Elixir Supplier - ตอนที่ 704
704 นุ่มนิ่มและเย็นฉ่ำ
ส่วนเรื่องที่จะเข้าไปแทรกยังไงนั้น คงต้องพิจารณาดูอย่างระมัดระวังที่สุด
หวังเย้าอยู่อีกแค่วันเดียวเท่านั้น เขาไปที่บ้านตระกูลหวูและให้การรักษาชายชราหวูที่ร่างกายทรุดโทรมราวกับท่อนไม้ที่ตายแล้วอย่างระมัดระวัง การที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ถือว่าเขาโชคดีมากแล้ว
ที่สนามบิน…
“อยู่ต่ออีกสักสองสามวันไม่ได้เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ถ้ามีเวลา ผมจะมาหานะ” หวังเย้ายิ้ม
“ก็ได้ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีจุ๊บไปที่แก้มของเขาเบาๆ
มันทั้งนุ่มนิ่มและเย็นฉ่ำ
อยู่ๆหวังเย้าก็เกิดความรู้สึกพิเศษบางอย่างขึ้น มันราวกับถูกไฟฟ้าช๊อตเข้าอย่างจัง
อ้า!?
ชูเหลียนที่ยืนอยู่ไม่ได้เห็นภาพนี่เข้า
คุณหนูคนนี้…
หวังเย้ากอดซูเสี่ยวซวีเอาไว้อยู่นาน
ครืน! เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ใต้ก้อนเมฆ หญิงสาวหน้าตางดงามกำลังยืนมองเครื่องบินอยู่
“เราไปกันเลยไหมคะ?” ชูเหลียนถาม
“อีกสักพักนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
ท้องฟ้าของปักกิ่งดูเหมือนอยู่สูงมาก
“น้าเหลียนคะ?”
“คะ?”
“บางคนก็น่าโมโหจังเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ชูเหลียนดูเหมือนจะอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอไม่เข้าใจว่าอยู่ๆทำไมซูเสี่ยวซีถึงได้พูดออกมาแบบนี้ ถึงน้ำเสียงที่เธอใช้จะเบาราวกับปุยนุ่น แต่เธอแน่ใจว่า ซูเสี่ยวซวีกำลังโกรธมาก แต่ด้วยมารยาทที่ได้รับการสั่งสอนมา ทำให้เธอไม่ได้แสดงมันออกมาทางสีหน้า
ถึงเธอจะโกรธ แต่สีหน้าของเธอกลับยังดูสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เรื่องคุณชายกั๋วน่ะเหรอคะ?”
“นอกจากเขาแล้ว ยังจะมีใครที่น่ารังเกลียดแบบนี้อีกล่ะคะ?”
ในช่วงที่เธอไปอยู่ที่หมู่บ้านหวัง และได้รับรู้ถึงเรื่องการก่อสร้างถนน ซูเสี่ยวซวีก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร
หลังกลับมาถึงที่บ้าน เธอก็สั่งให้คนไปสืบหาสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อดูจากการที่อยู่ๆก็เปลี่ยนแผน และเลือกที่จะตัดผ่านเข้าหมู่บ้านและเนินเขาหนานชานแล้ว นี่ถือเป็นการพุ่งเป้าอย่างเห็นได้ชัด ใครที่คิดสักนิดก็พอจะคาดเดาเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
หลังชูเหลียนกลับมาถึงที่บ้าน เธอก็บอกเรื่องทั้งหมดกับซงรุ่ยปิง
“สร้างถนนตัดผ่านเขาเหรอ?”
“ค่ะ”
“เป็นความคิดของกั๋วเจิ้งเหอเหรอ?”
