Elixir Supplier - ตอนที่ 736
736 สิงโตคำราม
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มจะชื่นชอบสาวงาม แม้แต่ขงจื้อยังเคยพูดเอาไว้ว่า ความต้องการในอาหารและเซ็กซ์คือธรรมชาติของมนุษย์ แต่คุณโฮ่วคนนี้ไม่ได้มีรสนิยมเหมือนคนทั่วไป
ผู้จัดการผับบอกกับหวังเย้าว่า ลูกชายคนที่สามของตระกูลโฮ่วทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้มากมาย และถึงขนาดมีคนตายเพราะเขามาแล้ว แบบนี้มันออกจะเกินไปสักหน่อย
เขาอยู่ที่นี่สินะ หวังเย้ายืนอยู่ตรงหน้าหมู่อาคารที่เป็นที่พักสุดหรูแห่งหนึ่ง ที่นี่อาจจะถือได้ว่า เป็นที่พักที่ดีที่สุดในเมืองเต๋าแล้ว เขาเดินเข้าไปภายในด้วยท่าทีสบายๆและตรงไปยังที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในย่านนี้
รถคันนั้นน่าจะมีราคาหลายล้านหยวน หวังเย้าที่มองดูรถคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ด้านนอกตัวบ้านคิดในใจ คนรวยนี่ช่างสรรหาความสุขกันจริงๆ
ภายในตัวบ้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงกับผู้หญิงอีกสองคน เขาดูเหมือนจะยุ่งมากด้วย
หืมมม ดูเหมือนเขาจะยุ่งอยู่ซะด้วย หวังเย้าเดินไปรอบๆตัวบ้านและรู้ได้ทันทีว่า ชายหนุ่มที่อยู่ภายในบ้านกำลังทำอะไรอยู่ มีเซ็กซ์กับผู้หญิงสองคนตอนกลางวันแสกๆเลยเหรอ? หื่นจริงๆ!
หวังเย้าไปยืนอยู่ที่จัดหนึ่งและมองเข้าไปด้านใน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และใช้ทักษะสิงโตคำรามที่ดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าผ่า
โฮกกกก!
เปรี๊ยะ! กระจกหน้าต่างชั้นแรกแตกกระจายในทันที
“อะไรกันวะ?” ชายหนุ่มที่อยู่ภายในตัวบ้านสบถออกมา
เขากำลังมีความสุขอยู่กับสาวสวยสองคน แต่อยู่ๆร่างกายของเขาก็ไร้เรี่ยวแรง ราวกับมีลมเย็นพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา แล้วเขาก็ตัวอ่อนทรุดลงไปนอนกองอยู่บนเตียง
ไม่นะ!
เขาเป็นพวกติดเซ็กซ์ แต่เขาสามารถทำกิจกรรมบนเตียงได้อย่างต่อเนื่องเพราะอายุที่ยังน้อย แล้วเขาก็ยังรู้จักการดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วย แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
“ใครมันมาตะโกนแถวนี้กันวะ?” เขาเริ่มโมโห
เขากระโดดลงจากเตียง แล้ววิ่งไปที่หน้าต่างทั้งๆที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว แต่เขากลับมองไม่เห็นใครเลย ทั้งหมดที่เขาเห็นมีแค่ต้นไม้ใบหญ้าและสุนัขตัวหนึ่ง
ไม่มีใครงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไงกัน?
บนเตียงคิงไซส์มีสาวงามอายุยี่สิบต้นๆกำลังนอนรอเขาอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
ลองตะโกนอีกรอบสิวะ เขาคิด แล้วเขาก็กลับไปที่เตียง แต่เขากลับไม่ตื่นตัวอย่างที่ต้องการ
“แม่งเอ้ย!” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“พวกเธอสองคนออกไปให้พ้น!” เขาตะคอกใส่หญิงสาวสองคนที่อยู่บนเจียง พวกเธอไม่ได้เอ่ยถามอะไรเขา และรีบใส่เสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะออกไปจากบ้าน
หวังเย้าที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านนอกตัวบ้าน เห็นหญิงสาวสองคนเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น พวกเธออาจจะยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมด้วยซ้ำ ทุเรศจริงๆ!
