Elixir Supplier - ตอนที่ 697
697 น่าเสียดาย!
“ฉันจะลองหาวิธีให้พวกนั้นมาที่นี่ให้ได้” เฉาเหมิงพูด
“ดีเลย มันจะได้ช่วยลดโทษของนายลงบ้าง” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รู้แล้วว่า พวกเขากำลังเจอกับอาชญากรรายใหญ่ที่ก่ออาชญากรรมไปทั่วประเทศ
“เฉาเหอ มานี่ซิ” เฉาเหมิงเรียกเฉาเหอให้เข้ามาหา
เฉาเหมิงเป็นหัวหน้าแก็งค์มานานหลายปีแล้ว เขาจึงรู้จักนิสัยของสมาชิกในแก็งค์แต่ละคนดี
“พวกนั้นอาจจะไปที่บ้านเกิดของฉัน นายไปบอกพวกเขาว่าฉันมีงานให้พวกเขามาทำที่นี่” เฉาเหมิงพูด
“ได้ครับ” เฉาเหอพูด
“นายรู้รายละเอียดบันชีธนาคารของพวกนั้นไหม?” เฉาเหมิงถาม
“ครับ” เฉาเหอพูด
“โอนเงินหนึ่งหมื่นเข้าบันชีของพวกนั้นด้วย” เฉาเหมิงพูด
เฉาเหอตกลงและเดินทางไปที่บ้านเกิดของเฉาเหมิง และทิ้งให้เฉาเหออยู่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง เพราะเฉาเหมิงเป็นอาชญากร ดังนั้น เขาจึงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องที่ถูกจัดไว้ให้เป็นพิเศษ
หลังจากที่หวังเย้ารักษาให้เขาแล้ว อาการของเขาก็ดีขึ้นมาก ตอนนี้ เขาสามารถทานอาหารเหลวและเริ่มมีแรงกลับคืนมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังอ่อนเพลียและง่วงนอน ราวกับว่า วิญญาณของเขาลอยหายไปแล้ว
เขารู้ตัวแล้วว่า หลังจากที่รักษาตัวจนหายดีแล้ว เขาก็ต้องอยู่ในคุกไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลือของตัวเอง เขารู้ดีว่าตัวเองได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไปบ้าง และตามกฎหมาย เขาสมควรได้รับโทษตายด้วยซ้ำ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้สารภาพความผิดทั้งหมดออกไป เพราะเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นและไม่ได้รู้สึกผิดกับเรื่องที่ได้ทำลงไปนัก เขาแค่ไม่มีทางเลือกก็เท่านั้น
เขาถอนหายใจออกมา
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปหาหวังเย้าที่คลินิก
“หมอหวัง คุณทำได้ยังไงกันน่ะ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามด้วยความสงสัย ถึงเรื่องนี้จะถูกส่งต่อให้หน่วยอื่นทำแล้ว แต่เขาก็อดไม่ได้จนต้องมาหาหวังเย้าเพื่อไขข้อสงสัยของตัวเอง แต่แน่นอนว่า จุดประสงค์หลักก็คือ คอของเขาเกิดอาการเคล็ดจากการเผลอนอนหลับที่โต๊ะของตัวเอง “ผมได้ยินมาว่า หมอทำให้คนชั่วพวกนั้นสารภาพได้ แล้วพวกนั้นยังทำชั่วเอาไว้เยอะเลยด้วย”
หวังเย้าเพียงนวดไปที่ลำคอของเจ้าหน้าที่นายนี้ ใช้เวลาเพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก
“แค่นี้เหรอ?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ครับ” หวังเย้าพูด
“สุดยอด! ขอบคุณมากนะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด “ค่ารักษาเท่าไหร่เหรอครับ?”
