Elixir Supplier - ตอนที่ 660
660 พบปะ
พันจวินเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล “ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่าเขาจดสิทธิบัตรไปเรียบร้อยแล้ว”
“ผมเข้าใจแล้ว มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด “ช่วงนี้งานคุณยุ่งรึเปล่า?”
“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ” พันจวินพูด
“คุณอายุยังน้อย ตั้งใจทำงานต่อไปนะ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด
“มีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?” พันจวินถาม
“ไม่มีแล้วล่ะ ไว้ค่อยคุยกันคราวหน้านะ” ผู้อำนวยการพูด
หลังพันจวินออกไปจากห้อง สีหน้าของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหลียงก็กลายเป็นไม่น่าดูในทันที
“เขาจดสิทธิบัตรแล้วงั้นเหรอ รวดเร็วจริงๆเลยนะ!” เขามองไปที่ประตู “ฉันสงสัยจริงๆ ว่าที่หมอพันพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
ในหมู่บ้าน มีหลายคนที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนพื้นที่รูปตัวยูที่อยู่ตรงตีนเขาหนานชาน
“ว้าว! ใครเอาต้นไม้มาปลูกที่นี่เยอะแยะเลย?” คนที่เห็นต้นไม้หลายร้อยต้นที่หวังเย้าปลูกไว้พูดขึ้นมา
“เสี่ยวเย้าเป็นคนปลูกทั้งหมดนี่เลยเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม “เมื่อสองสามวันก่อน ฉันก็ว่ามีรถขนต้นไม้เข้ามาในหมู่บ้านด้วยล่ะ”
“ทำไมเขาต้องเอาต้นไม้มาปลูกที่นี่เยอะขนาดนี้ด้วยล่ะ? แล้วที่ตรงนี้เป็นของเขาด้วยเหรอ?” หญิงชาวบ้านถาม
“เหมือนจะใช่นะ” ชายวัยกลางคนพูด “เธอไม่เห็นประกาศของกรรมการหมู่บ้านเหรอ?”
“หา? เขาทำสัญญาเพิ่มเหรอ?” ชายชราคนหนึ่งถาม
“ใช่ แต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วนี่ ถ้าไม่มีคนดูแล ที่ตรงนี้ก็จะถูกทิ้งให้เสียเปล่าไป” ชายวัยกลางคนพูด เจามีความประทับใจที่ดีต่อหวังเย้า ดังนั้น เขาจึงพูดเข้าข้างเขา
“แล้วทำไมเขาถึงต้องปลูกต้นไม้เยอะขนาดนี้ด้วยล่ะ?” หญิงชาวบ้านถาม
“เขาอาจจะทำกำไรจากต้นไม้พวกนี้ก็ได้?” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูด
“ดูต้นไม้พวกนั้นดีดีซะก่อนสิ มีแต่ต้นยูคา แล้วนั้นก็ต้นเอล์ม” หญิงชาวบ้านพูด “คิดว่า เขาจะเอาต้นไม้พวกนั้นไปทำกำไรได้ด้วยเหรอ?”
“จะไปสนใจเรื่องนั้นทำไมกันล่ะ?” ชายวัยกลางคนพูด
“ใช่ มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ฉันไปละ” หญิงชาวบ้านพูด
มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“ที่นี่มีคนขึ้นมาน้อยลงไปทุกที อีกหน่อย ก็คงจะเหลือแค่คนแก่ๆอย่างฉันเท่านั้น” ชายชราคนหนึ่งพูด
“ใช่ คนหนุ่มสาวคงไม่มีใครมาอยู่ที่นี่หรอก” ชายวัยกลางคนพูด “แต่ก็มีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น”
“เสี่ยวเย้าน่ะเหรอ?” ชายชราถาม “เขาเป็นคนที่แปลกจริงๆ”
ชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนคิดว่า หวังเย้าเป็นคนประหลาด พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกมาอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้ ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็เป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ฉันล่ะไม่เข้าใจคนหนุ่มสาวสมัยนี้เลยจริงๆ” ชายชราพูด
หวังเย้าผู้ที่ถูกชาวบ้านมองว่าเป็นคนประหลาดนั้น ก็กำลังตรวจคนไข้อยู่ภายในคลินิกของเขาเอง และในตอนเที่ยงก็มีแขกที่คาดไม่ถึงเดินทางมาหาเขา
พวกเขาก็คือ เทียนหยวนถูและเว่ยห่าย
“ทำไมถึงมาที่นี่กันได้ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันไม่ได้เจอนายนานมากแล้วนะ ฉันก็เลยมาที่นี่เพราะคิดถึงนายยังไงล่ะ” เว่ยห่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “โอ้โห นายมีคนไข้เยอะเลยนะ”
“ครับ” หวังเย้าพูด “แล้วกินข้าวกันมารึยัง?”
