Elixir Supplier - ตอนที่ 686
686 เรากำลังจะทำสำเร็จแล้ว
นอกจากความสงสัยแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการหาหลักฐาน
“ฉันปรึกษากับฝ่ายทนายที่ปักกิ่งดูแล้วนะคะ พวกเขาจะส่งคนมาที่นี่ให้เร็วที่สุดค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“อืม ผมก็มีทนายความอยู่แล้วคนหนึ่ง ก็ให้พวกเขาประสานงานกันได้เลย” หวังเย้าพูด
เขารู้สึกประหลาดใจกับคำตัดสินของผู้พิพากษาอย่างมาก เขามีหลักฐานอยู่พร้อมพรั่ง แต่ผู้พิพากษากลับยังกล้าตัดสินเข้าข้างอีกฝ่าย เขาได้รับผลประโยชน์มากแค่ไหนกัน หรือการข่มขู่แบบไหนที่ทำให้เขาต้องตัดสินแบบนี้ได้?
ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ในชั้นศาลด้วยกัน หวังเย้าไม่เคยพบเขามาก่อน และไม่ใช่หนึ่งในสีคนที่หวังเย้าเคยเห็นหน้า ดูเหมือนว่า พวกเขาจะเรียกคนอื่นในทีมมาช่วย
“เฉาเหอ?” หวังเย้าจดจำชื่อของเขาเอาไว้ สีหน้าที่ชายหนุ่มแสดงออกนั้นชัดเจนและไม่มีข้อตำหนิใดๆเลย เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
ในตอนบ่าย ทีมกฎหมายของซูเสี่ยวซวีได้เดินทางมาถึง เขาไม่ได้มาแค่คนเดียว แต่ยังมีอีกสองคนที่ตามมาด้วย ทั้งสามมาเพื่อจัดการกับคดีความของหวังเย้าโดยเฉพาะ
หวังเย้าโทรเรียกให้จางเผิงมาพบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องร่วมมือกันในเรื่องนี้ จางเผิงจึงได้ส่งเอกสารทั้งหมดที่เขามีให้กับอีกทีมได้อ่าน
“คุณไปหาคนพวกนี้มาจากที่ไหนเหรอครับ?” จางเผิงถามเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันสองคน
จางเผิงรู้จักหนึ่งในสามคนนั้น ซึ่งเขาเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และยังรู้อีกด้วยว่า ทีมว่าความของพวกเขานั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศ พวกเขายังเคยว่าความระหว่างประเทศได้ เพราะได้มีการร่วมมือกับทีมกฎหมายของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ คนเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะเรียกใช้งานกันได้ง่ายๆ และค่าจ้างก็สูงมากด้วย
“เพื่อนของผมแนะนำมาน่ะครับ” หวังเย้าชี้ไปที่ซูเสี่ยวซวี
จางเผิงยิ้ม ในตอนแรก เขาเกือบจะปฏิเสธที่จะร่วมงานกับทีมนี้ไปแล้ว เพราะตัวเขาเป็นผู้รับผิดชอบว่าความให้หวังเย้าอยู่ก่อน เรื่องนี้เหมือนเป็นการแสดงความสงสัยในความสามารถของเขา แต่หลังจากที่เขาได้รู้ตัวตนของคนเหล่านี้แล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจและยิ่งกว่ายินดีที่จะได้ร่วมงานกับพวกเขา มันคือโอกาสที่ล้ำค่าสำหรับเขาที่จะได้เรียนรู้และขยายเครือข่ายของตัวเองไปในตัว
ในร้านน้ำชาแห่งหนึ่งภายในตัวเมืองเหลียนชาน คนหนุ่มสาวสองคนกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ภายในนั้น
“ผู้จ้างวานมีอำนาจมาก” เฉาเหอกระซิบ
“เขาไม่คิดที่จะเผยตัวเลย มันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากเผยตัวให้ใครเห็น หรืออาจจะเป็นเพราะหวังเย้าไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างที่พวกเราคิด เขาใช้เราเป็นเหมือนปืนกระบอกหนึ่ง” เฉาฮุยพูด
“อืม ฉันคงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าข้อไหนที่จะเป็นไปได้” เฉาเหอพูด “ส่วนคนพวกนั้น ฉันได้สั่งให้พวกเขาไปทำบางอย่างแล้ว”
