Elixir Supplier - ตอนที่ 598
598 รับคำชมเชยด้วยความละอายใจ
“มีแกะตัวหนึ่งตายก่อนหน้าที่คนคนนั้นจะติดเชื้อ แล้วก็อาจจะมีสัตว์ตัวอื่นก่อนหน้านั้นด้วย” หวังเย้าพูดอย่างสงบ
“จริงเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่า สัตว์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย “เธอหมายความว่ายังไงกันแน่?”
“คนแรกที่ตายเพราะโรคนี้ก็คือ เฉินเจียกุ้ย เขาเป็นชายโสดที่มีนิสัยอันธพาลอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนที่เขาจะป่วย เขาได้กินเนื้อแกะที่มีอาการบ้าคลั่งเข้าไป” หวังเย้าพูด
“แกะที่มีอาการบ้าคลั่งเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูถาม
“ครับ แกะตัวนี้ได้เดินไปมาอยู่สองสามที่ ก่อนที่มันจะกลายเป็นบ้า” หวังเย้าพูด
“ใช่ที่ที่เรียกกันว่า สถานที่แห่งความตาย นั่นใช่ไหม” ศาสตราจารย์หวูถาม เขาได้อ่านเรื่องนี้จากในรายงานด้วยเช่นกัน
“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด
“เอ่อ…” ศาสตราจารย์หวูอยากจะเตือนหวังเย้า ในสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่
“ส่วนนี่ก็คือ สูตรยาที่ผมทำขึ้นมาครับ” หวังเย้าหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง
“ฟังนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บอกใครเรื่องยาสูตรนี้แน่นอน” ศาสตราจารย์หวูพูด ก่อนที่เขาจะรับกระดาษแผ่นนั้นไป
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณลองอ่านดูก่อนสิ” หวังเย้าพูด
สูตรยามีส่วนผสมของ ป้านจือเหลียน, ขู่ชาน, หลงต๋าน, จินหยินฮวา, กานเฉา, ดอกแดนดิไล, และหญ้าหางกระรอก
ศาสตราจารย์หวูได้จบการศึกษาทางด้านการแพทย์แผนตะวันตก แต่เขาก็พอจะมีความรู้เรื่องแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง สมุนไพรเหล่านี้เป็นของที่หาได้ทั่วไป เขาไม่เข้าใจเลยว่า สมุนไพรธรรมดาเหล่านี้สามารถรักษาโรคร้ายนี้ได้ยังไงกัน
“ทั้งหมดเป็นสมุนไพรธรรมดานี่” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ถูกแล้วครับ” หวังเย้าพูด “แต่สมุนไพรสองตัวสุดท้ายออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย”
“เธอหมายถึง ดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอก น่ะเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูภาม
เขารู้ว่า แพทย์แผนจีนบางคนนำดอกแดนดิไลมาทำเป็นยาสมุนไพร แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า มีใครใช้หญ้าหางกระรอกมาทำยา
“สมุนไพรสองตัวนี้ ถูกเก็บมาจากสถานที่แห่งความตายครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” ศาสตราจารย์หวูถามด้วยความประหลาดใจ “ข้างในสถานที่แห่งความตายเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ พวกมันเติบโตอยู่รอบๆบริเวณนั้น อาจจะห่างออกมาสักประมาณ 1 เมตร แต่พวกมันก็มีอยู่ไม่มากเท่าไหร่” หวังเย้าพูด
“เธอยอดเยี่ยมมาก” หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์หวูก็พูดขึ้นมา
เขารู้ว่า มีผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เดินทางไปจัดการฆ่าเชื้อในสถานที่แห่งนั้นหลายคน พวกเขาก็จะต้องเห็นดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่มีใครคิดที่จะนำพวกมันมาทำยารักษาโรคเลยสักคนเดียว
หวังเย้าคือคนที่เห็นมัน คิดเกี่ยวกับมัน และลงมือทำ เขายอดเยี่ยมที่สุด
“เธอพาฉันไปดูที่นั่นหน่อยได้ไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม
“ได้สิครับ” หวังเย้าพูด
เขาพาศาสตราจารย์หวูไปสถานที่แห่งความตายที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศตะวันตก ตัวหลุมถูกปกคลุมไว้ด้วยปูนขาวจนเต็ม มันดูต่างจากบริเวณโดยรอบอย่างมาก
“ผมเก็บดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกจากรอบๆนี้ไปเกือบหมดแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด
“ยังมีอีก” ศาสตราจารย์หวูพูด เขาย่อตัวลงเพื่อดูต้นหญ้าเล็กๆที่อยู่บนพื้นดิน หญ้าพวกนี้เติบโตอยู่ใกล้กับหลุมมาก “ฉันได้ยินมาว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในหลุมเลย”
“ใช่ครับ มีแค่เชื้อร้ายเท่านั้น” หวังเย้าพูด
“มันวิเศษมาก! แม้แต่ในสถานที่แห่งความตายแบบนี้ ก็ยังมีแสงแห่งความหวังอยู่” ศาสตราจารย์หวูพูด “ธรรมชาติได้สร้างทางออกไว้ให้เราแล้ว”
“ใช้แล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้เราออกไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า อยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่” หวังเย้าพูด
