Elixir Supplier - ตอนที่ 579
579 ผู้พิทักษ์ขุนเขา
“นั่งก่อนครับ แล้วค่อยๆเล่าให้ผมฟัง” หวังเย้าชงชามาให้เขาดื่ม “มีใครตาย แล้วอะไรที่ทำให้คนคนนั้นตายครับ?”
“หลี่จูหลายที่อยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้าน คือคนที่ตายอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างเนินเขาหนานชานและตงชาน” หวังเฟิงหมิงพูด “ลุงก็ไม่รู้ว่าเขาตายยังไง บางทีอาจจะเป็นเพราะตกใจกลัวจนตายก็ได้ เพราะเขาป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย”
“กลัวเหรอ?” หวังเย้ารู้สึกสับสน
“อากาศช่วงนี้เริ่มอุ่นขึ้น คนในหมู่บ้านก็เลยขึ้นเขากันเยอะขึ้นน่ะสิ” หวังเฟิงหมิงพูด “มีหลายคนเห็นงูอยู่บนเนินเขาหนานชานด้วย มีตัวหนึ่งเป็นงูสีดำตัวใหญ่ยาวเป็นเมตรเลยล่ะ! เธออยู่บนนั้นมาตั้งนาน เธอได้เห็นมันบ้างรึเปล่า?”
เสี่ยวเฮย!
“ผมเคยเห็นมันครับ” หวังเย้าพูด “ความจริง ผมเคยช่วยมันไว้ด้วย” หวังเย้าไม่ต้องการปิดบังเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ที่เขารู้จัก
“นั่นน่าจะเป็นปัญหาแล้วล่ะ” หวังเฟิงหมิงพูด
“ทำไมเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็มีคนในหมู่บ้านพูดว่า เธอเลี้ยงงูเอาไว้บนเนินเขาหนานชานน่ะสิ และที่หลี่จูหลายตาย ก็เพราะงูตัวนั้นทำให้เขาตกใจกลัวจนตาย” หวังเฟิงหมิงพูด
มันดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องยุ่งซะแล้ว ฟังจากคำพูดของหวังเฟิงหมิงแล้ว การตายของหลี่จูหลายมีความเกี่ยวข้องกับหวังเย้าอย่างมาก ถ้าหากมีคนโดนสุนัขกัด สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการตามหาเจ้าของสุนัข ไม่ใช่กัดหมาคืน
“บนเนินเขาหนานชาน อาจจะมีงูมากกว่าหนึ่งตัวก็ได้” หวังเฟิงหมิงพูด
“มากกว่าหนึ่งตัวเหรอครับ?” หวังเย้าถาม “ผมเคยเห็นแค่ตัวสีดำตัวเดียวเองนะครับ”
หวังเย้าได้ค้นพบว่า เสี่ยวเฮยมีสติปัญญาและเข้าใจคำพูดของเขา มันได้กลายมาเป็นผู้คุ้มครองเนินเขาหนานชาน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือเวลากลางคืน มันก็จะตรวจตราทั่วเนินเขาราวกับสุนัขเฝ้ายาม โชคร้ายที่คนมักจะรู้สึกหวาดกลัวงูกัน โดยเฉพาะงูตัวใหญ่
“ขอบคุณ ที่อุตส่าห์มาบอกผมถึงที่นี่นะครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่เป็นไรๆ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณกันหรอก” หวังเฟิงหมิงพูด หวังเย้าปฏิบัติต่อเขาด้วยดีเสมอมา “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ลุงไปก่อนนะ”
“ลุงครับ คุณลุงได้ขายบ้านกับเขารึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“ขายเฉพาะที่จะซื้อบ้านสำหรับให้ลูกชายของลูกแต่งงานเท่านั้นแหละ ส่วนลุงกับป้าก็คงจะอยู่ที่หมู่บ้านของเราเหมือนเดิม” หวังเฟิงหมิงพูด
“ดีแล้วล่ะครับ” หวังเย้าเดินไปส่งเขาที่ประตู แล้วเขาก็เดินกลับไปที่คลินิก
ในหมู่บ้านกลางเขา เรื่องการเสียชีวิตถือเป็นเรื่องใหญ่ ในหมู่บ้านแห่งนี้ แซ่หวังถือเป็นแซ่ที่ใช้กันมากที่สุด ที่เหลือก็จะมี แซ่เฉินกับแซ่หลี่ คนที่มีแซ่เดียวกันมักจะเป็นญาติกัน
ไม่นาน เรื่องการตายของชายชราก็กระจายไปทั่วหมู่บ้าน
ในระหว่างมื้ออาหาร จางซิวหยิงก็ได้พูดเรื่องนี้กับหวังเย้า
“ทั้งๆที่เขาก็แก่แล้วยังป่วยเป็นโรคหัวใจอีก ทำไมถึงได้ปล่อยให้เขาขึ้นไปเก็บหญ้าบนเขาคนเดียวได้กัน?” เธอถาม “เขาจะไปเก็บหญ้าที่ไหนก็ได้ แต่ทำไมจะต้องไปที่เนินเขาหนานชานด้วยนะ?”