“ถ้าดูจากข้อมูลที่สืบมาได้ มันมีความเป็นไปได้สูงมากเลยค่ะ” คนเหล่านี้รู้ข้อมูลมากมาย พวกเขาสามารถสืบค้นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จากมือถือ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม
“อืม เขาดูเหมือนจะเป็นเด็กดี แต่ตอนนี้ ฉันชักจะผิดหวังในตัวเขาซะแล้วสิ” ซงรุ่ยปิงพูด “หวังเย้าไปขอความช่วยเหลือจากใครบางคนใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ เป็นตระกูลหวู”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ ตระกูลหวูสามารถจัดการได้อยู่แล้ว แต่มันอาจจะซับซ้อนสำหรับพวกเขาสักหน่อย” ซงรุ่ยปิงพูด
ถ้าให้ตระกูลของเธอจัดการ เรื่องก็จะง่ายกว่านี้มาก
“ใช่ค่ะ”
ลูกสาวของเธอหลงหวังเย้าหัวปักหัวปำ จนไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ เธอไม่ได้เผื่อใจเรื่องการเลิกราเอาไว้เลย และยกย่องหวังเย้าอยู่เสมอ
“คอยตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดด้วยล่ะ”
“ค่ะ”
หลังชูเหลียนออกไปแล้ว ซงรุ่ยปิงก็นั่งอยู่ภายในห้องทำงานเงียบๆคนเดียว ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
หวังเย้ามาถึงห่ายชิวในช่วงบ่าย เขาหารถเพื่อเดินทางกลับไปที่บ้าน เมื่อไปถึงที่บ้าน เขาก็พูดคุยกับพ่อแม่ของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะขับรถออกไปจากหมู่บ้าน เขาไปยังไซต์งานที่กำลังทำการก่อสร้างทางหลวง
มันเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว แต่พวกเขากลับยังไม่เลิกงาน
“สวัสดีครับ ยังทำงานกันอยู่เหรอ?” หวังเย้าลงมาจากรถ เขาหยิบบุหรี่ออกมาและส่งมันให้กับคนงานคนหนึ่ง
“ใช่ เราต้องทำงานล่วงเวลากันทุกวันเลยล่ะ” คนงานตอบ
“ผมได้ยินมาว่า เขาเปลี่ยนเส้นทางที่จะสร้างถนนด้วยนี่” หวังเย้าพูด
“ใช่ มันควรจะเป็นถนนตรงอย่างเดียว แต่ตอนนี้กลับเพิ่มทางโค้งเข้าไป บางทีคนพวกนั้นอาจจะอยากได้เงินใช้เพิ่มล่ะมั่ง!” คนงานสูบบุหรี่และพูด “แล้วก็เป็นเพราะไอ้เรื่องเปลี่ยนเส้นทางนี่แหละ เลยทำให้ระยะเวลาการก่อสร้างสั้นลงไปด้วย แผนเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่อยู่ๆพวกเรากลับต้องมาทำงานเพิ่มซะได้!”
“แล้วอีกนานไหมครับ กว่าจะสร้างไปจนถึงเมืองซงป่ายน่ะ?”
“ถ้าสร้างแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงจะอีกสักเดือนหนึ่งก็ถึงแล้วล่ะ” คนงานพูด
หลังจากที่ได้คุยกันเล็กน้อย หวังเย้าก็ขอตัวออกมา
เขาไม่รู้ว่า มันจะนานพอสำหรับตระกูลหวูที่จะจัดการเรื่องนี้หรือไม่
เขาต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้ก่อน
ในตัวเมืองของเขตเล็กๆที่ตั้งอยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์…
กั๋วเจิ้งเหอกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ดี เขาเพิ่งจะแนะนำให้โครงการสร้างโรงงานเข้ามาลงทุนภายใต้โปรโมชั่นของทางเขตได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเงินก้อนแรกที่จะลงทุนคือหนึ่งร้อยล้านหยวน หลังจากการก่อสร้างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็สามารถเพิ่มภาษีได้ในภายหลัง นี่ถือเป็นโครงการใหญ่และความสำเร็จในการทำงานของเขา แล้วที่นี่ยังมีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัด หากไม่ใช่เพราะเส้นสายที่เขามี โรงงานก็คงจะไม่มาสร้างขึ้นที่นี่
หลังกลับมาถึงที่ทำงาน เขาก็ได้รับสายหนึ่ง แล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นน่าเกลียดในทันที
“คนจากตระกูลหวูอย่างนั้นเหรอ! มือของพวกเขาสาวมาไกลจริงนะ!”
เขาเดินไปยืนอยู่ที่หน้าต่างและมองออกไปยังพื้นที่ของเขตที่อยู่ด้านนอก
“อ้าก!”
ทุกอย่างได้ลงมือไปแล้ว ตอนนี้ กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจนได้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์
จะยอมแพ้ไปก็พอไม่ได้หรือยังไง! งั้นก็มาลองดูกันอีกสักครั้งแล้วกัน! เขายืนมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่นาน ไม่นานเขาก็กดโทรออก
เดือนกรกฎาคม เป็นเดือนที่ร้อนมากเดือนหนึ่ง
มันเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี อุณหภูมิตอนเช้าสูงถึง 30 องศา ซึ่งทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกอึดอัด
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องจ่ายค่าชดเชยให้กับชาวบ้านได้เดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ขั้นตอนนั้นเรียบง่าย หลังจากยืนยันขนาดของพื้นที่แล้ว พวกเขาก็จะทำการประเมินจำนวนเงินที่ต้องจ่ายคืนให้กับเจ้าของที่ แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่ตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนจ่าย
หวังเจียนหลี่รับหน้าที่ต้อนรับคนเหล่านี้ เขาพาพวกเขาเดินลัดเลาะไปตามถนนของหมู่บ้าน แต่ไม่ได้พาขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“เขาลูกไหนเหรอ?” มีคนถามขึ้นมา
“เขาลูกนี้ให้เช่าอยู่”
“ถึงจะให้คนเช่าไปแล้ว แต่มันก็ยังเป็นสมบัติของชาติอยู่ดี ไปดูกัน”
“แต่มันอันตรายนะ”
“อันตรายงั้นเหรอ? ไปได้แล้ว” คนที่นำทีมเจ้าหน้าที่มามีสีหน้าดูถูก
พวกเขาเดินจากเนินเขาตงชานไปยังเนินเขาหนานชาน พวกเขาเห็นต้นไม้ปลูกเป็นแนวอยู่หลายแถว ดูคล้ายกับกำแพงที่ปิดกั้นทางเข้าออก
“มีทางอื่นให้เดินรึเปล่า?”
