Elixir Supplier - ตอนที่ 757
757 อย่าจริงจังกับคําสัญญา
“ยูนนานใต้?” หวังเย้าพึมพำ
เขาเขียนรายละเอียดอาการของคนไข้เอาไว้อย่างละเอียด แมลงพิษที่อยู่ในร่างกายของเขานั้นพบเจอได้ยาก พวกมันต่างจากแมลงที่อยู่ภายในตัวของเว่ยห่าย และสาเหตุของเว่ยห่ายก็มาจากการที่เขากินอาหารทะเลสดๆเป็นจํานวนมาก ส่วนแมลงพิษในร่ายกายของชายคนนี้อาจมีสาเหตุจากการถูกวางยา
“ดูเหมือนว่าจะมีอยู่จริงสินะ” หวังเย้าพูด
หลังออกมาจากคลินิกแล้ว เขาก็เดินทางเข้าตัวเมืองเหลียนชาน เขาเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งและจัดการเทตัวยาบางส่วนออกมาด้วยท่าที่ลังเล เขาหาขวดเปล่าเพื่อเก็บตัวยาส่วนหนึ่งเอาไว้ จากนั้นก็ดื่มยาที่เหลือลงไป
“ขอให้ได้ผลเถอะ” เขาพูด
เขามาที่นี่พร้อมกับความหวัง ไม่นาน เขาก็เริ่มรู้สึกปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ
“เกิดอะไรขึ้น? มันเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว!” เขาครวญคราง
เขารีบเข้าไปในห้องน้ำ แต่กลับไม่มีสิ่งใดออกมา เขาแค่รู้สึกเจ็บเท่านั้น และมันเจ็บมากด้วย เขานึกถึงคําพูดของหวังเย้าขึ้นมา หวังเย้าได้บอกกับเข้าเอาไว้ว่า หลังจากที่ดื่มยาเข้าไปแล้ว เขาจะรู้สึกเจ็บท้อง
มันคืออาการที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ใช่ไหม? มันเจ็บสุดๆไปเลย!
เขากัดฟันแน่น ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านและมีเหงื่อซึมออกมาไม่หยุด หลังจากผ่านไปสักพักความเจ็บปวดก็ขึ้นขีดสุด เขานอนงอตัวราวกับกุ้งอยู่บนเตียง
ฉันควรไปโรงพยาบาลดีรึเปล่า? แล้วทําไมฉันไม่ขอเบอร์ติดต่อของหมอมาด้วยเล่า? ไม่ได้การแล้ว! ฉันต้องรีบไปหาหมอโดยด่วน
เขาพยายามข่มความเจ็บเอาไว้และลุกออกจากเตียง จากนั้นเขาก็พร้อมที่จะออกไปจากห้อง แต่แล้วเขาก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา เขาหยุดสิ่งที่จะทําและรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที
ทันทีที่เขาถอดกางเกง เขาก็เริ่มมีอาการท้องเสีย เขาถ่ายไม่หยุดจนเกือบจะทํากางเกงของตัวเองเปื้อนเข้า แล้วอยู่ๆภายในห้องน้ำก็เต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์
นี่มันแย่มาก!
เขาอดทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ในที่สุด เขาก็กดชักโครก
ให้ตายเถอะ!” เขาเดินออกจากห้องน้ำอย่างอ่อนแรง
เขาถ่ายเอาแมลงที่ตายแล้วออกมาเป็นจํานวนมาก เขากลั้นหายใจและสังเกตดูแมลงเหล่านั้น พวกมันดูต่างจากพวกที่เขาเคยอาเจียนออกมาในครั้งก่อน เพราะตอนนี้พวกมันต่างก็ตายแล้ว
หญ้าพิษสามารถจัดการกับแมลงหรือหนอนที่มีพิษได้ มันไม่ปล่อยให้แมลงตัวไหนเหลือรอดไปได้
“ตอนนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” เขาพึมพํา
เมื่อถ่ายเอาแมลงเหล่านั้นออกไปแล้ว อาการเจ็บท้องก็ค่อยๆบรรเทาลง ตัวเขามีกลิ่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เขาเดินกลับไปนอนที่เตียง เขาต้องการการพักผ่อน ความหวาดวิตก ความกลัว และการเดินทางไกลทําให้เขาเหนื่อยล้า
ไม่นาน เขาก็หลับไปและไม่ตื่นไปจนกระทั่งถึงกลางดึก เขาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเจ็บท้อง แล้วเขาก็วิ่งเข้าห้องน้ำอีกครั้ง เขามีอาการท้องเสียอีกรอบ เขาออกมาจากห้องน้ำก็เป็นตอนสี่ทุ่มแล้ว
เขาหาอะไรกินรองท้อง แล้วก็รออยู่ครู่หนึ่งก่อนดื่มยาอีกครั้ง หลังจากนั้น เขาก็นอนลงและหลับยาวไปจนเช้าของอีกวัน
เขาตื่นขึ้นมาเพราะแสงจ้าของดวงอาทิตย์ เขาใช้แขนยันตัวลุกขึ้น เขายังคงมีอาการเหนื่อยอ่อน และรู้สึกตัวหนัก ซึ่งเป็นอาการปกติหลังจากที่ถ่ายท้องอย่างหนักทั้งยังอาเจียนอีกด้วย
หลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทานอาหารเป็นกิจจะลักษณะ และมีชีวิตอยู่กับความวิตกกังวลเพราะจนเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ ฉันคงต้องหาอะไรกินสักหน่อยแล้ว
เขาเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ภายในกระจกดูซีดเซียว เขาบอกกับตัวเองว่า “อดทนเข้าไว้!”
อาหารเช้าถูกจัดเตรียมโดยทางโรงแรม หลังจากที่ได้ทานอะไรเข้าไปบ้างแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขาจึงทานได้มากขึ้น หลายวันมานี้เขาไม่ค่อยได้ทานอาหารที่ดีสักเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะกินอะไรเข้าไป เขาก็จะอาเจียนออกมาจนหมด ตลอดการเดินทางมาที่เหลียนชาน เขาไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกแข็งแรงขึ้น เขากลับไปที่ห้องและเดินไปนั่งตรงหน้าต่าง เขามองดูภาพตัวเมืองทางเหนือที่ไม่คุ้นตาผ่านทางหน้าต่าง
ไม่รู้ว่าที่บ้านจะเป็นยังไงกันบ้าง เขาคิด
ขณะเดียวกันนั้น ภายในหมู่บ้าน จงหลิวชวนก็กําลังคุยอยู่กับเจี๋ยจื้อจาย
“เป็นไงบ้าง?” จงหลิวชวนถามด้วยรอยยิ้ม
เจี๋ยจื้อจายที่ถูกมัดอยู่ “ฉันไม่อยากคุยกับนาย”
“ดูเหมือนนายจะสบายดีสินะ” จงหลิวชวนพูด “ทําไมไม่แกล้งแสดงต่อแล้วล่ะ?”
ในมือของเขามีสมุดอยู่เล่มหนึ่ง ตลอด 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา เขาได้จดบันทึกอาการของเจี๋ยจื้อจาย ตั้งแต่เริ่มมีอาการจนกระทั่งเริ่มฟื้นตัวเอาไว้อย่างละเอียด
“ยาที่หมอหวังที่มีชื่อว่าอะไรเหรอ?” เจี๋ยจื้อจายถาม
“ผงสลายกล้ามเนื้อ” จงหลิวชวนตอบ
“อืมม ชื่อดี” เจี๋ยจื้อจายพูด “เอาบุหรี่ให้ฉันสักมวนได้ไหม?”
จงหลิวชวนจุดบุหรี่แล้วยื่นให้เขา
“ขอบใจ” เจี๋ยจื้อจายพูด
“ไม่เป็นไร” จงหลิวชวนพูด
“เรามาคุยกันสักหน่อยเป็นไง?” เจี๋ยจื้อจายถาม
“มีอะไรก็พูดมา แต่ห้ามขอให้ฉันปล่อยนายไป” จงหลิวชวนพูด
“ฉันไม่ได้จะขอให้นายปล่อยฉันสักหน่อย” เจี๋ยจื้อจายพูด “นายช่วยคุยกับหมอหวังให้หน่อยได้ไหม ว่าฉันอยากให้เขาสอนกังฟูให้ฉัน?”
“อะไรนะ?” จงหลิวชวนตกใจและใช้ความคิด “นี่นายกําลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”
ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ” เจี๋ยจื้อจายพูด “ฉันชอบหมู่บ้านนี้ แล้วก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย”
“เอาล่ะ งั้นฉันขอถามอะไรนายสักอย่าง” จงหลิวชวนพูด เจี๋ยจื้อจายไม่ได้พูดอะไร เขาทําเพียงสูบบุหรี่เงียบๆเท่านั้น
“นายเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักใช่ไหม?” จงหลิวชวนถาม
“ใช่” เจี๋ยจื้อจายตอบ
บริษัทของพวกเขาค่อนข้างประหลาด แกนหลักของบริษัทมีสมาชิกหลักรับผิดชอบอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อไหร่ที่ต้องทําการตัดสินใจในเรื่องสําคัญ พวกเขาเหล่านั้นจะมาพบกันและทําการออกเสียง พวกเขาทํามันอย่างเป็นทางการ ดังนั้น สมาชิกหลักของทุกคนจึงมีอํานาจภายในบริษัทค่อนข้างมาก
“อืม ฉันไม่ได้มีอํานาจอย่างที่นายคิดหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้เข้ากันได้ดีกับสมาชิกทุกคนด้วย” เจี๋ยจื้อจายพูด “ฟังนะ ตอนนี้ฉันหายมาตั้งหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครในบริษัทออกมาตามหาเลยสักคน บางทีพวกเขาอาจจะอยากให้ฉันหายไป เพื่อที่จะได้ตั้งสามชิกใหม่ขึ้นมาแทนฉันยังไงล่ะ”
“ไร้สาระ” จงหลิวชวนพูด “นายคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเลยหรือยังไง? ทั้งนายยังรู้มากเกินไป ที่ฉันมีปัญหาอย่างตอนนี้ ก็เพราะฉันบังเอิญไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า แล้วตัวนายที่รู้มากกว่าฉัน นอกจากความตาย นายคิดเหรอว่าพวกเขาจะยอมปล่อยนายไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่น่ะ?”
“ฉันป่วย แล้วก็เบื่องานของฉันแล้ว” เจี๋ยจื้อจายพูด “ฉันเหนื่อยกับการฆ่าคน ฉันคิดว่า มันคงจะดีถ้าได้นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นและลงอยู่ที่บ้าน เหมือนอย่างที่ฉันทําอยู่ในตอนนี้ยังไงล่ะ”
“อืม เรื่องที่สอง ฉันได้ยินมาว่า นายมีผู้หญิงเก็บเอาไว้อย่างน้อยแปดคน” จงหลิวชวนพูด
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง! ไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด” เจี๋ยจื้อจายพูด
“ไม่ใช่ว่าหนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกหลักหรอกเหรอ?” จงหลิวชวนพูด
“เฮ้อ ดูเหมือนว่านายจะพูดถูกนะ” เจี๋ยจื้อจายถอนหายใจ
จงหลิวชวนพูดต่อ “เรื่องที่สาม…”
“นี่นายมีกี่เรื่องกันแน่?” เจี๋ยจื้อจายถาม
“นี่เป็นเรื่องสําคัญที่สุด ฉันคิดว่า หมอหวังคงไม่รับนายเป็นศิษย์หรอก” จงหลิวชวนพูด
“ทําไมก่อนหน้านี้ ฉันถึงมองไม่ออกว่านายเป็นคนน่าสนใจแบบนี้นะ?” เจี๋ยจื้อจายถามพร้อมหยิบก้นบุหรี่ทิ้ง สีหน้าดูไร้ชีวิตชีวาอยู่ๆหวังเย้าก็เดินเข้ามา
“สวัสดีครับ หมอหวัง” จงหลิวชวนพูด
“ว่าไง หลิวชวน คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยสินะ” หวังเย้าพูด “คุณเจี๋ย เป็นยังไงบ้างครับ?”
หลายวันมานี้ เขาแวะมาที่นี่อยู่หลายครั้ง เพื่อสังเกตผลจากตัวยาที่ให้กินเข้าไป
“ไม่เลว ฉันยังพอมีแรงเหลืออยู่” เจี๋ยจื้อจายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“คุณมีความสุขกับชีวิตที่นี่อยู่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“นายกําลังเยาะเย้ยฉันอยู่ใช่ไหม?” เจี๋ยจื้อจายหันหน้าไปมองเขา
“ผมกําลังคิดว่า จะจัดการเรื่องคุณยังไงดี” หวังเย้าพูด “ถ้าผมปล่อยคุณไป คุณก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่สําหรับผม ผมได้ยินจากหลิวชวนว่า ถ้าใครทําให้คนในบริษัทของคุณไม่พอใจ พวกเขามักจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่เสมอ แต่การเก็บคุณไว้ที่นี่ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกที่ควร ดูเหมือนว่า วิธีที่ดีที่สุดก็คือจัดการคุณโดยไม่ให้ใครรู้”
“นายเคยฆ่าคนมาก่อนไหม?” เจี๋ยจื้อจายถามเสียงเรียบ
“ครับ” หวังเย้าพูด
“ฉันถามได้ไหม ว่านายฆ่าทําไม?” เจี๋ยจื้อจายถาม
“พวกเขาคิดร้ายกับครอบครัวของผม” หวังเย้าตอบ
“อ้อ” เจี๋ยจื้อจายพูด “ฉันรู้ว่านายคงไม่เชื่อคําพูดของฉัน แต่ฉันก็อยากจะบอกนายว่า ถ้านายปล่อยฉันไป คนจากบริษัทจะไม่แก้แค้นนายแน่ ฉันจะฆ่าทุกคนที่คิดสร้างปัญหาให้นาย”
“ผมขอคิดดูก่อนนะ” หวังเย้าพูดในขณะที่กําลังลุกขึ้นยืน
เขากับจงหลิวชวนเดินออกไปจากห้อง
“หมอหวัง ผมว่า ฤทธิ์ของผงสลายกล้ามเนื้อเริ่มลดลงแล้ว” จงหลิวชวนพูด
“ใช่” หวังเย้าพูด “มันหายไปเกือบหมดแล้ว”
“ผมกลัวว่า เชือกคงจะเอาเขาไม่อยู่” จงหลิวชวนรู้จักเจี๋ยจื้อจายดี ไม่ต้องพูดถึงเชือก แม้แต่คุกที่เต็มไปด้วยการรักษาความปลอดภัยอย่างดี คนอย่างเจี๋ยจื้อจายก็ยังสามารถหลบหนีออกมาได้