Elixir Supplier - ตอนที่ 713
713 ค่ำคืนที่เงียบสงัดบนเนินเขาหนานชาน
ภายในหมู่บ้าน เมื่อถึงเวลาใกล้ค่ำ มีชายคนหนึ่งมาที่คลินิกของหวังเย้าในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสืออยู่
“ว่าไง นายดูดีขึ้นนะ” หวังเย้าพูด
“ก็คงต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากหมอนั่นแหละครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด ในมือของเขามีกล่องอยู่สองใบ “ผมเพิ่งไปทางภาคกลางของจีนมา ก็เลยเอาชาจากที่นั่นมาฝากครับ”
“ขอบคุณ” หวังเย้าพูด
กล่องชาดูเรียบง่าย แต่หวังเย้ารู้ว่า ราคาของมันไม่ใช่ถูกๆเลย
“แบบของโรงงานออกแบบเสร็จแล้วนะครับ การก่อสร้างจะแบ่งเป็นสองระยะ หมอลองดูหน่อยสิครับ” เจิ้งเหว่ยจวินนำแบบโรงงานให้หวังเย้าได้ดู
แบบที่ได้มานั้นเป็นผลงานในระดับสูง ใครก็ตามที่เป็นคนออกแบบ จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างแน่นอน
“แล้วการก่อสร้างจะเริ่มเมื่อไหร่เหรอ?” หวังเย้าถาม
“วันที่ 8 เดือนมิถุนายนตามปฏิทินจันทรคติ คือวันที่เป็นฤกษ์ดีสำหรับการก่อสร้างครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“เยี่ยม” หวังเย้าพูด
เขาดูแบบร่างโรงงานอย่างละเอียด
หืม?
“มีสระน้ำอยู่ตรงนี้ด้วย” หวังเย้าชี้ไปที่รูปสระน้ำขนาดเล็กที่อยู่ภายในแบบ
“ใช่ครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“มันไม่เหมาะจะสร้างสระน้ำเอาไว้ตรงนี้” หวังเย้าพูด
“แล้วหมอจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนดี? หรือเราจะลบสระออกไปเลยดีไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“รอให้การก่อสร้างเริ่มก่อนก็ได้” หวังเย้าพูด
การออกแบบโดยรวมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เขาที่มีความรู้จากการสร้างค่ายกลอยู่บ้าง จึงทำให้เขามองออกว่า สระน้ำจะกลายเป็นตัวทำลายความกลมกลืนของโครงสร้างโดยรวมไป ความรู้สึกแรกของเขาก็คือ จุดที่สระน้ำตั้งอยู่นั้นค่อนข้างแปลก เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงมัน และต้องการจะไปเห็นไซต์งานก่อสร้างก่อน
“ได้ครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ผมได้เลือกผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัทเอาไว้แล้วนะครับ มันคือยาบำรุงร่างกายครับ” หวังเย้าพูด
เขาใช้เวลาคิดอยู่นานมาก แล้วในที่สุด เขาก็ตัดสินใจเลือกยาบำรุงร่างกายเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรก หลังจากที่โรงงานสร้างเสร็จแล้ว เขาวางแผนที่จะผลิตออกมาขายในปริมาณมาก เหตุผลนั้นเรียบง่าย เพราะทุกคนสามารถได้รับคุณประโยชน์จากยาบำรุงร่างกาย ซึ่งมันสามารถใช้รักษาได้หลายอาการ ตัวยายังมีฤทธิ์อ่อนโยนและได้ผลดีอีกด้วย
“นายมีข้อเสนออะไรเพิ่มไหม?” หวังเย้าถาม
“หมอคิดอยากจะทำออกมาเป็นแบบเม็ดหรือผงล่ะครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“แบบผง” หวังเย้าพูด การทำยาผงนั้นง่ายกว่ายาเม็ด เขาบอกส่วนผสมทั้งหมดและสรรพคุณของตัวยาให้กับเจิ้งเหว่ยจวินได้รู้
“โอเคครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
เขาไม่ได้เอ้อระเหยอยู่ที่คลินิกของหวังเย้านานนัก พอคุยกันจบแล้วเขาก็ขอตัวกลับ
หลังจากจบมื้อเย็น จงหลิวชวนก็มาหาหวังเย้า และเขาก็ไม่ได้อยู่นานนัก