ข่าวลือเรื่องนี้ดังมาถึงหูของเธอ เธอจึงอยากจะพูดปลอบใจลูกชายของเธอ “เสี่ยวเย้า บนเขามีงูอยู่จริงเหรอ?”
“ครับ แล้วก็มีอยู่ตัวหนึ่งที่ผมค่อนข้างคุ้นเคยด้วย” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม คำตอบของเขาได้สะกิดความสงสัยของเธอเข้า
“มันคุ้นเคยกับลูกด้วยเหรอ? มากแค่ไหนล่ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ผมเคยช่วยมันเอาไว้ครับ แล้วมันก็ฟังผมเข้าใจด้วย” หวังเย้าพูด
“มันอยู่ที่นั่นจริงๆสินะ” จางซิวหยิงพูด
หวังเฟิงฮวาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ก้มหน้าทานอาหารต่อไปเท่านั้น หลังจากที่ทานอาหารอิ่มแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาในที่สุด “มันกัดคนรึเปล่า?”
“ตราบใดที่เราไม่ไปทำร้ายมัน มันก็จะไม่กัดเราครับ” หวังเย้าพูด “มันก็เหมือนกับซานเซียนนั่นแหละครับ”
“แล้วถ้ามันไปทำให้คนกลัวขึ้นมาอีกล่ะ?” จางซิวหยิงถามด้วยความกังวล
“นั่นเป็นเรื่องที่ผมต้องการอยู่แล้วครับ” หวังเย้าพูดเสียงเบา
“อะไรนะ?” พ่อกับแม่ของเขาต่างก็ตกใจ
“พ่อ แม่ ผมไม่ต้องการให้คนนอกเข้าไปใกล้เนินเขาหนานชาน พ่อกับแม่ก็รู้ ว่าบนนั้นมีเรื่องบางอย่างที่ไม่ควรให้คนนอกรู้อยู่ด้วย” หวังเย้าพูด
บนเนินเขาหนานชานมีเรื่องน่าตกใจอยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่องของค่ายกลรวมวิญญาณ, สมุนไพรรากที่ปลูกอยู่ในแปลงสมุนไพร, และความรู้สึกสบายที่น่าประหลาด
“แต่แน่นอนว่า ผมไม่ได้อยากให้ใครตาย นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ” หวังเย้าพูดอย่างใจเย็น หวังเฟิงฮวาและจางซิวหยิงมองมาที่เขาด้วยความตกใจและกังวลใจ “ทั้งหมา, อินทรีย์, และงำล้วนแล้วแต่เป็นผู้พิทักษ์เนินเขา”
บรรยากาศภายในห้องหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง จางซิวหยิงมองหน้าลูกชายของเธอ หวังเฟิงฮวาก้มหน้าสูบบุหรี่
“มันยังมีคนอื่นขึ้นไปบนเขาอยู่อีกนะ” จางซิวหยิงพูดเสียงกระซิบ
“ซานเซียนกับเสี่ยวเฮยคอยตรวจตรารอบๆเนินเขาอยู่ตลอดครับ” หวังเย้าพูด “แล้วผมก็ยังได้ทำบางอย่างเอาไว้บนนั้นอีกชั้นหนึ่งด้วย
เชาจำเป็นต้องทำให้คนในหมู่บ้านหวาดกลัวเนินเขา ความหวาดกลัวสามารถแพร่กระจายออกได้อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขามีความกลัว ก็จะไม่มีใครกล้าขึ้นไปบนเขาอีก
การตายของชายชราเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น แต่มันก็ได้สร้างผลลัพธ์บางอย่างที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
“เฮ้อ!” จางซิวหยิงถอนหายใจออกมา
“พ่อกับแม่อย่าคิดมากเลยครับ” หวังเย้าพูด
“แค่รู้ว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่ก็ดีแล้ว” หวังเฟิงฮวาพูด
หลังทานอาหารเสร็จ หวังเย้าก็กลับไปที่คลินิก
เมื่อหวังเย้าออกไปแล้ว จางซิวหยิงก็เข้าไปคุยกับสามีของเธอ “ดูเหมือนว่า ลูกของเราจะเปลี่ยนไปนะ!”
