Elixir Supplier - ตอนที่ 730
730 บางสิ่งจากอดีตเมื่อสี่ร้อยปีก่อน
“ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” นักพรตเต๋าจางยิ้ม
รถที่ใช้สำหรับการเดินทางถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว จางซื่อเหิงพาลูกศิษย์ไปด้วยสามคน พร้อมกับหวังเย้าและเมี่ยวซานติงที่ติดตามพวกเขาไปด้วย
ที่หมู่บ้านที่ตั้งของสุสานโบราณ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาหลงหู่ไปหลายร้อยไมล์ ผู้นำนักพรตเต๋า, ลูกศิษย์สองคน, และหลิวซื่อฟางพักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ชาวบ้านที่พอรู้เรื่องก็ได้เดินทางมาพบพวกเขา
“ท่านนักพรต สิ่งที่อยู่บนเขาหายไปรึยังครับ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“ตอนนี้มันถูกควบคุมเอาไว้แล้ว” นักพรตเต๋าตอบ “เราจะจัดการกับมันเอง”
นักพรตเต๋าจากเขาหลงหู่ได้เดินทางมาที่นี่แล้วถึงสองกลุ่ม หนึ่งคนจากกลุ่มแรกไม่ได้ลงมาจากเขาเลยนับตั้งแต่วันที่เขาขึ้นไปบนนั้น และมันทำให้ชาวบ้านต่างก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้ จนบางคนไม่กล้าขึ้นไปทำไร่ที่ด้านบนเลย บางคนถึงขั้นคิดที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็มี
“อาจารย์อา ไอ้ที่อยู่ในสุสานนั่นมันคืออะไรเหรอครับ?” หลิวซื่อฟางถาม
“เธอจะเรียกมันว่า วิญญาณร้าย ก็ได้” นักพรตชราพูด
“วิญญาณร้าย? ของแบบนั้นมันมีอยู่จริงเหรอครับ?” หลิวซื่อฟางถาม
“เธอก็เจอมากับตัวแล้วนี่ ยังไม่เชื่ออีกเหรอ?” นักพรตชราตอบแล้วยกชาขึ้นมาจิบ
การขึ้นเขาครั้งนี้ดูเหมือนจะปลอดภัย แต่ความจริงแล้ว มันกลับอันตรายมาก สิ่งที่อยู่ด้านในนั้นกลับอยู่เหนือกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้ โชคดีที่ก่อนจะมา เขาได้เตรียมตัวเอาไว้อย่างดี ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาก็อาจจะพลาดท่าได้
ในตอนนี้ พวกเขาทำได้แค่รอเท่านั้น พวกเขากำลังรอคอยพี่น้องคนอื่นๆที่กำลังเดินทางมาที่นี่
หวังเย้าอยู่ระหว่างทางไปที่สุสานโบราณ พร้อมกับเหล่านักพรตเต๋าจากเขาหลงหู่
“ท่านครับ นั่นคืออะไรเหรอครับ?” หวังเย้าชี้ไปที่ดาบที่ทำขึ้นมาจากเหรียญโบราณ
“นี่คือดาบที่เอาไว้กำราบปีศาจน่ะสิ” นักพรตชราพูด
“มันดูเก่าแก่มากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“มันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง มีอายุได้สี่ร้อยกว่าปีแล้วล่ะ” นักพรตชราพูด
“แล้วมันทนไหมครับ?” หวังเย้ามองดูเหรียญทองแดงที่เชื่อมต่อกับด้วยบางสิ่ง เขารู้สึกว่ามันไม่น่าจะทนนัก
“มันแข็งแรงดี” นักพรตชราพูด “ดาบเหรียญทองแดงเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการพิเศษ มันไม่แข็งทื่อแต่ยืดหยุ่น และมันได้รับการตรวจสอบและซ่อมแซมอยู่เสมอ”
“ทำไมมันถึงใช้กำราบปีศาจได้ล่ะครับ” หวังเย้าถาม
“เพราะเหรียญทองแดงพวกนี้ได้รับการปลุกเสกโดยนักพรตเต๋าหลายรุ่น และพวกมันก็อยู่ในวัดเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้มันเต็มไปด้วยพลังที่สามารถกำราบปีศาจได้” นักพรตชราอธิบาย
“เหมือนอย่างในหนักใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“อ้อ ก็นิดหน่อย” นักพรตชราหัวเราะ
หลังจากขับมาได้สองสามชั่วโมง พวกเขาก็เดินทางมาถึงที่ตั้งของสุสานโบราณ
“ศิษย์น้อง” นักพรตจางพูด “ทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง?”
