Elixir Supplier - ตอนที่ 568
568 ยืดเวลาชีวิต
หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว
เขาจำเป็นต้องต้มยาเพื่อใช้รักษาชีวิตของเวินหว่าน ถึงแม้ว่า เม็ดยาจิ่วเฉาจะมีสรรพคุณที่ดีมาก แต่มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้มาก
ดังนั้น เขาจึงรวมสมุนไพรรากสองชนิดใส่ลงไปในตัวยาด้วย หนึ่งในนั้นคือ สมุนไพรแสงจันทร์ ซึ่งมีสรรพคุณในการบำรุงธาตุหยินและชำระล้างจิตใจ สมุนไพรรากอีกชนิดหนึ่งก็คือ หญ้าว่านเหนียนชิง ซึ่งมีหน้าที่ในการบำรุงอวัยวะภายในและฟื้นฟูสุขภาพ
สำหรับตอนนี้ เขาใช่แค่สมุนไพรรากสองชนิดนี้เท่านั้น ซึ่งสมุนไพรรากทั้งสองไม่มีฤทธิ์ที่ขัดแย้งกันหรือมีผลข้างเคียงใดๆ แต่เดิมเขาคิดจะใส่ชางหยางเข้าไปด้วย ซึ่งมันมีสรรพคุณในการซ่อมแซมอวัยวะสำคัญทั้งห้า แต่เขามีคะแนนไม่พอที่จะแลกมันมาได้
ภายในกระท่อมของหวังเย้า ฟืนกำลังถูกเผาไหม้ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ภายในหม้อมีของเหลวสีเขียวใส มันมีกลิ่นที่พิเศษ ไม่นานตัวยาก็ได้ที่
หวังเย้าเข้านอนค่อนข้างเร็ว
ยามค่ำคืนในหมู่บ้านเงียบกว่าในตัวเมืองมาก แต่ศาสตราจารย์ลู่กลับไม่สามารถหลับตาลงได้ มันไม่ใช่เพราะเตียงนอนไม่สบาย แต่เป็นเพราะ เขามีเรื่องมากมายให้ต้องคิด
ด้านหนึ่ง เขาเป็นห่วงเรื่องอาการของเวินหว่าน ส่วนอีกด้าน เขาเพิ่งจะได้รับสายจากภรรยาที่อยู่กับเขามานานหลายสิบปี เขาบอกกับเธอว่า เขาต้องพาเพื่อนของเขาไปเข้ารักการรักษา และจะไม่อยู่บ้านสักพัก ภรรยาของเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอเพียงแค่บอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดีเท่านั้น
เขามีภรรยาที่ดีและลูกที่น่ารักอีกสองคน รวมถึงการงานที่มั่นคง ชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบในทุกด้าน แต่เขากลับไม่สามารถลืมรักแรกได้และยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอคนนี้ ถึงเขาจะไม่ได้หลับนอนกับเวินหว่าน แต่มันก็เหมือนกับว่าเขามีคนอื่นอยู่ดี
เขาไม่สามารถบอกเรื่องเวินหว่านกับภรรยาและลูกๆของเขาได้ และทำได้แค่เก็บเอาไว้กับตัวเองเท่านั้น
เวินหว่านผู้ที่นอนอยู่ห้องข้างๆก็นอนไม่หลับเช่นกัน เพราะเธอต้องทนทรมานเพราะอาการป่วยของเธอเอง เธอรู้สึกไม่สบายไปทั่วทั้งตัวและถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
มันเป็นคืนที่เงียบสงัด แต่มันคือค่ำคืนที่แสนยาวนานสำหรับคนที่ไม่สามารถข่มตานอนได้
พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาในเช้าวันใหม่ แต่อากาศยังคงเย็นเล็กน้อย
มีสายโทรเข้ามา ในขณะที่หวังเย้ายังคงอยู่เนินเขาหนานชาน
“อาจารย์ วันนี้อาจารย์ว่างไหม?” พันจวินถาม
“ว่างสิ พี่มาที่คลินิกได้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“เยี่ยม” พันจวินพูด เขาวางสายไปด้วยอารมณ์ที่ดี
“ดูคุณทำสิ! ทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้” ภรรยาของพันจวินพูด
“ก็ฉันมีความสุขนี่ วันนี้ฉันจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากเลยล่ะ” พันจวินพูด “ฉันก็ลองนวดให้เธอแล้ว มันดีมากไม่ใช่เหรอ?”
เขาติดตามศึกษากับหวังเย้าได้ไม่นาน แต่เขาก็ได้ความรู้ในเรื่องของเส้นเลือดและจุดฝังเข็มจากหวังเย้า เขายังได้เริ่มเรียนรู้พื้นฐานการนวดแล้ว เขาจึงลองใช้เทคนิคที่เรียนมากับคนในครอบครัวของเขาดู และภรรยาของเขาก็คือลูกค้ารายแรก ซึ่งเธอก็รู้สึกพอใจกับการนวดของเขามาก
วันหนึ่ง หลังจากที่ภรรยาของเขากลับมาจากที่ทำงาน เขาก็เข้าไปนวดให้กับเธอ เธอบอกว่า หลังจากที่เขานวดให้เธอแล้ว เธอรู้สึกสบายตัวอย่างมากและหลับสนิทในตอนกลางคืน เธอรู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉงในเช้าวันต่อมา ดังนั้น เธอจึงชื่นชมฝีมือการนวดของสามีไปหลายคำ
“อาจารย์ของคุณเก่งจริงๆ” ภรรยาของเขาพูด
“แน่นอนอยู่แล้วสิ” พันจวินพูด
เขาอยากจะไปที่คลินิกของหวังเย้ามาหลายวันแล้ว แต่หวังเย้าต้องเดินทางไปปักกิ่งและต้าหลี่เกือบ 10 วัน แล้วในที่สุด หวังเย้าก็กลับมา พันจวินไม่ต้องการพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้กับหวังเย้า
“ฉันไปแล้วนะ” พันจวินพูด
“ขับรถดีดีล่ะ” ภรรยาของเขาพูด
“อืม” พันจวินพูด
เขาขับรถตรงไปที่คลินิก ในขณะที่หวังเย้ายังคงอยู่บนเนินเขาหนานชาน
“พี่มาเช้าจังเลยนะครับ” หวังเย้าพูดขึ้นมาทันทีที่เขาเห็นพันจวิน
“ก็ฉันอยากจะเรียนรู้กับนายมากๆเลยน่ะสิ” พันจวินพูด
“แล้ววันนี้ พี่ไม่ต้องทำงานเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“วันนี้ ฉันมีเวรดึกน่ะ” พันจวินพูด
“อ่อ วันนี้ผมมีคนไข้พิเศษด้วย อีกเดี๋ยวพี่ก็มาดูด้วยกันนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้เลย” พันจวินพูด
หวังเย้าเปิดประตูคลินิก แล้วทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปด้านใน
มันเป็นเช้าที่หนาวเย็นเล็กน้อย แต่เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นสูง อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น ศาสตราจารย์ลู่ เวินหว่านและลูกชายของเธอมาถึงที่คลินิกตอน 9 โมงครึ่ง
“นี่ใช่คนไข้ที่อาจารย์พูดถึงรึเปล่า?” พันจวินถาม
เขาตกตะลึงเมื่อได้เห็นเวินหว่าน ที่มาในสภาพป่วยหนักและไร้เรี่ยวแรง เธอไม่สามารถแม้แต่จะเดินเข้ามาในคลินิกด้วยตัวเอง เธออยู่ในสภาพของคนที่เหลือลมหายใจสุดท้ายแล้ว
“เมื่อคืนคงจะนอนไม่ค่อยหลับกันสินะครับ” มองแค่ครั้งเดียว หวังเย้าก็สามารถบอกได้แล้ว
“หมอพูดถูกแล้วล่ะ” ศาสตราจารย์ลู่พูด
“มาครับ เอายาไปกินก่อน” หวังเย้าเอายาให้เวินหว่านกินถ้วยหนึ่ง
ตัวยาให้ความรู้สึกสบายและอบอุ่น ลูกชายของเวินหว่านถือถ้วยยาเพื่อป้อนให้กับเธอ
“นี่เป็นเม็ดยาจิ่วเฉา ให้เธอกินวันละเม็ดนะครับ” หวังเย้าเอายาให้ศาสตราจารย์ลู่
“ได้” ศาตราจารย์ลู่พูด
เมื่อดื่มยาเข้าไปแล้ว เวินหว่านอยู่นั่งอยู่ภายในคลินิกต่ออีก 30 นาที หลังจากนั้น หวังเย้าก็จับดูชีพจรของเธอก่อนที่จะให้เธอกลับ
“พี่คิดว่า สภาพของคนไข้เป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถามพันจวิน
“ฉันคิดว่า เธอไม่สามารถรักษาได้แล้ว” พันจวินพูด
“ใช่ แล้วพี่คิดว่า เธอจะสามารถทนรับการรักษาด้วยการนวดได้ไหม?” หวังเย้าถาม
“ฉันคิดว่าไม่น่าจะได้นะ” หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง พันจวินก็ตอบออกมา
ถึงการนวดรักษาจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตได้ดี แต่มันก็ไม่ได้เหมาะกับคนไข้ทุกคน หวังเย้าเคยบอกกับเขาแล้วว่า คนไข้ประเภทไหนและอาการป่วยแบบไหนบ้าง ที่สามารถรักษาด้วยการนวดได้ รวมไปถึงประเภทของคนไข้ที่ไม่สามารถทนรับการนวดรักษาได้
คนไข้ที่อาการหนักไม่ควรรับการนวดรักษาเด็ดขาด ร่างกายของพวกเขานั้นอ่อนแอเกินกว่าจะรับการรักษาแบบนั้นได้ ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นจากภายนอก
“อาจารย์ เธอป่วยเป็นอะไรเหรอ?” พันจวินถาม
“ตอนแรก เธอมีอาการไตวาย ตอนนี้ อวัยวะภายในร่างกายของเธอล้มเหลว” หวังเย้าพูด
“โอ้ พระเจ้า! คนไข้คนนั้นเองเหรอ?” พันจวินยังจำคนไข้ที่หวังเย้าเคยพูดถึงได้
“ใช่แล้วล่ะ” หวังเย้าพูด
“ฉันคิดว่า อาจารย์รักษาให้เธอมาได้สักพักแล้วซะอีก” พันจวินพูด “ทำไมเธอถึงได้ป่วยหนักกว่าเดิมแบบนี้ล่ะ?”
