Elixir Supplier - ตอนที่ 682
682 ถูกวางยา
“มานี่!” จงหลิวชวนแบกร่างของหัวขโมยด้วยมือข้างเดียวและเดินไปที่บ้านเปล่าหลังหนึ่ง เขาทำราวกับกำลังหิ้วหนูตัวหนึ่งและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ใช่แค่อยู่เป็นเพื่อนน้องสาวของเขาในตอนที่เข้ารับการรักษาเท่านั้น แต่เขายังมักจะเดินไปรอบๆหมู่บ้าน เพื่อทำความคุ้นเคยกับสิ่งรอบข้างอีกด้วย
จงหลิวชวนรู้จำนวนของชาวบ้านว่ามีทั้งหมดกี่คน, มีสุนัขที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้กี่ตัว, บ้านหลังไหนที่ไม่มีคนอยู่, ถนนหนทาง, และทางเข้าออกเนินเขาโดยรอบ เขายังไปทำความคุ้นเคยกับหมู่บ้านที่อยู่รอบๆด้วย
เขาพาตัวหัวขโมยไปที่บ้านว่างหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ไกลจากกึ่งกลางของหมู่บ้านมาก ตัวบ้านอยู่ระหว่างทางไปเนินเขาตงชานและไม่มีคนอาศัยมานานแล้ว
จงหลิวชวนโยนชายคนนั้นลงไปที่พื้น
แคร๊ก! แคร๊ก! ไหล่และกรามที่หลุดของชายคนนั้นถูกย้ายกลับเข้าที่เดิม
จงหลิวชวนเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เขาต้องเคยทำมาแล้วเป็นพันๆครั้ง
“เอาล่ะ ตอนนี้บอกฉันมาได้แล้วว่าแกมาทำอะไรที่นี่” เขาพูด
ชายที่ร่างกายเปลือยเปล่าไปเกือบครึ่งตัวสั่นงันงก เขาไม่คิดว่าจะต้องมาถูกจับก่อนที่จะทันได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อน
“ฉันก็แค่อยากจะมาขโมยเงินกับสมุนไพรก็แค่นั้น ถ้าฉันโชคดีพอ ฉันก็คิดจะจับสัตย์เลี้ยงของคนที่นี่ติดมือไปด้วย” เขาพูด
“แล้วนี่อะไร?” จงหลิวชวนถาม
“มันก็แค่ยาสลบเท่านั้นเอง” ชายคนนั้นพูด
“จริงเหรอ?” จงหลิวชวนมองดูผงแป้งที่อยู่ภายในถุงพลาสติกเล็กๆ “ถ้าเป็นยาสลบ ก็คงจะไม่ทำให้ใครเจ็บตัวได้อยู่แล้วสินะ”
“ก็น่าจะใช่ เดี๋ยว! นายจะทำอะไรฉันน่ะ?” ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความกลัว
“กินซะสิ ฉันอยากจะรู้ว่ายาสลบมันจะได้ผลจริงไหม เพราะฉันไม่เชื่อว่าที่แกพูดจะเป็นเรื่องจริง” จงหลิวชวนพูด
“ก็ได้! ฉันจะบอกความจริงก็ได้ มันไม่ใช่ยาสลบ แต่มันคือยาพิษ” ชายคนนั้นพูด เขาเกือบจะฉี่ราดกางเกงตัวเองอยู่รอมร่อแล้ว
“มันคือพิษอะไร?” จงหลิวชวนถาม
“ฉัน…ฉันไม่รู้” ชายคนนั้นพูด
“จริงเหรอ?” จงหลิวชวนบังคับให้ชายคนนั้นอ้าปากและทำท่าเหมือนจะกรอกยาใส่ปากของเขา
“ฉันไม่รู้! ฉันไม่รู้ว่ามันคือยาอะไรจริงๆ!” ชายคนนั้นพยายามดิ้นรน แต่ก็พบว่า ตัวเขาไม่สามารถสู้แรงของจงหลิวชวนได้เลย