“เราไม่เป็นอะไร” นักพรตอีกคนพูด “เสี่ยวเหอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก สิ่งที่อยู่บนเขาถูกควบคุมเอาไว้ไม่ให้มันออกมาสร้างอันตรายกับคนอื่น”
“นี่คือหมอหวัง” นักพรตจางพูด “เขามาช่วยพวกเรา”
นักพรตเต๋าทั้งเจ็ดเริ่มปรึกษาถึงวิธีการที่จะจัดการกับปีศาจที่อยู่ในสุสาน หวังเย้ายืนฟังพวกเขาคุยกันเงียบๆ
วิญญาณร้ายเหรอ? มันมีอยู่จริงเหรอ? เขาอยากจะเห็นเหมือนกันว่า ไอ้สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณร้ายจะมีหน้าตาเป็นยังไง
“เราสามารถใช้กระจกทองแดงควบคุมมันเอาไว้ แล้วใช้ดาบกำราบปีศาจจัดการกับมัน” นักพรตจางพูด
“ถูกต้อง ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” นักพรตอีกคนพูด
มันดูเหมือนทำง่าย แต่ความเป็นจริงกลับเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจำเป็นต้องเข้าไปในส่วนลึกของสุสาน
“วันนี้มันสายมากแล้ว” นักพรตจางพูด “เดี๋ยวฉันกับศิษย์น้องจะไปดูที่สุสาน แล้วพวกเราก็จัดการกับมันวันพรุ่งนี้”
หลังจากที่พวกเขาปรึกษากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
หวังเย้าเดินตามนักพรตชราทั้งสองขึ้นไปบนเขา
“ปีศาจตัวนี้อยู่เหนือจินตนาการของมนุษย์ทั่วไป และมันก็ร้ายกาจมากด้วย” จางซื่อเหิงเอ่ยเตือน “หลังจากที่เข้าไปแล้ว พยายามอย่าไปทำอะไรที่กระตุ้นมันล่ะ”
หวังเย้าพยักหน้ารับคำอย่างจริงจัง เขาเงยหน้าขึ้นมองเขาลูกนั้น มันดูงดงาม แต่บรรยากาศโดยรอบกลับดูผิดแปลกไป ยิ่งเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ความรู้สึกก็ยิ่งรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
ตัวกระท่อมเงียบสงัด หวังเย้าพบว่ามีการติดแผ่นยันต์เอาไว้ตามต้นไม้และก้อนหินที่อยู่รอบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรแบบนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังอยู่ในนิยายยังไงยังงั้น
“นี่คือสิ่งที่วิธีการที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณแล้วล่ะ” นักพรตจางพูด
“คนธรรมดาวาดแผ่นยันต์แบบนี้ขึ้นมาได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“สัญลักษณ์พวกนี้มีความพิเศษในตัวมันเอง แล้วยังมีปัจจัยอื่นๆรวมอยู่ด้วย” นักพรตจางพูด “คนธรรมดาสามารถวาดมันขึ้นมาได้ แต่จะไม่มีพลังวิญญาณอยู่ในนั้น ที่หลงหู่มีอยู่สิบคนที่รู้คาถานี้ และมีแค่ห้าคนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญ”
“เราเข้าไปดูข้างในกันเถอะครับ” หวังเย้าพูด
ทั้งสามเดินเข้าไปในกระท่อม สิ่งของที่ถูกวางทิ้งไว้ด้านในโดยเหล่านักโบราณคดียังคงอยู่ที่เดิมทุกอย่าง อุปกรณ์บางอย่างถูกวางทิ้งเอาไว้ที่มุมหนึ่ง ราวกับไม่รู้จะเอามันไปวางไว้ตรงไหน
หวังเย้าสะดุดตาที่มุมหนึ่งของสุสานที่ถูกขุดลงไป รูปปั้นปีศาจร้ายดูราวกับมีชีสิต ตัวสุสานให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัว ตัวบานประตูเต็มไปด้วยเครื่องรางสีเหลือง ราวกับเป็นของที่มีมาแต่โบราณ
“สิ่งที่อยู่ข้างในไม่ธรรมดาเลย” นักพรตจางพูด
“ใช่ นี่แค่สองวันเท่านั้น เครื่องรางกลับกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว” นักพรตอีกคนพูด มีเครื่องรางที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาทั้งหมด 81 ชิ้นติดเอาไว้ที่บานประตู
“มันต้องผ่านประตูสุสานออกมาเท่านั้นเหรอครับ? มันออกทางอื่นไม่ได้เหรอ?” หวังเย้าถาม
“เขาทำไม่ได้น่ะสิ” นักพรตจางพูด “รูปแบบการก่อสร้างสุสานแห่งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อกักขังสิ่งที่อยู่ด้านในเอาไว้ มันถูกล้อมไว้ด้วยก้อนหินที่หนาหนัก ดังนั้น พวกเขาโจรเลยเข้ามาไม่ได้”
“นี่เป็นสุสานที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง มันก็เป็นเวลาสี่ร้อยกว่าปีแล้ว” หวังเย้าพูด “ทำไมมันถึงอยู่มาได้นานขนาดนี้ล่ะครับ?”