“ไม่คิดเงินหรอกครับ” หวังเย้าโบกมือปฏิเสธ
“แล้วหมอยังไม่ได้บอกผมเลยนะ ว่าหมอทำยังไงพวกนั้นถึงได้ยอมสารภาพผิดน่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด
“ผมก็ใช้ความดีเอาชนะใจเขายังไงล่ะครับ” หวังเย้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมคุยกับเขาอยู่นาน และพยายามที่จะเข้าไปในถึงส่วนลึกในจิตใจของเขา ทำให้เขาได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นเรื่องที่ผิด แล้วในที่สุด เขาก็เข้าใจและตัดสินใจสารภาพความผิดของตัวเองออกมายังไงล่ะครับ แล้วตอนนี้เขาก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นคนใหม่ไปแล้ว”
“ผมเกือบจะเชื่ออยู่แล้วนะเนี่ย” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด “ฮาฮา หมอเป็นคนตลกดีนะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับการรักษานะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้เลย”
“ครับ จำไว้ว่าอย่าไปนอนกับโต๊ะอีกนะครับ” หวังเย้าพูด
“อื้ม” เจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากคลินิกไปอย่างพอใจ
เฉาเหมิงได้สารภาพผิดถึงอาชญากรรมที่เขาได้ก่อเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
หวังเย้าไม่ได้อ่านรายงานทั้งหมด แต่เขามั่นใจว่า เฉาเหมิงไม่ได้สารภาพความผิดทั้งหมดกับตำรวจ แต่ไม่ว่าจะเป็นคดีไหนที่เขาก่อ มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาชญากรรมร้ายแรง พอที่จะทำให้เขาต้องอยู่ในคุกไปตลอดทั้งชีวิตของเขาแล้ว
ดูเหมือนว่า ปัญหาทั้งหมดที่เฉาเหมิงและพวกได้ทำกับหวังเย้าเอาไว้จะจบลงแล้ว ตอนนี้ หวังเย้าก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกครั้งแล้ว ทุกๆอย่างจะค่อยๆหายไปตามกาลเวลา
อากาศเริ่มร้อนขึ้น คนไข้ที่มาคลินิกของหวังเย้าก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ผู้คนเริ่มลืมเลือนเรื่องการตายของชายชรา
เจิ้งชื่อฉงและเจิ้งเหว่ยจวินก็จากหมู่บ้านนี้ไปแล้ว พวกเขาเชิญหวังเย้าไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเขาก่อนที่จะจากไป
ในหมู่บ้านตอนนี้ ก็เหลือเพียงเวินหว่านและลูกชายที่ยังต้องรักษาต่อ
“พวกเขาไปกันหมดแล้วเหรอจ๊ะ?” เวินหว่านที่นั่งมองภูเขาอยู่ที่ลานบ้านได้ถามขึ้นมา
“อีกไม่นานแม่ก็จะหายแล้วล่ะครับ” ฟ่าวโยวเหรินพูด
ขี้ผึ้งที่หวังเย้าใช้รักษาเธอ มีผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ใจมาก การฟื้นตัวของเวินหว่านเป็นไปอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกได้ว่า ร่างกายของเธอเบาลง เธออยู่ที่หมู่บ้านนี้มาได้สักพักแล้ว อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นด้วย และดูเหมือนว่าเธอจะตกหลุมรักที่นี่เข้าแล้ว
“อืม แม่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันจ๊ะ” เวินหว่านพูด
ผู้คนมักจะไม่สนใจใยดีหรือคิดถึงสิ่งที่พวกเขามีอยู่ แต่เมื่อพวกเขาได้สูญเสียมันไปแล้วครั้งหนึ่ง อย่างเช่น สุขภาพ พวกเขาก็จะมานึกเสียใจเอาตอนหลัง เวินหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด สำหรับเธอในตอนนี้นั้น สุขภาพที่ได้กลับคืนมาคือสิ่งสำคัญอย่างมาก ไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว
“หลังจากที่แม่ดีขึ้นแล้ว เราไปเที่ยวด้วยกันนะครับ ผมไม่อยากให้แม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว” ฟ่านโยวเหรินพูด
ขณะเดียวกัน เฉาเหอก็ได้พาสมาชิกแก็งค์ทั้งสี่กลับมาที่เหลียนชาน
“หืม? ที่นี่อีกแล้วเหรอ?” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นมา
“หัวหน้ายังคิดที่จะเอาคืนไอ้หมอคนนั้นอยู่เหรอ?” คนที่สองพูด
“เอาคืนเหรอ? แกคิดว่า พวกเขาจะสงบศึกกันรึไง?” ชายร่างสูงพูด
“ถ้าดูจากนิสัยของหัวหน้าแล้วละก็ เขาก็คงจะเอามีดแทงไอ้หมอคนนั้นทั้งๆที่ยังจับมือกันอยู่ด้วยซ้ำ” ชายร่างผอมพูด
ชายในแก็งค์ทั้งสี่เอาแต่พูดไม่หยุด ส่วนเฉาเหอกลับปิดปากสนิท เขาเพียงแค่เดินนำคนทั้งสี่โดยที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย
“นี่ นายอายุเท่าไหร่เหรอ?” ชายร่างสูงถาม
“28” เฉาเหอพูด
“แล้วผู้หญิงอีกคนล่ะ?” ชายร่างสูงถาม
“26” เฉาเหอพูด
“เธอมีแฟนรึยัง?” ชายร่างสูงถาม
“ไม่มี” เฉาเหอพูด
“เยส!” ชายทั้งสี่แสดงท่าทางตื่นเต้นและแปะมือกัน
เฉาเหอหยุดเดินและหันกลับไปมองพวกเขาด้วยท่าทีที่ยังคงนิ่งสนิท
พวกโง่ พวกมันยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร
“ดีเลย พวกเราก็จะได้ตามจีบเสี่ยวฮุยได้” ชายร่างเตี้ยพูด
“นายน่ะเหรอ?” เฉาฮุยนิ่งไม่ไหวอีกต่อไป
“ทำไมล่ะ?” ชายร่างเตี้ยถาม
พวกโง่ทั้งสี่ หมูหน้าโง่ คิดจะเป็นคางคกกินเนื้อหงส์อย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทางซะหรอก!