“บอกความจริงกับฉันมา” จงหลิวชวนพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ฉันบอกความจริงไปแล้ว มีคนจ่ายเงินให้ฉันเอายาพิษผสมเข้าไปในสมุนไพรของคลินิกนี้ ฉันสาบานได้ ว่าเรื่องที่ฉันบอกเป็นความจริง” ชายคนนั้นพูด
เกิดเสียงครืนครันดังมาจากด้านนอก พายุฝนกำลังเคลื่อนตัวมา
“หืม ขนาดเทพเจ้าก็ยังไม่เชื่อแกเลย” จงหลิวชวนพูดเสียงเย็น
“ฉันไม่ได้โกหกนะ! ฉันบอกความจริงเชื่อฉันเถอะ!” ชายคนนั้นร่ำร้อง
“ใครเป็นคนสั่งให้แกทำเรื่องนี้?” จงหลิวชวนถาม
“ฉันไม่รู้” ชายคนนั้นพูด
“อะไรนะ?” จงหลิวชานถาม
“ฉันไม่รู้ เขาจะติดต่อฉันผ่านทางโทรศัพท์ แล้วก็จ่ายเงินผ่านทางมือถือตลอด” ชายคนนั้นพูด
“แล้วเขาหาแกเจอได้ยังไง?” จงหลิวชวนถาม
“ฉันก็ไม่รู้” ชายคนนั้นตอบ
“ฉันรู้สึกว่า แกจะไม่ได้พูดความจริงกับฉันเลยนะ งั้นฉันจะให้เวลาแกหนึ่งคืนเพื่อคิดทบทวนให้ดีว่าแกควรจะบอกฉันว่าอะไรบ้าง” จงหลิวชวนพูด
เขาหยิบยาเม็ดเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเม็ดหนึ่ง และบังคับให้ชายคนนั้นกลืนลงไป
“เอาอะไรให้ฉันกินน่ะ?” ชายคนนั้นมองไปที่จงหลิวชวนด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ นี่เป็นยาชนิดพิเศษ ถ้าแกได้กินยาแก้พิษภายในแปดชั่วโมง แกก็จะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าไม่ แกก็จะเจ็บปวดทรมานมากเลยล่ะ” จงหลิวชวนพูด
เขามัดชายคนนั้นและอุดปากเขาเอาไว้ เขานำเสื้อผ้าของชายคนนั้นไปและจัดการล็อคประตู
“อื้อๆๆ!” ชายคนนั้นพยายามดิ้นรน แต่มันก็ไม่ได้ผล
เขาพยายามจะแก้มัดให้ตัวเอง แต่จงหลิวชวนได้มัดเงื่อนตายเอาไว้ ไม่นาน เขาก็ค่อยๆหมดแรงลงและเจ็บข้อมือทั้งสองข้าง
เขาเริ่มมองไปรอบๆ ตัวบ้านมีสภาพทรุดโทรม กรอบหน้าต่างที่ทำจากไม้ได้รับความเสียหาย ดังนั้น มันจึงไม่สามารถกันลมได้ ถึงจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายนแล้ว และในเวลากลางคืนก็ยังมีอากาศเย็นและลมพัดแรงอยู่ เขาตัวสั่นเทาด้วยความหนาว เขาสามารถมองเห็นต้นไม้ส่ายไปส่ายมาด้วยแรงลมอยู่นอกหน้าต่างและตรงหน้าเนินเขา
หวังว่ามันจะไม่ใช่บ้านผีสิงหรอกนะ เขาคิด เชี่ยเอ้ย! ฉันไม่น่ารับเงินมาเลย
เขาเสียใจที่เลือกมาหมู่บ้านนี้ ถ้ามียาที่ช่วยไม่ให้ต้องเสียใจทีหลังได้ เขาจะขอสักสองขวด
คืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว เขาเผลอหลับไปครู่หนึ่ง แต่แล้วอยู่ๆก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาหันไปมองด้านนอก มันยังคงมืดสนิทอยู่
ทำไมถึงยังมืดอยู่ล่ะ?