“เขาเปลี่ยนไปจริงๆ” หวังเฟิงฮวาพูด
“เนินเขานั่นมีไว้สำหรับปลูกพืช, เลี้ยงสัตว์, เกี่ยวหญ้าอยู่แล้ว” สิ่งที่จางซิวหยิงพูดมา มันคือเรื่องที่ชาวบ้านมักจะทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว
“บ้านหลายหลังในหมู่บ้านถูกขายออกไปแล้ว” หวังเฟิงฮวาพูด “แล้วเดี๋ยวคนก็จะค่อยๆย้ายออกไปกันหลายบ้าน แล้วเนินเขาตงชานกับซีชานก็ทำสัญญาเช่าเอาไว้แล้วด้วย!”
(西Xī ทิศตะวันตก/ 东Dōng ทิศตะวันออก/南Nán ทิศใต้/北běi ทิศเหนือ/山shān ภูเขา)
“แต่ที่ตีนเขาก็ยังมีที่อีกเยอะเลยนะ” จางซิวหยิงพูด
ระหว่างเนินเขาตงชานและซีชานมีพื้นที่ว่างและยาวอยู่ด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้สำหรับเพาะปลูก พื้นที่เพาะปลูกในเนินเขาตงชานและซีชานคือพื้นที่ที่ถูกใช้เป็นหลัก เพราะเนินเขาหนานชานนั้นไกลจากหมู่บ้านกว่าเล็กน้อย การเดินทางไปกลับจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ทั้งยังไม่สะดวกในการตักน้ำและการขนอุปกรณ์สำหรับการเพาะปลูกด้วย มันจึงไม่ใช่พื้นที่ที่เหมาสำหรับการเพาะปลูกเลย และทำได้เพียงแค่เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์เท่านั้น
…
มันเป็นเวลาบ่ายโมงกว่า เฉินหยิงและเฉินโจวยังคงเดินเล่นอยู่บนเนินเขาซีชาน
“อย่าไปไกลกว่านี้อีกเลย!” เมื่อมองดูก้อนหินจำนวนมากอยู่ตรงหน้า เฉินหยิงก็เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ก้อนหินเหล่านี้ได้ปิดกั้นเส้นทางที่จะเดินไปสู่เนินเขาหนานชานเอาไว้ “นี่เป็นค่ายกลที่ถูกวางเอาไว้”
“หมอหวังเป็นคนทำเหรอ?” เฉินโจวถาม
“มันจะต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ เขาคงไม่อยากให้ใครไปไกลกว่านี้” เฉินหยิงพูด
ที่ที่พวกเขาอยู่นั้น เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเนินเขาซีซานและเนินเขาหนานชาน เนินเขาเหล่านี้ได้เชื่อมต่อกันโดยไม่มีเขตแดนที่ชัดเจนให้เห็น ตรงหน้าของพวกเขามีก้อนหินวางเอาไว้ระเกะระกะ ซึ่งเป็นฝีมือการวางของหวังเย้า ที่เกือบจะขังคนทั้งสองที่เกือบจะเผลอเดินเข้าไปเอาไว้
“เรากลับกันเลยไหมฮะ?” เฉินโจวถาม
“ดีจ๊ะ” เฉินหยิงพูด
ณ ที่ใดที่หนึ่งบนเนินเขาซีชาน แกะตัวหนึ่งเดินขึ้นไปบนเขาและเดินวนไปรอบๆ ในตอนที่เดินอยู่ มันก็คอยดมกลิ่นตามพื้นไปด้วย อยู่ๆมันก็ถูกกั้นเอาไว้ด้วยหลุมที่มีดินสีดำเทาแปลกๆ ภายในหลุม ทั้งแห้งแล้งและไม่มีพืชพันธุ์ใดๆอยู่เลย
แกะโง่กำลังยืนอยู่ที่ขอบหลุม ดินที่อยู่ปากหลุมไม่ได้แข็งแรงพอ มันจึงถล่มลงไปพร้อมกับตัวแกะ ในขณะที่แกะตกลงไปฝุ่นก็ได้ฟุ้งกระจายไปทั่ว
แกะลุกขึ้นมา มันส่ายหัวไปมาสองสามครั้งและกำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน อยู่ๆมันก็นึกอยากจะออกไปจากที่นี่ มันพยายามกระโดดขึ้นไป แต่ก็ล้มเหลว มันเป็นเรื่องแปลกมาก ที่แกะซึ่งมีความสามารถให้การเดินบนเขากลับไปสามารถปีนออกไปได้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มันก็เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ
ตัวแกะเองก็รู้สึกแปลกใจ ดังนั้น มันจึงส่ายหน้าไปมาอยู่หลายครั้ง ในที่สุด มันก็ปีนขึ้นไปอีกครั้ง
…
“เหล่าหวัง ได้แต่ดื่มเหล้ามันทั้งวัน! ไม่รู้เลยสินะว่าแกะหายไปน่ะ!” มีเสียงตะคอกของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นภายในบ้านหลังหนึ่ง
คอกแกะยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกะกลับหายไปไหนไม่รู้ และประตูคอกก็ถูกแง้มเอาไว้เล็กน้อย
“บ้าจริง!” ผู้เป็นสามีรีบร้อนออกมาจากบ้าน พร้อมกับกลิ่นเหล้าที่ลอยฟุ้ง แกะหนึ่งตัวมีราคาหลายร้อยหยวน
ในตอนนี้ เป็นเวลาที่ท้องฟ้ามืดลงแล้ว
“ไอ้แกะโง่เอ้ย!” ผู้เป็นสามีสบถออกมา ในขณะที่มองหาแกะตามเนินเขาใกล้ๆ
แบ๊ๆๆ!
เขาได้ยินเสียงร้องของแกะ และได้เดินตามเสียงนั้นไป แล้วเขาก็พบแกะกำลังกัดต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ เขาเดินเข้าไปคว้าใบหูของมันและตบมันไปสองรอบ
แบ๊ๆๆ! แกะมองดูเขาด้วยสายตาไม่รู้เรื่องรู้ราว
“กลับบ้าน” เขาพูด
หลังจบมื้อเย็น หวังเย้าก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
เมื่อเข้าไปถึงในแปลงสมุนไพรแล้ว หวังเย้าก็เรียกหาซานเซียน “ซานเซียน เสี่ยวเฮยอยู่ไหนเหรอ?”
ไม่นาน งูสีดำตัวหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหวังเย้า
“เสี่ยวเฮย บนเนินเขายังมีงูตัวอื่นอยู่อีกไหม?” หวังเย้าถาม
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฮยจะมีสติปัญญา แต่มันก็ไม่ได้ฉลาดเท่ากับมนุษย์ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะไม่เข้าใจคำพูดทั้งหมดของหวังเย้า
“ช่างมันเถอะ ไปกัน” หวังเย้าพูด
เขาลูบศีรษะของเสี่ยวเฮย แล้วมันก็เลื่อยจากไป
“ซานเซียยน นอกจากเสี่ยวเฮยแล้ว ยังมีงูตัวอื่นอยู่บนเขาอีกไหม?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง!