Elixir Supplier - ตอนที่ 596
596 ยาได้ผล
ศาสตราจารย์หวูเป็นผู้มีความสามารถและมีสถานะสูงอยู่ในวงสังคม ทุกเรื่องของเขาทำให้ผู้คนทั้งนับถือและอิจฉา ศาสตราจารย์หวูไม่ได้หนุ่มแน่นอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงอุทิศตัวและมุ่งมั่นกับการทำงานอยู่เสมอ ซึ่งมันได้สร้างความประทับใจให้กับแพทย์ทุกคน
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ที่คนอย่างศาสตราจารย์หวูจะสามารถทำสำเร็จได้ เพราะการกลายเป็นศาสตราจารย์ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้เพียงข้ามคืน มันเกิดจากการทำงานหนักของเขาเอง การที่จะขึ้นไปให้สูง คนคนหนึ่งจะต้องมีทั้งพรสวรรค์และทำงานหนัก
ในอีกทางหนึ่ง แพทย์หลายๆคนที่มีงานมั่นคงพร้อมกับเงินเดือนสูงลิ่ว พวกเขาเหล่านี้ค่อยๆสูญเสียแรงจูงใจในการทำงานลงไปทีละน้อย
มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะอยู่ในคอมฟอร์ดโซนเป็นเวลานานเกินไป ชีวิตที่ง่ายดายและสะดวกสบายจะทำให้คนสูญเสียแรงจูงใจและความทะเยอทะยาน
มันเป็นค่ำคืนที่หนาวเย็นเล็กน้อย หวังเย้าเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่บนเนินเขาหนานชาน
ไม่รู้ว่า การทดสอบของศาสตราจารย์หวูจะเป็นยังไงบ้าง
ขณะเดียวกัน ภายในโรงพยาบาลเหลียนชาน ศาสตราจารย์หวูยังคงดำเนินการทดสอบของเขาต่อไป
“อาจารย์ พักสักหน่อยเถอะครับ เราจะจัดการเรื่องนี้ให้อาจารย์เอง” ผู้ช่วยที่ดูอายุน้อยพูด
“ใช่ครับ อาจารย์เดินทางมาเหนื่อยๆ ตอนนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว อาจารย์น่าจะไปพักสักหน่อยนะครับ” ผู้ช่วยอีกคนพูด
“ฉันไม่เป็นไร” ศาสตราจารย์หวูพูด พร้อมกับโบกมือ
ยาขวดที่สองถูกนำออกมาใช้งาน และประสิทธิภาพของมันก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ข้างในนั้นมันคืออะไรกันนะ?
ศาสตราจารย์หวูไม่ใช่คนเดียวที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา แพทย์ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างก็มีคำถามเดียวกัน แต่พวกเขาคิดกันว่า มันคือยาที่ศาสตราจารย์หวูนำมาจากปักกิ่ง
แพทย์หลายๆคนคิด ผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่งฝีมือคนละชั้นกันจริงๆ! ความรู้สึกกังขาและต่อต้านที่พวกเขามีต่อศาสตราจารย์หวูก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมดสิ้น โลกใบนี้ ความจริงและความสามารถคือกฎ
ศาสตราจารย์หวูอยู่ที่โรงพยาบาลไปจนถึงเที่ยงคืน
“อีกสี่ชั่วโมง เอายาให้คนไข้กินอีกรอบ จำไว้ว่าต้องจดรายละเอียดทุกอย่างให้ครบด้วย” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ครับ” ผู้ช่วยพูด
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและลุกขึ้นยืน เพราะขาที่เกิดอาการเหน็บชา ทำให้เขาสะดุดและเกือบจะล้มลงไป
“ศาสตราจารย์!” ผู้ช่วยเข้าไปจับแขนของเขาเอาไว้ “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“ฉันไม่เป็นไร ขาสองข้างเป็นเหน็บเท่านั้นเอง” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ผมนวดให้นะครับ” ผู้ช่วยของเขาคุกเข่าลง
“ฉันไม่เป็นไร แค่ต้องเดินยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” เขาเดินกลับไปกลับมาบนทางเดินของโรงพยาบาลอยู่สองรอบ และหลังจากนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขาเดินทางไปพักในที่พักที่ทางโรงพยาบาลจัดเอาไว้ให้
