Elixir Supplier - ตอนที่ 684
684 หนึ่งลูกพีชสังหารสามคน
“เฮ้อ นำทีมพวกนี้ยากขึ้นทุกวัน!” เฉาเหมิงที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลถอนหายใจออกมา
แก็งค์สี่คนที่เดินออกมาจากโรงพยาบาล และเจอเข้ากับชายหัวล้านที่เพิ่งจะลงมือทำร้ายพวกเขาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน พวกเขาจึงอดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ หนึ่งในพวกเขาสะบัดมือและเอ่ยขึ้นมาว่า “ตามมันไป!”
ในเมืองติดทะเลเล็กๆแห่งนี้ กลับเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากที่คนที่นี่รังแกได้ไม่ง่ายเลย คนในแก็งค์ทั้งสี่คิดว่า พวกเขาเป็นเพียงคนที่ผ่านทางมาและไม่คิดจะอยู่เมืองนี้นานนัก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กลัวว่า ชายหัวล้านจะตามมาล้างแค้นพวกเขา
ชายที่สะบัดมือกัดฟันกรอดและพึมพำออกมาว่า “ฉันสู้แกไม่ได้ แล้วฉันก็เกลียดแกเข้าไส้ ฉันจะจัดการกับคนในบ้านของแกด้วย และก็จะหนีไปให้เร็วที่สุด แล้วคนอย่างแกจะไปทำอะไรฉันได้?”
ชายหัวล้านเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยและแวะซื้อไอศกรีมที่ร้านข้างทาง
“เจ้าของร้าน เอาไอติมสองอัน”
“เอ่อ ฉันเอารสสตอเบอร์รี่อันหนึ่ง” ชายในแก็งค์อีกคนสั่ง
แล้วมันก็กลายเป็นภาพของชายหัวล้านคนหนึ่งที่กำลังเดินกินไอศกรีม พร้อมกับมีชายอีกสี่คนที่ตามหลังและกินไอศกรีมไปด้วย
“โอ้ย ร้อนขนาดนี้ มันคิดจะไปที่ไหนกันเนี่ย?” หนึ่งในแก็งค์สี่คนพูดขึ้นมา
พวกเขาเดินเข้าไปในสวนสาธารณะขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือที่ชายหัวล้านเดินเข้าไป
“ตามมันไปอย่าให้คลาดสายตาล่ะ” ชายที่เป็นผู้นำอีกสามคนที่เหลือพูด
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในสวนสาธารณะ พวกเขาก็พบว่า ชายหัวล้านได้หายไปแล้ว
“เฮ้ย มันหายไปไหนแล้ว?” หนึ่งในพวกเขาพูด
“ลองหารอบๆดูซิ” อีกคนพูด
พวกเขาทั้งสี่เดินเข้าไปด้านในโดยที่ไม่เห็นอะไรใครเลย แต่เมื่อพวกเขาคิดจะกลับ อยู่ๆก็มีกลุ่มคนนับสิบเดินเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้ทุกด้าน
“แกกำลังมองหาฉันเหรอ?” ชายหัวล้านจ้องไปที่ชายทั้งสีพร้อมกับถือท่อนเหล็กเอาไว้ในมือ
“ตามหาแก?” หนึ่งในแก็งค์สี่คนถาม “จะตามหาแกทำไม? เราก็แค่เดินผ่านมาทางนี้เฉยๆ แล้วก็เห็นว่าที่นี่อากาศดี เราก็เลยเข้ามาเดินเล่นก็เท่านั้นเอง จริงไหม?”
“ใช่ๆ เราเห็นว่า ต้นไม้ในนี้สวยดี” ชายอีกคนพูด “ดอกไม้นี่…หญ้านั่น…โอ้ มันสวยเหลือเกิน”
“จัดการพวกมันซะ!” ชายหัวล้านตะโกน
คนนับสิบพุ่งตัวเข้าไป และจับคนทั้งสี่กดลงไปที่พื้นอย่างแรง
“โอ๊ย มันเจ็บนะ” หนึ่งในแก้งค์สี่คนพูด
“อย่าต่อยหน้าฉัน!” อีกคนกรีดร้อง
“ช่วยด้วย! โอ๊ย ช่วยด้วย พวกมันจะฆ่าฉันแล้ว!” หนึ่งในแก็งค์สี่คนตะโกนออกมา
“เงียบ!” ชายหัวล้านพูด “ไอ้พวกชั่ว พวกแกคิดจะทำร้ายคนในครอบครัวของฉันงั้นเหรอ กล้ามากนะ ย้ากกก!”