เขาหยับตัวไปทางกำแพงและใช้หลังพิงกำแพงที่เย็นเฉียบ เขาผล็อยหลับไปอีกครั้ง และสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับไปได้ไม่นาน มันยังมืดอยู่
ทำไมเวลาถึงผ่านไปช้าแบบนี้? นี่เป็นค่ำคืนที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา
ในที่สุด ฟ้าก็เริ่มสาง
หวังเย้าลงมาจากเนินเขาหนาชานและเลือกเดินไปที่คลินิก
ระหว่างทาง เขาได้เจอเข้ากับจงหลิวชวน ดูเหมือนว่า จงหลิวชวนจะกำลังรอเขาอยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอหวัง” จงหลิวชวนพูด
“อรุณสวัสดิ์ครับ” หวังเย้าพูด
จงหลิวชวนได้เล่าเรื่องที่เขาจับชายคนหนึ่งได้เมื่อคืนให้หวังเย้าฟัง
หวังเย้าขมวดคิ้ว “งั้นเราไปดูเขากันเถอะครับ”
ทั้งสองเดินไปที่บ้านร้างหลังหนึ่งเพื่อไปเจอกับชายที่ถูกจงหลิวชวนจับเอาไว้ได้ ชายคนนั้นตัวสั่นด้วยความหนาว
“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นคนจ้าง!” ชายคนนั้นร้องไห้
หวังเย้าจ้องหน้าชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปกดที่หน้าท้องของชายคนนั้น ครู่ต่อมา ชายคนนั้นก็เริ่มรู้สึกเจ็บที่ท้องของเขา คล้ายกับว่า มีหนูกำลังกระโดดโลดเต้นและฉีกทึ้งภายในร่างกายของเขาอยู่
เขาเจ็บปวดอย่างมากจนต้องกรีดร้องออกมา “อ้าก!”
แกร๊ก! จงหลิวชวนเคลื่อนกรามของเขาให้หลุดออกจากกันอีกครั้ง
ชายคนนั้นนอนตัวสั่นอยู่ที่พื้น เพราะเขาถูกมัดอยู่ เขาจึงไม่สามารถกลิ้งไปมาได้
ไม่กี่นาทีต่อมา หวังเย้าก็กดไปที่หน้าท้องของเขาอีกครั้ง แล้วความเจ็บปวดก็ค่อยๆจางหายไป
“ตอนนี้ พอจะบอกได้รึยังว่าใครเป็นคนสั่งให้นายมาที่นี่?” หวังเย้าถาม
“ฉันไม่รู้จริงๆ! สาบานได้!” ชายคนนั้นเหงื่อแตกพลั่ก
“ผมว่า เขาน่าจะพูดเรื่องจริงนะครับ เราปล่อยให้ตำรวจเอาตัวเขาไปดีกว่า” หวังเย้าโทรเรียกตำรวจ
“ขอบคุณๆๆ” ชายคนนั้นพูดจนแทบไม่ทันได้หายใจ
เขาไม่ได้กลัวที่จะถูกจับเลยสักนิด เขาแค่อยากจะไปให้พ้นๆบ้านหลังนี้ และหวังว่าจะไม่ได้เจอจงหลิวชวนกับหวังเย้าอีกต่อไป
“เอายาแก้พิษให้ฉันด้วย” อยู่ๆชายคนนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และหันไปพูดกับจงหลิวชวน
“มันเป็นแค่ยาธรรมดา ไม่ทำให้นายตายได้หรอก” จงหลิวชวนพูด
“อะไรนะ?” ชายคนนั้นอึ้งไป
ครู่ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึง
“คุณตำรวจ ในที่สุดก็มาซักที!” ชายคนนั้นตื่นเต้นจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันราวกับว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคือญาติสนิทมิตรสหายของเขายังไงยังงั้น
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกสับสน
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ได้เดินเข้าไปหาหวังเย้าเพื่อถามเรื่องทั้งหมด
“มีคนมาสร้างปัญหาให้หมออีกแล้วเหรอ? หมอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจรึเปล่า?” เขาถาม
หลายวันที่ผ่านมา หวังเย้าทั้งถูกเบลคเมลล์, ลอบวางยาพิษในสมุนไพร, และขโมยของ เจ้าหน้าที่จึงไม่คิดว่า นี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