“ยังเลย” เว่ยห่ายพูด
“ผมเลี้ยงเอง” หวังเย้าพูด
พวกเขาไปที่ร้านอาหารร้านเดิม ทั้งสามสั่งอาหารมาหลายจาน พร้อมทั้งสั่งไวน์มาดื่มด้วยอีกหนึ่งขวด
“นี่ขับรถมาที่นี่กันเองรึเปล่า?” หวังเย้าถาม
“เปล่าหรอก เราสั่งให้คนขับมารับเราหลังจากนี้แล้วล่ะ” เว่ยห่ายพูด
ทั้งเว่ยห่ายและเทียนหยวนถูต่างก็เป็นนักธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น พวกเขาจึงมีคนขับรถที่สามารถเรียกตัวได้ทุกเวลาอยู่
“เป็นคนรวยนี่มันดีจังเลยนะ” หวังเย้าพูดหยอก
ทั้งสามทานอาหารและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ
“ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามพวกพี่อยู่พอดีเลย” หวังเย้าบอกเรื่องข้อเสนอของเจิ้งเหว่ยจวินให้เว่ยห่ายและเทียนหยวนถูฟัง
“บริษัทยาเหรอ?” เว่ยห่ายพูด
“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องดีนะ บริษัทยาทำกำไรได้ดีมาก แล้วยังได้ความช่วยเหลือจากตระกูลเจิ้งอีก แบบนี้เรื่องก็ง่ายขึ้นเยอะเลยล่ะ” เทียนหยวนถูพูด
“ฉันรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่ที่นายรู้จักมีแต่พวกตระกูลใหญ่ทั้งนั้นเลยนะ” เว่ยห่ายพูดในขณะที่เขาตักอาหารเข้าปาก
ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พวกเขาจึงไม่คิดว่า คนอย่างเจิ้งเหว่ยจวินจะมารับการรักษาจากหวังเย้าได้ แล้วก็ดูเหมือนว่า เขาจะพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังเย้าอีกด้วย
“ซุนหยุนเชิงเป็นคนแนะนำผมให้พวกเขาได้รู้จัก ผมเดาว่า ตระกูลซุนคงจะเคยทำธุรกิจบางอย่างกับตระกูลเจิ้งมาก่อน” หวังเย้าพูด
“ใช่แล้วล่ะ แล้วพวกเขาทั้งก็อยู่ในระดับเดียวกันด้วย” เทียนหยวนถูพูด “ซุนเจิ้งหรงมีฐานธุรกิจอยู่ทางเหนือของแม่น้ำแยงซี ส่วนเจิ้งเหว่ยจวินและตระกูลของเขามีฐานธุรกิจอยู่ทางใต้ของแม่น้ำ แล้วหนึ่งในญาติของเจิ้งเหว่ยจวินยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลด้วย เขาถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในธุรกิจของตระกูลมาก แต่ซุนเจิ้งหรงไม่ได้มีข้อได้เปรียบเดียวกันนี้ นายก็ลองคิดเรื่องนี้ให้ดีดีก่อนก็แล้วกันนะ”
“ใช่แล้วล่ะ” เว่ยห่ายเห็นด้วย
“จริงๆ ผมสนใจข้อเสนอนี้มากเลยนะ” หวังเย้าพูด
เขามีความรู้เรื่องสมุนไพรและยาอยู่อย่างมากมายมหาศาล ถ้าหากเขานำมันไปใช้รักษาคนไข้เพียงอย่างเดียว มันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แล้วเขาก็ยังได้รับภารกิจในการสร้างชื่อแลกู้ชื่อเสียงของแพทย์ปรุงยากลับคืนมาด้วย ดังนั้น การก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมาก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการทำภารกิจให้สำเร็จ
“เราจะคอยสนับสนุนนายตลอดนะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย” เว่ยห่ายพูด
“ใช่แล้วล่ะ มันจะดีกว่านี้อีก ถ้าเราได้ลงทุนในบริษัทของนายด้วย” เทียนหยวนถูพูดหยอก
“แล้วฉันก็อยากจะแนะนำอะไรสักอย่าง นายควรจะต้องเป็นคนที่มีสิทธิขาดทั้งหมดในบริษัท ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ นายก็จะเป็นแค่เครื่องผลิตเงินให้กับพวกเขาเท่านั้นแหละ” เว่ยห่ายพูด
“ได้ ผมจะคิดเรื่องนี้ดู” หวังเย้าพูด
“ดี เรามาชนแก้วกันเถอะ” เว่ยห่ายพูด
“ได้เลย” หวังเย้าพูด
“ขอให้มิตรภาพของเรายั้งยืนตลอดกาล” เว่ยห่ายพูด
พวกเขาทั้งสามกินอาหารเที่ยงยาวไปจนถึงบ่ายสองโมง เว่ยห่ายและเทียนหยวนถูต่างก็อยู่ในอารมณ์ที่ดี พวกเขาจึงดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้ว คนขับของพวกเขาได้มารออยู่แล้ว แต่พวกเขาต่างก็รออยู่ด้านนอก ดังนั้น ทั้งสองจึงดื่มมากกว่าปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขับรถ
“ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ คราวหน้า ถ้านายมาห่ายชิวฉันขอเป็นเจ้าภาพเองนะ” เว่ยห่ายพูด
“ได้เลย” หวังเย้าพูด
“ถ้านายมาห่ายชิวเมื่อไหร่ ต้องโทรบอกฉันนะ” เว่ยห่ายพูด
หวังเย้ายืนมองส่งพวกเขาอยู่ที่ข้างถนน ต้นไม้ที่อยู่สองข้างทางส่ายไปมาด้วยแรงลม
มันเป็นเรื่องดีที่ได้พบเจอกับเพื่อนฝูง พวกเขาพูดคุยกันและดื่มไวน์ด้วยกัน พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องสลักสำคัญอะไร มันเป็นเพียงบทสนทนาทั่วๆไปที่เพื่อนส่วนใหญ่คุยกันเท่านั้น
เพื่อนแท้ก็เหมือนสายน้ำ ในบางความสัมพันธ์ แม้ว่าจะดูเหมือนกับไวน์ชั้นดี แต่กลับไม่ใช่มิตรแท้
หมู่บ้านหลี่ที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไป ก่อนหน้านี้ มีคนในเหลียนชานไม่มากที่รู้จักสถานที่แห่งนี้ เพราะมันอยู่ห่างไกลและไม่มีสิ่งที่น่าสนใจสักอย่าง ซึ่งต่างจากสถานที่อื่นที่มีอาหารอร่อยๆของท้องถิ่นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ในอดีต หมู่บ้านหลี่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย แต่ในเวลานี้ ผู้คนในเหลียนชานล้วนแล้วแต่รู้จักที่นี่ ซึ่งก็ต้องขอบคุณน้ำพุร้อนนั่นเอง
บริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจรีสอร์ทในหมู่บ้านได้ใช้ความพยายามในการโฆษณาสถานที่แห่งนี้อย่างมาก พวกเขาเป็นนักลงทุนที่มาจากทางใต้ และได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในน้ำพุร้อนเอาไว้มากมาย มันจึงกลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงวันหยุด
ชาวเมืองเหลียนชานเคยเห็นน้ำพุร้อนแค่จากในทีวีเท่านั้น แต่ในตอนนี้ พวกเขามีโอกาสได้ลองแช่น้ำพุร้อนในเขตของตัวเองแล้ว และพวกเขาต่างก็เดินทางไปเยี่ยมเยือนที่นั่นก็เพราะความสนใจใคร่รู้ของพวกเขาเอง
“โอ้โห ได้แช่ในน้ำร้อนแบบนี้ มันรู้สึกสบายมากเลยนะ” นักท่องเที่ยวคนหนึ่งพูด
เขาและเพื่อนเดินทางมาที่รีสอร์ทแห่งนี้เพื่อมาลองแช่น้ำพุร้อน ซึ่งมีอุณภูมิที่สูงเล็กน้อย
“ใช่แล้วล่ะ” เพื่อนๆของเขาพูด
“ฉันว่า พวกเขาน่าจะสร้างบ้านเอาไว้ที่นี่ด้วยนะ คงมีคนสนใจเข้ามาซื้อเยอะเลยล่ะ” ชายคนแรกพูด
“ฉันเห็นด้วยนะ” เพื่อนของเขาพูด
“พวกนายพูดจริงเหรอ?” เพื่อนอีกคนถาม “ฉันได้ยินมาว่า ที่นี่เคยมีแมลงพิษอยู่ด้วย และก็ยังมีคนตายเพราะแมลงพิษไปสองคนแล้ว”
“อะไรนะ? เรื่องจริงเหรอ?” ชายคนแรกถาม “เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง แมลงที่ไหนจะมาฆ่าคนได้กัน?”
