Elixir Supplier - ตอนที่ 559
559 ราชายา
“แล้วนายคิดว่า เราควรจะทำยังไงกันดีล่ะ?” พี่สาวของหวังเจ๋อเชิงถาม
“รออีกสักสองสามวัน แล้วฉันจะลองหาข้ออ้างพาพ่อไปตรวจที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดดู แต่เราห้ามให้พ่อรู้เด็ดขาดนะ ว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งน่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“อืม ที่พ่อต้องป่วยแบบนี้ก็เพราะนายนั่นแหละ” พี่สาวของเขาโมโหขึ้นมา
“ใช่ พี่พูดถูกแล้ว! โทษฉันเถอะ” หวังเจ๋อเชิงพูด เขาไม่คิดเถียงพี่สาวของเขา เขารู้ว่า เขาอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พ่อของเขาป่วย เขาเคยเป็นคนเหลวแหลกมาก่อน และตอนนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาได้เคยทำลงไปอย่างมาก
พี่สาวของเขาถอนหายใจออกมาและเช็ดน้ำตา ไม่นาน พวกเขาก็กลับเข้าไปในบ้าน พ่อของพวกเขาป่วยไปแล้ว ดังนั้น การจะกล่าวโทษหรือทุบตีหวังเจ๋อเชิงไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนเรื่องที่พ่อของพวกเขาป่วยได้ ในตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องทำให้พ่อมีความสุขในทุกๆวันก็พอแล้ว
“ไปคุยอะไรกันมาเหรอ?” พี่เขยของหวังเจ๋อเชิงถาม “ทำไมดูลึกลับกันจัง”
“ไม่มีอะไร” พี่สาวของหวังเจ๋อเชิงพูดด้วยท่าทีหงุดหงิด
หวังยี่หลงมีความสุขมาก จนถึงขนาดดื่มเหล้าเข้าไปแก้วหนึ่ง
“พ่อไม่ควรดื่มเหล้านะ” ลูกสาวของเขาพูด
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แก้วเดียวเอง” หลังจากที่เริ่มป่วย หวังยี่หลงก็หยุดดื่มไป แล้วเขาก็ไม่มีอารมณ์อยากดื่ม เหมือนกับตอนที่หวังเจ๋อเชิงเคยทำตัวไม่ดีกับเขาด้วย ตอนนี้ เขามีความสุขมาก เขาจึงยกเว้นให้ตัวเองครั้งหนึ่ง
“แก้วเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอก” หวังเจ๋อเชิงไม่ได้ห้ามพ่อของเขา
เขาเคยปรึกษาเรื่องนี้กับหวังเย้าดูแล้ว
“เขาสามารถกินดื่มอะไรก็ได้ที่เขาอยากกิน ขอแค่เขามีความสุขก็พอครับ” หวังเย้าพูด
หลายปีมานี้ หวังยี่หลงไม่เคยมีความสุขเลย
…
ต้าหลี่ ลูกศิษย์ของราชายานำยาทั้งหมดมาที่บ้านครอบครัวหาน เขาเอาโถสีดำที่ถูกปิดด้วยกระดาษน้ำมันมาสามโถ มันเป็นโถที่คล้ายกับโถที่ใช้ในการดองผักต่างๆ
“อาจารย์ครับ ยาทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้วครับ” ลูกศิษย์ของเขาพูด
“ดี” ราชายาพูด “เอาผ้าพันแผลออก
สมาชิกบ้านหานช่วยกันเอาผ้าพันแผลออกด้วยความระมัดระวัง
“เราต้องเอาออกทั้งหมดเลยไหมครับ?” หนึ่งในพวกเขาถาม
“ใช่ อาเจี้ยน เธอไปจัดการซะ” ราชายาพูดด้วยท่าทีหงุดหงิด เป็นการบอกนัยๆว่าเขาไม่พอใจกับงานที่คนอื่นทำ
“ครับ อาจารย์” อาเจี้ยนพูด
อาเจี้ยนจัดการเอาผ้าพันแผลออกอย่างชำนาญ ในขณะที่เขาแกะผ้าพันแผลอยู่นั้น ราชายาก็เปิดฝาโถอันหนึ่งออก แล้วกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ลอยคละคลุ้งออกมา ตัวยาภายในโถมีสีเขียวอ่อนและเหนียวคล้ายกับน้ำผึ้ง
ราชายาถือโถเอาไว้ในมือหนึ่ง และใช้อีกมือทายาลงไปบนร่างกายคนไข้ เขาทำท่าทางราวกับจิตรกร หากมองดูใกล้ๆ ก็จะพบว่า ราชายาทำงานของเขาได้อย่างชำนาญมาก ตัวยาซึมเข้าไปในผิวหนังของคนไข้อย่างรวดเร็ว ไม่มีหยดลงไปที่พื้นแม้แต่หยดเดียว
“พลิกตัวเขา” ราชายาพูด
ลูกศิษย์ของเขาเข้าไปพลิกตัวคนไข้ให้นอนตะแคงข้างอย่างรวดเร็ว
ราชายาถือโถเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างทายาลงไปบนตัวของคนไข้เหมือนก่อนหน้านี้ เขาใส่ยาจนทั่วร่างกายของคนไข้ จากนั้น เขาก็ปิดฝาโถ
เขาเปิดฝาโถใบที่สอง มันดูเหนียวกว่า คล้ายกับขี้ผึ้งและมีสีเขียวเข้ม ราชายาทายาลงไปจนทั่วตัวคนไข้เหมือนกับครั้งแรก ตัวยาสีเขียวเข้มค่อยๆกลืนเข้ากับตัวยาสีเขียวอ่อนที่ลงไปก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับว่า ราชายาได้วางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว และครั้งนี้ เขาก็ทำช้าลงกว่าเดิม
ไม่มีใครในห้องนี้ ที่เคยเห็นหรือได้ยินวิธีการรักษาคนไข้แบบนี้มาก่อน พวกเขาต่างจับจ้องไปที่ราชายาและกลั้นลมหายใจของตัวเองเอาไว้ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของสมุนไพร
ระยะเวลาในการทายาบนร่างกายของคนไข้ด้วยยาตัวที่สองนั้น ช้ากว่ายาตัวแรกถึงสองเท่า เมื่อราชายาทายาเสร็จ ทั่วทั้งตัวคนไข้ก็กลายเป็นสีเขียวเข้ม
ราชายาเปิดฝาโถยาใบที่สาม ภายในบรรจุผงสมุนไพรสีเหลืองเข้มเอาไว้ และเป็นอีกครั้ง ที่เขานำยาทาจนทั่วตัวคนไข้ ตัวยาผงนั้นมีน้ำหนักเบา แต่มันก็ไม่มีการหล่นกระจายในระหว่างการรักษาเลยสักนิด
“พันตัวเขา” ราชายาพูด
“ครับ!” พี่น้องหานกำลังจะเข้าไปพันแผล
“ไม่ใช่พวกเธอ ฉันบอกให้อาเจี้ยนเป็นคนทำ” ราชายาพูด
“ครับ อาจารย์” อาเจี้ยนเข้าไปพันแผลให้กับคนไข้ได้อย่างคล่องแคล่ว
หลังจากที่ทำการรักษาเสร็จแล้ว ราชายาก็ล้างมือและแขนของเขาซ้ำๆอยู่หลายครั้ง จากนั้น เขาก็จากไปพร้อมกับลูกศิษย์ของเขา
หานชิ่งไม่กล้าแม้แต่จะถามคำถามสักคำ และจัดการให้รถไปส่งพวกเขา
“พาเขามาหาฉันหลังจากนี้อีกเจ็ดวัน” ราชายาพูดเอาไว้ก่อนที่เขาจะไป เขายังเอายาทั้งสามตัวของหวังเย้ากลับไปด้วย
“ได้ครับ” หานชิ่งพูด
ราชายาและลูกศิษย์นั่งอยู่ภายในรถโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย ราชายาหลับตาเพื่อพักผ่อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เมื่อพวกเขาเดินทางกลับไปถึงที่หมู่บ้าน ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
“นี่คือค่ารักษาครับ!” ในเมื่อพี่น้องหานไม่รู้ว่า ราชายาจะคิดเงินค่ารักษาเท่าไหร่ พวกจึงเตรียมเงินสดเอาไว้ 1 ล้านหยวนและใส่มันเอาไว้ในกระเป๋าใบหนึ่ง
“เธอไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้ฉัน” ราชายาไม่แม้แต่จะเหลือบมองกระเป๋าใบนั้น แล้วลูกศิษย์ของเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“เอ่อ!” พี่น้องหานอยู่ในอาการตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่า เงิน 10 ล้านหยวนนั้นมากพอหรือไม่
“อาจารย์บอกว่า พวกคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้เขา พวกคุณกลับไปกันได้แล้ว” อาเจี้ยนพูด
พี่น้องหานจึงจากไปด้วยท่าทีสับสน
“อาจารย์ อาหารพร้อมแล้วครับ” หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงตึกไม้ไผ่ อาเจี้ยนก็จัดการทำอาหารเย็นเสร็จอย่างรวดเร็ว
“มากินกับฉันสิ” ราชายาพูด เขามักจะปฏิบัติตัวดีกับลูกศิษย์ของเขาเสมอ
หลังจากจบมื้ออาหาร เขาก็นำยาทั้งสามของหวังเย้าที่ได้มาจากพี่น้องหานออกมา และทำการศึกษายาแต่ละตัว
“อาเจี้ยน มาดูยาทั้งสามตัวนี่สิ” ราชายาชี้ไปที่ยาในขวดกระเบื้องทั้งสาม
“ครับ” อาเจี้ยนพูด เขาทำการศึกษายาทั้งสามตัวด้วยท่าทีที่ไม่ต่างจากอาจารย์ของเขาเลย