ในคืนนั้น หวังเย้าไม่ได้กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“คืนนี้ ลูกไม่กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม เธอเคยชินกับการที่ลูกชายของเธอมักจะนอนค้างบนเขาไปแล้ว
“ไม่ครับ คืนนี้ผมจะนอนที่บ้าน” หวังเย้าพูด
เขาไม่ได้ขึ้นไปนอนบนเนินเขาหนานชานมาสองสามคืนแล้ว เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพ่อแม่เขา
เขาอยู่คุยและดูทีวีกับพ่อแม่ของเขาไปจนกระทั่งถึงเวลาสามทุ่ม แล้วเขาก็กลับเข้าไปอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องของตัวเอง ก่อนที่จะเข้านอน
“เสี่ยวเย้ากำลังปิดบังอะไรพวกเราอยู่รึเปล่า?” จางซิวหยิงที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยถามสามี
“เขาโตพอที่จะจัดการเรื่องของตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องไปห่วงเขามากหรอก นอนได้แล้ว” หวังเฟิงฮวาพูด
“ทำไมถึงใจเย็นอยู่ได้นะ?” จางซิวหยิงพูด
แม่น้ำทางทิศเหนือไหลผ่านหมู่บ้านไปพร้อมกับมีเสียงน้ำไหลผ่านให้ได้ยิน อยู่ๆก็มีคนคนหนึ่งโผล่มาที่ริมฝั่งของแม่น้ำ เขายืนอยู่ตรงจุดนี้เงียบๆครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหายไปในความมืดอีกครั้ง
โฮ่ง! โฮ่ง! อยู่ๆสุนัขก็เริ่มส่งเสียงเห่า
ลมเริ่มพัดแรง ใบไม้บนเขาส่งเสียงซ่าๆ
เงาร่างนั้นเดินอยู่เพียงลำพังและกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเนินเขาตงชาน เนินเขาตงชานในเวลากลางวันค่อนข้างเงียบและเงียบยิ่งกว่าในตอนกลางคืน หากอยู่ในบริเวณนี้ก็จะสามารถได้ยินเสียงลมพัดและเสียงแมลงร้องได้อย่างชัดเจน
“ที่นี่เงียบจริงๆ” ชายคนนั้นพูด เขาเดินไปด้วยความเร็วสูง ราวกับว่า เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างในความมืดได้อย่างชัดเจน
ครู่ต่อมา เขาก็หยุดเดินและมองไปยังหมู่บ้าน ภายในหมู่บ้านมืดสนิท ทุกบ้านต่างก็ปิดไฟมืด
ถึงแล้วสินะ ฮึ่บ!
อยู่ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ มันราวกับเขากำลังถูกขึงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง หรือพบเจอกับนักล่า
สายลมพัดผ่านเข้าไปวูบหนึ่ง เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหมุนตัวกลับไป เขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าที่เอวของเขา ฟึ่บ! ฟึ่บ! มีบางอย่างวาบผ่านอากาศไป
“ฮึ่ม!” ชายที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้พยายามที่จะควบคุมการหายใจของตนเอง
แป๊ะ! แป๊ะ! ที่แขนของเขากำลังมีเลือดไหลออกมาและหยดลงไปที่พื้นดิน เขาประมาทเกินไป และได้รับบาดเจ็บในระหว่างการปะทะครั้งแรก
จะโทษตัวเขาก็ไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะต้องมาพบเจอกับนักฆ่าอีกคนในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ แล้วอีกฝ่าย ยังรอคอยให้เขาเข้ามาติดกับดักอีกด้วย เขาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และโชคดีพอที่สามารถหลุดรอดจากการโจมตีจุดตายมาได้
โว้ว เขาหลุดไปได้! เขาต้องเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีแน่ๆ จงหลิวชวนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืดตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ เขาทำเพียงรอคอยให้อีกฝ่ายทำพลาด
แซ่กๆๆ! เขาได้ยินเสียงฝีเท้า เมื่ออยู่ท่ามกลางป่าเขาในตอนกลางคืนที่เงียบเชียบ ก็ยิ่งทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้านี้ได้ชัดเจนกว่าตอนกลางวัน
มีคนมาอีกคนงั้นเหรอ?