ชายหัวล้านเดินเข้าไปเตะหนึ่งในแก็งค์สี่คนเต็มแรง จนชายคนนั้นตัวงอด้วยความเจ็บปวดราวกับกุ้ง
หลังจากทุบตีพวกเขาจนหน่วมแล้ว คนทั้งหมดก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่มีคนเข้ามามุงดูหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควรจะมาทันเวลาเลยสักอย่าง
“กฎหมายของที่นี่มันห่วยสิ้นดี” หนึ่งในแก็งค์สี่คนพูด
คนทั้งสี่ถูกทุบตีอีกครั้ง ทั้งๆที่แผลเก่าก็ยังไม่หาย ทั้งจมูกและใบหน้าของพวกเขาต่างก็บวมช้ำ พวกเขาบอบช้ำไปทั้งร่างกาย
“นี่ ทุกคน ฉันว่าเราคงจะไม่เหมาะกับที่นี่สักเท่าไหร่นะ” หนึ่งในพวกเขาทั้งสี่พูดขึ้นมา
“ใช่ ฉันเห็นด้วย” อีกคนพูด “ญาติของไอ้หัวล้านนั่นก็รักษาตัวอยู่ชั้นเดียวกัน แบบนี้ มันจะไม่มาทุบตีเราทุกวันเลยเหรอ? บางคนก็เสพติดความรุนแรงนะ”
“เชี่ย แล้วหัวหน้ากับคนอื่นล่ะจะเอายังไง?” ชายที่เป็นคนนำกลุ่มถาม “ เราเป็นทีมเดียวกัน พวกนายคิดถึงเพื่อนร่วมทีมกันบ้างไหม? พอเจอปัญหาอะไรหน่อยก็คิดจะทิ้งคนอื่นเลยเหรอ?”
“พี่ พวกเราย้ายไปอยู่ทีมอื่นกันดีไหม?” หนึ่งในพวกเขาถามขึ้นมา
พวกเขาเงียบอยู่นาน
“หัวหนาพูดว่า พวกเราจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และจะไม่แยกกัน” ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มพูด
หลังจากกลับไปถึงที่โรงพยาบาลแล้ว เฉาเหมิงก็เห็นคนทั้งสี่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยช้ำ ทั้งที่ตอนออกไป พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในสภาพนี้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกนายกัน?”
“พี่ ผมมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บ้านน่ะ” หนึ่งในสี่คนพูด “ปู่ของผมโทรมาหา บอกว่าย่าตายแล้ว ผมคงต้องกลับบ้าน!”
“ไม่ใช่ว่าย่าแกเพิ่งจะตายไปเมื่อสามปีที่แล้วเหรอ?” เฉาเหมิงถาม
“เป็นย่ารองน่ะ” เขาพูด
“ก็ได้ แกกลับไปเถอะ” เฉาเหมิงพูด
“พี่ ฉันไม่มีเงินแล้ว” เขาพูด “พี่ช่วยแบ่งเงินที่ได้มาคราวที่แล้วให้ฉันได้ไหม?”
“ใช่ๆ พี่ ฉันก็ไม่มีเงินเหมือนกัน” ชายอีกคนพูด “ฉันอยากจะซื้อบ้านให้ลูกชาย พี่ก็รู้นี่ ว่าราคาบ้านเดี๋ยวนี้แพงขึ้นเรื่อยๆ พี่แบ่งให้ผมด้วยได้ไหม?”
