Elixir Supplier - ตอนที่ 618
618 มีคนหนุนหลัง? แล้วยังไง?
ในตอนเย็น หวังเย้ายังคงอยู่ที่บ้าน สุนัขตัวหนึ่งวิ่งลงมาจากเขาและเข้าสู่หมู่บ้านด้วยความเร็วสูง มันดูไม่ต่างจากเสือตัวหนึ่งเลย
“พระเจ้า หมาตัวใหญ่มาก” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
“หมาใครกันน่ะ?” ชาวบ้านอีกคนถาม
ชาวบ้านหลายคนไม่เคยได้เห็นสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน แล้วมันก็ยังเป็นสุนัขที่อยู่แต่บนเขาและแทบจะไม่ลงมาด้านล่างนี้เลย
โฮ่ง! โฮ่ง! มันส่งเสียงเห่าที่คล้ายกับเสียงคำรามของสิงโตหรือเสือออกมา
“พระเจ้า หวังว่ามันจะไม่ไปกัดใครเข้านะ?” ชาวบ้านที่ต้องเข้าไปดูใกล้ๆก็รีบวิ่งหลบไปด้วยกลัวว่าจะโดนมันกัดเข้า
“ซานเซียน?” หวังเย้าที่กลับมาถึงบ้านแล้วได้รีบวิ่งออกมาจากตัวบ้าน และเห็นว่า ซานเซียนกำลังวิ่งมาทางเขา “เกิดอะไรขึ้น?”
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมา
“เกิดเรื่องขึ้นเหรอ? พาฉันไปที!” หวังเย้าวิ่งตามซานเซียนไปและพวกเขาก็พากันวิ่งออกไปจากหมู่บ้าน “เร็วเข้า”
อยู่ๆความเร็วของซานเซียนก็เพิ่มขึ้น หวังเย้าติดตามมันไปด้วยความเร็วพอๆกัน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เขากลับสามารถพุ่งตัวราวกับลูกศรไปได้ไกลกว่า 10 เมตร
ซานเซียนไม่ได้มุ่งหน้าขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน แต่มันได้พาหวังเย้าไปที่จุดเชื่อมระหว่างเนินเขาซีชานและเนินเขาหนานชาน
ไม่นะ! ทันทีที่หวังเย้าเข้าไปยังค่ายกลก้อนหินที่เขาเป็นคนวางเอาไว้ เขาก็ต้องตกตะลึง เขาเห็นชายชราคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาจึงรีบคุกเข่าลงไปเพื่อตรวจดูอาการของเขา เขาแทบจะไม่หายใจแล้ว
ไม่ดีแล้ว! สิ่งที่เขากังวลที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว เขารีบแบกร่างของชายชราขึ้นหลังและพาเขาลงไปจากเขา
“อ้าว เสี่ยวเย้า?” เมื่อเห็นว่าหวังเย้ากำลังแบกชายชราลงมาจากเขา ชาวบ้านก็รีบวิ่งเข้ามา
“คุณลุงตายแล้วครับ” หวังเย้าพูด
“นี่มัน เจี้ยนกั๋ว นี้!” ชาวบ้านคนหนึ่งอุทานออกมา
มีคนในหมู่บ้านจากไปอีกคนแล้ว มันต้องเป็นข่าวใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชราที่เสียชีวิตมีอายุได้ 70 ปี เขาต้องการขึ้นไปเก็บผักที่ขึ้นในป่า ไว้ให้ลูกๆของเขาที่อยู่ในตัวเมือง เดี๋ยวนี้ คนในเมืองชื่นชอบการกินผักกาดหอมกับเชพเพิร์ดพายกันมา แต่แล้วอยู่ๆเขาก็หมดสติไปบนเขา
“พ่อ!” เมื่อได้ยินข่าว ลูกๆของชายชราก็รีบมาหาชายชรา “มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”
“ตอนที่ฉันกลับมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาก็ยังดีดีอยู่เลย” หนึ่งในลูกๆของชายชราพูด
พวกเขาจึงพากันหันไปถามหวังเย้า เขาเพียงบอกไปว่า พ่อของพวกเขาหมดสติอยู่บนเขาและถูกพบโดบสุนัขของเขา
เขากังวลว่า การตายของชายชราอาจจะเกี่ยวข้องกับเขา ตอนที่กำลังเก็บผักอยู่ในป่า ชายชราคงจะเผลอเดินเข้าไปในค่ายกลหินโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเสียชีวิตจากความหวาดกลัวและหวาดวิตก รวมไปถึงสาเหตุอื่นๆด้วย
“หรือจะเป็นเพราะเชื้อไวรัสที่อยู่บนเขานั่น?” ชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริง คิดว่าการตายของชายชราเกิดจากโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้านเมื่อไม่นานมานี้
“มันก็เป็นไปได้นะ” ชาวบ้านอีกคนพูด
“นี่ ตอนนี้ ใครมันจะกล้าขึ้นไปบนเนินเขาซีชานกัน?” ชาวบ้านอีกคนถามขึ้นมา
“เสี่ยวเย้า เขาตายเพราะอะไรเหรอ?” หวังเฟิงฮวาถาม
เขาได้ยินมาว่า มีสุนัขวิ่งลงมาจากเขา แล้วลูกชายของเขาก็รีบวิ่งขึ้นไปบนเขาในทันที จากนั้น เขาก็แบกร่างชายชรากลับลงมาด้วย
“มันไม่ใช่เพราะโรคระบาดหรอกครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าดูจากสภาพร่างกายของเขา ผมคิดว่า น่าจะเป็นอาการหัวใจวายนะครับ”
“ใช่ พ่อของฉันเป็นโรคหัวใจ แต่ช่วงนี้ เขาแข็งแรงดีมากเลยนะ” หนึ่งในลูกของชายชราพูดขึ้นมา
“เขาอาจจะเจอบางอย่างน่ากลัวบนเขาก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด
ค่ายกลหินถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนส่วนใหญ่ เมื่อใดที่เข้าไปด้านในแล้ว พวกเขาก็จะเกิดความรู้สึกหวาดวิตกและพบกับความยากลำบากในการค้นหาทางออก
“บางอย่างน่ากลัวเหรอ? อย่างงูแบบนั้นใช่ไหม?” หนึ่งในลูกของชายชราถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด
เขารู้สึกว่า ตัวเองกลายเป็นพวกตีสองหน้า ถึงเขาจะรู้สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ถ้าหากเขาพูดออกไป เขาและเนินเขาหนานชานก็จะกลายเป็นเป้าของการโจมตีจากคนอื่น
“ฉันว่า เราควรปิดทางเข้าออกเนินเขาซีชานไปเลยดีกว่านะ ห้ามไม่ให้ใครไปที่นั่นเลยก็ดี” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ใช่ๆๆ! แล้วที่เพาะปลูกบนนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไรด้วย” ชาวบ้านอีกคนพูดสนับสนุน
ในตอนเย็น หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเขา เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้ เขาเดินไปยังจุดที่ชายชราเสียชีวิตลง ซานเซียนยืนอยู่ข้างๆเขา
“ซานเซียน มันเป็นความผิดของฉันเอง” หวังเย้าพูดเสียงเบา
โฮ่ง! โฮ่ง!
หวังเย้าผลักก้อนหินบางส่วนในค่ายกลให้ล้มลง จากนั้น เขาก็เดินออกมาด้านนอกค่ายกลและยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก
ด้านนอกค่ายกลหินนั้นมีต้นไม้อยู่สองแถว ซึ่งใช้ขัดขวางเส้นทางการเดินขึ้นเขาอยู่แล้ว หวังเย้าปลูกต้นไม้เหล่านั้นเอาไว้ เพราะกลัวว่า จะมีคนเดินขึ้นมาบนเขาและเผลอเดินเข้าไปในค่ายกลหินเข้า แต่ก็ยังคงมีคนขึ้นมาอยู่ดี
เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง และคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เขาตัดสินใจว่า เขาควรจะทำลายค่ายกลนี้ซะ เขาไม่จำเป็นต้องทำลายหินทุกก้อน แค่ทำลายหินบางส่วนก็สามารถทำลายความสามารถของค่ายกลได้แล้ว
ฉันจะปลูกต้นไม้ล้อมเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาแทน!
ภายในบ้านของชายชราที่เพิ่งเสียชีวิตไป ลูกๆของเขาทั้งหมดได้มารวมตัวกัน
“นี่ เราจะปล่อยให้พ่อตายไปเฉยๆแบบนี้ไมได้นะ” หนึ่งในลูกชายของชายชราพูดขึ้นมา
“ใช่ ตอนที่เรากลับมาบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน พ่อก็ยังดีดีอยู่เลย วันนี้ แค่เขาขึ้นไปบนเขา กลับต้องมาตายไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง” ลูกชายคนที่สองของชายชราพูด “หวังเย้าเป็นคนไปพบพ่อ มันจะเป็นเรื่องบังเอิญได้ยังไงกัน?”
“นายคิดว่า การตายของพ่ออาจจะเป็นเพราะหมาตัวนั้นใช่ไหม?” ลูกชายคนแรกของชายชราพูด “ฉันได้ยินมาว่า หมาตัวนั้นน่ากลัวมากเลยล่ะ มันตัวใหญ่กว่าลูกวัว อาจจะขนาดพอๆกับสิงโตตัวหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แล้วพ่อของพวกเราก็ยังเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วด้วย”
“ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้” ลูกชายอีกคนของชายชราพูดขึ้นมา
“หวังเฟิงฮวาจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” ลูกชายคนแรกของชายชราพูด
“แต่เราไม่มีหลักฐานนะ” ลูกชายคนที่สองพูด
“หลักฐานเหรอ? พรุ่งนี้ เราจะขึ้นไปบนเขา” ลูกชายคนแรกพูด
“พี่ควรระวังไว้หน่อยก็ดีนะ ฉันได้ยินมาว่า หวังเย้ามีคนหนุนหลังอยู่ด้วย” ลูกชายคนที่สองพูด
“มีคนหนุนหลัง? แล้วยังไง?” ลูกชายคนแรกพูด
เช้าวันต่อมา หวังเย้าตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่
“ซานเซียน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายมีหน้าที่ลาดตระเวนเนินเขาแถวนี้นะ ถ้ามีใครเข้ามาใกล้ นายก็เห่าไล่คนคนนั้นให้ออกไปซะ” หวังเย้าพูด
โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าตอบรับคำพูดของหวังเย้า
“เสี่ยวเฮย นายก็ลาดตระเวนแถวเนินเขาบ่อยๆด้วยนะ” หวังเย้าพูด
เสี่ยวเฮยแลบลิ้นของมันออกมา ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะหนาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็กลับไปยังจุดที่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อวาน ก่อนที่จะลงไปจากเขา
อีกด้านหนึ่งของเนินเขา หนึ่งในลูกชายของชายชราที่เสียชีวิตได้เดินออกมาจากบ้าน
“นี่ พี่ อย่าไปเลย! ชาวบ้านพูดกันว่า มีโรคระบาดในหมู่บ้านมันมาจากเนินเขาซีชาน ตอนนี้ แทบจะไม่มีใครขึ้นไปบนนั้นกันแล้ว” ลูกชายอีกคนของชายชราพูด
“ฉันไม่กลัวหรอก” ลูกชายคนที่สี่มุ่งหน้าออกจากบ้านและตรงขึ้นไปบนเนินเขาซีชาน
พี่ชายของเขาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ “เขายังดื้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องไม่ดีกับเขาเข้านะ!”
ลูกชายคนที่สี่เดินขึ้นไปบนเขาเพียงลำพัง เขาคิดในใจ เมื่อวาน พ่อตายที่ตรงไหนนะ?
เขาไม่รู้ว่า พ่อของเขาเสียชีวิตที่ตรงไหน และในหมู่พี่น้องทั้งหมดก็ไม่มีใครรู้เช่นเดียวกัน พวกเขารู้แค่เพียงคร่าวๆเท่านั้น
บนเนินเขาซีชาน เขาเดินไปตามทางเดินบนเขาและมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ไม่นาน เขาก็เดินมาถึงจุดที่มีกองหินอยู่
ที่นี่เหรอ? เขาสงสัย
เขาชะลอฝีเท้าและค้นหารอบๆ หวังว่าจะสามารถค้นหาอะไรได้บ้าง เขาพบถุงยาสูบตกอยู่และหยิบมันขึ้นมาดู มันเป็นของที่พ่อของเขาใช้
มันคือที่นี่
โฮ่ง! โฮ่ง!
อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเห่าดังขึ้น ซึ่งมันทำให้เขากลัวมาก เขารีบลุกขึ้นยืนและมองไปยังที่มาของเสียง เขาเห็นสุนัขขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง เขาไม่เคยเห็นสุนัขใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย เขาเคยเห็นสุนัขทิเบตันมาก่อน แต่หัวของสุนัขตัวนี้ยังใหญ่กว่าสุนัขทิเบตันมาก มันเหมือนกับหัวของสิงโต
เขาหันหลังกลับโดยไม่ลังเล แต่เขาไม่ได้วิ่งหนี เขาก้าวเดินไปสองสามก้าว แล้วหันหลังกลับไปมอง สุนัขยืนนิ่งอยู่กับที่และไม่ได้ไล่ตามเขามา
“พระเจ้า มันไม่ได้คิดจะไล่สินะ” เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และพบว่า ตัวเขามีเหงื่อไหลออกมาจำนวนมาก เพราะความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น
แล้วเขาก็รีบเดินลงไปจากเขา
“เป็นยังไงบ้าง?” หลังจากกลับไปถึงที่บ้านแล้ว พี่น้องของเขาก็เข้ามาถามไถ่
“นายโอเคไหม?” เมื่อมองดูสีหน้าของเขาดีดีแล้ว พี่สาวคนโตก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ฉันไปเจอหมาตัวใหญ่ตัวหนึ่งเข้าน่ะ” น้องชายคนที่สี่พูด แล้วกลืนน้ำลายลงคอ
“มันกัดนายเหรอ?” พี่สาวของเขาถาม
“เปล่า แต่ฉันกลัวมากไปน่ะ หมาตัวนั้นมันใหญ่มาก” ถ้าหากสุนัขตัวนั้นพุ่งเข้ามาและทำร้ายเขา เขาก็คงจะไม่มีทางได้กลับลงมาจากเขาอีกตลอดไป “พ่อจะต้องกลัวหมาตัวนั้นจนตายแน่ๆ!”
“นายแน่ใจเหรอ?” พี่สาวของเขาถาม
“พี่ไม่ได้เห็นหมาตัวนั้นกับตาตัวเอง ฉันตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา ขนาดฉันยังกลัวขนาดนี้ แล้วลองคิดดูสิ ว่าพ่อจะกลัวขนาดไหน” เขาพูด
“ถึงนายจะพูดแบบนั้น แต่เราก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดีนะ” พี่สาวของเขาพูด
“หลักฐานเหรอ? ฉันได้มาว่าเมื่อวานว่า มันเป็นหมาตัวนั้นนั่นแหละที่ลงมาจากเขา แล้วเรียกให้หวังเย้าขึ้นไปบนเขาน่ะ มันจะต้องเป็นหมาตัวนั้นที่เจอพ่อของเรา จนทำให้พ่อต้องตกใจกลัว แล้วมันก็ค่อยลงมาเรียกหวังเย้าขึ้นไป” น้องชายคนที่สี่พูด
“มันดูเหลือเชื่อเกินไปนะ” พี่สาวของเขาพูด