พวกเขาทั้งสองต่างก็รู้สึกแปลกใจ
“สวัสดียามค่ำครับ” ผู้มาใหม่เอ่ย เสียงของเขาราวกับดังอยู่ในหูของคนทั้งสอง
ปัง! ปัง! ปัง! มีแสงวาบขึ้นสามครั้งในความมืด
วืด!
หนึ่งในสามคนได้ปลิวออกไปและชนกับต้นเกาลัดเข้าอย่างจัง การชนรุนแรงจนเกิดเสียงดังลั่นและทำให้ต้นไม้สั่นไหวอย่างน่ากลัว
ร่างที่ปลิวไปชนเข้ากับต้นไม้ไถลลงไปกองกับพื้นและจนเกือบจะหมดสติ เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง
อาเสิ่นรู้สึกราวกับตัวเขากำลังถูกรถคันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงชน จนตัวเขากระเด็นไปติดกับต้นไม้ เขาเคยมีประสบการณ์คล้ายกันนี้มาก่อน และไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าประทับใจสำหรับเขาเลย เขาสาบานกับตัวเองว่า เขาจะไม่มีทางพบเจอกับเรื่องแบบเดียวกันนี้อีกเด็ดขาด แต่กลับไม่คาดคิดว่า เขาจะต้องเจ็บตัวแบบเดียวกันอีกครั้งในหมู่บ้านแห่งนี้
ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีรถพุ่งชนใส่เขา แต่เป็นคนคนหนึ่ง อาเสิ่นนึกภาพไม่ออกเลยว่า ทำไมคนคนหนึ่งถึงมีพละกำลังมากมายขนาดนี้ได้
ฝ่ายตรงข้ามเป็นปรมาจารย์กังฟู และเขาเพิ่งได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่า ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ตัวจริง ศัตรูแค่คนเดียวก็ยากจะจัดการแล้ว แต่ตอนนี้ เขามีศัตรูอยู่ถึงสอง
บางที ฉันอาจจะต้องมาตายอยู่ที่นี่ก็ได้ อยู่ๆความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา หืม?
