Elixir Supplier - ตอนที่ 574
574 เหงื่อออกเป็นน้ำมัน
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ความรู้สึกนั้นก็หายไป มันมาและไปอย่างรวดเร็ว
“หรือฉันจะแค่คิดไปเอง?” หวังเย้าพูด
เขาเดินออกไปที่แปลงสมุนไพร ซานเซียนเดินออกมาจากบ้านสุนัขและตรงมาหาเขา
“ซานเซียน นายพบความผิดปกติอะไรไหม?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนใช้ขาของมันครูดไปที่พื้น
“ภูเขาเหรอ?” หวังเย้าหลับตาลงและปลดปล่อยกำลังภายในออกมา
พลังฟ้าดินภายในค่ายกลรวมวิญญาณนั้นเข้มข้นมาก มันจึงไม่สามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เขาจำเป็นต้องกลับขึ้นไปบนยอดเขา
ไม่มีอะไรผิดปกติเลย “แปลกจริงๆ”
ตอนนี้ ไหนๆหวังเย้าก็ตื่นเต็มตาแล้ว เขาจึงไม่รีบกลับไปนอน และเลือกที่จะเดินดูรอบๆเนินเขาแทน เขาไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย ดังนั้น เขาจึงได้แต่ต้องกลับไปนอนเหมือนเดิม
วันต่อมา ท้องฟ้าอึมครึม เวลา 9 โมงเช้า มีฝนโปรยลงมาบางๆพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง
หวังเย้าอยู่ภายในคลินิกเพียงลำพัง เมื่อไม่มีคนไข้ หวังเย้าก็นั่งอ่านตำราแพทย์และดื่มชาไปด้วย
เวลาประมาณ 10 โมง ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้านและจอดที่หน้าคลินิก ชายหนุ่มสองคนลงมาจากรถคันนั้น
“ฝนตก” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด
“ฝนตกก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มอีกคนพูด “ฝนฤดูใบไม้ผลมีค่าพอๆกับน้ำมัน”
“บ้าสิ” ชายหนุ่มคนแรกพูด “ฉันสงสัยจริงๆ ว่าหมอจะหลอกฉันรึเปล่า”
ชายหนุ่มทั้งสองเดินตรงไปที่คลินิกและเคาะประตู
“เชิญครับ” มีเสียงดังมาจากด้านใน
“พระเจ้า!” คนทั้งสองรู้สึกตกใจ พวกเขารู้สึกราวกับว่า เสียงนั้นดังขึ้นในหูของพวกเขาเอง เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปด้านใน พวกเขาก็พบว่า หวังเย้ากำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งและมีถ้วยชาวางอยู่หนึ่งใบ
“หมอ คุณนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเลยเหรอ?” หนึ่งในชายหนุ่มสองคนถาม
“ครับ มีอะไรเหรอ?” หวังเย้าพูด
“เอ่อ ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มพูด
“นี่ครับยา” หวังเย้าวางยาที่เตรียมเอาไว้ลงบนโต๊ะ รวมถึงวิธีการกินและข้อควรระวังด้วย “กลับมาหลังจากนี้อีกสามวันนะครับ”
“เท่าไหร่ครับ?” ชายหนุ่มถาม
“100,000 หยวนครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” ถึงพวกเขาจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่ชายร่างสูงและเพื่อนของเขาก็รู้สึกตกใจอยู่ดี “มันคืออะไรกัน?”
“ก็แค่ยาขวดเดียวเท่านั้นไม่ใช่เหรอไง?” ชายหนุ่มถาม “นี่มันแพงเกินไปแล้ว!”
“แพงงั้นเหรอ? แล้วคุณคิดว่า โสมอายุ 100 ปีราคาอยู่ที่เท่าไหร่ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“มันใส่โสมอายุมากขนาดนั้นไว้ด้วย!” ชายหนุ่มร่างสูงตกตะลึง ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ยาตัวนี้ถือว่าไม่แพงเลย “ผมจะจ่าย”
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็จัดการโอนเงินผ่านทางมือถือให้หวังเย้า ซึ่งเป็นเรื่องที่สะดวกมาก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกคุณก็กลับได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
“โอเค ขอบคุณ” ชายหนุ่มทั้งสองออกไปจากคลินิก
“พระเจ้า! ยาขวดเดียวราคาเป็นแสนเลยเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าพูด “ขนาดทองยังไม่แพงเท่านี้เลยด้วยซ้ำ!”
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาพูดและมีโสมร้อยปีอยู่ในตัวยาจริง ฉันก็คิดว่ามันคุ้มค่านะ” ชายหนุ่มที่สูงกว่าพูด
“เขาหาเงินง่ายจริงๆนะ” ชายอีกคนพูด “แล้วนายจะรู้ได้ยังไง ว่าที่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ลองกินยานี่ดูก็รู้แล้ว” ชายหนุ่มร่างสูงพูด “ถ้าเขาโกหกฉัน ฉันจะทำให้แน่ใจ ว่าเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยล่ะ!”
“นี่ แล้วเสียงที่เราได้ยินก่อนหน้านี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงเหรอ?” เพื่อนของเขาถาม
“ถ้าไม่ใช่เขาแกล้งทำเป็นผี ก็เป็นเพราะความสามารถจริงๆของเขาเอง” ชายหนุ่มร่างสูงพูด
เสียงฟ้าร้องดังอย่างต่อเนื่อง ฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน นอกจากชายหนุ่มสองคนนี้แล้ว ก็ไม่มีใครมาที่คลินิกอีก หวังเย้านั่งอ่านตำราแพทย์อยู่เงียบๆไปจนถึงเวลากลางวัน เพราะเมฆฝนและฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ท้องฟ้าวันนี้มืดกว่าปกติ
…
ที่ต้าหลี่ก็มีฝนตกด้วยเช่นกัน ฝนฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ยังตกหนักกว่าอีกด้วย
“ฉันหิว” ชายที่ถูกพันผ้าพันแผลจนทั่วตัวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เขาคือลูกชายคนที่สี่ของบ้านหาน ตั้งแต่ที่เขาได้รับการรักษาจากราชายา อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็พอจะพูดได้บ้างแล้ว ความทรมานที่เขาต้องเผชิญก่อนหน้านี้ ไม่ต่างอะไรจากการอยู่ในนรกเลย
“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะให้คนเอาข้าวมาให้นาย” หานชิ่งพูด “นายรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันยังคันไปหมดทั้งตัวอยู่เลย” น้องคนเล็กพูด
“คันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ มันถือว่าเป็นสัญญาณว่าอาการของนายกำลังดีขึ้น” หานชิ่งพูด เขาพยายามปลอบน้องชายของเขา
“ฉันคงจะทำให้พี่ต้องเป็นกังวลมากเลยสินะ” น้องชายของเขาพูด
“นายอย่าพูดแบบนี้สิ” หานชิ่งพูด
ในตอนที่สองพี่น้องกำลังคุยกันอยู่นั้น หานจื้อหยูก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“แขนของนายดีขึ้นบ้างรึยัง?” หานชิ่งถาม
“มันยังเจ็บอยู่นิดหน่อยน่ะ” หานจื้อหยูพูด
แผลที่แขนของเขาเกือบจะหายดีแล้ว ตอนนี้ ผิวของเขาเริ่มมีการหลุดหลอกออก เขาไม่ได้ฉีดยาหรือกินยาอะไรเลย เขาพบว่า หลังจากที่แขนของเขาดีขึ้น รอยแผลเป็นก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วย
“ยาของราชายาสุดยอดจริงๆ” หานจื้อหยูพูด
“แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้น เขาจะมีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ” หานชิ่งพูด “เขาหิวแล้ว ฉันจะให้คนเอาข้าวมาให้เขากิน นายก็อยู่เป็นเพื่อนเขาไปก่อนนะ ฉันต้องออกไปทำธุระหน่อย”
“โอเค” หานจื้อหยูพูด
เมื่อเห็นอาการของน้องชายที่ดีขึ้น ทุกคนในครอบครัวหานต่างก็พากันยินดี
“น้องเล็ก ทำไมอยู่ๆนายถึงป่วยด้วยโรคประหลาดแบบนี้ได้ล่ะ?” หานจื้อหยูถาม
“ฉันถูกหลอก!” คำพูดของน้องชายคนเล็กเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก
…
แค่ก! แค่ก! เวินหว่านที่ตอนอยู่บนเตียงได้ไอออกมาอย่างต่อเนื่อง
“แม่?” ลูกชายของเขาถามด้วยความกังวล
“แม่ไม่เป็นไร!” เธอแทบจะไม่มีแรงพูดออกมา
“ยาใกล้จะหมดแล้ว ผมจะไปขอให้หมอหวังมาดูอาการของแม่ที่นี่” ลูกชายของเธอพูด
“มันจะมืดแล้วนะ” เวินหว่านพูด “ช่างมันเถอะ แม่ยังเหลือเม็ดยาจิ่วเฉาอยู่อีกเม็ด”
“ถ้ารู้สึกไม่สบายขึ้นมา แม่ต้องรีบบอกผมนะ” ลูกชายของเธอพูด
“ไม่ต้องห่วง แม่ผ่านคืนนี้ไปได้แน่!” เวินหว่านยิ้ม ถึงแม้ว่าเธอแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
ในคืนที่ฝนตก แสงไฟบนเนินเขาหนานชานดับลงในเวลาไม่นาน มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะๆ
เช้าตรู่ของวันถัดมา ลูกชายของเวินหว่านเข้ามาดูอาการแม่ของเขา
“แม่ แม่เป็นอะไรไป? แม่?” เขาพบว่า แม่ของเขาหมดสติ ไม่ว่าเขาจะร้องเรียกกี่ครั้ง เธอก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา
“เกิดอะไรขึ้น?” ศาสตราจารย์ลู่ได้ยินเสียงร้องและรีบร้อนเข้ามา
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขาก็แบกเวินหว่านเอาไว้บนหลังและออกไปหาหวังเย้า
หวังเย้ายังคงอยู่บนเนินเขา หลังจากที่ได้รับสายจากศาสตราจารย์ลู่ เขาก็รีบลงมาทันที
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?” เมื่อได้เห็นเวินหว่านที่หมดสติและสีหน้าของเธอแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน
บนใบหน้าของเธอมีเหงื่อไหลออกมาคล้ายกับน้ำมัน และชีพจรของเธอก็หยุดเต้นไป
หวังเย้ารีบส่งพลังฉีเข้าสู่ร่างกายขอองเธอ แต่มันก็ยังไม่พอ เขาหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมา ยาเม็ดหนึ่งกลิ้งออกมาจากปากขวด กลิ่นตัวยาที่เป็นเอกลักษณ์ส่งกลิ่นกระจายออกมาจากเม็ดยาอายุวัฒนะในทันที
“เอาให้เธอกินทีครับ!” หวังเย้าเร่ง
หลังจากที่กินยาเข้าไป ยาก็ออกฤทธิ์ในทันที แล้วเวินหว่านก็ได้สติ
“แม่!” ชายหนุ่มร้องไห้ออกมา
ดวงตาของศาสตราจารย์ลู่คลอไปด้วยน้ำตา “หมอหวัง?”
“วางเธอลงทีครับ” หวังเย้าพูด
พวกเขาวางตัวเวินหว่านลงบนเตียง หวังเย้าหยิบเอาขี้ผึ้งต้วนชื่อออกมา เขาตักแบ่งออกมาเพียงเล็กน้อยและละลายตัวยาเข้ากับน้ำแร่โบราณ “เอาให้เธอดื่มด้วยครับ!”
เดิมที เขาตั้งใจที่จะรอนานกว่านี้อีกหน่อย ก่อนที่จะเอามันออกมาใช้ แต่เขาไม่คิดเลยว่า อยู่ๆอาการของเวินหว่านจะทรุดลงกะทันหัน
‘หนึ่งช้อน ราคา 200,000 หยวน!’ นั่นคือราคาที่ระบบตั้งขึ้นมา
หลังจากที่ให้เธอกินยาเข้าไปแล้ว พวกเขาก็รอ หวังเย้าจับชีพจรของเธอทุกๆ 30 นาที
ตัวยาทั้งสอง ทำงานร่วมกันได้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก พวกมันไม่เพียงแต่จะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ชีพจรของเธอกลับมาเต้นอีกครั้งและแข็งแรงกว่าเก่าด้วย
“โอเค พาเธอกลับได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
“หมอหวัง นี่คือยาอะไรเหรอ?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม
“ผมไม่ขายครับ ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหนก็ตาม” หวังเย้าพูด “แล้วผมก็ไม่ลดราคาด้วย”
เขารู้ความต้องการของศาสตราจารย์ลู่ดี แต่ยาสองตัวนี้ล้ำค่ามาก เขาไม่ยินดีที่จะส่งมันให้กับใครทั้งนั้น
“โอ้ ผมรู้แล้ว ขอบคุณ” ศาสตราจารย์ลู่พูด
ลูกชายของเวินหว่านแบกเธอเอาไว้บนหลัง โดยมีศาตราจารย์ลู่คอยช่วย
“ลุงลู่ ถ้าเราได้ยาที่เขาเพิ่งใช้ไปมาละก็…” ลูกชายของเวินหว่านพูด
“แต่เธอก็ได้ยินที่หมอหวังพูดแล้วนี่” ศาสตราจารย์ลู่พูดอย่างไร้หนทาง
หากหวังเย้าได้พูดอะไรไว้แล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามเพิ่มเงินเข้าไปมากเท่าไหร่ หวังเย้าก็คงไม่มีทางขายมันออกไป