“นี่มันฟังดูไม่เข้าท่าเลยนะ” เฉาเหมิงถาม “แกยังไม่มีแฟนด้วยซ้ำ แล้วแกไปมีลูกชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ก็ลูกชายในอนาคตยังไงล่ะ” เขาพูด
“ดูตัวพวกแกก่อนเถอะ อย่าเพิ่งคิดไกลไปถึงอนาคตเลย ฉันว่ามันไกลเกินไปหน่อยนะ” เฉาเหมิงพูดและหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋า “อะนี่ ในนี่มีเงินอยู่ 100,000 หยวน พวกแกสี่คนก็เอาไปแบ่งกันเองแล้วกัน”
เขาบอกรหัสให้กับพวกเขาไป
“โอ้ ขอบคุณนะ หัวหน้า” ชายทั้งสี่รับบัตรมาและจากไปอย่างมีความสุข
“พี่ พี่เอาเงินให้พวกนั้น แล้วก็ปล่อยให้พวกมันกลับไปแบบนี้” หนึ่งในคนที่นอนป่วยอยู่พูดขึ้นมา “แล้วพวกเราที่เหลือล่ะจำยังไง?”
“ใช่ๆ” อีกคนพูด
มีคนป่วยในแก็งค์อยู่ถึงสี่คน แต่ละคนล้วนต้องการคนคอยดูแล เพราะพวกเขาไม่มีแรงจะช่วยเหลือตัวเองได้
“ก็พวกมันไม่อยากอยู่ ถึงฉันจะอยากให้อยู่ก็คงทำอะไรไม่ได้” เฉาเหมิงพูด
“แต่…”
“ไม่ต้องห่วง” เฉาเหมิงโบกมือเบาๆ เขาดูมั่นใจมาก
ส่วนชายทั้งสี่คนในแก็งค์ที่ได้เงินมาแล้วนั้น ก็พากันออกไปจากโรงพยาบาล หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาว่า “แบบนี้ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว ไปหาอะไรดื่มกันเถอะ!”
ทั้งสี่พากันไปที่ร้านเหล้าและสั่งเหล้ามาดื่มจนเมามาย พวกเขากลับไปที่โรงแรมและนอนยาวไปจนถึงตอนบ่าย หลังจากที่ตื่นนอนกันแล้ว พวกเขาก็มาแบ่งเงินกัน และพากันไปที่ธนาคารเพื่อเบิกเงิน
“อะไรกัน? ทำไมเหลือแค่ 80,000 หยวนล่ะ?” หนึ่งในนั้นถาม
“80,000 หยวน? ก็ไหนหัวหน้าบอกว่าแสนหนึ่งนี่นา” อีกคนพูด
“ดูตัวเลขนี่สิ มันเป็นเลขแปดแล้วตามด้วยศูนย์อีกสี่ตัว” ชายคนแรกพูด
“ฉันนับเลขเป็นโว้ย” ชายอีกคนพูด
“แกบอกความจริงกับฉันมานะ ตอนที่เรากำลังเมากันอยู่ แกแอบไปถอนมาเอง 20,000 ใช่ไหม?” ชายอีกคนถาม
“ใช่ เห็นอยู่ว่าแกยุให้เราดื่มไปตั้งหลายแก้วน่ะ” คนที่เหลือพูด
“ฉันก็ดื่มเหมือนกันนะ แล้วฉันก็เมาด้วย” ชายคนแรกพูด “ฉันไม่รู้เรื่องสักหน่อย!”
“แกน่ะ ถึงจะดื่มไปเป็นพันแก้วก็ไม่เมาง่ายๆหรอก หัวหน้ายังเคยพูดไว้เลยว่า แกเป็นพวกแสดงสมบทบาทที่สุดในหมู่พวกเรา” ชายคนที่สองพูด “แกสามารถไปเล่นเป็นนักแสดงในหนังได้เลย แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่แกแกล้งทำเป็นเมาด้วย แกมันเสแสร้งทุกครั้งน่ะแหละ”
“ใช่ๆ” ชายคนที่สามพูด
“ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อฉันเลยล่ะ?” ชายคนแรกพูด
“พวกแกเป็นคนเลือกให้ฉันเป็นหัวหน้านะ แต่ตอนนี้ อยู่ๆพวกแกก็เปลี่ยนความคิดไปซะอย่างนั้นน่ะ” ชายคนแรกพูด “ถ้าพวกแกทำแบบนี้ มิตรภาพของพวกเรามันก็จะไม่ทางยั่งยืนหรอกนะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว” ชายคนที่สองพูด “นี่ต้องเป็นกลลวงของหัวหน้าแน่ๆ หนึ่งลูกพีชสังหารพวกเราสามคนในทีเดียว!”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับลูกพีชสักหน่อย” ชายคนที่สามพูด “เรามาพูดเรื่องเงินกันดีกว่า หัวหน้าไม่เคยโกงเงินพวกเรามาก่อนเลยนะ!”