“นั่นน่ะสิ” เพื่อของเขาพูด
ภายในบ้านหลังหนึ่งที่หมู่บ้านหลี่ ชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงนอน ดวงตาของเขาปิดสนิท ใบหน้าของเขามีสีเขียวคล้ำ
“เป็นอะไรไปน่ะ?” ภรรยาของเขาถาม “ออกไปข้างนอกเมื่อกี้ก็ยังดีดีอยู่เลยนี่นา”
“ฉันโดนแมลงกัดเข้าตอนอยู่บนเขาน่ะสิ” เขาพูด
“แมลงอะไรเหรอ?” ภรรยาของเขาถาม
“มันไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้นะ รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเร็วเข้า” แม่ของเขาพูด
“ใช่ๆๆ ฉันจะพาเขาไปโรงพยาบาล” ภรรยาของเขาพูด
รถคันหนึ่งขับออกไปจากหมู่บ้านหลี่ด้วยความเร่งรีบ ภรรยาของชายที่โดนแมลงกัดพาเขาไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเหลียนชาน
“หมอคะ ช่วยตรวจเขาทีได้ไหมคะ?” ภรรยาของพูดออกมาด้วยความกังวล
“หืม?” แพทย์ที่เข้าเวรอยู่เดินตรงเข้าไปหาทันทีที่เขาเห็นสภาพของคนไข้
“เขาเป็นอะไรมาเหรอ?” แพทย์ถาม
“ฉันคิดว่า เขาถูกพิษค่ะ” ภรรยาของคนไข้พูด
“พิษอะไรครับ? แล้วเขาทานอะไรมาก่อนหน้านี้?” แพทย์ถาม
“ไม่ได้มาจากของกินหรอกค่ะ แต่เขาโดนกัดตอนอยู่บนเขา” ภรรยาของเขาพูด
“โดนงูกัดมาเหรอครับ?” ทางเหนือของประเทศมีงูพิษอยู่แค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ในเขตเหลียนชาน ไม่มีคนโดนงูพิษกัดมานานเป็นสิบๆปีแล้ว แล้วมันก็ไม่มีงูพิษอยู่ในเขตเหลียนชานด้วย
“ไม่ใช่งูค่ะ เขาโดนแมลงกัดมา” ภรรยาของเขาพูด
“แมลงแบบไหนเหรอครับ มันถึงมีพิษรุนแรงขนาดนี้ได้?” แพทย์ที่กำลังตรวจอาการคนไข้อยู่ถามขึ้นมา
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ภรรยาคนไข้พูด
“แมลงงั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา หมออีกคนก็เดินเข้ามา ซึ่งเขาก็คือพันจวินนั่นเอง
“สวัสดีครับ หมอพัน” แพทย์เวรพูด
“ผมขอตรวจดูหน่อยนะ” พันจวินรีบเข้าไปตรวจดูอาการของคนไข้
อัตราการเต้นของหัวใจเร็วมาก และความดันโลหิตของเขาก็สูงด้วยเช่นกัน เขาหายใจติดขัดและไม่ได้สติ
“คุณเป็นคนที่ไหนเหรอครับ?” พันจวินถาม
“หมู่บ้านหลี่ค่ะ” ภรรยาของคนไข้พูด
“หมู่บ้านหลี่อย่างนั้นเหรอ?” พันจวินพูด
มันเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงจากการที่มีน้ำพุร้อนตั้งอยู่ และหลายๆคนก็รู้เรื่องนี้กันดี พันจวินยังรู้ด้วยว่า หมู่บ้านหลี่นั้นอยู่ใกล้กับหมู่บ้านของหวังเย้า ซึ่งเคยถูกกักกันเพราะโรคระบาดจากแมลงพิษไปเมื่อไม่นานมานี้
คนไข้รายนี้จะเกี่ยวกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ด้วยรึเปล่านะ? พันจวินสงสัย
“หมอพัน เราควรจะทำยังไงกันดีครับ?” แพทย์เวรถาม
“ส่งเขาไปตรวจเลือด แล้วก็รีบๆด้วยนะ เตรียมเครื่องช่วยหายใจให้พร้อมด้วย” พันจวินสั่ง
“ครับ” แพทย์เวรพูด
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต่างปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับหมอหวัง พันจวินโทรไปหาหวังเย้า
“มีคนจากหมู่บ้านหลี่ถูกพิษเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ ภรรยาของคนไข้บอกว่าเขาถูกแมลงกัดมา” พันจวินพูด
“เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด
“อาจารย์พอจะมีวิธีการรักษาดีดีบ้างไหม?” พันจวินถาม
“ผมเดาว่า ที่โรงพยาบาลคงจะไม่มียารักษาที่มีประสิทธิภาพสินะครับ แต่ผมมียาที่รักษาได้ผลอยู่” หวังเย้าพูด
“จริงเหรอ?” พันจวินถาม
แต่ตอนนี้คนไข้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มันคงไม่เหมาะ หากจะพาพวกเขาไปรักษาที่คลินิกของหวังเย้าในเวลานี้
“ผมให้พี่เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ได้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“โอเค” พันจวินพูด
ทันทีที่ผลตรวจออกมา คนไข้ก็ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
“สวัสดี หมอซวี คนไข้ที่โดนแมลงกัดตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง?” พันจวินถาม
“อาการของเขาเข้าขั้นวิกฤตเลยล่ะ แล้วก็มีโอกาสที่หัวใจจะล้มเหลวด้วย” หมอซวีพูด
“แล้วจะช่วยให้อาการของเขาดีขึ้นได้ไหม?” พันจวินถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจ” หมอซวีพูด “อาการของคนไข้ตอนนี้ไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย พวกเขาบอกว่า เขาถูกพิษมา แล้วผมยังพบรอยกัดเล็กๆบนร่างกายของเขาด้วย และอาการของเขาก็เป็นอาการของคนที่ถูกพิษ พูดตามตรงนะ ไม่ใช่ว่าเขาควรจะถูกส่งตัวไปที่แผนกผู้ป่วยอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงถูกตัวมาที่นี่แทนล่ะ?”
“ผมคงตอบเรื่องนี้ไม่ได้” พันจวินพูดแล้วก็เดินจากไป
พูดเป็นเล่นไป จะให้ส่งเขาไปที่แผนกผู้ป่วยอุบัติเหตุเนี่ยนะ? หมอแผนกนั้นไม่เห็นจะทำอะไรได้สักอย่าง! พันจวินคิด
“นี่ อย่าเพิ่งไปสิ!” หมอซวีตะโกน
ภายในห้องคนไข้ คนไข้ได้สติกลับมาแล้ว
“เป็นยังไงบ้าง?” ภรรยาของเขาถามด้วยความกังวล
“หา…หา…” เขาเรียกชื่อคนในบ้านก่อนที่จะหมดสติไป
“เป็นอะไรน่ะ?” ภรรยาของเขาถาม
“เขาพูดว่าอะไรบ้างคะ?” พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลถาม
“เขาบอกว่าอยากเจอเหมาหมิงค่ะ” ภรรยาของคนไข้พูด
“แล้วเหมาหมิงเป็นใครเหรอคะ?” พยาบาลถาม
“ฉันเพิ่งจะนึกออกตอนนี้นี่เอง ลูกชายของเหมาหมิงก็โดนแมลงกัดเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว” ภรรยาของคนไข้พูด
“แล้วเขาไปรักษาที่ไหนเหรอคะ?” พยาบาลถาม
“ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” ภรรยาคนไข้พูด
แล้วเธอก็รีบโทรหาคนที่บ้านเพื่อถามเรื่องลูกชายของเหมาหมิง