Elixir Supplier - ตอนที่ 743
743 ผมไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาป่วย
“นายมันป่วย ป่วยกันทั้งบ้านเลย!”
เขาส่งเสียงตะคอกออกมาด้วยความโมโห ความโกรธพุ่งพรวดจนทำให้หัวร้อน ถ้าเขาอยู่ที่เมืองเต๋าละก็ เขาคงจะจัดการหวังเย้าไปแล้ว
“ตอนนี้ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว หมอช่วยยกเลิกมันจะได้ไหม?” เขาถามเสียงค่อย โดยพยายามที่จะกดอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้
“คิดให้ดีนะครับ” หวังเย้าพูด “การที่ผมจะยกเลิกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าคุณต้องจะกลับมารักษาทีหลัง มันจะยากมาก!”
“ผมคิดดีแล้ว” เขาพูด
“ไม่เสียใจทีหลังแน่นะครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่มีทาง” เขาพูด
“ก็ได้ ผมจะยกเลิกให้คุณ” หวังเย้ากดไปที่หน้าท้องของเขา “เรียบร้อย”
ชายคนนั้นรู้สึกถึงความอุ่นที่เกิดขึ้นภายในช่วงท้องของเขา และมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว “เสร็จแล้วเหรอ?” เขาดูจะไม่เชื่อสักเท่าไร
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ?” หวังเย้าถามกลับ “ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณก็ลองทดสอบดู แต่ผมแนะนำให้คุณทนไว้ก่อน เพราะความสุขเพียงสั้นๆ อาจจะทำให้ครึ่งชีวิตที่เหลือของคุณต้องจมอยู่กับความเสียใจก็เป็นได้”
“เท่าไหร่?” เขาถาม
“อะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็ค่ารักษายังไงล่ะ?” เขาพูด
“โอ้ ช่างมันเถอะครับ การจะเดินมาถึงที่นี่คงจะไม่ง่ายสำหรับคุณเท่าไหร่” หวังเย้ายิ้มและโบกมือปฏิเสธ
“ช่างมันงั้นเหรอ?!” เขามีท่าทีอึ้งไป
เขาคิดว่า หวังเย้าคิดจะใช่สถานการณ์นี้ในการเบลคเมลเขา ที่เลวร้ายที่สุด เขาก็อาจจะต้องเสียเงินพันหยวนที่ได้จากหวังเย้าครั้งที่แล้วไป แต่เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ในเวลานี้ เขาจึงอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า หรือเขาจะคิดผิด? หมอแค่อยากจะรักษาฉัน และไม่ได้มีอะไรแอบแฝงอยู่เลย?
“มีอะไรอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไร ขอบคุณ” เขาพูด
“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด
อยู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เธอมีอายุประมาณสี่สิบ และมีท่าทางดูดี เธอถามออกไปว่า “สวัสดีค่ะ คุณคือหมอหวังใช่ไหมคะ?”
“ผมเองครับ” หวังเย้าพูด
“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” เธอพูด “คุณหมอสามารถไปรักษาคนไข้ข้างนอกได้ไหมคะ?”
“ที่ไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ปักกิ่งค่ะ” เธอตอบ
หวังเย้าตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิด “ไม่ครับ”
“ทำไมล่ะคะ?” เธอถาม
“มันไกลเกินไป แล้วผมก็ไม่อยากไปด้วย” เหตุผลของหวังเย้านั้นเรียบง่ายมาก และออกจะเอาแต่ใจเล็กน้อยด้วย
“ฉันสามารถจัดการการเดินทางไม่ให้คุณรู้สึกเบื่อได้นะคะ” เธอพูด
“ไม่ครับ” หวังเย้าคิดว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกับชายที่มาหาเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน
“คุณหมอสามารถเรียกร้องค่ารักษาได้ตามต้องการเลยนะคะ ฉันไม่มีทาวปฏิเสธแน่นอน” เธอพูด
“ไม่ครับ แล้วผมก็ไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว” หวังเย้าโบกมือปฏิเสธ
เขาสัมผัสได้ท่าทางที่เหนือกว่าคนอื่นและการแสดงอำนาจจากสายตาของเธอ และมันทำให้เขาอดรู้สึกรังเกียจขึ้นมาไม่ได้
สุดยอดไปเลย!
ชายจากเมืองเต๋าที่เพิ่งจะรักษาเสร็จ และยังคงไม่ไปไหน ก็ต้องตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า เขาไม่เคยเห็นหมอที่สุดยอดแบบนี้มาก่อน แล้วยังมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ด้วย แม้แต่คนจากปักกิ่งก็ยังเดินทางมาเพื่อพบเขา
เดี๋ยวนะ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีความสามารถมากหรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ที่บอกว่าฉันป่วยก็เป็นเรื่องจริงน่ะเหรอ?
“อ้าว ทำไมคุณยังไม่ไปอีกล่ะครับ?” หวังเย้ามองไปที่เขา “หรือจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว?”
“เปล่าๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาพูด
ถึงเขาจะรู้สึกสงสัย แต่เขาก็ไม่อยากทรมานแบบนั้นอีกแล้ว เขาเดินออกไปและทิ้งหวังเย้ากับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ในห้อง
“ลูกชายของฉันป่วยหนักมาก คุณหมอช่วยรักษาเขาได้ไหมคะ?” นี่เป็นอีกวิธีการหนึ่งของเธอ แต่น้ำเสียงของเธอไม่ได้อ่อนลงเลยสักนิด
หวังเย้าไม่พูดและโบกมือปฏิเสธ
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากถามออกไปว่า “ฉันพาเขามารักษาที่นี่จะได้ไหมคะ?”
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูด
หลังจากเดินออกมาแล้ว เธอก็เอ่ยออกมาด้วยความโมโหว่า “นี่มันหมอประเภทไหนกัน! ไม่รู้ว่าจะเก่งสักแค่ไหน แต่กลับทำตัวอวดดีจริงๆ!”
ถ้าไม่ใช่ว่าเธอต้องการบางอย่างจากเขาละก็ เธอคงจะสร้างเรื่องลำบากให้เขาไปแล้ว
แน่นอนว่า เธอไม่มีทางรู้เลยว่า หวังเย้าที่อยู่ภายในคลินิกจะได้ยินคำพูดทั้งหมดของเธอ
“โอ้ อารมณ์ร้ายจริงๆ!” หวังเย้าถากถาง
อยู่ๆเขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ถึงผู้หญิงคนนั้นจะพาคนไข้มาหาเขา เขาก็จะไม่ยอมรักษาให้
เธอมาเร็วไปเร็ว ในวันเดียวกันนั้น เธอก็กลับไปถึงปักกิ่งและไปพบกับแพทย์ที่รับหน้าที่ดูแลลูกชายของเธอ
“อะไรนะ? จะออกจากโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ?” แพทย์ตกใจ “คุณนายหลี่ ตอนนี้เขาป่วยหนักมากนะครับ!”
“ฉันรู้” เธอพูด “ฉันจะรับผิดชอบปัญหาทุกอย่างที่ตามมาเอง”
“ก็ได้ครับ ผมจะจัดการเรื่องเอกสารให้” แพทย์พูด
วันต่อมา พวกเขาบินด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปยังเมืองเต๋าพร้อมกับแพทย์ประจำตระกูล และขับรถต่อไปยังหมู่บ้านกลางเขา พวกเขาไปถึงที่นั่นในตอนกลางวัน และภายในคลินิกมีคนไข้อยู่หลายคน
หลายคนที่ติดตามมารู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป พวกเพียงแค่คิดว่า ทำไมเธอถึงมาที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้?
“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” เธอเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้
“สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด
“ฉันพาลูกชายของฉันมาแล้วค่ะ” เธอพูด “ตอนนี้ เขาอยู่ข้างนอก”
“คุณเอาบัตรคิว แล้วก็รอตามคิวได้เลยครับ” หวังเย้าชี้ไปที่แผ่นไม้ที่ห้อยอยู่ที่กำแพง
“อะไรนะ?” เธอมีท่าทางตกตะลึง
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเธอ ในการเดินทางมาที่หมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ แถมยังต้องทำตามกฎแบบนี้อีก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเดินไปหยิบแผ่นไม้ จากนั้นก็นั่งรอตามคิว ใบหน้าของเธอไม่สามารถเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ได้อีกต่อไป
คนที่มารอพร้อมกับเธอกระซิบกระซาบกัน “คุณนายโกรธแล้ว เรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่”
มีสองคนที่รอคิวอยู่ด้านหน้าของเธอ พวกเขามีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย นั่นก็คืออาการปวดศีรษะ หวังเย้ารักษาพวกเขาด้วยการฝังเข็ม แล้วอาการของพวกเขาก็ดีขึ้นในทันที
เขามีฝีมืออยู่พอตัว เธอที่กำลังนั่งรออยู่เงียบๆคิดในใจ
ในที่สุดก็ถึงตาของเธอ เธอเดินเข้ามาพร้อมกับเข็นรถเข็นที่มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่
เป็นเขา!
เมื่อได้เห็นชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น หวังเย้าก็อึ้งไป เขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับคนคนนี้ เขาก็คือชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในวิลล่าที่เมืองเต๋า หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สาเหตุที่ชายหนุ่มคนนี้ป่วยก็เป็นฝีมือของหวังเย้าเอง
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่สามารถรักษาคุณชายของคุณได้” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณรักษาไม่ได้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ตรวจอะไรเลย?” เธอถาม
“ไม่จำเป็นต้องตรวจดูหรอกครับ” หวังเย้าพูดเสียงเย็น “ผมรักษาเขาไม่ได้ แล้วเขาก็อาการหนักมากด้วย”
นอกจากอาการป่วยที่เกิดจากฝีมือของหวังเย้าแล้ว เมื่ออยู่ที่เมืองเต๋า หวังเย้ายังสังเกตเห็นด้วยว่าชายหนุ่มยังมีอาการบาดเจ็บอื่นอีก อาการบาดเจ็บเหล่านั้นล้วนเกิดจากการที่เขาได้ทำเรื่องไม่ดีบางอย่างมา ที่หวังเย้าทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัสก็เป็นเพราะว่า เขาโมโหมากและอยากจะช่วยตระกูลซุน
“เขาเพิ่งป่วยมาได้ไม่กี่วันเองนะคะ” เธอพูด
“โรคบางชนิดที่จะแสดงอาการเมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งแล้ว” หวังเย้าพูด “เมื่อมันปะทุออกมา ก็จะมีความรุนแรงไม่ต่างจากแผ่นดินไหวและน้ำท่วม พวกมันไม่สามารถหยุดยั้งได้ และนั่นก็กำลังเกิดขึ้นกับเขาอยู่ในตอนนี้”
“ดังนั้น คุณเลยช่วยอะไรเขาไม่ได้?” เธอถาม
“ไม่ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“คุณสามารถรักษาซูเสี่ยวซวีได้ แต่กลับรักษาเขาไม่ได้” เธอรู้สึกว่า หวังเย้าเพียงแค่หาข้ออ้าง เพราะไม่อยากรักษาลูกชายของเธอมากกว่า
“คุณรู้จักเสี่ยวซวีด้วยเหรอ?” หวังเย้าประหลาดใจที่เธอเอ่ยชื่อเสี่ยวซวีขึ้นมา
“ฉันเคยอุ้มเธอตอนที่เธอยังเป็นเด็ก” เธอพูด
“ที่อาการป่วยของเสี่ยวซวีสามารถหายได้” หวังเย้าพูด “ก็เป็นเพราะว่าเธอมีโชคที่ยิ่งใหญ่ ส่วนอาการคุณชายของคุณนั้น ผมเสียใจด้วย!”
เขาไม่คิดจะยกเว้น เพียงเพราะผู้หญิงคนนี้รู้จักกับซูเสี่ยวซวีหรือญาติคนใดคนหนึ่งของเธอ ท่าทีของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดีเลย และลูกชายของเธอก็แย่ยิ่งกว่า เขาสมควรได้รับการลงโทษ
เธออดไม่ไหวอีกต่อไปและถามออกไปว่า “หมอหวัง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณกำลังสร้างความลำบากใจให้ฉันอยู่?”
“แปลกนะครับที่คุณพูดแบบนี้ออกมา ทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้จักคุณเลยด้วยซ้ำ” หวังเย้าพูด “ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไร แล้วพวกเราก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันด้วย แล้วทำไมผมจะต้องสร้างความลำบากให้กับคุณด้วยครับ?”
“หมอรักษาลูกชายของฉันไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ?” เธอถาม
“ถูกต้องครับ” หวังเย้าพูดอย่างใจเย็น
“ดี ดี!” เธอลุกขึ้นและจ้องไปที่หน้าของหวังเย้า เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและจากไปพร้อมกับลูกชายของเธอ “ไปกันเถอะ”
“จุ๊ๆๆ อารมณ์ของเธอแปรปรวนจริงๆ” หวังเย้าพูด “เทียบกับแม่ของเสี่ยวซวีไม่ได้เลย”
หลังเดินออกมาจากคลินิกและขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถสงบใจลงได้และกดโทรออก
“คุณลุงคะ ฉันมีปัญหาที่นี่ค่ะ” เธอพูด “ใช่ค่ะ เขาไม่รักษา คุณลุงพอจะช่วยพูดกับเขาให้หน่อยสิคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับมาเถอะ” หลี่เชิงหรงพูด
“แล้วอาการป่วยของชื่อต๋าล่ะคะ?” เธอถาม
“ฉันช่วยพูดให้ไม่ได้หรอก” หลี่เชิงหรงพูดอย่างไร้หนทาง “ถ้าเขาบอกว่า เขารักษาไม่ได้ก็แปลว่าไม่ได้ มาคิดหาวิธีอื่นกันดีกว่า”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอกดวางสายพร้อมกับใบหน้าที่ดำคร้ำ