Elixir Supplier - ตอนที่ 573
573 เหลือเชื่อ!
“พยายามเรียนรู้จากเขาให้มากที่สุดล่ะ” พันเหมยพูด “ให้ตั้งใจเวลาเรียนกับเขา ถึงเขาจะยังเด็กมากก็ตามที!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมตั้งใจเรียนกับเขาตลอด” พันจวินพูด
“พูดตามตรงนะ เดิมที ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นหมอที่เก่งอะไรเลย เพราะเขายังเด็กอยู่มาก ผมไม่ควรตัดสินคนจากอายุของเขาเลย ตอนนี้ ผมเชื่อแล้วว่า เขาเป็นหมอที่สุดยอดมาก เขาเป็นอัจฉริยะของแท้เลยล่ะ”
“ดี ในเมื่อเขายินดีที่จะสอนนาย นายก็ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวให้มากที่สุด ฉันคิดว่า เขาเก่งเรื่องจับชีพจรมากเลยนะ” พันเหมยพูด
“เขาเก่งทั้งเรื่องจับชีพจร, จ่ายยา, นวดรักษา, และฝังเข็ม เขาเก่งไปหมดทุกอย่างนั่นแหละ” พันจวินพูด “แต่ตอนนี้ ผมอยากเรียนการนวดจากเขาเท่านั้น เรียนให้ดีไปทีละอย่างดีกว่า”
“เมื่อมีโอกาสในอนาคต นายก็ค่อยเรียนรู้ทักษะอย่างอื่นจากเขาเพิ่ม” พันเหมยพูด
“แน่นอน” พันจวินพูด เขามีความคิดแบบนั้นเช่นกัน
ในตอนแรก เขาเพียงแค่อยากจะเรียนการนวดเท่านั้น จากนั้น เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนความคิดและอยากจะเรียนทักษะอื่นๆด้วย ดีที่เขาไม่ใช่คนโลภมากหรือไม่จริงจังกับการเรียน แล้วเขาก็มีเวลาจำกัดและพลังงานที่จะเรียนรู้ทักษะจากหวังเย้าได้เพียงแค่หนึ่งอย่างเท่านั้น ในเมื่อหวังเย้ายินดีที่จะสอนเขา เขาก็อยากจะพยายามอย่างเต็มที่
ภายในหมู่บ้าน หวังเย้ากำลังทานอาหารอยู่ที่บ้าน
“คนไข้ไปกันหมดแล้วเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ครับ” หวังเย้าพูด
“พวกเขาดูร้อนใจกันมากเลยนะ” จางซิวหยิงพูด “เด็กคนนั้นคงจะป่วยหนักมากสินะ?”
“ตอนนี้ ทุกคนปลอดภัยดีแล้วครับ” หวังเย้าพูด เขาไม่อยากจะพูดถึงคนพวกนั้นอีก เขาไม่ต้องการให้แม่ของเขาต้องมากังวลเรื่องของคนอื่น “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
หวังเย้าไม่ได้กลับไปที่คลินิกหลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จ แต่เขากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน เพื่อที่จะปลูกต้นไม้ต่อ ขั้นต่อไปก็คือการรดน้ำต้นไม้
เขาใช้น้ำแร่โบราณเจือจางกับน้ำเปล่าในการรดน้ำต้นไม้เหล่านี้ เขาไม่ได้มีน้ำแร่โบราณจำนวนมาก ดังนั้น เขาจึงต่อท่อเพื่อนำส่งน้ำแร่จากบนยอดเขาลงมารดน้ำต้นไม้ทั้งหมด
ซานเซียนเฝ้ามองหวังเย้าทำงานอย่างมีความสุข
“ซานเซียน นายคิดว่า เนินเขาหนานชานสูงขึ้นรึเปล่า?” หวังเย้ามองดูเนินเขาทางทิศตะวันตก ซึ่งดูเหมือนจะเตี้ยกว่าทุกที
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนยกขาหน้าของมันขึ้นมา
“นายหมายความว่ายังไง?” หวังเย้าถามด้วยความประหลาดใจ
โฮ่ง! โฮ่ง!
“นายจะบอกว่า เนินเขากำลังเคลื่อนตัวอยู่อย่างนั้นเหรอ?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง!
“โฮ้!” หวังเย้าสูดลมหายใจเข้าลึก
เขานั่งลงกับพื้นเพื่อทำใจให้สงบ แล้วปลดปล่อยพลังฉีออกมาเพื่อสื่อสารกับจักรวาล พลังโดยรอบถูกกระตุ้นขึ้นมา
อะไรกัน?