เขายังไม่จากไปไหน และยังรอคอยอยู่ที่จุดเดิม ไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากตัวบ้าน เขาสูงประมาณ 170 เซนติเมตร เขาเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงและหน้าตาดี
นั่นจะต้องเป็นเขาแน่ ถ้าไม่มีคนอย่างเขาอยู่ โลกก็คงจะกลายเป็นที่ที่ดีกว่านี้ หวังเย้าคิด
“แม่ง อย่าให้ฉันจับได้นะ” บุตรชายคนที่สามของตระกูลโฮ่วพูด
เขาสบถไปตลอดทางที่เดินออกจากตัวบ้าน เขากำลังจะเดินไปตรวจดูกล้องวงจรปิดเพื่อหาดูว่าใครที่มาตะโกนหน้าบ้านของเขา เขารู้สึกไม่พอใจในการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ พวกเขาควรจะทำงานให้ดีกว่านี้
“สวัสดี นี่ฉันเอง” เขาได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดกับเขาใกล้ๆ เสียงนั้นส่งผ่านรูหูเข้าไปยังส่วนสมองของเขา
“โอ๊ย!” เขากรีดร้องออกมา
ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว เขาใช้มือทั้งสองข้างกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะทันได้กรีดร้องออกมาอีกครั้ง เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ที่ลำคอของเขา เขาไม่สามารถส่งเสียงได้เลย แล้วเขาก็หมดสติไปทันที
หวังเย้าแบกเขาเข้าไปในตัวบ้าน ราวกับกำลังหิ้วไก่ตัวหนึ่ง แล้วเขาก็เดินดูด้านในของตัวบ้าน
เขาพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งและฮาร์ดดิสก์แบบพกพาอยู่ภายในห้องนอน สิ่งที่เขียนอยู่ในสมุดบันทึกล้วนเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยง บุตรชายคนที่สามของตระกูลโฮ่วได้เขียนรายละเอียดของผู้หญิงที่เขาออกเดทด้วย รวมไปถึงวิธีการที่พวกเขามีเซ็กซ์กันก็ถูกเขียนในสมุดบันทึกเล่มนั้น
หวังเย้าเปิดอ่านสมุดบันทึกคร่าวๆ และพบว่า ผู้หญิงหลายคนถูกบังคับหรือวางยาเพื่อให้มีอะไรกับคุณชายโฮ่วคนนี้ รายละเอียดต่างๆถูกเขียนเอาไว้ในสมุดเล่มนี้ทั้งหมด
สมุดเล่มนี้น่าจะใช้ประโยชน์ได้ หวังเย้าคิด
เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ที่เขาได้วางร่ายไร้สติคุณชายโฮ่วเอาไว้ หวังเย้ากดจุดตามส่วนต่างๆบนร่างกายของชายหนุ่ม
“ได้เวลาที่นายต้องชดใช้กรรมบ้างแล้ว” หวังเย้าพูด ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตัวบ้าน
ในขณะเดียวกัน ซุนหยุนเชิงที่เพิ่งเสร็จจากงานก็กำลังเดินออกมาจากตัวตึก คนขับรถของเขายืนพิงตัวรถในขณะที่กำลังรอคอยเขา ทันทีที่ซุนหยุนเชิงเข้าไปนั่งในรถ ก็มีห่อของพุ่งเข้ามาจากด้านนอกโดยไม่รู้ที่มา และตกอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ
“ระวัง!” บอดี้การ์ดกระโดดเข้าไปขว้างตรงหน้าเขา
คนที่อยู่ใกล้ๆต่างตกใจและพากันหันไปมองซุนหยุนเชิง
“อะไรน่ะ?” เขาถาม
บอดี้การ์ดเปิดห่อของออกดู และพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งกับฮาร์ดดิสก์แบบพกพาอยู่ภายในนั้น