“คุณคิดว่า ผมไปทำให้ใครไม่พอใจเข้าเหรอครับ?” หวังเย้าพูดพร้อมกับคิดทบทวน “ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ”
“ลองคิดดูดีดีแล้วกันนะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด
“ได้ครับ ขอบคุณมาก” หวังเย้าพูด
“ยินดีครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวชายนั้นออกไป
“ขอบคุณมากนะ หลิวชวน” หวังเย้าพูด
เขาขอบคุณที่จงหลิวชวนได้ช่วยเขาเรื่องเมื่อคืน ถ้าชายคนนั้นสามารถเข้าไปในคลินิกของเขาและเอายาพิษใส่เข้าไปในสมุนไพรของเขาได้ละก็ เขาก็คงจะเจอปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน และพ่อกับแม่ของเขาก็คงจะไม่สบายใจไปด้วย
“ยินดีครับ” จงหลิวชวนพูดด้วยรอยยิ้ม
น้องสาวของเขาคือสมาชิกครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ เขาติดหนี้บุญคุณหวังเย้า ผู้ซึ่งช่วยรักษาน้องสาวของเขาให้อาการดีขึ้น เขาจึงอยากจะตอบแทนบุญคุณหวังเย้าบ้าง และนี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี
หวังเย้าเปิดทำการคลินิกของเขาตามปกติ แต่มีคนไข้มาตรวจไม่มากนัก ซึ่งก็เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขามีคนไข้ในตอนเช้าแค่สามคนเท่านั้น
หลังจากตรวจคนไข้ทั้งสามคนเสร็จแล้ว หวังเย้าก็ไปนั่งที่โซฟาและเริ่มคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในหลายวันที่ผ่านมา เขาคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขานึกถึงใครคนหนึ่ง ที่หน้าตาดีและมักจะมีรอยยิ้มแสนเจิดจ้าอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอ ชายที่มักจะทำตัวดีต่อหน้าคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
เขากำลังคิดไปถึง กั๋วเจิ้งเหอ ชายหนุ่มตระกูลดีที่ได้รับการศึกษาสูง คือผู้ต้องสงสัยรายแรกในใจเขา ชายหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งในหมู่บ้านและคลินิกของหวังเย้า เขาดูเป็นคนดีและสุภาพ แต่ความจริงเขาก็คือชายที่เต็มไปด้วยแผนการ
หวังเย้าบอกได้เลยว่า ครั้งก่อนที่พวกเขาได้พบกันที่วัดปี้หยุนบนเขาเซียงชาน กั๋วเจิ้งเหอไม่พอใจอย่างมาก เขาเดาว่า กั๋วเจิ้งเหอจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการเอาคืนเขาอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่คิดว่า กั๋วเจิ้งเหอจะกล้าทำเรื่องสกปรกแบบนี้ได้
ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ถือเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอย่างมาก แน่นอนว่าหวังเย้าไม่ได้สงสัยแค่กั๋วเจิ้งเหอเพียงคนเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ที่เขาเปิดคลินิกมา หวังเย้าก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับใครหลายๆคน ทั้งชายหนุ่มจากเมืองจี้และหลี่เชาหยางต่างก็สามารถเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้เหมือนกัน
หวังเย้าไม่สามารถนึกถึงคนอื่นได้อีก แต่สำหรับเขา กั๋วเจิ้งเหอก็คือคนที่น่าสงสัยที่สุด