“ใช่ เพื่อน แกต้องเป็นคนเอาเงิน 20,000 หยวนไปแน่ๆ” ชายคนที่สองพูด “แกเอาเงินไปอีก 5,000 หยวน แล้วก็ไปให้พ้นหน้าพวกเราซะ”
“ฉันไม่ได้เอาเงินไปซักหยวนเลยนะ” ชายคนแรกพูด “ฉันสาบานกับเทพเจ้าก็ยังได้!”
“อย่ามาโวยวายหน่อยเลยน่า” ชายคนที่สามพูด แต่แล้วอยู่ๆเขาก็อยู่ในอาการตกตะลึง “เครื่องมันกลืนบัตรเข้าไปแล้ว!”
ชายทั้งสี่ยืนมองเครื่องกดเงินราวคนโง่ ไม่ พวกเขาโง่จริงๆต่างหาก
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” หนึ่งในนั้นถาม
“เราก็โทรไปบอกธนาคารสิ” อีกคนพูด
พวกเขาติดต่อกับพนักงานของธนาคาร และได้รับการบอกกล่าวจากทางธนาคารว่า พวกเขาสามารถมารับบัตรได้หลังจากผ่านไปสามวันพร้อมกับบัตรประชาชนของเจ้าของบัตร ชายทั้งสี่มองหน้ากันไปมา
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้?” หนึ่งในพวกเขาถาม
“งั้นเรากลับไปหาหัวหน้ากันก่อนเถอะ” อีกคนพูด “หัวหน้าฉลาดอยู่แล้ว!”
ภายในโรงพยาบาลห่ายชิว มีคนหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆยืนอยู่ตรงเตียงคนไข้ของเฉาเหมิง พวกเขาเป็นชายหนุ่มที่ดูสุภาพและหญิงสาวหน้าตาดี
“พี่ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะครับ?” ชายหนุ่มถาม
“ฉันเจอปัญหาในตอนทำงาน่ะ” เฉาเหมิงพูด “ทางฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็วครับ งานสำเร็จไปได้ 90% แล้ว” ชายหนุ่มพูด “ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
“นายน่าจะได้เป็นนักศึกษาจบใหม่นะ” เฉาเหมิงพูด
“การรวมกันของทฤษฏีกับภาคปฏิบัติมีประโยชน์ที่สุดแล้วล่ะครับ” ชายาหนุ่มพูด
“มานั่งนี่ก่อนสิ” เฉาเหมิงพูด “ฉันจะบอกเรื่องคราวนี้ให้ฟัง”
เขาบอกเรื่องทั้งหมดให้กับคนทั้งสองฟังโดยไม่มีปิดบัง
“พี่ ถ้ามันไม่ได้ผล เราถอยกันดีกว่าไหม?” เฉาเหอถาม
“ถอยเหรอ? ทำไมล่ะ?” เฉาเหมิงถาม
“เพราะเราไม่มีทั้งโอกาสที่ดี, เวลาที่เหมาะสม, หรือคนที่มีความสามารถเลยน่ะ” เฉาเหอพูด “ถ้าคนคนนี้เป็นหมอที่มีชื่อเสียงอยู่ในพื้นที่ เขาก็จะถือว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง เขารักษาคนไข้ไปกี่คนแล้วล่ะ? ถ้าเกิดเขาติดต่อคนไข้พวกนั้น ก็จะต้องมีคนยินดีช่วยเหลือเขาแน่ ส่วนฝ่ายเราไม่มีทั้งความช่วยเหลือหรือโอกาสดีดีเลย แต่คนไข้พวกนั้นต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเขา เผื่อการเจ็บป่วยในอนาคต”
“ความได้เปรียบเดียวที่พวกเรามีก็คือ พันธมิตรอีกคนที่พวกเธอยังไม่เคยเจอ” เฉาเหมองพูด