เขาไม่มีปัญหาอะไร แต่ศาสตราจารย์หวูเป็นคนธรรมดา และมีสุขภาพร่างกายเหมือนๆกับคนทั่วๆไป แล้วเขาก็ยังอายุเกือบจะ 60 แล้วด้วย หวังเย้าไม่สามารถรับประกันได้ว่า ถ้าพวกเขาอยู่ที่สถานที่แห่งความตายนานเกินไป มันจะไม่ส่งผลเสียอะไรกับศาสตราจารย์หวู
“โอเค” ศาสตราจารย์หวูพูด
ทั้งสองลงมาจากเนินเขาเพื่อกลับไปที่คลินิกของหวังเย้า
“เธอยังมีดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกอยู่อีกรึเปล่า?” ศาสตราจารย์หวูถาม
“มีครับ รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูด เขานำดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกมาให้ศาสตราจารย์หวูถุงหนึ่ง
“ขอบคุณมาก ฉันขอบคุณในความช่วยเหลือของเธอจริงๆ” ศาสตราจารย์หวูสามารถเพาะเลี้ยงดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกที่ได้จากหวังเย้าในปริมาณมากได้ โดยการใช้วิธีการเพาะเลี้ยงแบบพิเศษ ด้วยความช่วยเหลือจากสูตรยาของหวังเย้า เขาและทีมก็จะสามารถควบคุมการแพร่กระจายของโรคนี้ได้
“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง
เขาก็อยากให้เรื่องนี้จบเร็วที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะถึงยังไง หมู่บ้านแห่งนี้ก็คือบ้านเกิดของเขา
“แล้วดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกทั่วไปใช้ไม่ได้เหรอ?” ศาสตราจารย์หวูภาม
“ไม่ครับ ผมลองดูแล้ว” หวังเย้าพูด “ผมคิดว่า ดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอกที่เก็บมาจากที่นั่นมีภูมิต้านทานเชื้อในตัวมันเอง เพราะพวกมันสามารถอยู่รอดในสถานที่อันตรายแบบนั้นได้น่ะครับ”
ศาสตราจารย์หวูไม่ได้อยู่นานนัก เขาเดินทางกลับไปโรงพยาบาลพร้อมกับสมุนไพรสองชนิด รวมไปถึงยาสองขวดที่หวังเย้าทำขึ้นมา
เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาล เขาก็รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากตัวจังหวัด และขอให้พวกเขาเพาะเลี้ยงดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกในปริมาณมาก ให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
“ศาสตราจารย์หวู ผมขอถามหน่อยได้ไหม ว่าทำไมต้องให้เราเพาะเลี้ยงสองอย่างนี้ด้วยครับ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถาม
“พืชสองชนิดนี้เป็นส่วนผสมหลัก สำหรับการทำยารักษาชาวบ้านที่ติดเชื้อน่ะสิ” ศาสตราจารย์หวูพูด
“อ่อ” เจ้าหน้าที่พูด “ศาสตราจารย์เป็นคนคิดขึ้นมาสินะครับ?”
“ไม่ใช่ผมหรอก คนอื่นน่ะ” ศาสตราจารย์หวูพูด
“ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าเป็นใคร?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้” ศาสตราจารย์หวูพูด
ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะรู้สึกข้องใจ แต่เขาก็จัดการให้คนเพาะเลี้ยงพืชทั้งสองชนิดในทันที
คนไข้ที่อยู่ภายในห้องแยกยังคงมีอาการคงที่ เชื้อที่อยู่ภายในร่างกายของเขาสามารถควบคุมได้แล้ว และยังลดจำนวนลงด้วย
“ร่างกายของเขาเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสู้กับเชื้อชนิดนี้แล้วครับ” หนึ่งในผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวูพูด
“ดี” ศาสตราจารย์หวูพูด
พวกเขาเกือบจะสามารถรักษาคนไข้รายนี้ให้หายได้แล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกโล่งใจ พวกเขาสามารถผ่อนคลายได้บ้างแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป การเพาะปลูกดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกก็เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
ในระหว่างที่หมู่บ้านถูกปิดทางเข้าออก มีคนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อรักษากับหวังเย้า แต่พวกเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามเอาไว้ ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้แค่กลับไปเท่านั้น พวกเขายังได้ยินมาด้วยว่า ภายในหมู่บ้านเกิดโรคระบาดขึ้น หวังเย้าคิดว่า คงจะไม่มีคนไข้มาให้เขามากนัก
“รู้รึยัง ว่ามีหมู่บ้านหนึ่งในเขตของเราถูกปิดการเข้าออกเพราะกาฬโรคล่ะ?” ชายคนหนึ่งจากหมู่บ้านอื่นในเขตเหลียนชานพูด “มีคนตายตั้งหลายคนเลยนะ”
“กาฬโรคอะไร?” เพื่อนในหมู่บ้านของเขาถาม “มันโรคระบาดต่างหาก”
“แกไม่เคยไปเรียนที่โรงเรียนรึยังไง?” ชายคนนั้นพูด “มันก็โรคเดียวกันนั่นแหละ”
“เข้าเรื่องเถอะ” เพื่อนของเขาพูด “แกกำลังพูดถึงหมู่บ้านไหนเหรอ?”
“หมู่บ้านหวังน่ะสิ” ชายคนนั้นพูด
“อ่อ” เพื่อนของเขาพูด
โดยที่ยังไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ข่าวลือก็ได้แพร่กระจายออกไปจนไม่สามารถควบคุมได้ ปากคนสามารถกระจายข่าวลือได้รวดเร็วยิ่งกว่าอินเตอร์เนต
ชายหนุ่มจากหมู่บ้านหวังสองคนได้หลบหนีไปตามเส้นทางบนเนินเขา พวกเขาถูกพบว่าหายตัวไปในวันต่อมา
นี่ไม่ดีแล้ว! ทุกคนที่ได้รู้ข่าวต่างก็คิดไปทางเดียวกัน
ไม่มีใครรู้ว่า พวกเขาติดเชื้อหรือไม่ ถ้าหากพวกเขาติดเชื้อ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะเริ่มแสดงอาการเมื่อไหร่ หรือจะมีคนติดเชื้อต่อจากพวกเขาอีกมากแค่ไหน
มีการประกาศจับตัวพวกเขาออกมาเป็นการเฉพาะ คนที่พวกเขาต้องการตัวไม่ใช่อาชญากร พวกเขาเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาที่หลบหนีออกจากหมู่บ้านเท่านั้น
“เข้าใจเอาไว้ด้วยว่า พวกเขาอันตรายยิ่งกว่าอาชญากรจริงๆซะอีก” ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการลงไป
ตั้งแต่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกเรียกตัวมาทั้งเช้าและเย็น กองกำลังของเจ้าหน้าที่ได้เริ่มเดินตรวจตรารอบๆเนินเขา
เฮ้อ!
หวังเย้าไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย กองกำลังของเจ้าหน้าที่สามารถโผล่ไปได้ทุกที่ รวมถึงเนินเขาหนานชานด้วย เขาไม่ต้องการให้ความลับของเขาถูกเปิดเผยออกไป เพราะมันจะสร้างปัญหาให้เขาอย่างมากมาย
เรื่องนี้ดูเหมือนจะมีปัญหา
เขาคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะกดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง คนที่อยู่ปลายสายจัดการทำตามคำขอของเขาในทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้าไปใกล้บริเวณเนินเขาหนานชานเลยแม้แต่น้อย พวกเขาพยายามรักษาระยะห่างหรือแค่เดินตรวจตรารอบๆเท่านั้น
“ทำไมเราถึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใกล้เนินเขาลูกนั้นล่ะ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งถาม
“อย่าถามเลย เนินเขานั่นอาจจะมีอันตรายอยู่ก็ได้” เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายพูด
“ฉันได้ยินมาว่า ต้นกำเนิดของโรคอาจจะมาจากเนินเขาหนานชานด้วยล่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายที่เดินอยู่ด้วยกันพูด
“จริงเหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนแรกถาม “ฉันคิดว่า โรคมันโผล่มาจากเนินเขาทางทิศตะวันตกซะอีก”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? ยังไงก็เถอะ แค่อย่าเข้าไปใกล้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองจะดีกว่านะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายพูด
เมื่อมีคนเชื่อเรื่องนี้จริงๆ ข้ออ้างที่ยกขึ้นมาก็ค่อยๆกลายเป็นเรื่องจริงในไม่ช้า
เนินเขาหนานชานยังคงเงียบสงบและเป็นปริศนาต่อไป แม้จะอยู่ในช่วงของความวุ่นวายก็ตามที
ในที่สุด ก็มีคนไข้คนแรกที่หายจากโรคนี้ในโรงพยาบาล
ด้วยความพยายามอย่างหนัก ดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกก็มากพอสำหรับนำมาใช้งาน ตัวยาถูกผลิตออกมาตามสูตรยาที่ได้จากศาสตราจารย์หวู จนถึงปัจจุบัน มีคนเสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้วทั้งหมด 9 คน
“เราจะหายแล้ว!” คนไข้ที่ถูกแยกตัวต่างก็ยินดีกับเรื่องนี้
“ขอบคุณมากนะครับ ศาสตราจารย์หวู!” ผู้นำเขตแสดงความขอบคุณต่อศาสตราจารย์หวู ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกส่งตัวมาจากปักกิ่ง เขาเชื่อว่า ศาสตราจารย์หวูคือผู้ที่ค้นพบวิธีการแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้
ผู้นำจังหวัดฉีก็ได้เรียกตัวศาสตราจารย์หวูมาพบ เพื่อแสดงความขอบคุณเช่นเดียวกัน
“ผมไม่คู่ควร ผมไม่คู่ควร” ศาสตราจารย์หวูพูด