เงาร่างของคนคนหนึ่งวูบไหวแล้วมาโผล่อยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฝ่ายตรงข้ามจะทำแบบนี้ เพราะมันไม่ใชการเคลื่อนไหวที่ฉลาดเลยสักนิด
“หมอหวัง ระวัง” จงหลิวชวนพูด
อาเสิ่นอยู่ห่างจากหวังเย้าไปไม่ถึงเมตร เขาที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นได้เคลื่อนไหวในฉับพลัน เขายกมือขึ้นมาพร้อมกับเหนี่ยวไกปืน ปัง! ปัง! เกิดแสงสว่างวาบขึ้นสองครั้ง
แต่แล้วอยู่ๆคนที่ควรจะยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับหายไป
นี่มันเป็นไปไม่ได้ อาเสิ่นคิด มนุษย์ไม่มีทางเคลื่อนไหวได้เร็วกว่ากระสุน
ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้ ส่วนคนที่สามารถหลบกระสุนได้ก็มีเพียงแค่ในนิยายและภาพยนตร์เท่านั้น
แต่หวังเย้ากลับหายตัวไปในเวลาเดียวกับที่เขาลั่นกระสุนปืนออกไป ตามทฤษฎีแล้ว การมองเห็นของมนุษย์สามารถล่าช้าได้ในบางเวลา แต่ไม่ใช่ในหนึ่งวินาที
ไม่ว่าจะเป็นเพราะหวังเย้าเร็วกว่ากระสุน หรือเพราะเขาเฝ้ามองการกระทำของอาเสิ่นอยู่ก่อนแล้วนั้น สุดท้ายก็คือ หวังเย้าสามารถเอาตัวออกห่างจากกระสุนปืนได้ และแสดงให้เห็นว่า ความสามารถของหวังเย้านั้นน่ากลัวแค่ไหน
อยู่ๆหวังเย้าก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าของอาเสิ่นอีกครั้ง อาเสิ่นพยายามจะยกแขนขึ้น แต่เขากลับทำไม่ได้ ราวกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งกำลังทับเขาอยู่ อย่าว่าแต่แขนเลย แม้แต่จะหายใจตอนนี้ก็ยังลำบากสำหรับเขา
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ปืนตกลงไปที่พื้น อาเสิ่นสูญเสียความสามารถในการตอบโต้กลับ เขาได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้
“หมอหวัง ไม่เป็นอะไรนะครับ?” จงหลิวชวนถาม
“ผมไม่เป็นไร” หวังเย้าพูด
ไม่ใช่แค่อาเสิ่นที่ไร้การเคลื่อนไหวเท่านั้นที่ตกใจ แต่จงหลิวชวนก็ตกตะลึงกับการกระทำของหวังเย้าด้วยเช่นกัน เขาเห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง อยู่ๆหวังเย้าก็โผล่มาตรงหน้าอาเสิ่นและโยนเขาออกไป เมื่ออาเสิ่นลั่นไกปืน หวังเย้าก็หายตัวไปและโผล่กลับมาที่จุดเดิมภายในเสี้ยววินาที ราวกับเขาสามารถวาบไปได้ทุกที่ที่ต้องการ
จงหลิวชวนและอาเสิ่นคิดไม่ออกเลยว่าหวังเย้าได้ยังไง พวกเขาคิดว่า หวังเย้าคงจะเป็นเหมือนกับยอดมนุษย์ รวมถึงเป็นปรมาจารย์กังฟูด้วย าพวกเขาได้รู้แล้วว่า หวังเย้าไม่ใช่แค่แพทย์ผู้มากฝีมือเท่านั้น แต่เขายังเป็นยอดฝีมือด้านกังฟูอีกด้วย
“เราพาตัวเขาไปที่เงียบๆกันดีกว่าไหม?” หวังเย้าเสนอขึ้นมา
“ได้ครับ หมอหวัง” จงหลิวชวนพูด
ถึงในหมู่บ้านจะไม่ได้กว้างใหญ่และมีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาบ้านว่างสักหลังหนึ่ง
หวังเย้าและจงหลิวชวนพานักฆ่าไปยังบ้านว่างหลังหนึ่ง หวังเย้าจัดการทำให้เขานั่งนิ่งๆไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“เป็นเขานี่เอง” หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าฝ่ายตรงข้ามชัดๆแล้ว จงหลิวชวนก็พูดออกมา
“คุณรู้จักเขาเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ครับ เขาเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง งานของเขามักจะสำเร็จเสมอ ไม่คิดเลยว่า พวกนั้นจะจ้างเขามาฆ่าหมอ” จงหลิวชวนพูด
“เขาเคยฆ่าคนมาก่อนไหม?” หวังเย้าถาม
“ครับ มากกว่าหนึ่งคนด้วย” จงหลิวชวนพูด
“คุณมีหลักฐานเหรอ?” หวังเย้าถาม
จงหลิวชวนส่ายหน้า ในบางครั้ง ถึงจะรู้ความจริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันได้