Elixir Supplier - ตอนที่ 712
712 ฆ่าพวกมันซะ
ที่สถานีตำรวจ เหล่าแก็งค์อันธพาลถูกนำตัวไปสอบสวนทีละคน สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแปลกใจก็คือ ในระหว่างการสอบสวนนั้น ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่รู้ว่า ใครคือคนที่ทำให้พวกเขาหมดสติและลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น
“ผมเห็นเงาร่างหนึ่ง” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด
“แล้วรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมก็มองเห็นไม่ชัด” ชายหนุ่มพูด “ร่างนั้นเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายลม แล้วจากนั้น ผมก็หมดสติไป พอตื่นขึ้นมาอีกที ผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”
“แล้วพอจะบอกได้ไหม ว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันเป็นผีหรือเป็นคนกันแน่” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ภายในห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังถามด้วยคำถามเดียวกันนี้
“นายไม่เห็นจริงๆเหรอ?” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมไม่เห็นอะไรเลย” ชายหนุ่มตอบ “ถ้าผมเห็นแล้วผมจะไปโกหกคุณตำรวจเพื่ออะไรล่ะ?”
นี่คือคดีที่แปลกประหลาดที่สุดตั้งแต่ที่พวกเขาทำงานมา คนเหล่านี้หมดสติไปโดยที่ไม่รู้ตัวคนทำ ถ้าพูดกันตามหลักการแล้ว การจะเห็นผีในตอนกลางวันแสกๆนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
มันจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่ๆ!
นี่เป็นความเชื่อของเหล่าคนในแก็งค์ที่ถูกจับตัวมา แต่ไม่ใช่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่สอบสวนพวกเขา ความเป็นไปได้ที่จะเจอผีหลอกตอนกลางวันนั้นสามารถถูกตัดออกไปได้เลย
หวังเย้ากลับไปที่หมู่บ้านกลางเขา สิ่งแรกที่ทำก็คือการไปพบกับจงหลิวชวน เขาอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งตรงตีนเขาตงชาน จากจุดที่เขาอยู่นั้น ทำให้เขาสามารถมองเห็นบ้านของหวังเย้าได้อย่างชัดเจน ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็จะสามารถไปถึงที่นั่นได้ในเวลาสั้นๆ
“ทำให้คุณต้องลำบากแล้วสินะ” หวังเย้าพูด การที่ต้องมาอยู่บนต้นไม้ในสภาพอากาศแบบนี้ไม่ใช่เรื่องสบายเลยสักนิด
“หมอหวังเกรงใจกันเกินไปแล้วล่ะครับ” จงหลิวชวนพูด “เรื่องทุกอย่างรวบรื่นดีไหมครับ?”
“ทุกอย่างราบรื่นดี” หวังเย้าพูด “พวกเขาถูกเชิญไปดื่มน้ำชาที่สถานีตำรวจกันหมดแล้วล่ะ”
“หมอหวังจะชะล่าใจไปนะครับ” จงหลิวชวนพูดด้วยความหวังดี “สองคนนี้มีเส้นสายกับทั้งเจ้าหน้าที่และหมู่แก็งค์อื่นๆอีก ผมได้ยินมาว่า พวกเขาถือเป็นแก็งค์ที่มีชื่อเสียงมากของทางตะวันออกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่า ครอบครัวของพวกเขาจะมีคนหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลางอยู่ด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ พวกเขาก็คงจะตายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว”
“อืม ผมจะจำคำของคุณเอาไว้” หวังเย้าพูด เขาคอยจับตามองพวกเขาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดจากฝีมือของพวกเขา “แล้วคุณพอจะมีเส้นสายทางนี้บ้างรึเปล่า?”
“หมอหมายความว่ายังไงเหรอ?” จงหลิวชวนถาม
“ผมอยากจะรู้การเคลื่อนไหวของพวกเขาน่ะ” หวังเย้าพูด “เขาติดต่อกับใครและทำอะไร”
“เรื่องนี้ง่ายมาก” จงหลิวชวนพูด “ปล่อยให้ผมจัดการเอง”
“ขอบคุณนะ” หวังเย้าพูด
เขากำลังคิดอยู่ว่า เขาควรจะขอบคุณจงหลิวชวนยังไงดี เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และทั้งๆที่จงหลิวชวนสามารถปฏิเสธที่จะทำได้
หวังเย้าขับรถเข้าไปจอดและเดินเข้าไปในตัวบ้านเพื่อพูดคุยกับพ่อแม่ของเขา ก่อนที่เขาจะออกไปที่คลินิก
ภายในสถานีตำรวจเขตเหลียนชาน พี่หนานพบว่าร่างกายของเขามีปัญหาหนักมาก ความคิดแรกก็คือหมอหนุ่มที่เขาเพิ่งได้พบหน้าเป็นครั้งแรก มันจะต้องเป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน
“ฉันต้องการเจอทนายของฉัน!” เขายืนกรานที่จะพบกับทนาย
คนของเขาก็สภาพไม่ได้ดีไปกว่าเขามากนัก ร่างกายของพวกเขาต่างก็มีปัญหา บางคนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย และบางคนก็รู้สึกท้องอืด บางคนถึงขนาดไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลย เขามัวแต่คิดถึงวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ และจะจัดการกับหวังเย้ายังไง เขาจะต้องทำให้หวังเย้าและครอบครัวรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกพาตัวมาที่สถานีตำรวจ ถึงแม้ว่าครั้งนี้สถานการณ์จะต่างออกไป แต่ในมุมมองของตัวเขานั้น เขายังคงสามารถจัดการได้อยู่
เงิน?
