Elixir Supplier - ตอนที่ 651
651 ความขุ่นเคืองก่อตัวขึ้น
“เชียนเชิงเลิกชอบเธอได้ไหม?” กั๋วเจิ้งเหอถาม
หวังเย้าตกใจและไม่แน่ใจในความหมายที่กั๋วเจิ้งเหอต้องการจะสื่อ ในเมื่อเขาชอบเธอ เขาก็เลยขอให้ฉันยกเธอให้อย่างนั้นเหรอ? “ทำไม?”
“เพราะผมชอบเธอมาก?” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“อืมมมมม…” หวังเย้ายิ้ม พร้อมทั้งส่ายหน้าและคิดในใจ นี่มันตรรกะบ้าอะไรกัน? มันเป็นความคิดแบบไหน? ผู้ชายที่มาจากตระกูลใหญ่มีความคิดแบบเขากันหมดอย่างนั้นเหรอ?
หลังจากผ่านไปสักพัก หวังเย้าก็พูดออกมาว่า “โทษทีนะ”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน
“ผมเข้าใจแล้ว ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอลุกขึ้นและหมุนตัวเดินออกไป เขาหยุดฝีเท้าลงที่ประตู “ผมขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตผมเอาไว้ แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมไม่ยอมแพ้แน่นอน”
“โอเค” หวังเย้าตอบกลับไป
“ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“อืม” หวังเย้าพูด อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่า ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาดูน่ารังเกียจขึ้นมาเล็กน้อย
ด้านนอกคลินิก สีหน้าของกั๋วเจิ้งเหอเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที
“คุณครับ คุณคือ…” เมื่อได้ยินเสียงพูด เขาก็หันไปมอง และเห็นว่าเป็นเจิ้งเหว่ยจวินและเจิ้งชื่อฉงที่ออกมาเดินเล่นข้างนอก พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เห็นกั๋วเจิ้งเหอ
กั๋วเจิ้งเหอคืนสู่ความเจิ้ดจ้าดังเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขามักจะทำอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าใครก็ตาม การแสดงว่าเป็นคนกระตือรือร้นและมองโลกในแง่ดี สามารถทำให้เขาสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นได้ง่าย เขายิ้มและพยักหน้าให้คนทั้งสอง ก่อนที่จะขับรถออกไป
“ลุง ผมมองผิดไปรึเปล่าครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“ไม่หรอก นั่นเป็นสีหน้าที่สุดยอด บนใบหน้าของชายหนุ่มที่น่าขยะแขยงสุดๆยังไงล่ะ” เจิ้งชื่อฉงพูดกระทบกระเทียบ
“ผมหวังว่า สีหน้าแบบนั้นจะไม่ได้เป็นเพราะหมอหวังนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ลุงก็หวังว่าจะไม่ใช่ หรือไม่ก็…” เจิ้งชื่อฉงหรี่ตา “อ้อ ลุงได้ยินมาว่า หมอหวังได้พัฒนายาตัวใหม่ขึ้นมา แล้วมันก็ใช้ได้ผลกับคนที่เป็นโรคเส้นเลือดอุดตันด้วยล่ะ”
หลายวันมานี้ คนจำนวนมากเดินทางมารักษากับหวังเย้า ดังนั้น พวกเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
“ใช่ครับ มันได้ผลดี แล้วก็ยังแสดงผลได้ไวมากด้วย” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “เราจะทำยังไงกับเรื่องนี้เพื่อแสดงความขอบคุณของเราดีครับ?”