นักพรตที่นำกลุ่มที่สองมาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า “ความแค้น”
“ความแค้น? ความคับแค้นใจแบบไหนกันที่ทำให้ไม่เกิดแม้แต่รอยแตกร้าวมาตั้งสีร้อยกว่าปี?” หวังเย้าตกใจ
“บางทีมันอาจไม่อยากถูกลบหายไป หรืออาจจะเป็นเพราะมันหนักหนาเกินกว่าที่จะเลือนหายไปกับกาลเวลา” นักพรตพูด “เราจะรู้เรื่องนี้กัน หลังจากที่เปิดสุสานกันวันหรุงนี้”
นักพรตเต๋าทั้งสองยังคงไม่วางใจ พวกเขาตรวจสอบรอบๆสุสานอีกครั้ง และติดเครื่องรางบางอย่างเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาจะกลับออกไป
ในคืนนั้น พวกเขาทั้งหมดพักอยู่ที่หมู่บ้าน หน่วยงานรักษาความสงบของเขตได้เดินทางมาด้วยตนเอง ผู้นำของพวกเขาให้ความเคารพนักพรตเต๋าจางซื่อเหิงอย่างมาก
“ท่านปรมาจารย์เต๋า” เขาพูด
“เอ่อ เรียกแค่นักพรตก็ได้” นักพรตจางพูด
“ไม่กล้าครับ ไม่กล้า” หัวหน้าทีมรีบพูด “ท่านปรมาจารย์ต้องการให้ทางเราช่วยเหลืออะไรไหมครับ?”
“เขาลูกนี้จะให้ใครเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด” นักพรตจางพูด “เราจะลงมือกันวันพรุ่งนี้”
“ผมจะรายงานให้ทางเบื้องบนทราบทันทีเลยครับ” หัวหน้าทีมพูด “พรุ่งนี้เช้า ผมจะทำการปิดล้อมเขาลูกนี้ให้เรียบร้อย”
“ขอบคุณ” นักพรตจางพูด
“เกรงใจไปแล้วครับ” หัวหน้าทีมพูด
เขารีบเดินทางกลับไปที่ตัวเมือง และทิ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้สองนาย พร้อมกับรถตำรวจอีกหนึ่งคัน เขายังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีก
“ท่านครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำงานร่วมกับพวกเขาใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“เราเคยทำงานร่วมกันมาก่อนหน้านั้นครั้งหนึ่งแล้ว” นักพรตจางพูด
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณแบบเดียวกันเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“อืม ใช่แล้วล่ะ” นักพรตจางพูด
“แล้วตอนนั้นเป็นยังไงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“อืม มันเป็นปีศาจที่โดดเดี่ยวน่ะ” หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง นักพรตจางก็พูดออกมา “มันไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับครั้งนี้หรอก”
ในคืนนั้นไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เช้าวันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเดินทางมาที่หมู่บ้านและทำการปิดการเข้าออกภูเขา
“แบบนี้มันจะดีเหรอครับ?” หวังเย้าพูด
“ดีสิ ถ้าเราไม่สามารถจัดการกับมันได้ และเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็จะต้องอพยพออกไป” นักพรตจางพูด
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ถ้าสิ่งนี้ไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้อง พวกมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้เลยล่ะ” นักพรตจางพูด “มันไม่ใช่สิ่งที่จะใช้วิธีการทั่วไปจัดการได้ อย่างพวกปืนหรือดาบก็ทำอะไรมันไม่ได้ด้วย”
“ศิษย์พี่ ฉันพร้อมแล้ว” นักพรตอีกคนพูด
“โอเค ขึ้นไปบนเขากันได้แล้ว” นักพรตจางพูด
หวังเย้าเดินขึ้นไปบนเขาพร้อมกับนักพรตเตาคนอื่นๆ ส่วนเมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางอยู่รอพวกเขาที่ตรงตีนเขา ครั้งนี้ พวกเขามีตำรวจอยู่เป็นเพื่อนด้วย
“พี่ เขาเป็นหมอนะ จะตามพวกนักพรตขึ้นไปทำไมกัน?” หลิวซื่อฟางถาม
“เขาไม่ได้เป็นแค่หมอหรอก หวังว่าครั้งนี้ พวกเขาจะสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้” เมี่ยวซานติงพูด
เขาเคยเห็นความสามารถในการรักษาของหวังเย้ามาแล้ว แต่เขาไม่รู้ความสามารถอย่างอื่นของหวังเย้า แต่เมื่อดูจากท่าทีที่นักพรตจางมีต่อหวังเย้าแล้ว เมี่ยวซานติงคิดว่า ความสามารถของหวังเย้าต้องไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้ว นักพรตจางคงไม่ขอคุยกับหวังเย้าเป็นการส่วนตัว