ทุกอย่างสามารถจัดการได้ด้วยเงิน นั่นคือประสบการณ์ที่เขาได้พบเจอ ไม่ว่าจะกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือกับแก็งค์อื่น
ทนายที่เขาเรียกร้องได้เดินทางมาถึง พี่หนานพูด “ฉันต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“ไม่มีปัญหาครับ” ทนายความที่เป็นชายสวมแว่นพูด
เขารู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ก่อนที่จะเดินทางมาถึงสถานีตำรวจแล้ว สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ ทุกอย่างสามารถโยนความผิดให้กับคนเพียงเดียวได้ คดีของอาวุธปืนคงต้องหาแพะรับบาปมาคนหนึ่ง แค่นั้นเรื่องก็เป็นอันจบ
“ส่วนเรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันออกไปได้แล้ว” พี่หนานพูด
“พี่หนาน หน้าของพี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ” ทนายความพูด
“สนใจเรื่องของตัวเองก็พอ” พี่หนานพูด
ทนายความจัดการเรื่องทุกทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสร็จเรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว ไม่นาน พี่หนานก็ได้ออกจากสถานีตำรวจ
“ฉันได้ยินมาว่า มันเป็นเศษสวะที่มีส่วนในการฆาตกรรมและเรื่องผิดกฎหมายอีกเยอะเลยล่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูด “ถ้าเราปล่อยมันไป มันก็เท่ากับปล่อยให้มันไปสร้างเรื่องในอนาคตไม่ใช่เหรอไง?”
“แล้วนายคิดว่า พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ?” เจ้าหน้าที่อีกนายหนึ่งถาม “จับมันมา แล้วยิงมันอย่างนั้นเหรอ? มันมีทนาย แล้วก็โยนความผิดทุกอย่างให้คนอื่นรับแทน เราก็มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าไม่มีหลักฐาน ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนรู้สึกหมดหนทาง พวกเขาทำได้เพียงแสดงความไม่พอใจออกมา เพราะไม่สามารถลากตัวคนผิดมารับโทษได้
“ฉันว่า มันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูด
“นายหมายความว่ายังไง?” เจ้าหน้าที่อีกคนถาม
“นายไม่เห็นเหรอ?” เจ้าหน้าที่คนแรกพูด “มันเดินเองไม่ได้ แล้วยังต้องมีคนคอยพยุงไป มันจะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ ฉันได้ยินมาว่า คนที่พวกมันไปมีเรื่องด้วยก็คือ หมอหวัง ล่ะ!”
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระน่า!” เจ้าหน้าที่อีกคนโบกมือ
พวกเขารู้จักหมอหนุ่มที่หมู่บ้านกลางเขา ทักษะการรักษาของเขาดีมาก คนในครอบครัวของพวกเขาต่างก็เคยไปรักษากับเขามาก่อน การรักษาของเขามีประสิทธิภาพอย่างมาก พวกเขายังรู้อีกด้วยว่า นอกจากหวังเย้าจะเก่งกาจในด้านการรักษาแล้ว เขายังเก่งในเรื่องการจัดการพวกคนชั่ว ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้
“พี่หนาน เรียกผมมามีเรื่องอะไรเหรอครับ?” อาเสิ่นถาม
“อาเสิ่น ช่วยฉันจัดการเรื่องๆหนึ่งหน่อย” พี่หนานพูด
“จะให้ผมทำอะไรบอกมาได้เลยครับ” อาเสิ่นพูด
“ไอ้นี่กับครอบครัวของมัน ฆ่าพวกมันให้หมด!” พี่หนานส่งรูปใบหนึ่งให้กับอาเสิ่น เขาเป็นชายที่ดูธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด เสื้อผ้าที่สวมใส่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ส่วนสูงตามมาตรฐานของคนปกติ คนประเภทนี้มักจะกลมกลืนไปกับฝูงชนและไม่ดึงดูดความสนใจจากคนอื่น
“เข้าใจแล้วครับ” อาเสิ่นรับรูปไปและนำมาดูใกล้ๆ ก่อนที่จะส่งมันกลับคืนให้กับพี่หนาน “พี่หนาน พี่ไม่เอาใครไว้เลยใช่ไหมครับ? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวพี่เหรอ?”
“ฉันจะเข้าไปในตัวจังหวัด” พี่หนานพูด “อาเสิ่น ฉันฝากเรื่องให้แกเป็นคนจัดการ อาจิ่ว แกกับคนที่เหลือบางส่วนอยู่ที่นี่กับอาเสิ่น”
“ได้ครับ พี่หนาน” อาจิ่วพูด
“ชิบ*!” ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ พี่หนานก็รู้สึกว่า เขาเริ่มมีอาการปวดท้องขึ้นมาอีกครั้งแล้ว มันราวกับว่า มีงูตัวเล็กๆจำนวนมากกำลังกัดเขาอยู่ และมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างมาก
“รอเดี๋ยว เรียกอาเสิ่นกลับมา!” เขาตะโกนบอกกับคนที่อยู่ข้างๆเขา
หลังจากนั้นสักพัก อาเสิ่นก็มาถึง “พี่หนาน”
“อย่าให้ไอ้หมอนั่นตาย ส่วนคนที่เหลือก็ต้องทำให้พวกมันตายอย่างทรมานที่สุด” เขากัดฟันพูด
“เข้าใจแล้วครับ” อาเสิ่นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ดี จัดการให้เร็วที่สุดด้วยล่ะ” พี่หนานพูด “ฉันทนรอไม่ไหวแล้ว!”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและขบฟันแน่น ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆรีบเข้ามาเช็ดเหงื่อให้เขา
“เนกไทของแกอยู่ไหน?” พี่หนานจ้องไปที่ลำคอของเขาและเอายถาม
“เมียผมเอาไปซักให้อยู่ครับ พี่หนาน” ชายหนุ่มพูด
“หมายังไงมันก็เป็นหมาอยู่วันยังค่ำ” พี่หนานพูด
เขาหายเข้าไปในกลุ่มคนมากกว่ายี่สิบและรถอีกหลายคัน เขาจัดการเรื่องการย้ายโรงพยาบาลให้กับพี่เหวิน เพื่อที่พวกเขาจะได้เดินทางเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดพร้อมกัน
ภายในร้านน้ำชา ชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งกำลังดื่มชาอยู่เงียบๆ มันเป็นชาดี และเป็นชาที่แพงที่สุดของทางร้าน
“อาเสิ่น พี่หนานดูรีบร้อนมากเลยนะ” เขากระซิบพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมชาแค่หนึ่งกาในร้านน้ำชาเล็กๆในเมืองเล็กจ่อยถึงได้แพงขนาดนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในมุมมองของเขา เขาไม่รู้สึกว่าการดื่มชาแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าสุนทรีเลยสักนิด แต่ไม่ใช่กับคนตรงหน้าเขา เขาดูผ่อนคลายและไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
“นายก็รู้จักนิสัยของพี่หนานดี” อาจิ่วพูด
“ฉันรู้ อย่ากังวลไปเลย” อาเสิ่นพูด “ดื่มชาสักหน่อยสิ นี่เป็นชาคามิเลียอย่างดีเลยนะ” อาเสิ่นชี้ไปที่ถ้วยชา
“แล้วนายอยากให้ฉันเตรียมอะไรให้บ้างล่ะ?” อาจิ่วถาม
“ที่ตั้งที่แน่นอนของบ้านผู้ชายคนนั้น” อาเสิ่นพูด
“มีอะไรอีกไหม?” อาจิ่วถาม
“ไม่ แค่นี้เท่านั้น” อาเสิ่นพูด
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะจัดการเขานะ เพราะเขาเป็นกังฟูด้วย” อาจิ่วเตือนเขา
“ฉันรู้” อาเสิ่น “แค่ปืนอย่างเดียวคงฆ่าเขาได้ยาก ในยุคนี้ มันต้องใช้มันสมองเข้าร่วมด้วย!”
ถ้าเรื่องนี้ไม่สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้ ก็จะเป็นตัวเขาเองที่ต้องได้รับโทษ เขารู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อพี่หนานโมโหขึ้นมา
อาจิ่วอยากจะพูดว่า “นายไม่กลัวเขา แต่ฉันกลัว!” แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา เขารู้จักชายโหดร้ายตรงหน้าของเขาดี ถึงภายนอกเขาจะดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาคือคนที่รู้อะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของการฆ่า ที่อยู่เหนือจินตนาการของอาจิ่วไปมาก