“เธออยากจะซื้อสูตรยาในราคาสูงเหรอ?” เจิ้งชื่อฉงถาม
“ผมก็สงสัยว่า หมอหวังจะคิดยังไงกับเรื่องนี้นะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“งั้นลุงจะลองหาเวลาไปคุยกับเขาดูก็แล้วกัน” เจิ้งชื่อฉงพูด
เขารู้ดีว่า หลานชายของเขานั้นเป็นคนที่มีความฉลาดอย่างมาก ถึงเขาจะอายุแค่ยี่สิบต้นๆ แต่ความสำเร็จในด้านธุรกิจของเขามีไม่น้อยเลย ความคิดเห็นของเขามีค่าอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของกลยุทธ์
เจิ้งเหว่ยจวินเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งทำให้แม้แต่เขาที่อายุ 40 กว่าแล้วยังชื่นชมเขาในเรื่องนี้ และมันก็ทำให้เขาได้รับการยอมรับของคนในตระกูล ตระกูลเจิ้งคือตระกูลร่ำรวยที่สร้างงานหลากหลายให้กับคนนับไม่ถ้วน
มีรุ่นเยาว์ในวัยเดียวกันกับเจิ้งเหว่ยจวินอยู่หลายคน แต่มีไม่กี่คนที่สามารถขึ้นรับช่วงต่อธุรกิจของตระกูลได้ และเจิ้งเหว่ยจวินก็คือหนึ่งในนั้น ขอแค่เขามีสุขภาพร่างกายที่ดี เขาก็จะมีส่วนในหุ้นจำนวนมากของตระกูลเจิ้งได้อย่างแน่นอน
ในตอนกลางคืน มีฝนตกลงมาปรอยๆ ท่วงทำนองที่เกิดจากน้ำฝนที่หยดลงมา ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับมันได้ ฝนในฤดูใบไม้ผลินั้นล้ำค่าเทียบเท่ากับน้ำมัน ไม่มีใครรังเกียจที่มันตกลงมาเลย
หวังเย้ายืนอยู่ท่ามกลางสายฝนบนยอดเขา เขารู้สึกได้สึกบางอย่างอย่างเงียบเชียบ เขารู้สึกได้ว่า ภูเขาที่อยู่ใต้เท้าเขากำลังสั่นไหว มันเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว
บูม! ภูเขากำลังเติบโตคล้ายกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
ภายในแปลงสมุนไพร ซานเซียนที่อยู่ภายในบ้านสุนัขได้ลุกขึ้นยืน
เช้าวันต่อมา ฝนยังคงตกลงมาไม่ยอมหยุด แม้จะมีอากาศเช่นนี้ แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากเดินทางมาที่คลินิก ด้านในคลินิกคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“หมแหวัง” ชายวัย 40 ไอออกมาอย่างรุนแรง เขามีหนวดเคราอยู่เต็มหน้าและมีฟันหน้าสีเหลืองขนาดใหญ่สองซี่ “ช่วงนี้ผมไอหนักมาก แล้วก็เจ็บหน้าอกด้วย”
“คุณมีอาการแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม
“เอ่อออ น่าจะเกือบเดือนแล้วล่ะ” หลังจากที่ลองคิดดูแล้ว ชายคนนั้นก็พูดออกมา
“แล้วคุณได้ไปหาหมอมารึยัง?” หวังเย้าถาม
“ยังครับ” ชายคนนั้นพูด
หลังจากได้ฟังคำตอบของเขาแล้ว หวังเย้าก็ตรวจอาการของชายคนนั้นอย่างละเอียด โดยเน้นไปที่ปอดของเขา
“คุณสูบบุหรี่ด้วยไหม?” หวังเย้าถาม
“ผมหยุดสูบมาได้สองเดือนแล้วครับ” ชายคนนั้นพูด
“คุณควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ดูนะครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” ชายคนนั้นตกใจ “ทำไมล่ะครับ?”
“ผมรักษาไม่ได้” หวังเย้าพูด
คนไข้มีเนื้องอกที่ปอด และมีโอกาสเป็นเนื้อร้ายสูงมาก ซึ่งเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในแบบที่เสียสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องของการสูบบุหรี่
“มัน?” ชายคนนั้นถาม “หมอหวัง มันเป็นโรคที่รักษาได้ยากเหรอ?”
“คุณควรไปตรวจที่โรงพยาบาลจะดีกว่านะครับ” หวังเย้าพูด
ชายคนนั้นจากไปด้วยศีรษะที่ก้มต่ำและสีหน้ามืดมน
การรักษาไม่สามารถรอช้าได้ เขาคงจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในร่างกายของตัวเองอยู่แล้ว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มันก็จะพัฒนาจนกลายเป็นโรคร้ายที่ยากต่อการรักษาและอาจจะไปถึงขั้นระยะสุดท้ายได้เลย
“หมอ ผมปวดหัว” คนไข้คนต่อมาพูด
การรักษาคนไข้รายต่อๆมาไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา หวังเย้าให้การรักษาพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
ในช่วงกลางวัน จงหลิวชวน ซึ่งก็คือชายที่มีรอยแผลยาวจากมุมปากไปจนถึงใบหูคนนั้น เขาได้พาน้องสาวมาที่คลินิก เธอเป็นเด็กสาวร่างกายผอมแห้งและมีผิวพรรณซีดเซียว เธอดูราวกับถั่วงอกต้นหนึ่ง ในตัวเธอไม่มีพละกำลังหรือพลังชีวิตอยู่เลย แม้แต่ในแววตาหรือเส้นผมของเธอก็ไม่มี
“สวัสดีครับ หมอหวัง ขอโทษที่ต้องมารบกวน นี่คือน้องสาวของผมเอง” จงหลิวชวนพูด
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ” เด็กสาวเอ่ยปากทักทายด้วยท่าทีเขินอายและน้ำเสียงที่เบามาก
“สวัสดีครับ นั่งก่อนสิ” เมื่อเด็กสาวนั่งลงแล้ว หวังเย้าก็ตรวจดูอาการของเธออย่างละเอียด “ผมสามารถรักษาโรคได้ แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก แล้วในระหว่างการรักษา คุณควรจะหาที่อยู่ใกล้กับที่นี่เพื่อให้สะดวกเวลาเดินทางนะครับ”
เมื่อได้ยินว่า หวังเย้าสามารถรักษาเธอได้ จงหลินชวนก็มีความสุขอย่างมาก จะให้เขามาอยู่ที่หมู่บ้านเป็นครึ่งปีก็ยังได้
หลังจากที่พวกเขากลับไปกันแล้ว หวังเย้าก็บันทึกรายละเอียดอาการของเด็กสาวเอาไว้ทั้งหมด มันเป็นอาการของการทำงานตับที่ล้มเหลว มีไม่ถึง 10 % ของตับที่สามารถทำงานได้
ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นก็เนื่องมาจากพิษที่สะสมมาเป็นเวลานานและระบบการย่อยที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมันคือปฏิกิริยาลูกโซ่ อวัยวะสำคัญทั้งห้าก็เปรียบเสมือนธาตุทั้งห้า ที่คอยเป็นส่วนเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เมื่อหนึ่งในนั้นเกิดปัญหา มันก็จะส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะที่เหลือด้วย
ในสายตาของหวังเย้า โรคของเธอรักษาง่ายกว่าเจิ้งเหว่ยจวินมาก เขาทั้งต้องล้างพิษ, เสริมความแข็งแรงของร่างกาย, และฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะภายในทั้งหมด
“พี่คะ หมู่บ้านนี้เงียบมากเลยนะคะ” เด็กสาวพูดออกมาในขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงคัง
เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลที่มีคนไข้เข้าๆออกๆอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจงหลิวชวนจะใช้จ่ายเงินและให้เธอได้รักษาอยู่ภายในห้องพักพิเศษ แต่เธอก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะเธอไม่สามารถสงบใจลงได้ และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เธอไม่ชอบกลิ่นยา
“มันเงียบมาก แล้วอีกไม่นานน้องก็จะหายดี” จงหลิวชวนพูด
ญาติเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ก็คือน้องสาวของเขา สาเหตุที่ทำไมเขาต้องทำงานหนัก และถึงขั้นทำงานผิดกฏหมายก็เพื่อให้น้องสาวของเขาได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
“ค่ะ” เธอพูดก่อนที่จะผล่อยหลับไป
เช้าวันต่อมา จงหลิวชวนและน้องสาวก็พากันไปที่คลินิกแต่เช้า หวังเย้าเริ่มให้การรักษาเด็กสาว มันจำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรสองชนิดด้วยกันก็คือ ยาแก้พิษและซุปเป่ยหยวน
หลังจากดื่มยาไปได้สามสิบนาที เขาก็เริ่มฝังเข็มเพื่อกระตุ้นร่างกายและการไหลเวียนของโลหิตเพื่อให้การดูดซึมยาดีขึ้น
“ให้กินยาสามครั้งต่อวัน และมาฝังเข็มทุกๆสองวันนะครับ” หวังเย้าพูด
ที่ปักกิ่งไกลออกไปหลายพันไมล์
“ฉันรักษาไม่ได้” หมอเฉินพูด
“ช่วยตรวจดูเขาอีกสักครั้งได้ไหมครับ?” ชายคนหนึ่งพูด
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำ แต่ฉันทำไม่ได้” หมอเฉินพูด “ฉันรู้จักอยู่คนหนึ่ง ที่คุณอาจจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้”
“ใครเหรอครับ?” ชายคนนั้นถาม
“หวังเย้า” หมอเฉินพูด
“เขาอยู่โรงพยาบาลไหนในปักกิ่งครับ?” เขาถาม
“เขาไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง แต่เป็นที่จังหวัดฉี” หมอเฉินพูด
“จังหวัดฉี?” เขาพูด
“เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัดนั้น” หมอเฉินพูด
“ใช่หมอหวังที่รักษาเจ้าหญิงซูรึเปล่าครับ?” เขาถาม
“ถูกแล้ว” หมอเฉินพูด
“ผมได้ยินมาว่า มันยากมากที่จะขอให้เขาออกมาจากหมู่บ้าน” ชายคนนั้นพูด
“มันไม่ง่ายเลยที่จะให้เขามา แต่คุณก็ไปหาเขาได้นี่ แบบนั้นมันง่ายกว่ามาก” หมอเฉินพูด
“ไปที่นั่นเหรอ? แต่ร่างกายของพ่อผม…” ชายคนนั้นไม่มั่นใจที่จะเดินไปทางที่หมู่บ้าน
“เขาทนไหว” หมอเฉินพูด
“ดี ผมจะไปบอกเรื่องนี้กับพ่อ ขอบคุณครับ” ชายคนนั้นพูด แล้วก็จากไป
หมอเฉินส่ายหน้าและคิดในใจ คนพวกนี้เคยชินกับการยืนอยู่เหนือคนอื่น พวกเขาคิดว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามความต้องการของพวกเขา และทุกคนก็ต้องรองรับความต้องการของพวกเขาด้วย