“นี่มันอะไรกัน?” ซุนหยุนเชิงขมวดคิ้ว แล้วหยิบของสองอย่างนั้นขึ้นมาดู “ไปกันเถอะ”
เขาตรวจสอบข้อมูลที่อยู่ในสมุดและฮาร์ดดิสก์ จากนั้น เขาก็ใช้ความคิดอยู่นาน เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าคุณชายโฮ่วเป็นคนแบบไหน ความจริง เขาได้เคยส่งคนแอบติดตามคุณชายโฮ่วมาก่อน ทำให้เขารู้ว่าคุณชายโฮ่วสนใจเรื่องอะไรบ้าง แต่เขาไม่ได้หลักฐานอะไรสักอย่าง
ใครเป็นคนเอามาให้ฉันกัน? แล้วเพราะอะไร? ซุนหยุนเชิงคิด
หลักฐานสองชิ้นนี้มีประโยชน์อย่างมาก แต่เขาก็ต้องเสี่ยงกับการล้มไปด้วยกันกับตระกูลโฮ่ว เขาไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ดังนั้น เขาจึงนำของเหล่านี้ไปให้พ่อของเขาดู
“ลูกไปได้มันมาจากที่ได้?” หลังจากได้ฟังซุนหยุนเชิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซุนเจิ้งหรงก็เอ่ยถามออกมา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ?” ซุนหยุนเชิงพูด
“ตอนนี้พ่อจะเก็บเอาไว้ก่อน พวกมันมีประโยชน์ก็จริง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากนัก มันยังไม่ใช่เวลาที่จะเป็นศัตรูกับพวกเขา” ซุนเจิ้งหรงพูด
“เข้าใจแล้วครับ” ซุนหยุนเชิงพูด เขาไม่ได้เชื่อมโยงเรื่องนี้ไปถึงหวังเย้าเลยแม้แต่นิดเดียว
หวังเย้านั่งรถบัสกลับไปที่ห่ายชิว เขาคิดว่า ตัวเขาไม่สามารถช่วยตระกูลซุนไปได้มากกว่านี้แล้ว แล้วเขาก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับพวกเขาด้วย
ภายในบ้านหลังหนึ่ง คุณชายโฮ่วค่อยๆได้สติขึ้นมา เขายังคงมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและมองเห็นภาพซ้อน
“ฉันอยู่ที่ไหน?” เขาใช่เวลาสิบนาทีเพื่อให้มีสติเต็มร้อย และรู้ว่าเขากำลังอยู่ภายบ้านของตัวเอง
มันเป็นใครกัน? เขาคิดถึงชายที่เขาเพิ่งเจอและน้ำเสียงของชายคนนั้น คุณชายโฮ่วหมดสติไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งภายในห้องนั่งเล่นของตัวเอง เขาไม่มีโอกาสได้มองชัดๆด้วยซ้ำว่าใบหน้าของหวังเย้าเป็นยังไง
มันเป็นใคร? หรือจะเป็นคนจากตระกูลซุน? สาเหตุอันดับแรกที่เขามาที่เมืองเต๋าก็เพื่อสร้างความลำบากให้กับซุนเจิ้งหรง แล้วเขาก็ยึดเอาบริษัทขนาดใหญ่ของซุนเจิ้งหรงมาโดยที่ไม่จ่ายเงินแม้แต่หยวนเดียว
ไม่ พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะล้มจมไปกับตระกูลของฉันหรอก
เขาที่เป็นเสือผู้หญิง และยังเป็นคนที่ฉลาดมากด้วย
“โอ๊ย!” อยู่ๆเขาก็รู้สึกปวดแปล็บที่ศีรษะและหน้าท้อง ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังก่อกวนอยู่ภายในของเขา
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
เขาเหงื่อท่วมตัวจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จากนั้นไม่นาน เขาก็ไม่สามารถอดทนกับความเจ็บปวดได้อีกต่อไป เขากดหมายเลขรถพยาบาลด้วยมือที่สั่นเทา
