Elixir Supplier - ตอนที่ 721
721 คุณ ระวังเอาไว้หน่อยนะ
ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงแรม หวังเย้าเปิดกระเป๋าออกมาและเทเอกสารกับเงินสดจำนวนหนึ่งออกมา ซึ่งทั้งหมดคือของที่เขาได้มาจากบริษัทของหงหนาน
“ของพวกนี้มีประโยชน์ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
อาหาวหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “มันมีประโยชน์แน่นอน ผมจะโทรเรียกคนมาที่นี่นะครับ”
เขากดโทรหาคนที่เมืองเต๋า หลังจากวางสายแล้ว เขาก็หันหน้าไปพูดกับหวังเย้าว่า “พวกเขาจะมาคืนนี้เลยครับ”
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“พวกเขาเริ่มลงมือกันแล้วล่ะครับ” อาหาวพูด
“ขอบคุณนะครับ” หวังเย้าพูด ครั้งนี้ เขาถือว่าติดหนี้บุญคุณตระกูลซุนแล้ว
อาหาวเก็บเงินจำนวนนั้นไว้และเตรียมที่จะออกไป
“เงินสามารถเอาไปบริจาคให้กับเด็กๆที่ไม่ได้เรียนหนังสือ” หวังเย้าพูด “มันน่าจะเป็นเงินที่ได้มาแบบผิดกฏหมายอยู่แล้วด้วย”
…
ค่ำคืนนั้นเงียบสงัด ภายในห้องทำงานห้องหนึ่งในบริษัทเหวินหนาน มีชายสี่คนกำลังนอนนิ่งสนิทอยู่บนพื้นที่เย็นเยียบ
“ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย?” ชายคนหนึ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด “ฉันเผลอหลับอีกแล้วเหรอเนี่ย ไม่สิ!”
ร่างของเขาสั่นสะท้านและเขาพยายามที่จะลุกขึ้น แต่เขาก็ถูกอาการปวดศีรษะเข้าเล่นงาน “ฮึ่ม ใครมันมาทำกับฉันแบบนี้กัน?”
เขารีบเข้าไปปลุกคนอื่นๆที่ยังคงนอนอยู่ที่พื้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” ชายคนหนึ่งถาม
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?” อีกคนถาม “มีคนเข้ามา แล้วยังมาทำร้ายพวกเราอีก ลองไปดูรอบๆกันก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรหายไปบ้าง”
พวกเขารีบเปิดไฟให้สว่างและมองไปรอบๆห้องของแผนกการเงิน เพื่อดูว่ามีอะไรถูกขโมยไปบ้าง ประตูตู้เซฟถูกเปิดทิ้งไว้ ทุกอย่างที่อยู่ภายในนั้นได้หายไปจนหมด
“เร็วเขา! เราต้องรีบบอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้” หนึ่งในสี่คนพูดขึ้นมา
“อะไรนะ? ตู้เซฟถูกพังอย่างนั้นเหรอ?” อีกฝ่ายที่ได้ทราบข่าวจากทางโทรศัพท์ก็รู้สึกไม่พอใจ
เธอรีบร้อนออกไปจากบ้าน เงินและเอกสารทุกอย่างหายไปจนหมด ใบหน้าของเธอมีแต่ความเกรี้ยวเกราดที่แสดงออกมาให้เห็น เงินถือเป็นเรื่องรอง แต่เอกสารที่หายไปสำคัญกว่า ถ้ามันไปอยู่ในมือของคนอื่น พวกเขาก็อาจจะเจอข้อมูลที่มากกว่าเรื่องของภาษี
“ใครเป็นคนทำ?” เธอที่แต่งตัวอย่างทันสมัยพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
ในเติ้งโจว ทุกคนล้วนรู้เบื้องหลังของบริษัทนี้ดี ไม่มีใครกล้าเข้ามาขโมยของของพวกเขา แสดงว่าคนที่ทำเรื่องนี้กำลังรนหาที่ตายอยู่
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ” หนึ่งในชายสี่คนพูด
“ไม่รู้งั้นเหรอ?” เธอถามด้วยความโมโห “แล้วเมื่อคืนพวกแกได้ทำงานกันไหม?”
“ทำครับ” ชายคนหนึ่งตอบ
“แล้วพวกแกแอบหลับกันรึเปล่า?” เธอถาม
“เปล่าเลยครับ” ชายคนนั้นตอบ “แต่เราโดนน๊อคจนสลบไป”
“โดนน๊อคเหรอ? แล้วมันมากันกี่คน?” เธอถามด้วยความแปลกใจ คนพวกนี้มีประการณ์ในการต่อสู้และเคยฝึกฝนในด้านการต่อสู้มาก่อน
“ผมไม่รู้ครับ” เขาพูด
“ไม่รู้ ไม่รู้!” เธอเริ่มพูดอย่างมีน้ำโห “พวกแกทำอะไรกันได้บ้างหา? ไปตรวจดูกล้องสิ”
พวกเขารีบเข้าไปในห้องของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พวกเขาเห็นภาพของคนคนหนึ่ง แต่ทุกอย่างกลับดูพล่ามัวไม่ชัดเจน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เธอถาม “ทำให้มันชัดกว่านี้สิ”
“นี่เป็นความละเอียดเท่าที่เราจะทำได้แล้วครับ” ชายคนหนึ่งพูด “พี่สะใภ้ก็เห็น ว่ากล้องมันส่องเห็นตรงทางเดินชัดแค่ไหน”
ภายในวิดีโอ เผยให้เห็นภาพทุกอย่างชัดเจน ยกเว้นก็แต่ภาพของคนที่ถ่ายติดได้กลับพล่ามัว มันดูคล้ายกับว่า รอบตัวเขาถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเมฆหมอก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” เธอถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” เขาพูด
พวกเขาเห็นภาพของเงาร่างนั้นเดินขึ้นไปบนชั้นสาม และหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องแผนกการเงิน แล้วเขาก็ยื่นมือออกไป จากนั้นประตูก็เปิดออกได้อย่างน่าประหลาด
คนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างพากันตกตะลึง พวกเขาเห็นภาพของประตู้นิรภัยหนาแน่นถูกผลักให้เปิดออกอย่างง่ายดาย พวกเขาต่างก็สงสัยในวิธีการที่คนคนนี้ใช้ และไม่มีใครคิดว่า มันจะง่ายดายขนาดนี้
มันต้องใช้แรงมากขนาดไหน? เขาเป็นมนุษย์รึเปล่า?
“คนคนนี้เป็นใครกันแน่?” เธอถามด้วยอาการตกตะลึง
นี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว เธอคิดในใจ
เธอรู้เรื่องกิจการภายในครอบครัวของเธอดี ธุรกิจที่พวกเขาทำอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายไปมากมาย ดังนั้น ศัตรูของพวกเขาจึงมากตามไปด้วย เธอจึงคิดไม่ออกเลยว่า ใครที่เป็นคนทำเรื่องนี้
หรือจะเป็นเรื่องบังเอิญ?
“เอ่อ เราจะแจ้งตำรวจไหมครับ?” ชายคนหนึ่งถาม
แล้วในที่สุด พวกเขาก็โทรแจ้งไปที่สถานีตำรวจ
…
วันต่อมา เมื่อตะวันเพิ่งจะสาดแสงลงมา คนของตระกูลซุนก็เดินทางมาหาหวังเย้า พวกเขาเป็นทีมว่าความประสบการณ์สูงทั้งหมดสามคน หลังจากที่ได้เห็นเอกสารที่หวังเย้าได้มาแล้ว ทั้งสามก็ทำการปรึกษากันและสรุปเรื่องทั้งหมดให้หวังเย้าฟัง
เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญเป็นรอง ที่สำคัญคือสมุดบันทึก ด้านในมีรายละเอียดของเรื่องชั่วๆทั้งหมดที่สองพี่น้องได้ทำลงไป มันมีรายละเอียดบอกเอาไว้อย่างชัดเจน หวังเย้าอ่านมันแล้วเมื่อคืนก่อนและก็ได้ข้อสรุปแบบเดียวกับที่กลุ่มทนายได้บอกกับเขา สองพี่น้องหงทำเรื่องชั่วเอาไว้มากมายและสมควรได้รับโทษตายนับสิบครั้ง
“คุณต้องการให้เราทำยังไงกับมันครับ?” ทนายคนหนึ่งถาม
“ผมต้องการจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และให้คนพวกนั้นได้รับโทษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ” หวังเย้าพูด
“จะให้เราเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดให้ไหมครับ?” ทนายความถาม
หวังเย้าหันหน้าไปทางอาหาว เขาไม่รู้จักทนายทั้งสามคนเลย
อาหาวพยักหน้า “หมอ พวกเขาเป็นทีมว่าความของตระกูลซุน และทำงานให้เรามาได้หลายปีแล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนพวกคุณแล้ว” หวังเย้าพูด
“เกรงใจเกินไปแล้วล่ะครับ” ทนายความเอาเอกสารไป พวกเขาทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพ
“ไปกันเถอะครับ” หวังเย้าพูด
ในตอนที่พวกเขากำลังจะกลับกันนั้น หลี่เฉิงเหว่ยก็เดินทางมาถึง
“พี่หาว เรื่องเมื่อคืนถึงหูตำรวจแล้ว” เขาดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก ในตอนที่เขาพูด เขาก็หันไปมองหน้าหวังเย้าด้วย
ถึงยังไง คนที่เข้าไปด้านในก็คือหวังเย้า ใครจะรู้ว่าเขาได้ทิ้งหลักฐานหรือร่องรอยอะไรเอาไว้หรือไม่?
“อ้อ เข้าใจแล้ว” อาหาวพูดอย่างใจเย็น
“คุณ ระวังเอาไว้หน่อยนะ!” หวังเย้ามองหลี่เฉิงเหว่ย ดูเหมือนว่าหลี่เฉิงเหว่ยจะไม่ได้ทำตามที่เขาแนะนำ
“ระวังเหรอ?!” เขาเข้าใจคำพูดของหวังเย้าในทันที
เมื่อคืนเขาได้ไปหาสาวสวยคนหนึ่ง เขารู้สึกสบายตัวอย่างมาก แต่เมื่อเดินออกมา เขาก็รู้สึกว่าขาของเขาไม่ค่อยมีแรง และคิดไม่ถึงว่าหวังเย้าจะรู้
หวังเย้าคิด ถ้าไม่ฟังคำพูดของฉัน วันหนึ่งมันก็จะสายเกินกว่าจะมาเสียใจทีหลัง
ในวันเดียวกันนั้น หวังเย้าก็กลับไปที่หมู่บ้านหวัง ในขณะที่ทีมทนายก็แยกตัวกลับไปที่เมืองเต๋า
“ต้องการให้ฉันทำเหรอ?” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าทีมทนายความแล้ว ซุนเจิ้งหรงก็ตกใจเล็กน้อย
“ใช่ครับ พวกเขาบางคนอาจจะสร้างปัญหาให้ได้ ถึงจะส่งเรื่องไปให้ทางเติ้งโจวแล้วก็ตาม” ทนายพูด “ถึงยังไง ญาติคนหนึ่งของพวกเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ที่ปักกิ่ง แล้วเขาก็มีอำนาจอยู่ในมือพอตัว แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่บางคนในเติ้งโจวก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย”
“ทางจังหวัดล่ะ?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“ถ้าให้ดีก็ต้องสูงกว่านั้นครับ” ทนายความพูด “ผมได้ยินมาว่า ตอนนี้มีทีมเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจดูงานอยู่ในจังหวัดฉี ไม่รู้ว่า ประธานซุนจะส่งข้อมูลพวกนี้ให้พวกเขาได้รึเปล่า”
“ฉันคงต้องคิดเรื่องนี้ให้ดีก่อน” ซุนเจิ้งหรงพูด มันเป็นการยากที่จะเข้าหาคนพวกนั้น แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้ซะทีเดียว
…
ในระหว่างสองวันที่หวังเย้าไม่อยู่นั้น ภายในหมู่บ้านค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ มีคลื่นของกลุ่มคนที่ต้องการเงินห้าล้านหยวนถึงสองครั้ง
พวกเขาเต็มไปด้วยความอันตราย แต่ก็ถือเป็นโชคร้ายของพวกเขาเช่นกัน เมื่อต้องมาเจอกับมืออาชีพ โดยเฉพาะ จงหลิวชวน ที่เป็นทั้งมืออาชีพและอยู่ในระดับแถวหน้า คนที่เข้ามาล้วนพ่ายแพ้ก่อนที่จะทันได้ไปถึงบ้านของหวังเย้า มันน่าสนใจตรงที่ พวกเขาที่มีทักษะน้อยนิดแต่กลับกล้าที่จะมาถึงที่นี่
ในตอนบ่าย หวังเย้ากลับมาถึงหมู่บ้าน เขาเข้าไปคุยกับพ่อแม่ของเขาและเดินไปหาจงหลิวชวน เพื่อถามถึงสถานการณ์ความเป็นไปในระหว่างที่เขาไม่อยู่
มีคนเข้ามาที่นี่สองกลุ่ม แต่ผมจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว” จงหลิวชวนพูด
“ขอบคุณครับ!” หวังเย้าขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
“เกรงใจกันเกินไปแล้วล่ะครับ หมอ” จงหลิวชวนรีบหยุดหวังเย้าที่กำลังก้มคำนับขอบคุณเขา
เรื่องนี้ เขาแทบจะไม่ต้องลงแรงอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ แล้วหมอหวังก็ยังเคยช่วยชีวิตน้องสาวของเขาเอาไว้ด้วย
“ได้โปรดรับคำขอบคุณจากผมเถอะนะครับ” หวังเย้าดูภายนอกสงบนิ่ง แต่ภายในใของเขากลับอัดแน่นไปด้วยความโกรธ