เขาเหนื่อยมากจริงๆ ถึงยังไงเขาก็อายุเกือบจะ 60 แล้ว การเดินทางจากปักกิ่งมาที่เหลียนชาน เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างนาน เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาล เขาก็แทบจะไม่ได้พักเลย เขาเริ่มลงมือสังเกตอาการและรักษาคนไข้ในทันทีที่มาถึง ในที่สุด คนไข้ก็เริ่มอาการดีขึ้น เมื่อเขาหยุดทำงาน ความเหนื่อยล้าก็เกิดขึ้นในทันที
ฉันแก่แล้วจริงๆ! ศาสตราจารย์หวูถอนหายใจ
เมื่อล้มตัวลงนอน เขาไม่ได้หลับไปในทันที แต่เขากำลังคิดไปถึงหวังเย้าและยาของเขา
เขาทำมันได้ยังไงกัน? โรคระบาดที่เกิดขึ้น มันเกี่ยวข้องกับเขาด้วยรึเปล่า? คำถามที่สองทำให้ศาสตราจารย์หวูต้องขมวดคิ้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แล้วฉันจะทำยังไง? ชายหนุ่มคนนั้นคงจะเป็นคนที่ร้ายกาจมาก
ในตอนที่คิดอยู่นั้น เขาก็ค่อยๆพล่อยหลับไป
ในขณะเดียวกัน ผู้ช่วยทั้งสองของเขายังคงอยู่ที่ห้องสังเกตการณ์
“นายคิดว่า ยานั้นมาจากที่ไหน?” ผู้ช่วยคนหนึ่งถาม
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ” ผู้ช่วยอีกคนพูด
ทั้งสองกำลังคุยกันเสียงเบา พวกเขาติดตามศาสตราจารย์หวูมานานหลายปีแล้ว
“ยาได้ผล” หนึ่งในผู้ช่วยพูด “นายคิดว่า ศาสตราจารย์กำลังซ่อนอะไรบางอย่างจากเราอยู่รึเปล่า?”
“แล้วยังไงล่ะ? เขาจำเป็นต้องบอกเราทุกเรื่องเลยหรือไง?” ผู้ช่วยอีกคนตอบ
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย” ผู้ช่วยคนแรกพูด
พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าตรู่ มันอยู่ในช่วงของเดือนมีนาคม ต้นไม้เริ่มผลิใบเขียว ดอกไม้เริ่มเปล่งสีสันสดใส
ศาสตราจารย์หวูตื่นขึ้นมา และเดินทางไปถึงที่ห้องสังเกตการณ์ตอน 6 โมงเช้า
ผู้ช่วยสองคนของเขากำลังสังเกตดูอาการของคนไข้อยู่ คนหนึ่งหลับอยู่บนโต๊ะ ส่วนอีกคนอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า
“นี่ ศาสตราจารย์มาแล้ว!” ผู้ช่วยคนที่ยังตื่นอยู่ ยื่นมือออกไปผลักอีกคนที่กำลังนอนหลับ
“ปล่อยให้เขาหลับไปเถอะ” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ศาสตราจารย์!” ชายที่นอหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา
“คนไข้เป็นยังไงบ้าง?” ศาสตราจารย์หวูถาม
“อาการของเขาคงที่ครับ เราเอายาขวดที่สองให้เขากินไปแล้วเรียบร้อย” หนึ่งในผู้ช่วยของเขาพูด
ศาสตราจารย์หวูอ่านดูบันทึกที่ผู้ช่วยของเขาได้จดเอาไว้ตอนที่เขาไม่อยู่ เขาอ่านดูอย่างละเอียดอยู่หลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จากนั้น เขาก็เดินเขาไปในห้องผู้ป่วย
โรงพยาบาลเหลียนชานเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก ห้องผู้ป่วยที่แยกออกมาจึงไม่ได้เข้มงวดเท่าที่ควร
ผู้ป่วยเป็นชายวัยกลางคนกำลังนอนอยู่บนเตียง ตลอดทั้งคืน เขาได้อาเจียนออกมาหลายครั้ง ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงอ่อนเพลียและไม่สบายตัว
“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?” ศาสตราจารย์หวูถาม
“ผมรู้สึกไม่สบายทุกที่เลยครับ” คนไข้พูด
