเป็นยังไง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปที่คลินิกของเสี่ยวเย้าดู” หวังเจ๋อเชิงพูด
“เสียดายก็แค่ ยาของเขามันแพงเกินไปน่ะสิ” ภรรยาของเขาพูด
“ฉันจะลองไปคุยกับเขาวันพรุ่งนี้อีกที เผื่อว่าเขาจะยอมลดให้ฉันอีกสักหน่อย” หวังเจ๋อเชิงพูด
ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็เตรียมสมุนไพรอยู่บนเนินเขาหนานชาน หวงฉี, ตั่งเชิน, โท้วกู่เฉา, หลินจือ, ป๋ายเฉา, หญ้าหลี่, จื้อชาน, ชานหยาง, กุยหยวน…
สมุนไพรทั้งหมดนี้ถูกเตรียมไว้สำหรับรักษาพ่อของหวูถงชิ่ง เขาสามารถใช้สูตรยาเดียวกันนี้ในการรักษาโรคมะเร็งของหวังยี่หลง
เขายังต้องเตรียมทำยาอีกตัวหนึ่งด้วย มันมีส่วนผสมของตั่งเชิน, หวูเว่ยจื้อ, ฟู่เฉิน, ป๋ายเฉา, และหยูชวย ยาตัวนี้มีไว้เพื่อรักษาน้องชายของเฉินหยิง
หวังเย้าคิด หลังไปปักกิ่งรอบนี้ หวังว่าฉันคงจะไม่ต้องได้ไปอีก