หลังจากเข้ารับการตรวจกับทางโรงพยาบาลอย่างละเอียดแล้ว แพทย์ก็ได้บอกกับเขาว่า เขามีอาการเส้นเลือดกระตุกและกระเพาะกับลำไส้อักเสบ
“มีแค่นี้เหรอ?” คุณชายโฮ่วถาม
“มีแค่นี้ครับ” แพทย์พูด
ทำไมอยู่ๆฉันถึงเป็นเส้นเลือดกระตุกได้? ทั้งๆที่ฉันไม่เคยเป็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เขารับผลตรวจมาจากแพทย์และกลับไปที่บ้าน ทันทีที่เขาก้าวขาเข้าไปในบ้าน เขาก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงไปกองกับพื้น
…
“อ้าว ลูกกลับมาแล้ว” ทันทีที่เห็นหน้าลูกชาย จางซิวหยิงก็เอ่ยทักทายเขา
หวังเย้ามาถึงที่บ้านตอนบ่ายสี่โมง พ่อและแม่ของเขาต่างก็อยู่ที่บ้านกันทั้งคู่
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่าจ๊ะ?” แม่ของเขาถาม
“ครับ แล้วที่บ้านไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่มีจ๊ะ ปกติดีทุกอย่าง” แม่ของเขาพูด “เย็นนี้ลูกอยากจะกินอะไรดีจ๊ะ?”
“แมไม่ต้องออกไปซื้อของข้างนอกหรอกครับ ผมเอาของมาฝากแม่ด้วย” หวังเย้าชูของที่อยู่ในมือให้แม่ของเขาดูและยิ้มออกมา
ระหว่างทางกลับมาที่บ้าน เขาบังเอิญเจอเข้ากับคนขายปลา ตัวปลาดูสดใหม่มาก ดังนั้น เขาจึงซื้อปลาตัวใหญ่กลับมาที่บ้านด้วยตัวหนึ่ง
“วิเศษไปเลย ถ้าอย่างนั้นแม้จะเอาไปทำซุปให้ลูกกินนะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด
“ขอบคุณครับแม่ ผมขอไปที่คลินิกหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะกลับมา” หวังเย้าพูด
ในตอนที่กำลังเดินไปบนถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างทิศเหนือกับทิศใต้ของหมู่บ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยังคลินิกนั้น หวังเย้าก็เห็นรถคันหนึ่งจอดรอเขาอยู่ที่ด้านหน้าคลินิก หมายเลขบนป้ายทะเบียนรถแสดงให้เห็นว่า รถคันนี้มาจากจังหวัดอื่น
เขาปลดล็อกประตูและเดินเข้าไปด้านใน
“ในที่สุด เขาก็กลับมาแล้ว!” ชายคนหนึ่งลงมาจากรถที่จอดอยู่ด้านนอกคลินิก และเดินเข้าไปเคาะประตู ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน
“สวัสดีครับ หมอหวัง” ชายคนนั้นพูด
“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“โอ้ ไม่ใช่ผมหรอกครับที่ต้องการมาพบคุณ ผมแค่อยากรู้ว่า พรุ่งนี้เช้าคุณจะอยู่ที่คลินิกรึเปล่าเท่านั้นเองครับ” ชายคนนั้นพูด
“ครับ พรุ่งนี้ผมอยู่ที่คลินิก” หวังเย้าตอบ
“เยี่ยม ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เช้าผมจะกลับมาที่นี่พร้อมกับคนไข้นะครับ” ชายคนนั้นพูด
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
ชายคนนั้นกับคนไข้มารออยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้สองวันแล้ว ถ้าหากหวังเย้ายังไม่กลับมา พวกเขาก็กำลังคิดว่าจะจากไปแล้ว
“เขายังดูเด็กอยู่เลย” หลังจากที่เดินออกมาจากคลินิกแล้ว เขาก็พึมพำออกมา “รักษาเก่งจริงรึเปล่าก็ไม่รู้”