“พอจะบอกรายละเอียดได้ไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม “พยายามอธิบายความรู้สึกของคุณออกมา”
“ผมรู้สึกไม่มีแรง อยากจะอ้วก แล้วก็ปวดหัวด้วย จริงๆแล้ว ผมรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัวเลย” คนไข้อธิบาย
ใบหน้าของเขาราวกับถูกเคลือบด้วยสีเหลือง
“เขาต้องได้รับสารอาหารเพิ่ม” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ได้ครับ” ผู้ช่วยของเขาตอบรับ
หลังศาสตราจารย์หวูและผู้ช่วยของเขาออกไปจากห้องแล้ว แพทย์จากโรงพยาบาลอื่นก็ค่อยๆทยอยเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาล พวกเขาต่างมีความสุขมาก อาการของคนไข้ได้สร้างความหวังให้กับพวกเขาทุกคน
“นี่ ศาสตราจารย์หวูอยู่ที่ไหนเหรอ?” แพทย์คนหนึ่งถาม
“เขาออกไปข้างนอกครับ” หนึ่งในผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวูตอบ
“เขาไปกินข้าวเช้าเหรอ?” แพทย์คนนั้นถาม
“เขาบอกว่า เขาจะออกไปหาอะไรกินน่ะครับ” ผู้ช่วยตอบ
ไม่มีใครถามอะไรอีก
ศาสตราจารย์หวูอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังหมู่บ้าน เขาดื่มเต้าหู้และกินซาลาเปาตอนอยู่บนรถ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ในขณะที่กำลังคิดบางอย่างอยู่ ต้นไม้สองข้างทางเริ่มผลิใบใหม่ออกมา
เขาเดินทางไปถึงหมู่บ้านตอนเวลา 7.30 น.
“ทำไมผู้ชายคนนี้มาที่นี่อีกแล้วล่ะ?” เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่เฝ้าหมู่บ้านรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นศาสตราจารย์หวู
“ผมอยากจะเข้าไปข้างในหน่อย” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ได้ครับ” เจ้าหน้าที่พูด
หลังจากกรอกรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศาสตราจารย์หวูก็เข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา
ประตูคลินิกของหวังเย้าถูกล็อกเอาไว้ หวังเย้ายังคงไม่ลงมาจากเนินเขาหนานชาน
“เขายังไม่มา” ศาสตราจารย์หวูรออยู่ประมาณ 20 นาที
“ศาสตราจารย์ครับ?” ผู้ช่วยของเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย สำหรับเขาแล้ว เวลาของศาสตราจารย์นั้นมีค่าเกินกว่าที่จะต้องมารอคอยใครอยู่แบบนี้ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ อาการของคนไข้เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นได้ไม่นานเท่านั้น
“ใจเย็นไว้” ศาสตราจารย์หวูพูด
ทั้งสองรอต่อไป ครู่ต่อมา พวกเขาก็เห็นเฉินหยิงและเฉินโจวที่ออกมาออกกำลังกายในตอนเช้า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ศาสตราจารย์หวู” เฉินหยิงพูด
“อรุณสวัสดิ์” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ศาสตราจารย์มารอที่นี่นานรึยังคะ?” เฉินหยิงถาม
“ถ้าว่ากันตามจริง เราก็มารอที่นี่เกือบจะชั่วโมงหนึ่งได้แล้วล่ะ” ผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวูพูดด้วยท่าทีหงุดหงิด
“เงียบ!” ศาสตราจารย์หวูดุเขา
“ศาสตราจารย์ตั้งใจมาหาหมอหวังเหรอคะ?” เฉินหยิงถาม
“ใช่ ฉันอยากจะมาขอยาเพิ่มน่ะ” ศาสตราจารย์หวูพูด
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอเวลาครู่หนึ่งนะคะ” เฉินหยิงเดินไปอีกด้าน เพื่อโทรไปหาหวังเย้า
“ผมรู้แล้วครับ” หวังเย้าพูด “พี่ช่วยบอกให้เขารออีกสักพักจะได้ไหมครับ?”
ยาสองขวดไม่พอ หวังเย้าเก็บสมุนไพรเพื่อนำมาทำยาเพิ่ม
การต้มยาเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา อย่างน้อยๆ มันก็ต้องใช้เวลานานกว่าการต้มซุปสำหรับบะหมี่หนึ่งถ้วย
“เขามัวทำอะไรอยู่กันแน่?” ผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวูเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขารอต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุด พวกเขาก็เห็นหวังเย้าเดินลงมาจากเนินเขา
“เขาอยู่บนเนินเขาอย่างนั้นเหรอเนี่ย?” ผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวูรู้สึกสงสัย
“ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่เป็นไร” ศาสตราจารย์หวูพูดด้วยรอยยิ้ม
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิครับ” หวังเย้าปลดล็อกประตูคลินิกและเชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน
“ผมจะไปชงชาให้ก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
“ขอบคุณ” ศาสตราจารย์หวูพูด
เมื่อได้มาอยู่ภายในคลินิกของหวังเย้า เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมาก ซึ่งต่างจากตอนที่อยู่โรงพยาบาล
“อาการของคนไข้เป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“เขาอาการดีขึ้นแล้ว ยาของเธอได้ผล” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ดีครับ” หวังเย้าพูด
“ตอนอยู่บนเขา ผมได้ต้มยาเพิ่มก็เลยทำให้ลงมาช้าน่ะครับ” หวังเย้าหยิบขวดกระเบื้องออกมาสามขวดและวางพวกมันลงไปบนโต๊ะ “ช่วยนำยาสามขวดนี้กลับไปที่โรงพยาบาล และเอาให้คนไข้กินทีนะครับ”
“ได้สิ” ศาสตราจารย์หวูพูด “ฉันขอถามหน่อยได้ไหม ว่าในยานี้ใส่อะไรลงไปบ้าง?”
“เอ่อ ไว้เรามาคุยกันเรื่องนี้วันอื่นดีกว่านะครับ” หวังเย้าพูด
“ก็ได้” ศาสตราจารย์หวูพูด
เฉินหยิงและเฉินโจวอยู่คุยกับหวังเย้าต่อ หลังจากที่ศาสตราจารย์หวูกลับไปแล้ว
“หมอหวังคะ ยาตัวนี้ราคาแพงมากไหมคะ?” เฉินหยิงถาม
“ก็ไม่มากเท่าไหร่ครับ มันต่างจากยาที่เสี่ยวโจวใช้ มันเป็นตัวยาที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก” หวังเย้าพูด
ตัวยาที่หวังเย้ามอบให้ศาสตราจารย์หวูไป เป็นยาที่ทำขึ้นมาจากสมุนไพรทั่วไปเท่านั้น มีเพียงแค่ดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกเท่านั้นที่มีความพิเศษ เพราะพวกมันมีอยู่อย่างจำกัด แต่สมุนไพรทั้งหมดที่ได้จากแปลงสมุนไพรของหวังเย้า ล้วนแล้วแต่ได้รับพลังจากค่ายกลรวมวิญญาณ จึงทำให้การเติบโตของพวกมันเร็วกว่าปกติหลายเท่าตัว
“ยาของหมอจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ใช่ไหมคะ?” เฉินหยิงถาม
“ผมก็หวังไว้ว่าอย่างนั้นเหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด แต่เขาไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนั้น
ศาสตราจารย์หวูเดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับตัวยาด้วยความรีบร้อน
“ศาสตราจารย์ครับ ยาที่เราใช้รักษาคนไข้เป็นยาของหมอหนุ่มคนนั้นเหรอครับ?” ผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวู รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ
“ใช่ ตอนนี้ อย่าเพิ่งเอาเรื่องนี้ไปบอกใครล่ะ” ศาสตราจารย์หวูพูด
“เข้าใจแล้วครับ!” แววตาของผู้ช่วยเปล่งประกายความประหลาดใจออกมา