“หืมมม ยาตัวแรกมีหลินจือผสมอยู่ด้วย แต่ผมไม่แน่ใจว่าสมุนไพรตัวอื่นคืออะไร ส่วนยาตัวที่สอง มีสมุนไพรอยู่หลายตัว เช่น ชื่อฉือจือ, ผงกำมะถัน,…” อาเจี้ยนทดสอบตัวยาทั้งสาม และบอกส่วมผสมหลักกับอาจารย์ของเขา “ยาตัวนี้มีสมุนไพรอยู่หลายชนิดที่มีสรรพคุณในการฟื้นฟูภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้น มันน่าจะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เป็นอย่างดี ยาตัวนี้น่าจะมีไว้เพื่อสร้างกล้ามเนื้อและผิวหนังขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวสุดท้าย ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”
พี่น้องหานได้บอกถึงสรรพคุณของยาทั้งสามตัวกับพวกเขาไปก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ขวดกระเบื้องทั้งสามใบดูไม่ต่างกันเลยสักนิด อาเจี้ยนจึงไม่รู้ว่า ในขวดแต่ละใบมียาอะไรถูกบรรจุเอาไว้ และเขาก็รู้ด้วยว่า อาจารย์ของเขาต้องการให้เขาตอบออกไปตามจริง
“พี่น้องหานบอกว่า ขวดยาใบสุดท้ายมีหน้าที่ในการขับพิษ” ราชายาพูด “มีสมุนไพรในนั้นตัวหนึ่ง ที่ฉันบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร”
อาเจี้ยนไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ใครก็ตามที่ทำยาทั้งสามตัวนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นหมอที่เก่งมาก” ราชายาพูด
อาเจี้ยนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ปกติอาจารย์ของเขาจะไม่ค่อยเอ่ยชมใครเลย
“ทำไมพิษชนิดนี้ถึงได้โผล่มาอีกแล้ว?” ราชายาถาม
เขาเคยเจอพิษชนิดนี้มามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว
ในขณะเดียวกัน หานชิ่งและหานจื้อหยูต่างก็กำลังมองดูน้องชายของพวกเขาที่นอนอยู่บนเตียง การหายใจของเขาสม่ำเสมอดี พวกเขาจึงเชื่อว่า เมื่อได้รับการรักษาจากราชายาแล้ว น้องชายของพวกเขาก็จะไม่เป็นอะไร
หลังจากนั้นสักพัก หานจื้อเกาก็กลับมา
“ราชายาไม่ยอมรับเงินของพวกเราแม้แต่หยวนเดียว” หานจื้อเกาพูด
“อะไรนะ?ไ หานชิ่งและหานจื้อเกาต่างก็ตกใจ
“หรือเขาจะคิดว่า เงิน 1 ล้านหยวนมันน้อยไป?” หานชิ่งถาม
“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ” หานจื้อเกาพูด
“ช่างมันเถอะ อีกเจ็ดวัน เราต้องพาน้องเล็กไปหาเขาอีกรอบ ฉันกลัวว่า การเดินทางจะเป็นการทรมานเขารึเปล่าน่ะสิ” หานชิ่งกังวลเรื่องนี้มากที่สุด พยายามหารถที่นั่งสบายที่สุด เรามีทางเลือกไม่มาก ยังไงก็ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ราชายายอมมารักษาเขาที่นี่”
“ได้” หานจื้อเกาพูด
…
ปักกิ่ง หวังเย้าโทรหาหวูถงชิ่งในตอนเช้า เพื่อแจ้งว่าเขามาถึงแล้ว และจะเดินทางไปหาพ่อของเขาในวันนี้
บ้านตระกูลหวูตั้งอยู่ในสถานที่ที่เข้าถึงค่อนข้างยาก ดังนั้น หวังเย้าจึงต้องมีคนมาพาเขาเข้าไป
“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอหวัง” ผู้ที่มารับหวังเย้าก็คือเลขาของหวูถงชิ่ง ซึ่งเคยเดินทางไปที่เหลียนชานพร้อมกับถงชิ่งในครั้งก่อน
“อรุณสวัสดิ์ครับ” หวังเย้าพูด
ไม่นานหวังเย้าก็เดินทางมาถึงบ้านตระกูลหวู และพบกับชายชรา
“สวัสดีครับ หมอหวัง” หวูถงหรงเดินทางกลับมาที่บ้าน เมื่อได้ยินจากน้องชายของเขาว่า หวังเย้าจะมาเยี่ยมวันนี้
“สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด
ชายชราทักทายหวังเย้าด้วยเช่นกัน เขาสามารถฟื้นคืนกำลังกลับมาได้ส่วนหนึ่ง
หวังเย้าตรวจดูร่างกายของชายชรา อวัยวะภายในของชายชราได้รับความเสียหายในส่วนลึก ถึงแม้ว่ายาที่หวังเย้าใช้รักษาจะมีสมุนไพรรากผสมอยู่ แต่เขาก็คงป่วยหนักอยู่ดี