ความนิยมในปัจจุบันในการเล่นอินเตอร์เนตคือ การเล่นเวยป๋อ, วีแชท, ซื้อของออนไลน์, และการจ่ายเงินผ่านทางมือถือ สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นที่นิยมสูงสุด และได้เปลี่ยนการใช้ชีวิตของทุกคนไป
ยุคนี้คือ ยุคของข้อมูลข่าวสาร เรื่องเล็กๆเพียงเรื่องเดียวก็อาจจะสร้างกระแสในโลกออนไลน์ได้ ทั้งยังมีกองทัพใต้น้ำในอินเตอร์เนตที่รับจ้างปั่นข่าวต่างๆอยู่ด้วย
ในวันนี้ มีบทความหนึ่งที่ถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว หมอในหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้จ่ายยาผิดและทำให้คนไข้เสียชีวิต ดังนั้น เขาจึงต้องได้รับโทษ ข่าวนี้มีให้เห็นอยู่ในหน้าสื่อออนไลน์เต็มไปหมด และมีการคลิกเข้าไปอ่านเป็นจำนวนมากด้วย
“เยี่ยมมาก” เฉาเหออ่านข่าวในมือถือและยิ้มออกมา “เรากำลังจะทำสำเร็จแล้ว”
ความคิดของประชาชนก็เหมือนดาบสองคม ในบางครั้ง การตัดสินของคนหมู่มากก็สามารถสร้างหายนะได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย
คนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่เพียงเพราะข้อมูลส่วนหนึ่งที่ถูกโพสในอินเตอร์เนต ก็ทำให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นและความไม่พอใจออกมาแล้ว พวกเขายังได้กระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและทำให้คนรู้มากขึ้น ซึ่งเป็นการขาดความยั้งคิด
ในเรื่องนี้ แค่มีกฎการลงโทษและการควบคุมคงจะไม่พอ
ในหมู่บ้านกลางเขา คลินิกปิดทำการในตอนกลางวัน
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ซูเสี่ยวซวีตามหวังเย้าขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน และเข้าไปในค่ายกลรวมวิญญาณ เธอรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของเขาลูกนี้ได้อย่างชัดเจน
“มันรู้สึกสบายมากเลย!” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก และรู้สึกว่า อากาศในบริเวณนี้สดชื่นกว่าที่อื่น
“เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม
“มันเข้มข้นมากเลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “มันคือพลังฉีของฟ้าดินที่คุณเคยพูดถึงใช่ไหมคะ?” ครั้งนี้ เธอรู้สึกถึงมันได้
“ใช่” หวังเย้าพูด
“ภูเขาลูกนี้มีฮวงจุ้ยที่ดีมากเลยใช่ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“มันดีมากเลยล่ะ” หวังเย้าพูด “แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นเองหรอกนะ ผมเป็นคนปรับปรุงที่นี่ทั้งหมดเองน่ะ”
“คุณสุดยอดไปเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด
หวังเย้าเดินนำซูเสี่ยวซวีเดินไปรอบเขาอย่างช้าๆ ถึงมันจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายนแล้ว แต่ภูเขาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ยังคงความเย็นสดชื่นเอาไว้ได้ ซานเซียนก็เดินตามหลังพวกเขามาด้วย
ในตอนแรกที่เธอได้เห็นซานเซียน ซูเสี่ยวซวีก็ต้องตกใจ ซานเซียนมีศีรษะที่ใหญ่โตมาก มันดูคล้ายกับสิงโตตัวหนึ่ง ที่เมื่อมองแล้วให้ความรู้สึกยำเกรง โชคดีที่มันฉลาดและเป็นมิตรกับซูเสี่ยวซวี
“บนเขาลูกนี้ ยังมีเพื่อนของซานเซียนอยู่อีกสองตัวนะ พวกมันก็เป็นผู้พิทักษ์เขาลูกนี้เหมือนกัน” หวังเย้าพูด
“คุณช่วยแนะนำพวกเขาให้ฉันรู้จักด้วยได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ” หวังเย้าพูด “ซานเซียน เสี่ยวเฮยล่ะ?”
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมา หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังออกมาจากกอหญ้า งูสีดำสนิทซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับแขนของผู้ใหญ่คนหนึ่งค่อยๆเลื่อยออกมา มันม้วนตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหวังเย้าอยู่ตรงนั้น
“งู!” ซูเสี่ยวซวีเกิดอาการตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือ เสี่ยวเฮย” หวังเย้ายิ้มและลูบศีรษะของเสี่ยวเฮย
“งูตัวนี้มีความคิดด้วย!” ซูเสี่ยวซวีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนี้ล้วนแล้วแต่มีความคิดของมันเอง บางตัวก็แข็งแกร่ง และบางตัวก็อ่อนแอ” หวังเย้าพูด “ตอนนี้ ต้าเซี่ยอาจจะบินไปที่อื่นอยู่ ผมคิดว่า คราวนี้เธอคงจะไม่ได้เจอมัน”
“มันเป็นนกอินทรีย์เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ถูกต้อง” หวังเย้าตอบ
กริ๊ง! กริ๊ง! อยู่ๆมือถือของหวังเย้าก็ส่งเสียงดังขึ้น มันเป็นสายจากหวังหมิงเปา “ว่าไง หมิงเปา”
“ฉันส่งลิ้งค์ไปให้ นายต้องดูนะ” หวังหมิงเปาพูด “เรื่องนั้นไปอยู่ในอินเตอร์เนตแล้ว”
หวังเย้าเปิดหน้าจอมือถือขึ้นมา หลังจากที่ได้อ่านเนื้อหาในนั้น เขาก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเขาทำทุกวิถีทางเลยนะ!”
ซูเสี่ยวซวีรับมือถือมาอ่านดู “ฉันขอโทรศัพท์หน่อยนะคะ”
การจัดการกับเรื่องแบบนี้คือ การจ้างกองทัพใต้น้ำอีกกลุ่มหนึ่งมาสู้กลับ หรือไม่ก็ต้องยอมปล่อยไป หวังเย้ากำลังคิดว่าจะจ้างกองทัพใต้น้ำสักกลุ่มหนึ่ง แต่ซูเสี่ยวซวีบอกว่า เธอได้จัดการกับเรื่องนี้ให้แล้ว และเธอก็ดูมั่นใจมากด้วย
“โอ้ค แต่ผมก็ต้องรบกวนเธออีกแล้วสินะ” หวังเย้าพูด
“ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันหรอกค่ะ” เธอตอบ
ในเวยป๋อ มีหลายคนเข้ามาคอมเมนต์แสดงความเป็นห่วงหวังเย้า ซึ่งทำให้หวังเย้าซึ้งใจอย่างมาก
…
ภายในศาลของเขตเหลียนชาน มีสายหนึ่งจากทางเมืองได้โทรเข้ามา
“ครับ ผมเข้าใจ เรื่องนี้จะต้องยุติธรรมและเที่ยงตรงที่สุด!” ผู้อำนวยการวางสายและปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขา “สำนักงานของเมืองโทรมา เรื่องนี้มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เขารู้ว่าสำนักงานเมืองกำลังให้ความสนใจในเรื่องนี้ ถึงเขาจะไม่พูดชื่อออกมา เขาก็รู้ว่าตัวเองกำลังคุยกับใครอยู่ มันคือคดีที่เพิ่งจะถูกตัดสินไป
“ล้อเล่นกันรึไงเนี่ย!” เขารีบตามหาเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้มา เพื่อสอบถามเรื่องทั้งหมด
…
เฉินหยิงได้ซื้อบ้านสองหลังในหมู่บ้านที่ติดกันสองหลัง ซึ่งได้รับการตกแต่งไปเมื่อไม่นานมานี้ มันจึงไม่มีปัญหา ถ้าซูเสี่ยวซวีจะไปพักอยู่ที่นั่น
ในตอนเย็น หวังเย้าอยู่คุยกับเธอเป็นเวลานาน และยังได้คุยเรื่องที่เขาจะเปิดบริษัทยากับคนอื่นๆด้วย
“ถ้าเรียนจบแล้ว ให้ฉันไปทำงานที่บริษัทของคุณได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ได้สิ” หวังเย้ารีบตอบทันที
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหยานจิง แถมยังจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ด้วยแล้ว ถือเป็นที่ต้องการของบริษัทหลายๆที่
“แล้วคุณจะเริ่มการก่อสร้างเมื่อไหร่เหรอคะ?” เธอถาม
“ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนอยู่ หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว เราถึงจะมาคุยกันเรื่องการก่อสร้างอีกที ส่วนสถานที่ก่อสร้างก็จะเป็นเขตเหลียนชาน” หวังเย้าพูด
“พรุ่งนี้ คุณต้องตรวจคนไข้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ไหนๆเธอก็มาถึงที่นี่แล้ว พรุ่งนี้ผมคงไม่เปิดคลินิกหรอก แต่จะอยู่เที่ยวกับเธอแทน” หวังเย้าพูด
ในตอนเย็น หวังเย้าเข้าไปแจ้งข่าวในเวยป๋อของตัวเอง เช้าของวันถัดมา เขาได้ขับรถพาซูเสี่ยวซวีไปที่เมืองใกล้ๆ ซึ่งมีภูเขาที่มีต้นแปะก๋วยขนาดใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งมีอายุยาวนานเป็นพันปีเลยทีเดียว