Elixir Supplier - ตอนที่ 720
720 ความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุด
พวกเขาทำเรื่องวิปริตและไร้เหตุผลตามความพอใจของตัวเอง ทั้งกลั่นแกล้งผู้คนที่อยู่รอบตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องพวกเขา
“ไม่กี่ปีมานี้ เศรษฐกิจของเติ้งโจวพัฒนาไปเร็วมาก โดยเฉพาะเรื่องของอสังหาริมทรัพย์” หลี่เฉิงเหว่ยพูด “ทางรัฐได้จ่ายค่าชดเชยในการรื้อถอนอพาร์ทเมนต์เก่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยากย้ายออกและรับเงินค่าชดเชยไป หงหนานกับหงเหวินเคยช่วยหน่วยงานรัฐจัดการทำให้คนพวกนั้นย้ายออกไปได้ พวกเขาได้เงินจากตรงนั้นไปเยอะมาก พวกเขายังได้สร้างธุรกิจขนส่ง, กู้ยืมเงิน, กับตามเก็บดอกเบี้ยขึ้นมา พวกเขารู้จักคนในหน่วยงานท้องถิ่น ฉันยังได้ยินมาว่า หนึ่งในญาติของพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่ปักกิ่งด้วย”
หลายๆเรื่องที่หลี่เฉิงเหว่ยพูดมา เป็นเรื่องที่หวังเย้าไม่เคยได้ยินมาก่อน
“สองคนนี้ หงเหวินเป็นพวกวิกลจริต ส่วนหงหนานเป็นพวกมีอาการทางจิต” หลี่เฉิงเหว่ยพูดเสริมขึ้นมา
“จริงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันได้ยินมาจากหลายคนเลยล่ะ ว่าหงเหวินน่ะมันบ้า” หลี่เฉิงเหว่ยพูด “เวลาบ้าขึ้นมา เขาก็จะกลายเป็นพวกทำอะไรรุนแรง แล้วหงหนานก็เป็นคนแปลกๆ ทั้งยังขี้หงุดหงิดด้วย มีครั้งหนึ่ง เขาเคยฟันขาของผู้ชายคนหนึ่ง เพราะดันไปถ่มน้ำลายใส่เขาเข้า”
“ประหลาดคนจริงๆ” หวังเย้าพูด
“ใช่ ดังนั้น เลยไม่มีใครในเติ้งโจวที่กล้าเอาเรื่องพวกเขายังไงล่ะ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด “แล้วยังไง อาหาว พวกมันไปมีเรื่องกับนายเข้าเหรอ?”
“ใช่” อาหาวพูด
“อืม ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องระวังหน่อยนะ แต่ฉันคิดว่า นายน่าจะไม่เป็นอะไรหรอก” หลี่เฉิงเหว่ยพูด “ยังไง นายก็อยู่ที่เมืองเต๋ากับคุณซุน เขามีอำนาจมากที่สุดในนั้นแล้ว”
“อืม ฉันไม่ดึงนายมาเอี่ยวเรื่องนี้อยู่แล้วล่ะ” อาหาวพูด
“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่ได้กลัวพวกมันเลยสักนิด” หลี่เฉิงเหว่ยพูด “ถ้าฉันไม่ได้นายช่วยเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ฉันก็คงจะถูกแทงตายไปนานแล้ว”
“บริษัทของพวกมันอยู่ที่ไหนเหรอ?” อาหาวถาม
“อยู่ที่ถนนฟู่ชาน” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“หมอหวัง?” อาหาวหันหน้าไปทางหวังเย้า
“ลองไปดูที่นั่นกันเถอะครับ” หวังเย้าพูด
“โอเค พาพวกเราไปที่นั่นที” อาหาวพูด
“ได้สิ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“รอเดี๋ยว เราเปลี่ยนรถกันดีไหมครับ? รถของคุณดูเหมือนจะดึงดูดสายตาคนมากไปหน่อย” หวังเย้าชี้ไปทางรถบีเอ็ม เอ็กซ์ห้าที่จอดอยู่ด้านนอก
“อ่อ ได้สิ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
หลี่เฉิงเหว่ยขับรถพาหวังเย้ากับอาหาวไปที่ถนนฟู่ชานในคืนนั้น
“ผ่านไปแค่ไม่กี่ปี เติ้งโจวเปลี่ยนไปมากเลยนะ” อาหาวพูด