เฉาเหอหัวเราะออกมา เมื่อกลับมาถึงเหลียนชานแล้ว เขาก็รู้ว่า อีกไม่นานคนพวกนี้ก็จะถูกโยนเข้าไปอยู่ในคุก ถ้าดูจากสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไปแล้ว ก็คงจะต้องอยู่ในคุกอย่างน้อยๆก็เป็นสิบปี
ถึงพวกเขาจะดูเหมือนคนบริสุทธิ์ทั่วไป แต่เวลาทำชั่วกลับไม่กระพริบตาแม้แต่นิดเดียว ในตอนที่กำลังแทงคนจนตาย พวกเขาก็ยังสามารถยิ้มอยู่ได้
เฉาเหอไม่ชอบคนพวกนี้เลยสักนิด เขาทั้งรังเกียจและต่อต้านในสิ่งที่เฉาเหมิงและพวกได้ทำลงไป แต่เฉาเหมิงคือคนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาและเฉาฮุยไป ดังนั้น เฉาเหอจึงต้องอยู่คอยช่วยเขา เขาเพียงแค่คืนหนี้บุญคุณที่เขาได้รับมาเท่านั้น เขาเคยขอให้เฉาเหมิงเลิกทำเรื่องพวกนี้ แต่มันก็ไม่ได้ผล
เฉาเหอพาคนทั้งสี่เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแอบซุ่มรอพวกเขาอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนทั้งสี่จึงไม่ทันได้ทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เชี่ย! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา
“เราถูกซุ่มโจมตี!” อีกคนพูด
“เฉาเหอ! ไอ้สารเลว!” ชายร่างสุงพูด
พวกเขาเข้าใจแล้วว่า มันเป็นกับดักของเฉาเหอที่ทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจับกุมตัวพวกเขาทั้งสี่ ทั้งที่พวกเขาคิดว่า เฉาเหอคือเพื่อนร่วมทีมและเขาจะไม่มีทางทรยศคนในทีมเด็ดขาด
หลังจากที่พวกเขาถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ พวกเขาก็ไม่ยอมรับสารภาพอะไรทั้งนั้น แต่หลังจากที่ได้พบกับเฉาเหมิงและรู้ว่าเขาได้สารภาพความผิดที่พวกเขาได้ก่อร่วมกันไปบางส่วนแล้ว ทั้งสี่จึงยอมสารภาพออกมา พวกเขาบอกทุกอย่างที่พวกเขารู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอ้อนวอนเพื่อขอความเห็นใจ แล้วในที่สุด พวกเขาก็พูดความผิดออกมามากเกินกว่าที่เฉาเหมิงได้บอกเอาไว้
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีต่างตกตะลึงกับเรื่องที่ได้รู้
พวกเขาต่างก็ต้องตกใจกับจำนวนอาชญากรรมที่คนเหล่านี้ได้ทำลงไป และพวกเขาก็ยังรู้อีกด้วยว่า เวลานี้คือโอกาสดีที่พวกเขาจะล้วงเอาความผิดที่คนเหล่านี้ได้ทำลงไปออกมาจนหมดเปลือก ไม่ว่าจะเป็นการธุรกิจแชร์ลูกโซ่, ต้มตุ๋น, ลักพาตัวเด็กและผู้หญิง, และเบลคเมลล์ พวกเขายังหลอกเอาเงินที่ควรจะเอาไปช่วยชีวิตคนมาอีกด้วย
“คนพวกนี้มันชั่วจริงๆ!” ยิ่งพวกเขาสารภาพออกมามากเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันรู้น่า นายก็อย่าเอามาทำให้ตัวเองต้องอารมณ์เสียไปเลย” เพื่อนร่วมงานของเขาพูด
ในขณะเดียวกัน เฉาฮุยได้ไปอยู่ที่คลินิกของหวังเย้า
“ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้วเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ค่ะ พวกเขาสารภาพเรื่องที่เคยทำร่วมกับหัวหน้าออกมาจนหมดเลย” เฉาฮุยพูด “หัวหน้าทำเรื่องมามากกว่าที่พวกเรารู้ซะอีก”
“แล้วเธอกับเฉาเหอจะได้รับผลกระทบไปด้วยรึเปล่า?” หวังเย้าถาม
“ไม่ค่ะ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรที่เชื่อมโยงมาถึงเราเลย แต่ฉันกับเฉาเหอก็ยังตัดสินใจที่จะเข้ามอบตัวด้วยอยู่ดี” เฉาฮุยพูด
“เข้ามอบตัวเหรอ? ทำไมล่ะ?” หวังเย้าถาม “พวกเธอแค่ช่วยเขาจัดการเรื่องการเงินเท่านั้น แล้วพวกเธอรู้ไหมว่าเงินพวกนั้นมาจากไหนน่ะ?”
“ค่ะ เรารู้” เฉาฮุยพูด
เธอไม่ได้อยู่คุยกับหวังเย้านานนัก
เธอออกมาจากคลินิกในช่วงเย็น ที่ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดงจากแสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า
“น่าเสียดาย” หวังเย้าถอนหายใจ