Elixir Supplier - ตอนที่ 722
722 ระดับมืออาชีพ
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือคนในครอบครัว ในตอนนี้ ครอบครัวของเขาถูกโจมตีซ้ำๆ หากไม่มีความช่วยเหลือจากจงหลิวชวน พ่อแม่ของเขาก็คงจะได้รับความเดือดร้อนกว่านี้แน่ คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เลวทรามต่ำช้า
เขาเดินกลับไปกลับมาและกดโทรไปหาซุนหยุนเชิง
“ครับ หมอ ผมเข้าใจ” หลังจากที่วางสาย สีหน้าของซุนหยุนเชิงก็ดูไม่ค่อยดีนัก
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“หมอหวังโทรมาน่ะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “เขาขอข้อมูลบางอย่างจากผม แล้วเขาก็ต้องการด่วนด้วย”
“ด่วนเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“ครับ น้ำเสียงของเขาดูเครียดมากด้วย” ซุนหยุนเชิงไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่เคร่งเครียดแบบนี้จากหวังเย้ามาก่อนเลย
“พ่อจะไปที่เมืองจี้” ซุนเจิ้งหรงพูด “ตัวเอกสารต้นฉบับ พ่อจะเอาไปให้ทีมของทางนั้นดู ส่วนเขา พ่อจะเอาตัวก็อปปี้ให้แทน บอกให้คนของเราเอาไปส่งให้เขาให้เร็วที่สุด ทางนั้นน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกลองไปดูหน่อยก็ดีนะ”
“ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
รถขับเคลื่อนไปบนถนนราวกับจะบิน ซุนเจิ้งหรงที่นั่งอยู่ภายในตัวรถกำลังใช้ความคิดอยู่ เขาไม่ค่อยอยากจะพบกับคนพวกนั้นเท่าไหร่นัก เพราะเขาอาจจะเจอปัญหาด้วยได้
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ภายในเมืองเมืองหนึ่ง ฝนที่ตกต่อเนื่องมาหลายวันในที่สุดก็หยุดลง แต่ท้องฟ้ายังคงขมุกขมัวไม่จางหายไป
คนสองคนเดินทางมาถึงที่เมืองนี้ พวกเขาแต่งตัวด้วยชุดที่ดูแปลกตา ถ้าหากมองดูดีดี ก็จะสามารถบอกได้ว่า ทั้งสองเป็นนักพรตเต๋า ข้างๆพวกเขาก็คือ เมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางที่เดินทางมาที่เมืองนี้เมื่อสองวันก่อนและจากไปอย่างเร่งรีบ
สองวันที่แล้ว พวกเขามาที่หมู่บ้านเพื่อไปดูเขาลูกนั้นและสุสานโบราณ พวกเขาได้รู้สึกสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เลย
พวกเขาจึงใช้ความคิดและตัดสินใจไปที่เขาหลงหู่เพื่อขอความช่วยเหลือ นักพรตที่อยู่บนเขาหลงหู่ คือผู้ที่อยู่กับการจุดธูปทำสมาธิ, เดิน, และถือดาบ พวกเขาหลายคนเป็นผู้มีความสามารถ แต่คนภายนอกไม่รู้เรื่องเหล่านี้ แล้วคนทั่วไป ก็ไม่สามารถเชิญพวกเขาออกมาได้ด้วย
ความเชี่ยวชาญของเมี่ยวซานติงกับนักพรตนั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอยู่ ความสัมพันธ์ของพวกเขามีมาอย่างยาวนาน
“เรามาถึงแล้ว” เมี่ยวซานติงพูด
ภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของพวกเขา หลังจากที่ได้คุยกับชาวบ้านแล้ว พวกเขาก็ได้รู้ว่า ไม่มีใครขึ้นไปบนนั้นเลย แม้แต่คนของทีมนักโบราณคดีก็ไม่มีใครขึ้นไป มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านล่างเพื่อป้องกันขโมยที่จะเข้ามาขโมยวัตถุโบราณที่อยู่ด้านในสุสาน แต่การที่เกิดเหตุการณ์การเสียชีวิตของคนหลายคน ยังจะมีใครกล้าขึ้นไปที่นั่นอีก?
“ใช่จริงๆด้วย พลังหยินที่นี่รุนแรงมาก!” เพียงแค่มอง นักพรตทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าเขาลูกนี้มีความผิดปกติ
“ส่วนเรื่องสุสานโบราณในสมัยราชวงศ์หมิง พี่ดูฮวงจุ้ยเขาลูกนี้ยังไงเหรอ?” หนึ่งในนักพรตถาม
“ฉันมาเจอกับน้องชายของฉัน” เมี่ยวซานติงพูด “ฮวงจุ้ยของที่นี่ดีมาก แต่สุสานโบราณที่นี่กลับแปลกมาก เราสองคนไม่มีใครคิดว่าที่นี่จะมีสุสานโบราณตั้งอยู่ เราสองคน…”
ครั้งนี้ พวกเขาถือว่าทำพลาดอย่างมาก ถ้าพวกเขารู้เรื่องสุสานก่อนหน้านี้ พวกเขาก็คงจะไม่ทำการขุดหลุมฝังศพที่ตรงนี้อย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้ เสียใจไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา พวกเขาคงทำได้เพียงหาทางแก้ไขความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด
“ถ้าที่นี่มีฮวงจุ้ยที่ยอดเยี่ยม แล้วทำไมถึงได้มีพลังหยินเข้มข้นขนาดนี้ได้ล่ะ? แล้วในสุสานโบราณ ปิดผนึกอะไรเอาไว้?” หนึ่งในนักพรตถาม
“คงต้องลองเข้าไปดู” เมี่ยวซานติงพูด
“ทั้งสองรออยู่ที่นี่เถอะ” หนึ่งในนักพรตพูด “เอาแผ่นยันต์ติดร่างกายเอาไว้เพื่อป้องกันตัว ถ้าเราไม่ออกมาภายในหนึ่งชั่วโมง ให้รีบแจ้งกับทางเขาหลงหู่ทันที”
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มั่นใจในตัวเอง พวกเขาเจอเรื่องพวกนี้มามากแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าอะไรที่อยู่ด้านในนั้น หากเป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วไป ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเป็นวิญญาณร้าย คงไม่สามารถเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ดี!” เมี่ยวซานติงเอายันต์ติดไว้ที่หน้าอกของเขา “ระวังตัวด้วย!”
สองพี่น้องไม่สามารถช่วยอะไรได้ พวกเขาทำได้แค่รออยู่ที่ตีนเขาและเฝ้ามองนักพรตทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน
นักพรตทั้งสองเดินขึ้นเขาไปอย่างช้าๆ
“พลังหยินรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเลย” หนึ่งในพวกเขาพูด “ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างอยู่ข้างในสุสานจริงๆ!”
ภูเขามีเพียงความเงียบสงัด และสายลมที่พัดโชยมาเบาๆ แต่แล้วอยู่ๆสายลมก็กลายเป็นความหนาวเย็น
มันเป็นช่วงเวลาของฤดูร้อน อย่างที่คนโบราณพูดเอาไว้ว่า ทุกอย่างเริ่มต้นที่ฤดูใบไม้ผลิ เติบโตในฤดูร้อน, เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง, และเก็บรักษาเอาไว้สำหรับฤดูหนาว หน้าร้อนคือช่วงเวลาที่ร้อนแรงที่สุดของปี ช่วงกลางวันของป่าเขามีเพียงนกหรือไม่ก็แมลง แต่เขาลูกนี้กลับเงียบจนผิดสังเกต
“พลังหยินกระจายออกมา เลยทำให้พวกนกหมดสติไป” นักพรตคนหนึ่งพูด
ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ ความซับซ้อนที่พวกเขาพบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในนั้นหยิบเอาแผ่นยันต์ออกมา เขาพูดเบาๆว่า “ไป!”
แผ่นยันต์บินออกไปราวกับนกตัวหนึ่งที่บินอยู่ภายในป่า พวกมันกระจายออกไปทั้งหมดสี่ทิศ และติดเข้ากับลำต้นของต้นไม้ราวกับทากาวเอาไว้ แผ่นยันต์ติดอยู่ทั้งสี่ทิศทางของตัวสุสาน ซึ่งดูราวกับเรื่องมหัศจรรย์
สายลมที่พัดโชยมาอยู่ๆก็หยุดไป นักพรตทั้งสองหันมามองหน้ากัน และรู้สึกได้ว่า จิตใจของพวกเขาสงบลง พวกเขาเดินเข้าไปที่กระท่อมที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นการชั่วคราว
พวกเขามองเห็นมุมหนึ่งของสุสานที่ถูกขุดลงไป นักพรตทั้งสองมองหน้ากันและมองเข้าไปเห็นรูปปั้นปีศาจร้ายตั้งอยู่ภายในสุสาน แล้วใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ
“สิ่งนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?” หนึ่งในนักพรตพูด
อยู่ๆลมด้านนอกก็เริ่มพัดอีกครั้ง แผ่นยันต์สี่แผ่นที่ติดหนึบอยู่กับต้นไม้ทั้งสี่ทิศ อยู่ๆก็เกิดการลุกไหม้ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ในตอนนี้ แผ่นยันต์ได้กลายเป็นขี้เถ้าและลอยหายไปกับสายลม
กระดิ่งทองแดงที่ห้อยอยู่ตรงเอวของพวกเขาส่งเสียงดังขึ้น มันราวกับว่า มีมือที่มองไม่เห็นกำลังสั่นมันอยู่
“มันมาแล้ว” นักพรตเต๋ารีบหยิบดาบของพวกเขาออกมา พวกมันคือดาบที่ทำจากไม้มะฮอกกานีที่มักจะถูกเอ่ยถึงในนิยายหรือภาพยนตร์
ไม่มีอะไรปรากฏออกมาให้เห็น แต่ดาบไม้กลับร่ายรำไปมา หนึ่งคนฟันไปที่อากาศ อีกหนึ่งฟันไปทางซ้าย
นักพรตทั้งสองดูเหมือนจะได้ยินเสียงบางอย่าง พวกเขาพากันหันหน้าไปตามเสียงนั้น ด้านหลังรูปปั้นปีศาจมีประตูสุสานหนาหนักปิดอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับแง้มเปิดออกเล็กน้อย
ลมพัดแรงขึ้น แต่มันไม่ใช่ลมที่พัดมาจากเขา มันเป็นลมที่พัดออกมาจากด้านใน
สีหน้าของนักพรตทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
ที่ตีนเขา เมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางต่างก็รอคอยอยู่ตรงนั้น พวกเขาคอยมองดูเวลาอยู่ตลอด
“พี่ พี่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม?” หลิวซื่อฟางถาม
“ไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก” เมี่ยวซานติงพูด “พวกเขาสืบทอดวิชาสายตรงมาจากเขาหลงหู่ แล้วพวกเขาก็เป็นระดับมืออาชีพด้วย”
ในตอนที่เขาเพิ่งจะพูดจบนั้น เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากบนเขา มันเป็นเสียงที่ฟังดูน่าหดหู่อย่างมาก
“พระเจ้า!” ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งขึ้นไปดูด้านบน
“หยุด!” เมี่ยวซานติงรั้งน้องชายของเขาเอาไว้
ในตอนนี้ มีแค่นักพรตสองคนเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับมันได้ ถ้าหากพวกเขาขึ้นไป พวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ? พวกเขาคงจะกลายเป็นภาระและรนหาที่ตายมากกว่า
“พี่ ไปขอความช่วยเหลือที่เขาหลงหู่กันเถะ” หลิวซื่อฟางพูด
“เรามีเวลาไม่มากพอน่ะสิ!” เมี่ยวซานติงดูเวลา มันยังไม่มีเวลาหนึ่งชั่วโมงที่นักพรตบอกกับเขาเอาไว้ และยังเหลืออีกสามสิบนาที
“ไม่ต้องกังวล!” หลังจากที่หลิวซื่อฟางเพิ่งจะพูดจบไปได้ไม่นาน เขาก็เห็นชายคนหนึ่งรีบเร่งลงมาจากเขา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและดูมีท่าทีตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะทันได้เดินลงมาถึงด้านล่าง เขาก็ทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้นเสียก่อน
เมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางรีบวิ่งเขาไปช่วยเขา ใบหน้าของเขาซีดเผือด ลมหายใจอ่อนแรงและร่างกายเย็นเฉียบจากความหวาดกลัวที่ได้พบเจอ
“เกิดอะไรขึ้น?” เมี่ยวซานติงถาม
“เร็วเข้า! รีบกลับไปที่เขาหลงหู่” หลังจากพูดจบ เขาก็หมดสติไป
เมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางไม่รอช้า พวกเขาเดินทางไปที่เขาหลงหู่พร้อมกับนักพรตที่หมดสติ ส่วนนักพรตอีกคนที่อยู่บนเขานั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่า เขาจะเป็นตายร้ายดียังไง
…
ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดฉี…
“หมอ พี่ชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?” ชายคนหนึ่งถาม
“คุณคงต้องเตรียมทำใจเอาไว้บ้างนะ” แพทย์พูด
“หมอหมายความว่ายังไง?” เขาถาม
“เขาอาจจะอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา” แพทย์พูด
หลังจากที่ได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแล้ว พวกเขาก็หมดหนทางที่จะรักษาคนไข้ อาการป่วยของเขาแปลกมาก ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเขานั้นไม่สามารถหาสาเหตุได้ และแม้แต่มอร์ฟีนก็ยังไม่ได้ผล