“ใช่ ฉันเดาว่า นายคงจะไม่ได้มาที่นี่นานแล้วสินะ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“ใช่” อาหาวพูด
ถึงเติ้งโจวจะอยู่ใกล้กับเมืองเต๋ามาก แต่อาหาวก็ไม่ได้มีโอกาสมาเหยียบที่นี่เลย เขาเพียงแค่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้น
“คุณเป็นคนเติ้งโจวเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ย่าของผมเป็นคนเติ้งโจวน่ะ” อาหาวพูด “ผมมาอยู่ที่นี่ได้สิบกว่าปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนเติ้งโจวครึ่งหนึ่ง”
เขาเคยเป็นนักเลงอยู่ในแก็งค์ที่เติ้งโจวและได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองเอาไว้ จากนั้น เขาก็ได้พบกับซุนเจิ้งหรง ซึ่งเขาได้ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างสูง ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจทำงานให้กับซุนเจิ้งหรง จึงทำให้เขาไม่มีโอกาสได้กลับมาที่เติ้งโจวเลยหลังจากนั้น
สี่สิบนาทีต่อมา รถได้ไปจอดอยู่ที่ด้านนอกอาคารหลังหนึ่ง ที่ประตูมีป้ายติดเอาไว้ว่า บริษัทเหวินหนานเทรดดิ้งจำกัด
ตัวอาคารสูงสี่ชั้น ด้านนอกมีลานขนาดใหญ่สำหรับจอดรถ ภายในตัวอาคารยังคงมีไฟส่องสว่างอยู่ หวังเย้าและอาหาวสามารถได้ยินเสียงคนพูดคุยดังมาแว่วๆ
“รอที่นี่นะ ผมจะลองเข้าไปดูข้างในหน่อย” หวังเย้าพูด
“ให้ผมไปด้วยไหม?” อาหาวถาม
หลี่เฉิงเหว่ยจอดรถนิ่ง หวังเย้าลงไปจากตัวรถ และเพียงแต่วูบเดียว เขาก็ไปโผล่อยู่ที่ข้างๆตัวอาคารแล้ว
“โอ้พระเจ้า! อาหาว ฉันว่า สายตาของฉันน่าจะมีปัญหานะ!” หลี่เฉิงเหว่ยขยี้ตาตัวเองแรงๆ เมื่อเขาหันกลับออกไปมองด้านนอกอีกครั้ง หวังเย้าก็หายไปแล้ว เขากำลังสงสัยว่า หวังเย้าเป็นพวกมีพลังวิเศษใช่หรือไม่
“ไม่หรอก หมอหวังเป็นปรมาจารย์กังฟูน่ะ” อาหาวพูด
เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของหวังเย้าเลยสักนิด เพราะเขาเคยเห็นความสามารถที่น่าตื่นตะลึงกว่านี้มาก่อนหน้านั้นแล้ว ในช่วงสถานการณ์วิกฤต เมื่อเขากับซุนเจิ้งหรงเกือบจะถูกศัตรูจัดการนั้น หวังเย้าก็ได้มาช่วยพวกเขาเอาไว้ การทุบตีศัตรูดูเป็นเรื่องง่ายสำหรับหวังเย้ามาก เหมือนกับที่ชายชราหวงพูดเอาไว้ว่า หวังเย้าคือเทพเจ้าที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้
กำแพงที่ล้อมรอบอาคารสูงเกือบสี่เมตร แต่มันกลับไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเย้า เขากระโดดข้ามไปได้อย่างง่ายดายและเหยียบถึงพื้นได้อย่างเงียบเชียบ
โฮ่ง! สุนัขที่ดูราวกับหมาป่า ซึ่งอยู่ด้านในได้ส่งเสียงเห่าใส่หวังเย้า เสียงของมันทำให้คนที่อยู่ด้านในตัวอาคารตื่นตัวขึ้นมา
“ชู่!” หวังเย้าเดินตรงเข้าไปหาสุนัขตัวนั้นและจ้องหน้าของมัน
“หงิ้งๆ!” สุนัขส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ก่อนที่มันจะนอนหมอบลงไปที่พื้นพร้อมกับหางจุกตูด ราวกับว่า หวังเย้าคือเสืบร้ายที่หลุดออกมาจากป่า
“นี่ เสียงอะไรดังที่ข้างนอกน่ะ?” ชายคนหนึ่งที่อยู่ภายในตัวอาคารเอ่ยขึ้นมา
ภายในห้องทำงานมีอยู่ด้วยกันสี่คน พวกเขากำลังเล่นไพ่นกกระจอกกันอยู่ หนึ่งในพวกเขาได้ยื่นหน้าออกไปทางหน้าต่าง
“มีคนมาเหรอ?” เขาถาม
“ใครมันจะมาเวลานี้กัน? แล้วหมาหยุดเห่ารึยัง?” เพื่อนของเขาถาม
“อืม นั่นสินะ” เขาพูด
“มันอาจจะเห็นหนูก็ได้” เพื่อนของเขาพูด
หวังเย้าเดินเข้าไปด้านในผ่านทางประตูหน้า
แกร็ก! มีเสียงประตูเปิดดังขึ้น
“นี่ ได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังเปิดประตูรึเปล่า?” หนึ่งในชายสี่คนเอ่ยขึ้นมา
“ไม่นี่” เพื่อนของเขาพูด
“ฉันจะลองไปดูสักหน่อย เฮ้ย อย่าแอบดูไพ่ฉันนะ” เขาพูด
แสงไฟบริเวณล็อบบี้ยังคงส่องสว่างอยู่ ประตูกระจกหน้าล็อบบี้ปิดอยู่ ด้านนอกมืดสนิท ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย
“บางที ฉันอาจจะหูแว่วไปเอง” เขาพึมพำ “ก่อนนอนน่าจะกินเสกตี่(โกศขี้แมว,สมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน)สักหน่อย อายุฉันก็ยังไม่เยอะสักหน่อย”
เขากลับเข้าไปในห้องทำงาน “ไม่เห็นมีใครมา เล่นต่อเถอะ” เขาพูด
“ฉันได้東” เพื่อนของเขาพูด
“ปัง” อีกคนพูด
หวังเย้าเดินขึ้นไปบนชั้นแรก เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างบนทางเดินท่ามกลางความมืดมิดได้ เขาเดินไปช้าๆ แล้วไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายเขียนเอาไว้ว่า “แผนกการเงิน”
ประตูถูกล็อคเอาไว้ และเป็นประตูที่มีการป้องกันเอาไว้อย่างดีด้วย
“เปิด!”
แกร็ก! ประตูถูกบังคับให้เปิดออก พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น
“ได้ยินอะไรไหม?” หนึ่งในคนที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่พูดขึ้นมา
ชายทั้งสี่ต่างหยุดเล่นในทันที
“มีคนเปิดประตู” หนึ่งในนั้นพูด
“ไปกัน” ชายอีกคนพูด
พวกเขาเดินออกไปจากห้องที่พวกเขาอยู่ แต่ละคนถือกระบองเหล็กเอาไว้คนละด้าม พวกเขาไม่เห็นสิ่งที่แสดงว่ามีการบุกรุกเข้ามาด้านในเลย
ที่ชั้นแรกไม่ปรากฏอะไรให้เห็นเลย พวกเขาจึงเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
“ทำไมประตูบานนั้นถึงเปิดทิ้งไว้?” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นมา
“นั่นมันประตูห้องแผนกการเงินนี่” เพื่อนของเขาพูด
ทั้งสี่เดินเข้าไปในห้องด้วยความระมัดระวัง ประตูนิรภัยที่ติดตั้งเอาไว้แสดงให้เห็นว่าถูกบางอย่างบังคับให้เปิดออก ตัวบานประตูได้รับความเสียหายอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดี” คนที่อยู่ภายในห้องพูดขึ้นมา
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?” หนึ่งในชายสี่คนที่เดินเข้ามาถามออกไป
มีเงาสีดำวูบผ่านหน้าพวกเขา ตุบ! ตุบ! ชายทั้งสี่พากันล้มตัวลงไปกองกับพื้น
ด้านนอกตัวอาคาร หลี่เฉิงเหว่ยกำลังสูบบุหรี่อยู่ภายในรถ เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นพักๆ แล้วเขาก็หันกลับไปมองหน้าอาหาว ที่ยังคงนิ่งสนิทอยู่ที่นั่งด้านหลังคนขับ
“ผ่านไปหลายปี นายไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด “นายสูบหรือว่าดื่มเหล้าบ้างไหม?”
“ไม่” อาหาวพูด
“นายต้องหาอะไรทำบ้างนะ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“ฉันรู้ เขากลับมาแล้ว” อาหาวพูด
หวังเย้ากระโดดข้ามรั้วและวิ่งตรงมาที่รถ แล้วขึ้นมานั่งบนรถ
“ไปกันเถอะครับ” หวังเย้าพูด
“โอเค” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
เขาสตาร์ทรถ แล้วไม่นาน รถก็หายเข้าไปในความมืด
หลี่เฉิงเหว่ยมาส่งหวังเย้ากับอาหาวที่หน้าโรงแรม
“อาหาว ถ้ามีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้นะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ ฉันก็ยินดี” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“อืม ขอบคุณ” อาหาวพูด
“รอเดี๋ยว!” หวังเย้าหยุดเขา
“หมอ…หมอหวังมีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?” หลังจากที่ได้เห็นความน่าอัศจรรย์ของหวังเย้าแล้ว หลี่เฉิงเหว่ยก็มีท่าทีวิตกกังวลเมื่อต้องคุยกับหวังเย้า
“ผมว่า คุณน่าจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้หน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” หลี่เฉิงเหว่ยถามด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจคำพูดของหวังเย้าเลย
“คุณไม่ควรทำมากเกินไป” หวังเย้าพูด “ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลกระทบถึงสุขภาพของคุณได้ ช่วงนี้ คุณรู้สึกว่าร่างกายช่วงล่างกับเข่าไม่ค่อยมีแรง แล้วก็ปวดบ้างไหมครับ? แล้วในหูได้ยินเสียงอื้ออึงด้วยรึเปล่า?”
“ใช่ แต่หมอรู้ได้ยังไงกัน?” หลี่เฉิงเหล่ยถามด้วยความกังวล เขามีอาการตามที่หวังเย้าบอกจริงๆ
“คุณมีเซ็กซ์มากเกินไปครับ” หวังเย้าพูด “มันไม่ใช่เรื่องดี คุณควรจะเพลาๆลงบ้างนะครับ”
เขากดเขาๆไปที่บริเวณเอวของหลี่เฉิงเหว่ย
“โอ๊ย!” หลี่เฉิงเหว่ยสะดุ้งโหยง
อยู่ๆเขาก็มีเหงื่อไหลจนเต็มตัว ในตอนที่หวังเย้ากดจุดที่เอวของเขา เขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่เสียดแทงลงมา มันราวกับว่า หวังเย้าเอาเข็มแทงในเขายังไงยังงั้น
“เจ็บเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“อืม มันเจ็บมากเลยล่ะ” หลี่เฉิงเหว่ยพูดด้วยท่าทีอึดอัด
“ความเจ็บไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไปหรอกครับ แต่เมื่อไหร่ที่คุณไม่เจ็บ ก็คือคุณเกินเยียวยาแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด
หลี่เฉิงเหว่ยกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ “แล้วฉันต้องทำยังไงดี?”
“ห้ามมีเซ็กซ์เป็นเวลาสามเดือนครับ” หวังเย้าพูด
“สามเดือน?” หลี่เฉิงเหว่ยถามด้วยความตกใจ
เขาได้รับเงินค่าชดเชยจากการรื้อถอนอพาร์ทเมนต์ของเขาจากรัฐ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก เขาใช้เงินที่ได้มาไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และหมดไปเกือบสิบล้านหยวน
เมื่ออยู่ๆเขาก็มีเงินขึ้นมา มันก็ทำให้เขากลายเป็นคนใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เขาซื้อรถหรูและใช้เงินไปกับการออกเดทกับสาวงามมากหน้าหลายตา เหมือนอย่างที่ผู้ชายหลายๆคนทำ เงินของเขาคือสิ่งที่ดึงดูดผู้หญิงมากมายให้เข้ามาหา เขาจึงหลับนอนกับผู้หญิงไปทั่ว เซ็กซ์ก็เหมือนยาเสพติด เขากลายเป็นคนเสพติดเซ็กซ์ ทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงหน้าตาดี เขาก็จะเกิดความรู้สึกอยากจะนอนกับพวกเธอ การไม่ได้มีเซ็กซ์เป็นเวลาสามเดือน ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในโลกสำหรับเขา
“เฉิงเหว่ย นายควรฟังที่หมอหวังพูดนะ” อาหาวพูด เขาเห็นด้วยกับหวังเย้า
“ก็ได้ ฉันจะทำ” หลังจากที่พูดรับปากแล้ว หลี่เฉิงเหว่ยก็ขับรถออกไป
“ถ้าเขาทำตามคำแนะนำของผมเป็นเวลาสามเดือน ผมก็จะช่วยเขา ถ้าจำเป็นก็พาเขามาหาผมได้” หวังเย้าพูด
“โอเค ผมจะจำเอาไว้” อาหาวพูด