Elixir Supplier - ตอนที่ 649
649 แม้แต่เทพเจ้าก็ถูกซื้อได้ด้วยเงิน
ในเมืองแห่งนี้ คำพูดของเขามีผลมากกว่าผู้มีอำนาจหลายๆคน การที่ซุนเจิ้งหรงมีอารมณ์รุนแรงและใช้น้ำเสียงที่ไม่ดี มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเขาต้องเจอกับการโจมตีถึงสองครั้งแล้ว และที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ การหาตัวคนร้ายไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
การมาของอธิบดีซวีมีอยู่ด้วยกันสองเรื่อง หนึ่งเพื่อแจ้งเขาเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ส่วนอีกเรื่อง ก็เพื่อขอให้ซุนเจิ้งหรงคอยควบคุมกองกำลังใต้ดินของเมืองเต๋า รางวัลที่เขาเสนอไป เป็นเหมือนกับการโยนระเบิดเข้าไปในน้ำมัน จนเกิดการระเบิดครั้งใหญ่
เขาจึงเข้าใจในเรื่องนี้ดี ในเมื่อตัวเขาเองเป็นผู้มีประสบการณ์ในแวดวงของตำรวจ เหล่าคนใต้ดินต่างยินดีทำทุกอย่างเพื่อเงิน รวมไปถึง การทำลายความสัมพันธ์ในพวกเดียวกันเองด้วย ขอแค่ได้เงินมากพอ การทรยศก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา
การเสนอรางวัลในครั้งนี้ ได้ทำให้ความสงบสุขในเมืองเต๋าหายไป เหมือนอย่างที่คนพูดกันว่า หากมีเงิน ก็สามารถทำให้ปีศาจยกหินโม่ได้ คนเหล่านั้นได้ถูกอำนาจของเงินเข้าครอบงำไปแล้ว
ก่อนจะมาที่นี่ เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นไปตามที่เขาคิด แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง
“ผมต้องขอตัวก่อน” อธิบดีซวีพูด “ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
“อาหลิน ช่วยส่งท่าอธิบดีด้วย” ซุนเจิ้งหรงพูด
หลังการโจมตีถึงสองครั้ง มันก็ทำให้เขาอยู่ในอารมณ์ที่เลวร้ายมาก ความจริง ควรจะเป็นสามครั้งมากกว่า ผู้บุกรุกมีอยู่แค่สองคนเท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่มีร่องรอยให้ตามจับได้เลย เขาไม่เคยเจอะเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
การมีศัตรูที่ร้ายกาจก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายเท่าไหร่ แต่ที่แย่ก็คือ การที่ไม่รู้ถึงพื้นหลังและความสามารถของศัตรูต่างหาก
ภายในโรงเก็บของร้างในเมืองเต๋า ชายคนหนึ่งถาม “พี่โอเคไหม?”
แค่ก! แค่ก! แค่ก! “ไม่ต้องห่วง” เมื่อเขาพูดออกมา ก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาด้วย
ในการต่อสู่ที่วิลล่านั้น เมื่อระเบิดแสงเกิดการระเบิด มันทำให้พวกเขาเกิดความสับสนและสูญเสียการควบคุม ดังนั้น ตัวเขาจึงได้รับบาดเจ็บไปด้วย มันเป็นอาการบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน โชคดีที่อวัยวะของเขาได้รับการฝึกด้วยวิธีพิเศษมา มันจึงไม่ได้ส่งผลเสียหายในระยะยาว
“เราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” ชายที่ได้รับบาดเจ็บพูด
“ผมรู้ ผมจะกลับไปกับพี่” ชายอีกคนพูด
“ตราบใดที่ยังไม่ตาย เราก็ยังมีหวัง” ชายที่ได้รับบาดเจ็บพูด
ทั้งสองเตรียมจะออกไปจากเมืองเต๋า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้คนต่างก็กำลังตามหาตัวพวกเขากันให้ควัก จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นถึง 100 ล้าหยวนได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่ว
คนจำนวนมากได้ใช้ทุกวิถีทางในการตามหาตัวพวกเขา ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหน แต่ด้วยความมุมานะที่มี ไม่นานก็จะต้องมีคนตามเจอจนได้ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะตามหาตัวคนในเมืองเต๋า
เมื่อร่องรอยของพวกเขาได้รับการยืนยัน เมื่อนั่น โอกาสก็จะมาถึง คนมากมายทำการค้นหาไปทั่ว ราวกับแมลงวันที่ได้กลิ่นของเสีย ถึงคำเปรียบเทียบอาจจะดูไม่สวยงาม แต่มันก็ทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน
“พวกมันน่ารังเกียจจริง!” เมี่ยวชิงเฟิงคิดอยากที่จะฆ่าคนเหล่านี้ แต่เขาก็ต้องหยุดตัวเองไว้
ร่องรอยของเขาถูกเปิดเผย เพราะกู่ชุนฉือรู้จักเขา ถ้าเขาไม่ยั้งใจตัวเองไม่ให้ฆ่าคนเหล่านี้เอาไว้ แม้แต่อาจารย์ก็คงจะช่วยเขาไม่ได้ และมันยังจะส่งผลกระทบร้ายแรงไปยังบ้านเกิดและโรงเรียนของเขาด้วย ตอนนี้ มันคือสังคมที่สงบสุข ที่ผู้คนสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ มันเป็นสถานที่ที่มีกฎระเบียบควบคุมอยู่
มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเมื่อร่องรอยของพวกเขาถูกเปิดเผย ทั้งสองได้รับบาดเจ็บจากการถูกระเบิด คนกลุ่มแรกที่หาพวกเขาเจอได้ปาระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรงเข้าใส่ ถึงแม้พวกเขาจะสามารถป้องกันกระสุนหรือของมีคมได้ แต่พวกเขาก็ต้านทานเปลวไฟไม่ได้
ดังนั้น มันจึงทำให้เมี่ยวชิงเฟิงโกรธขึ้นมา เขาจึงลงมือกับคนพวกนั้น และฆ่าคนตายไปถึงสาม ข่าวการตายของคนทั้งสามได้กระจายออกไปออกรวดเร็ว คนที่ตามมาทีหลังจึงได้รู้ว่า เงิน 100 ล้านหยวนไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ ดังนั้น พวกเขาจึงคลั่งมากกว่าเดิมหลายเท่า
แฮ่ก! แฮ่ก! “เหนื่อยโว้ย!” เมี่ยวชิงเฟิงยังคงสามารถสงบใจและนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาประเมินคนพวกนั้นและอำนาจของเงินต่ำเกินไป
ภายในสถานีตำรวจเมืองตำรวจได้มีการประกาศจับออกไป เมื่อตัวเลขการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ชายสองคนจึงถูกกำหนดให้มีความอันตรายในระดับสูง
พวกเขาติดรูปเอาไว้ตามป้ายรถเมล์, สถานีรถไฟ, สนามบิน,และทุกที่ที่จะได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก
“มันยุ่งยากกว่าที่พวกเราคิดไว้ซะแล้วสิ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
พวกเขาสามารถปลอมแปลงตัวเองเพื่อเดินทางออกจากเมืองได้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา แต่การเดินทางไปให้ถึงบ้านกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ตอนนี้ จะซื้อตั๋วก็ต้องใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงอีก” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ฉันว่า เราคงจะกลับด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้แล้วล่ะ”
พวกเขาจึงโบกรถบรรทุกขนส่งเพื่อเดินทางออกจากเมืองเต๋าไปอย่างเงียบเชียบ
ผู้คนในเมืองเต๋าต่างก็กลัวว่าทั้งสองจะหลบหนีออกจากเมืองไป ตอนนี้ พวกเขารู้ตัวตนของหนึ่งในนั้นแล้ว อย่างน้อยๆ พวกเขาก็มีตัวเลือกในการค้นหาพวกเขามากขึ้นอีกหนึ่ง
“เราจ่ายเงินให้ชายคนหนึ่งในหมู่บ้านนั้นครับ” ชายคนหนึ่งพูด “จ้าวหยิงหาวไปที่นั่นเมื่อสามเดือนก่อน ส่วนเมี่ยวชิงเฟิงเคยมีคดีฆาตกรรมด้วยครับ”
“ดี” อธิบดีซวีพูด เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น เรื่องทุกอย่างก็จะง่ายมากขึ้น “ผู้นำของหมู่บ้านนั้นชื่อว่าอะไร?”
“เมี่ยวซีเหอ ครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาพูด “เขาเป็นลุงของเมี่ยวชิงเฟิงครับ”
“พวกเขาสนิทกันรึเปล่า?” อธิบดีซวีถาม
“ครับ ตอนที่เขาก่อคดีฆาตกรรม เมี่ยวซีเหอก็คือคนที่เข้าไปหยุดเขาเอาไว้” ผู้ใต้บังคับบัญชาพูด “แล้วเขาก็ถูกลงโทษกักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งปี”
“นายไปจัดการเรื่องนี้ได้เลย” อธิบดีซวีพูด “ไม่ว่าใครก็ตามที่สร้างปัญหา เขาก็จะต้องชดใช้ไม่ว่าเขาจะหนีไปอยู่ที่ไหนก็ตาม”
…
ในหมู่บ้านที่ไกลออกไปหลายพันไมล์ เจิ้งชื่อฉงได้พาเจิ้งเหว่ยจวินออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน
“ลุงครับ ผมได้ยินมาว่า ชาวบ้านกำลังจะย้ายออกกันเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“ใช่ ก็เพราะเรื่องโรคระบาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไปได้ไม่นานนั่นแหละ” เจิ้งชื่อฉงพูด “ต้นเหตุของโรคมันอยู่บนเนินเขาซีชาน มันก็เลยทำให้ชาวบ้านกลัวกันไปหมด แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซุนยังให้ข้อเสนอที่น่าสนใจกับชาวบ้านและรับแลกเปลี่ยนบ้านกับห้องในราคาเท่ากันด้วย ชาวบ้านเกินครึ่งก็เลยเลือกจะย้ายออกไปอยู่อพาร์ทเมนต์ของตระกูลซุนแทน”
“ผมว่า แบบนั้นก็ดีนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “อืมมม ลุงคิดว่ายังไง ถ้าเราจะซื้อบ้านเก่าที่หมู่บ้านนี้เอาไว้สักหลังครับ?”
“ไม่มีปัญหา” เจิ้งชื่อฉงพูด
พวกเขาร่ำรวยจากธุรกิจขนาดใหญ่ และยังรวยกว่าตระกูลซุนด้วยซ้ำ เงินที่ใช้ซื้อบ้านเก่าหนึ่งหลังนั้นไม่ได้ทำให้ตัวเงินในบันชีของพวกเขาเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“หลายวันนี้ หมอหวังงานยุ่งมากเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
เขามองไปที่รถหลายคันที่จอดอยู่ด้านนอก
“อืม ช่วงนี้ มีคนมารักษากับเขาเยอะขึ้นมาก” เจิ้งชื่อฉงพูด
หวังเย้านั้นงานยุ่งตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ไปจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ในวันที่ยุ่งที่สุด เขาจะมีคนไข้ที่ต้องรักษามากกว่า 30 คนขึ้นไป
คนมาที่นี่กันเยอะมาก ฉันคงทำคนเดียวไม่ไหวแน่ หวังเย้าเอาแต่คิดเรื่องนี้ เขาจึงได้ตั้งกฎขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง
เขาจะรับคนไข้แค่ 20 คนต่อวันเท่านั้น ทุกคนจะได้เข้าตรวจตามหมายเลยที่ทุกคนได้รับ แต่แน่นอนว่า เคสคนไข้ฉุกเฉินใกล้ตายถือเป็นข้อยกเว้น
ชื่อเสียงของหวังเย้าได้กระจายจากเมืองใกล้ๆไปยังที่ต่างจนทั่วเหลียนชาน รวมไปถึงเขตอื่นที่อยู่ใกล้ๆกับเหลียนชานด้วย ด้วยชื่อเสียงที่กระจายออกไปนี้ จึงทำให้มีคนเดินทางมารักษากับเขามากขึ้น ไม่ต่างจากร้านอาหารที่มีอาหารรสชาติเยี่ยมคอยดึงดูดลูกค้าเข้ามามากขึ้น
มีคนเดินทางมารักษาที่คลินิกของหวังเย้ามากขึ้น แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านกลับลดน้อยลง ชาวบ้านเริ่มย้ายออกกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคำพูดที่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เช่น “มีแมลงอยู่บนเนินเขาซีชาน แล้วคนก็จะตายทันทีที่ถูกมันกัด”
“เสี่ยวเย้า บนเนินเขาซีชานมีแมลงเหมือนอย่างที่ลูกพูดเอาไว้คราวก่อนจริงเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถามในระหว่างที่ทานอาหารมื้อเที่ยง
“จริงครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่ใช่ว่าพวกมันตายไปหมดแล้วเหรอ?” จางซิวหยิงถาม
“เปล่าหรอกครับ” หวังเย้าพูด “การจะกำจัดพวกมันให้หมด เป็นเรื่องที่ยากมาก”
“เนินเขาซีชานคงจะกลายเป็นดินแดนรกร้างไปซะแล้ว” จางซิวหยิงพูด
“มันก็ไม่ถึงกับแย่ขนาดนั้นหรอกครับ” หวังเย้าพูด “หลังจากนี้อีกสักพัก ผมว่าจะเอาต้นอะไรไปปลูกที่นั่นด้วย เนินเขาซีชานยังเอาไปทำอะไรได้อีกเยอะครับ”
เช้าวันถัดมา มีชายวัย 30 มาที่คลินิก เขารับป้ายคิวและเดินไปต่อแถว
“คุณนั่นเอง” หวังเย้าพูด
“ผมคงต้องรบกวนหมออีกแล้ว” ชายคนนั้นพูด
หวังเย้าจำชายคนนี้ได้แม่นยำ เพราะบนใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นอยู่ รอยแผลของเขาเริ่มตั้งแต่มุมปากลากยาวไปจนถึงติ่งหู คล้ายกับภาพของโจ๊กเกอร์ในเรื่องแบทแมน แต่แผลเป็นของเขามีแค่ด้านเดียวเท่านั้น
“บาดแผลของคุณไม่น่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ!” หวังเย้ามองดูใบหน้าของเขา ร่างกายของเขามีสุขภาพแข็งแรงดี และเขายังต่อสู้เป็นด้วย ซึ่งก็หมายความว่า การไหลเวียนพลังฉีและโลหิตของเขาจะต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างแน่นอน
“มันไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นน้องสาวของผมต่างหาก” เขาพูด
“แล้วเธออยู่ไหนล่ะ?” หวังเย้าถาม
“เธอไม่ได้มา แต่ผมเอาประวัติการรักษาของเธอมาด้วย” เขาพูด “หมอด้วยดูให้หน่อยได้ไหม?”
หวังเย้ารับเอกสารประวัติการรักษามาและเปิดอ่านดูอย่างละเอียด