หวังเย้ารับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวข้างใต้ พลังรอบๆตัวเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่าพื้นโลกข้างใต้เขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ความคิดของเขา เขาจึงเดินไปที่เนินเขาทางทิศตะวันออก แต่กลับไม่รู้สึกถึงอะไรเป็นพิเศษเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่อเขาเดินไปอยู่บนเนินเขาทางทิศตะวันตก เรื่องนี้ทำให้เขามั่นใจว่า เนินเขาหนานชานกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอยู่
เนินเขาสามารถสูงขึ้นเหมือนมนุษย์ได้ด้วยเหรอ? นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจมาก เขาเดินไปรอบๆเนินเขา เพื่อหาของบางอย่างเป็นการยืนยัน ว่าเนินเขากำลังเติบโตขึ้นจริงหรือไม่ แต่เขาก็หาอะไรไม่เจอเลย เขาทำได้แค่คาดเดาการเปลี่ยนแปลงของเนินเขาหนานชาน ด้วยการเปรียบเทียบกับเนินเขาทางทิศตะวันตกและออกเท่านั้น
มันอยู่ในช่วงของเดือนมีนาคม ดังนั้น อากาศจึงอบอุ่นขึ้น เวลากลางวันก็นานขึ้นตามไปด้วย
ชาวบ้านหลายคนออกมาจากบ้านเพื่อพูดคุยกับคนอื่นๆ หลังจากที่ทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว หัวข้อสนทนาที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ก็คือ เรื่องอพาร์ทเมนต์ที่กำลังก่อสร้างในตัวเมืองเหลียนชาน
“ฉันได้ยินมาว่า พวกเขาจะสร้างเสร็จตอนวันที่ 1 เดือนพฤษภาคมนะ” ชาวบ้านวัยกลางคนพูด “ตอนนั้น เราก็จะเข้าไปเลือกห้องกันได้แล้ว”
“ใช่ๆ แฟนของลูกชายฉันก็เพิ่งจะถามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” เพื่อนบ้านของเขาพูด “เมื่อปีที่แล้ว ฉันกังวลเรื่องนี้มาก รู้อะไรไหม เดี๋ยวนี้น่ะ เราต้องเตรียมอพาร์ทเมนต์เอาไว้ให้ลูกๆตอนแต่งงาน โชคดีที่เราได้โอกาสดีแบบนี้”
“ทำไมคุณซุนถึงไม่ได้มาที่นี่นานแล้วล่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“ใช่ หวังว่า เรื่องอพาร์ทเมนต์คงจะไม่มีปัญหาอะไรนะ” ชาวบ้านอีกคนพูด
“ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก แล้วพวกเราก็เซนต์สัญญากันเรียบร้อยแล้วด้วย” ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้วยกันพูด
ชาวบ้านเกือบครึ่ง ต่างยินดีที่จะนำบ้านในหมู่บ้านของพวกเขาแลกเปลี่ยนกับอพาร์ทเมนต์ในตัวเมืองเหลียนชาน นี่เป็นเรื่องที่เห็นกันได้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งก็หมายความว่า เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น ชาวบ้านครึ่งหนึ่งก็จะย้ายออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ บ้านเกือบครึ่งหนึ่งมีสภาพที่เก่ามากแล้ว ชาวบ้านอีกหลายคนที่มีบ้านสองหลัง บ้านที่ใหม่กว่ามักจะมีไว้สำหรับลูกชายที่แต่งงานแล้ว
“เสี่ยวเย้าอยู่นั่นไง ลองถามเขาดูสิ” ชาวบ้านคนหนึ่งเสนอขึ้นมา
ชาวบ้านเรียกหวังเย้าที่กำลังเดินลงมาจากเนินเขาหนานชาน เพื่อถามเรื่องอพาร์ทเมนต์
“เอ่อ ทุกคนก็ได้เซนต์สัญญากันแล้วนี่ครับ แล้วมันก็เป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย ผมคิดว่า คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ” หวังเย้าพูด
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
เมื่อหวังเย้าเดินเข้าสู่ถนนเส่นที่มุ่งสู่บ้านของเขานั้น เขาก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังขี่มอเตอร์ไซด์มาจากทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ชายคนนั้นดูเหน็ดเหนื่อยและเนื้อตัวสกปรกมาก
หืม!
หวังเจ๋อเชิงเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เขาทำงานมาตลอดทั้งวัน แล้วในตอนเย็น เขายังทำงานกะพิเศษในโรงงานเล็กๆอีกสามชั่วโมงด้วย เขาทำแบบนี้มาได้เดือนกว่าแล้ว เขาไม่เคยทำงานหลายชั่วโมงหรือเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย แต่เขาคิดว่าที่เขาทำมันคุ้มค่ามาก
“สวัสดีครับ เพิ่งจะกลับมาเดี๋ยวนี้เองเหรอครับ?” หวังเย้าทักทายหวังเจ๋อเชิง
หวังเจ๋อเชิงเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคนไปเลย เขาเปลี่ยนทั้งความคิดและจิตใจ ดังนั้น ทัศนคติที่หวังเย้ามีต่อเขาก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
“สวัสดี ใช่ ฉันเพิ่งจะกลับมานี่แหละ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ อย่าทำงานหักโหมจนเกินไป” หวังเย้าพูด
ทุกคนสามารถมองออกได้ว่า หวังเจ๋อเชิงเหนื่อยขนาดไหน
เหมือนอย่างที่คนสมัยก่อนพูดเอาไว้ว่า การทำงานหนักเกินไป จะส่งผลในร่างกายทรุดโทรม เมื่อคนเราเหนื่อยล้าเกินไป ร่างกายก็จะไม่สามารถต้านทานแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสได้
“ฉันรู้แล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด แล้วเขาก็ขี่มอเตอร์ไซด์กลับไปที่บ้าน
หวังเย้าออกมาจากบ้านตอนสามทุ่มครึ่ง แล้วเขาก็เห็นหวังเจ๋อเชิงอีกครั้ง
“หืม?”
“ว่าไง กำลังจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงหยุดรถและทักทายหวังเย้า
“ครับ” หวังเย้าพูด “แล้วพี่กำลังจะไปที่ไหนเหรอ?”
“ฉันได้งานหนึ่งที่ในเมืองน่ะ พวกเขาให้ฉันทำงาน 2-3 ชั่วโมงทุกคืน” หวังเจ๋อเชิงพูดด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเหนื่อย แต่เขาก็รู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากขึ้น
หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง หวังเย้าก็พูดออกมาว่า “กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ”
“โอเค ไว้เจอกันนะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
หวังเย้าคิดในใจ เขาเปลี่ยนไปมากเลย!
มันเป็นเรื่องธรรมดาและปกติสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตะทำงานหนักเพื่อครอบครัวของเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
บนเนินเขาหนานชานเงียบสงัด หวังเย้ากำลังเตรียมสมุนไพรเพื่อทำยา เขาหยิบเอาหวงฉี, ตานเซิน, โท่วกู่เฉา, หลินจือ, ป่ายเฉา, หญ้าลี่, จื้อชาน, ชางหยาง, และกุยหยวนออกมา
นี่เป็นสูตรยาที่จะใช้สำหรับรักษาพ่อของหวังเจ๋อเชิง มันมีสมุนไพรรากอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ชนิด คุณค่าของตัวยาด้อยกว่าเม็ดยาอายุวัฒนะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น ประสิทธิภาพและสรรพคุณของตัวยาจึงสูงมาก ชายชราจำเป็นต้องได้รับตัวยาที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อยืดเวลาชีวิตของเขาให้ยาวนานขึ้น
ฉันสามารถปรับสูตรยาได้นิดหน่อย หวังเย้าพูด
เขาวางแผนที่จะใช้สูตรยานี้รักษาชายหนุ่มที่มาให้เขาตรวจในตอนเช้า เขามีเนื้องอกอยู่ในร่างกาย
ฉันจะเอาจื้อชานออกและเปลี่ยนกุยหยวนเป็นกานเฉา
หวังเย้าปรับเปลี่ยนสูตรยาไปเล็กน้อย
ฉันไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม จนกว่าเขาจะกินมันเข้าไป
เขามีสมุนไพรอยู่ครบทุกตัวแล้ว รวมไปถึง จื้อชานด้วย
หวังเย้าตัดสินใจต้มยาในคืนนี้เลย ในช่วงแรก เขาจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องเวลาในการต้มยาด้วย แต่เมื่อมีค่ายกลรวมวิญญาณแล้ว เวลาก็กลายเป็นเรื่องไม่สำคัญในทันที
สิ่งเดียวที่เขาขาดตอนนี้ก็คือฟืน
หลังจากที่หวังเย้าสร้างค่ายกลรวมวิญญาณขึ้นมา พลังรอบๆเนินเขาหนานชานก็มารวมตัวกันที่แปลงสมุนไพรของเขา มันไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อเนินเขาหนานชานเท่านั้น แต่มันยังส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบอีกด้วย ต้นไม้และดอกไม้บนเนินเขามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และแทบจะไม่มีต้นไม้ตายอยู่ในบริเวณนี้เลย มันจึงต้องใช้เวลาพักหนึ่ง กว่าที่หวังเย้าจะเก็บฟืนได้ตามจำนวน
ฉันน่าจะซื้อฟืนมาไว้ใช้สักหน่อย หวังเย้าคิด
ตัวยากำลังเดือดอยู่ภายในหม้ออเนกประสงค์ หวังเย้าใส่สมุนไพรลงไปในหม้อทีละต้นๆ สมุนไพรกลืนเข้ากับตัวยา และทำให้สีของน้ำเข้มขึ้นเรื่อยๆ
“เรียบร้อย!”
ตัวยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ตัวยาเย็นลง หวังเย้าก็เทยาใส่ลงไปในขวดกระเบื้องสีขาว จากนั้น เขาก็ปิดไฟและเข้านอน
มันเป็นค่ำคืนที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดให้ได้ยินเท่านั้น
โฮ่ง!
อยู่ๆซานเซียนก็ลุกขึ้นยืนจากในบ้านสุนัขของมัน
พรึ่บ! ต้าเซี่ยกระพือปีกของมัน
ซี่ๆๆ! ซี่ๆๆ! เสี่ยวเฮยชูคอขึ้นเหนือหญ้า
หืม? หวังเย้าผุดลุกขึ้นจากเตียงนอน
เกิดอะไรขึ้นกัน?
เขาเพิ่งจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังโดยรอบ จากความสามรถในตอนนี้ของเขา เขาสามารถรับรู้เหตุการณ์โดยรอบ ถึงแม้ว่าเขาจะหลับอยู่ก็ตามที