Elixir Supplier - ตอนที่ 642
642 เสี่ยวเวย
หากหวังเย้าได้พบกับเมี่ยวซานติ้งอีกครั้ง เขาจะลองขอคำปรึกษาจากอาจารย์ดูฮวงจุ้ยคนนั้นดู
คืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าของวันถัดมา ท้องฟ้าในหมู่บ้านเป็นสีฟ้าสดใส แต่ในปักกิ่งที่ไกลออกไปหลายพันไมล์ มีน้อยครั้งที่ท้องฟ้าจะสูงและเป็นสีฟ้าสดใสแบบที่นี่
ภายในมหาวิทยาลัยเยียนจิง ซูเสี่ยวซวีเดินอยู่บนถนนที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เพียงลำพัง ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็มักจะมีสายตามากมายคอยตามติดเธออยู่เสมอ ตอนนี้ เธอได้กลายเป็นคนดังที่สุดของมหาวิทยาลัยไปแล้ว
อิจฉา, ชื่นชม,และเกลียดชัง…หลากหลายอารมณ์ความรู้สึกเริ่มเกิดขึ้นเพราะเธอ เธองดงามราวกับรูปภาพ และครอบครัวของเธอก็ยังเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง ด้วยรัศมีที่เปล่งประกายเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้เธอกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนมากมายได้ยังไงกัน?
“เสี่ยวซวี ทำไมไม่บอกผมล่ะ ว่าเธอกลับมาเรียนที่มหาลัยแล้ว?”
ซูเสี่ยวซวีมองชายหนุ่มที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
กั๋วเจิ้งเหอมอบรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาให้กับเธอ
“ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ พี่เจิ้งเหอ?” เธอถาม
“ก็มาหาเธอน่ะสิ” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันเป็นของเธอยังไงล่ะ!”
ซูเสี่ยวซวีเพียงยิ้มให้เท่านั้น
“ผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นเป็นใครกันน่ะ?” คนที่มองดูอยู่ถามขึ้นมา
“เขาจะเป็นคนที่ซูเสี่ยวซวีเคยพูดเอาไว้รึเปล่า?” อีกคนถาม
“พวกเขาเหมาะสมกันมากเลย! ผู้ชายก็มีความสามารถ ส่วนผู้หญิงก็หน้าตาดี” คนแรกพูดขึ้นมา
“ฉันเหมือนจะจำได้ว่าเขาจบจากมหาลัยนี้นะ” อีกคนพูด “ดูเหมือนว่าเขาจะมีแซ่ว่า กั๋ว”
“ใช่ เขายังเป็นหนุ่มฮอตของมหาลัยด้วย” คนแรกพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่สองคนนี้จะคบกันอยู่” คนที่สองพูด “เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก”
คำพูดของคนรอบข้างดังไปถึงหูของซูเสี่ยวซวีไม่มากก็น้อย
“เสี่ยวซวี มีคำพูดที่ผมอยากจะบอกกับเธอมานานแล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูดในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงทะเลสาบ
“อะไรเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“เสี่ยวซวี ผมอยากจะแต่งงานกับเธอ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“อะไรนะคะ?” ซูเสี่ยวซวีตกใจ เธอไม่ได้เตรียมใจหรือคาดคิดว่าจะมาได้ยินคำพูดนี้จากกั๋วเจิ้งเหอ เธอจึงรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดออกมาว่า “ขอโทษนะคะพี่เจิ้งเหอ ฉันคิดกับพี่เป็นพี่ชายมาตลอด”
กั๋วเจิ้งเหอไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว “เสี่ยวซวี พี่ชอบเธอ เธอไม่จำเป็นต้องรีบตอบก็ได้ ลองกลับไปคิดดูก่อน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องคิดอีกแล้วค่ะ พี่เจิ้งเหอ เพราะฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด
เธอรู้ว่า กั๋วเจิ้งเหอชอบเธอ เมื่อก่อน เธอพยายามบอกเป็นนัยให้เขารู้ด้วยหลายๆวิธี แต่กั๋วเจิ้งเหอผู้เฉลียวฉลาด ก็ทำเป็นไม่เข้าใจเรื่อยมา มันทำให้เธอหงุดหงิดอย่างมาก เพราะตัวเธอไม่เคยต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้น เธอจึงอธิบายออกไปอย่างง่ายๆและชัดเจน เพื่อให้เขาเลิกมาวุ่นวายกับเธอในอนาคต
“เป็นหมอหวังใช่ไหม?” เขาถาม
“ใช่ค่ะ” ซูเสี่ยวซวียอมรับ
“อืม พี่เข้าใจแล้ว” เขาพูด “คืนนี้ เธอว่างไหม? พี่อยากจะเลี้ยงข้าวเย็นเธอ”
“ไม่ว่างค่ะ ฉันรับปากกับคุณแม่ไว้แล้ว ว่าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน” ซูเสี่ยวซวีพูด
“อ่อ งั้นก็ไม่เป็นไร” เขาพูด
กั๋วเจิ้งเหอจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม และไม่มีความผิดหวังอยู่บนใบหน้าของเขาเลย เมื่อเขาเลี้ยวไปตรงมมุมหนึ่งของตึก อยู่ๆใบหน้าของเขาก็กลายเป็นมืดมน ดวงตาของเขาฉายแววเย็นชา “หมอหวัง!”
ไม่ไกลจากตรงนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งได้บังเอิญมาเห็นและก็ต้องตกใจกับภาพนี้
“น้าเหลียน?” ใบหน้าของกั๋วเจิ้งเหอกลับกลายเป็นสดใสดังเดิม
“เจิ้งเหอ เธอมาหาคุณหนูซูทำไมเหรอ?” ชูเหลียนถาม
“อ่อ ผมแค่แวะมาพูดอะไรกับเธอนิดหน่อยน่ะครับ” เขาพูด “เธออยู่ตรงนั้นนะครับ”
“จ๊ะ น้ารู้แล้ว”เหลียนพูด
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูด
กั๋วเจิ้งเหอจากไป ในขณะที่ชูเหลียนก็เดินไปหาซูเสี่ยวซวี
“น้าเหลียน ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“น้ามาทำธุระน่ะค่ะ” ชูเหลียนพูด “เมื่อกี้น้าเพิ่งเจอกับกั๋วเจิ้งเหอ เขาบอกว่าคุณหนูอยู่ที่นี่ เขามาหาคุณหนูเหรอคะ?”
“ค่ะ แต่หนูก็บอกเขาไปชัดเจนแล้วนะคะ ว่าหนูไม่ได้สนใจเขาเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด
“อืม ดีแล้วล่ะค่ะ อย่าลืมว่า เวลาเรียนเสร็จแล้วก็ให้รีบกลับบ้านนะคะ” ชูเหลียนพูด
ซงรุ่ยปิงยังคงรู้สึกกังวลเรื่องลูกสาวของเธออยู่ ดังนั้น เธอจึงให้ชูเหลียนตามมาดูแลด้วย เธอจึงเหมือนได้รับการปกป้องอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้ตัวเลยก็ตาม
…
ภายในหมู่บ้านกลางเขา ด้วยความช่วยเหลือของหวังเย้า ทำให้เฉินหยิงสามารถซื้อบ้านในหมู่บ้านไปสองหลัง
“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะคะ เชียนเชิง” เฉินหยิงพูด
“พี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมจัดการเรื่องนี้ได้สบายอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด
ภายในบ้านอีกหลังในหมู่บ้าน เจิ้งเหว่ยจวินนั่งอยู่บนรถเข็นและมองดินที่อยู่ภายในสวน
เนินเขาสองแถวที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวอย่างเอื่อยเฉื่อย เขาสามารถมองดูท้องฟ้าแบบนี้ได้ตลอดทั้งวัน
การมองดูแสงสว่าง ทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้ช่างงดงาม
“เหว่ยจวิน ได้เวลากลับเข้าห้องแล้ว” เจิ้งชื่อฉงพูด
“ลุงครับ ผมอยากจะมองดูมันให้นานกว่านี้อีกหน่อยน่ะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ก็ได้ อยู่ดูต่ออีกสักหน่อยแล้วกัน” เจิ้งชื่อฉงอยู่ดูเป็นเพื่อนเขา
“คุณลุงพักบ้างเถอะครับ ผมอยู่ตรงนี้ไม่เป็นอะไรหรอก” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ลุงไม่เป็นไร” เจิ้งชื่อฉงพูด
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าท้องฟ้ามันจะสวยได้ขนาดนี้” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ตอนนี้ การมองเห็นของเธอก็กลับมาเป็นปกติแล้ว และพิษในร่างกายก็ค่อยๆลดลงไป ต่อไปก็คือ การฟื้นฟูอวัยวะภายในที่เสียหาย” เจิ้งชื่อฉงพูด “หมอหวังบอกว่า ภายในหนึ่งเดือน เธอก็ยืนได้แล้วนะ”
“ขอบคุณมากนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“อืม” เจิ้งชื่อฉงพูด
“ไม่รู้ว่าหมอชอบอะไรบ้างนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ลุงถามเรื่องนี้จากซุนหยุนเชิงแล้วล่ะ” เจิ้งชื่อเฉิงพูด “เขาชอบของที่เกี่ยบกับแพทย์แผนจีน อย่างพวกตำราแพทย์โบราณ และของใช้ของหมอจีนในสมัยโบราณ ลุงได้ให้คนไปหามาแล้วล่ะ”
“ดีเลยครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
ภายในคลินิก พันจวินได้พาคนไข้มาคนหนึ่ง เขามีอาการเส้นเลือดอุดตันเช่นเดียวกัน แต่อาการไม่ถือว่าหนักมากนัก แค่หนักกว่าเหอชื่อหลี่เล็กน้อยเท่านั้น
หวังเย้ารักษาเขาด้วยการฝังเข็มและการนวด แม้จะไม่ได้ใช้ยา แต่การรักษาก็เห็นผลอย่างรวดเร็ว
“มันวิเศษมากเลย” หลังจากจบการรักษาครั้งแรก ชายวัย 40 ก็พูดขึ้นมา
เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาได้ ขาและแขนทั้งสองข้างของเขาสามารถควบคุมได้ดีขึ้น มันราวกับว่า พวกมันยืดหยุนและมีพละกำลังมากขึ้น
“อาพัน เขาเป็นหมอที่เก่งมากเลยนะ ทำไมเธอไม่บอกกันให้เร็วกว่านี้ล่ะ?” หลังจบการรักษาแล้ว เขาก็หันไปว่าให้พันจวิน
“ก็ตอนที่ผมเห็นลุงคราวก่อน ลุงก็ยังดูแข็งแรงอยู่นี่นา” พันจวินพูด
ชายคนนี้เป็นญาติห่างๆของพันจวิน เขาได้รู้เรื่องอาการของชาติชายคนนี้เมื่อเจอกันที่โรงพยาบาล พันจวินจึงได้พาเขามารักษากับหวังเย้า
“อาจารย์ อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง?” พันจวินถาม
“อีกสองวัน ให้กลับมาอีกรอบนะครับ” หวังเย้าพูด
“ผมต้องกินยาอะไรไหมครับ?” เขาถาม เขาต้องกินยาเพราะอาการป่วยมามากมายนับไม่ถ้วนแล้ว
“ไม่จำเป็นครับ คุณคงจะกินยามากแล้ว เพราะกระเพาะของคุณก็ดูเหมือนจะมีปัญหาด้วย” หวังเย้าพูด
“โอ้ ใช่แล้วล่ะครับ ผมกินยาไปเยอะมาก” เขาพูด
เมื่อการรักษาเสร็จเรียบร้อย ลูกชายของคนไข้ก็มาถึง “พ่อ เป็นยังไงบ้าง?”
“ดีเลยล่ะ หมอรักษาเสร็จแล้วด้วย” เขาพูด
“โอเค งั้นกลับกันเลยนะ” ลูกชายของเขาพูด
“ลุงกลับไปเถอะ ผมจะอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อย” พันจวินพูด
“อืม ถ้าว่างก็แวะมาหากันบ้างนะ” เขาพูด
เมื่อเดินออกมาด้านนอกคลินิกแล้ว เขาก็พูดออกมาว่า “หืม ทำไมอาพันถึงได้เรียกเขาว่าอาจารย์ด้วยล่ะ?”
“พี่จวินเรียกผู้ชายคนนั้นว่าอาจารย์เหรอ?” ลูกชายของเขาตกใจ
“ใช่” เขาพูด
“เป็นไปไม่ได้หรอก พี่จวินเป็นถึงรองผู้อำนวยการแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประจำเขตเลยนะ แล้วหมอคนนั้นก็ดูแก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปีเอง” ลูกชายของเขาพูด
“พันจวินถามคำถามหวังเย้าอยู่หลายคำถาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผมคิดได้ในขณะที่นวดรักษาคนไข้ในคลินิกพี่สาวของเขา เขาไม่ค่อยเข้าใจในบางเรื่อง ดังนั้น หวังเย้าจึงอธิบายให้เขาฟังทีละอย่าง
“ธุรกิจรับคนไข้นอกเวลาถือว่าไม่เลวเลย ใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“มันก็ดีอยู่นะ” พันจวินพูด
ความจริงแล้ว เพราะเขาใช้เทคนิคการนวดที่ได้เรียนจากหวังเย้า จึงทำให้เขาได้รับคำชื่นชมจากคนไข้ในเวลาอันสั้น ในทุกๆวัน จะมีคนมานวดกับเขาอยู่ไม่ขาด กระทั่งคนไข้ต้องต่อแถวกันเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเขารับคนไข้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองยังต้องเรียนรู้อีกมาก ดังนั้น เขาจึงมาหาปรึกษากับหวังเย้าอีกครั้ง
“อาจารย์ ถ้ามีเวลา อาจารย์อยากจะไปให้คำปรึกษาที่คลินิกพี่สาวของฉันดูหน่อยไหม?” พันจวินถาม
“ไว้คุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะครับ” หวังเย้าพูด “ที่คลินิกตอนนี้ก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน”
ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนไข้เข้ามาอีกคนหนึ่ง
…
ริมชายหาดในเมืองเต๋า หญิงสาวหน้าตาดีกำลังยืนมองคลืนที่ซัดเข้ามา
มีชายสวมฮูดเดินมายืนอยู่ด้านหลังของเธอ เขาสวมฮูดไว้บนศีรษะเพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเอง
“เสี่ยวเวย” น้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย มันเป็นเสียงที่คล้ายกับว่า เขากำลังเป็นหวัดอยู่
“นายต้องการจะทำอะไร?” เธอถาม
“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ฉันแค่อยากจะมาหาเธอ” เขาพูด
“มาหาฉัน? นายจากไปแล้ว แต่ตอนนี้นายก็กลับมาอีก มันทำให้ชีวิตสงบสุขที่ฉันได้มาอย่างยากลำบากต้องถูกรบกวน” เธอตอบ