“เธอหยุดรับการรักษาไปช่วงหนึ่ง เพราะเธอต้องกลับไปดูแลแม่ที่ป่วยหนักของเธอ” หวังเย้าอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเวินหว่าน ให้พันจวินฟังเพียงสั้นๆ
“เธอเป็นลูกที่ดี แต่เธอทำเกินกำลัง” เขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเหลียนชานมานานหลายปีแล้วก็ตามที “อาจารย์ ถ้าดูจากอาการของเธอแล้ว อาจารย์คิดว่าจะสามารถช่วยเธอได้ไหม?”
“ผมจะลองพยายามดู” หวังเย้าพูด
เขาเริ่มสอนเทคนิคการนวดให้กับพันจวิน พันจวินเรียนรู้อย่างตั้งใจและจดบันทึกเป็นครั้งคราว หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน
“เราไปกินข้าวด้วยกันไหม?” พันจวินถาม “ฉันเลี้ยงเอง”
“โอเค” หวังเย้าพูด
พวกเขาไปที่ร้านอาหารใกล้หมู่บ้านเหมือนทุกที ทั้งสองได้กลายเป็นลูกค้าประจำของร้านไปแล้ว
“สวัสดี หมอหวัง!” เจ้าของรู้จักหวังเย้าดี
หวังเย้าเปิดคลินิกมาได้สักพักแล้ว ดังนั้น จึงมีคนที่อยู่หมู่บ้านใกล้ๆไปรักษากับเขาหลายคน พวกเขาทุกคนต่างก็พอใจกับการรักษาของเขา ดังนั้น หวังเย้าจึงมีชื่อเสียงค่อนข้างดีในละแวกนี้ คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยล้วนแล้วแต่นึกถึงหวังเย้า
หวังเย้าและพันจวินสั่งอาหารมาสองสามอย่าง พวกเขาทานอาหารและพูดคุยกันไปอย่างออกรส
มีคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาที่ร้านอาหาร ในขณะที่หวังเย้าและพันจวินกำลังทานอาหารกันอยู่ แล้วก็มีคนอีกกลุ่มโผล่เข้ามา หลังจากนั้นไม่นาน ลานจอดรถก็เต็มไปด้วยรถ
“ช่วงนี้กิจการดีมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ใช่แล้วล่ะ ช่วงนี้ร้านมีลูกค้ามาเยอะมาก เพราะตอนนี้ รีสอร์ทน้ำพุร้อนที่หลี่เจียโกวเปิดแล้วน่ะสิ” เจ้าของร้านพูด
“อ่อ” หวังเย้าลืมเรื่องรีสอร์ทไปสนิทเลย
“ฉันไปเที่ยวที่รีสอร์ทมาแล้วด้วย มันดีทีเดียว” เจ้าของร้านพูด
หวังเย้าและพันจวินกลับไปที่คลินิกหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว ไม่มีใครมาคลินิกในเวลานี้ เพราะเป็นเวลาทานอาหารของคนส่วนใหญ่
“พี่งีบที่นี่ได้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“โอเค” พันจวินพูด
เขานอนงีบครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็ลุกขึ้น แล้วหยิบเอาหนังสือการนวดของหวังเย้าที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน
มีคนไข้สองรายมาที่คลินิกในตอนบ่าย ทั้งสองเป็นคนชราที่มีอาการปวดขา
“อยากจะลองรักษาดูหน่อยไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“เอาสิ” พันจวินพูด
“เขาทำได้เหรอ?” คนไข้ถาม
พวกเขามาที่คลินิกก็เพื่อจะได้รักษากับหวังเย้า
“ได้สิครับ เขาเป็นถึงหมอในโรงพยาบาลเหลียนชานเลยนะ” หวังเย้าพูด
“จริงเหรอ?” คนไข้ยังคงสงสัย จนกระทั่งพันจวินต้องเอาป้ายชื่อของเขาออกมาให้ดู
อาการของคนไข้ค่อนข้างชัดเจน เขาใช้งานขาของเขามาเป็นเวลาหลายปี เขาเป็นคนไข้ที่เหมาะสำหรับการนวดรักษา เพราะการนวดนั้นสามารถรักษาอาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