“มีครับ ให้ลงไปทางนี้ แล้วก็อ้อมไป”
“ช่างมันเถอะ เดินไปจากตรงนี้เลยแล้วกัน” คนคนนั้นดูเหมือนจะมีท่าทีไม่พอใจ
ต้นไม้เติบโตอย่างรวดเร็ว ตามแนวต้นไม้ยังมีไม้พุ่มขึ้นอยู่ตามช่องว่างด้วย มันจึงเหลือพื้นที่ว่างเพียงเล็กน้อย ถ้าหากพวกเขาต้องการผ่านไปทางนี้ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง
“โอ๊ย!”
มีคนร้องออกมา เขาโดนกิ่งไม้ของต้นพุทราเข้า ต้นไม้เหล่านี้ไม่ได้เป็นที่เตะตามากนัก แต่กลับตัวของพวกเขากลับเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน
หัวหน้าที่นำทีมรู้สึกอับอายกับสภาพของแต่ละคน
“คนที่เช่าที่เอาที่ตรงนี้ไปทำอะไรเหรอ?”
“เขาปลูกสมุนไพรครับ”
“สมุนไพร? พวกนี้น่ะเหรอสมุนไพรน่ะ?”
“พวกนี้เป็นต้นไม้ที่เขาเอาไว้ใช้กันขโมยน่ะครับ” หวังเจียนหลี่พูด เขาไม่ได้มองหน้าคนเหล่านั้นในตอนที่พูด
พวกเขาต่างก็มีท่าทีอวดดี ซึ่งมันทำให้เขาทำตัวลำบาก นอกจากนี้ คนเหล่านี้ยังไม่ใช่คนของเขตหรือเมืองเลยด้วย พวกเขาจึงไม่ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่ดินของหมู่บ้าน เขาก็คงจะไม่มากับคนพวกนี้แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเจียนหลี่ สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนก็กลายเป็นบูดเบี้ยว
เป็นแค่คนดูแลหมู่บ้าน กล้าดียังไงถึงมาทำตัวอวดดีกับพวกเขาแบบนี้?
ถึงพวกเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่อารมณ์ของพวกเขาก็ได้บอกความรู้สึกของแต่ละคนออกมาได้อย่างชัดเจน
โฮ่ง! อยู่ๆก็มีเสียงเห่าของสุนัขดังขึ้น
“เชี่ย! หมาตัวใหญ่นั่นโผล่ามาจากไหนกันน่ะ?”
พวกเขาหยุดชะงักไป
“นั่นมันสิงโตรึเปล่า?”
“หยุดอยู่ตรงนี้” หวังเจียนหลี่พูดด้วยท่าทีสงบ ชาวบ้านทุกคนต่างรู้ว่า หวังเย้าเลี้ยงสุนัขเอาไว้เพื่อกันไม่ให้คนขึ้นไปบนเขา สุนัขตัวนี้จะทำหน้าที่ไล่คนที่เข้ามาสำรวจเนินเขาหนานชานไป
“โอเค!”
ด้วยขนาดที่น่าตื่นตะลึงของสุนัข ทำให้พวกเขาคิดกันว่า สุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้จะกินได้มากขนาดไหน ในเมื่อพวกเขาเป็นแค่มนุษย์ร่างจ้อย พวกเขาก็ไม่ควรจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับการถูกมันกิน
พวกเขาเดินกลับไปทางเดิมและลงจากเขา
“สัญญาให้เช่าเขาลูกนี้กี่ปีเหรอ?”
“30 ปี”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ?” มีคนถามขึ้นมา “นั่นมันผิดกฎหมายแล้ว!”
“เราดำเนินการทุกอย่างตามกฎ” หวังเจียนหลี่พูด
คนเหล่านี้มีท่าทีไม่พอใจกับเรื่องนี้
หลังลงมาจากเขาเขาแล้ว พวกเขาก็ไปพบกับหวังเย้า
“คุณลุง”
“นี่คือ หมอหวัง เจ้าของเนินเขาหนานชาน” หวังเจียนหลี่ผ่ายมือไปที่หวังเย้า
“นี่คือหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการจ่ายค่าชดเชย”
“ครับ” หวังเย้าตอบรับด้วยท่าทีเรียบเฉย และไม่แม้แต่จะมองพวกเขาด้วยซ้ำ
คนพวกนี้แสดงท่าทีอวดดีและดูถูกคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด