Elixir Supplier - ตอนที่ 761
761 ลองดู
ถึงเธอจะกินยาแล้วพักผ่อนเป็นเวลาหลายวัน อาการของเธอกลับยังไม่ดีขึ้น แถมยังรู้สึกแย่ลงด้วย เธอมีอาการนอนไม่หลับและเห็นภาพหลอน เธอได้ยินมาว่า หมอที่อยู่ในหมู่บ้านเก่งมาก เธอจึงตัดสินใจลองมาหาเขาดู
“ง่ายมากครับ” หวังเย้าพูด เขาตรวจดูแล้วว่าสาเหตุอาการป่วยของเธอนั้นเกิดจากพลังงานที่มืดมนและเย็นเยียบรอบตัวเธอ “นั่งลงครับ ผมจะนวดให้”
เพื่อไม่ให้เธอตกใจกลัว หวังเย้าจึงใช้วิธีการนวดแบบทุยนา เพื่อเป็นการช่วยรักษาเธอพร้อมทั้งส่งพลังที่อ่อนโยนและแข็งแกร่งเข้าไปด้วย มันกลายเป็นพลังงานที่เข้าทําสลายความเย็นและพลังงานที่มืดมนให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ คล้ายกับแสงอาทิตย์ที่ละลายหิมะ
หลังผ่านไปพักหนึ่ง เมื่อเขาไม่รู้สึกถึงพลังงานลบเหล่านั้น และเห็นว่าภายในร่างกายของเธอไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เขาจึงหยุด “เรียบร้อย!”
“แค่นี้เหรอ?” เธอแปลกใจ
“รู้สึกยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“อืมม ฉันรู้สึกสบายขึ้นมาก” เธอพูด
เธอยืดตัว สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนที่สุดคือร่างกายที่เบาขึ้นและหายใจได้คล่องขึ้น เธอยังรู้สึกกระฉับกระเฉง ต่างจากความรู้สึกในตอนแรกที่มาถึงที่นี่ เธอรู้สึกมืดมนและไร้กําลังไม่ว่าเธอจะทําอะไรอยู่ก็ตาม และไม่มีกําลังที่จะทําอะไรทั้งนั้น
“กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ คุณไม่เป็นอะไรแล้ว” หวังเย้าพูด
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอจ่ายค่ารักษาและจากไป
หลังเธอจากไปแล้ว เว่ยห่ายก็ถามขึ้นมาว่า “เธอป่วยเป็นอะไรเหรอ?”
หวังเย้ายกชาขึ้นดื่มแล้วพูดว่า “หวาดกลัวหรือไม่ก็โดนผีสิงนะครับ”
“อะไรนะ?” เว่ยห่ายตกตะลึง “นายเป็นหมอนะไม่ใช่พระ นายควรคิดไปในทางวิทยาศาสตร์สิ!”
“สิ่งที่มองไม่เห็นอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะครับ” หวังเย้าพูด
ในอดีต เขาไม่เคยเชื่อในเรื่องพวกนี้ แต่หลังจากได้เห็นด้วยตาตัวเองมากกว่าหนึ่งครั้ง และได้ประสบพบเจอมาด้วยตนเอง เขาถึงได้เชื่อ
“ของแบบนั้นมันมีอยู่จริงๆน่ะเหรอ?” เว่ยห่ายถาม
“มีสิครับ ผมเคยเห็น แล้วก็เคยเจอมาก่อนด้วย” หวังเย้าตอบ
“ที่ไหน?” เว่ยห่ายถาม
“หางโจว” หวังเข้าพูด
“หางโจว? นายไปที่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เว่ยห่ายถาม “โอ้ ดูเหมือนที่นั่นจะอยู่ใกล้เขาหลงหู่ด้วยนี่นา”
“มันใกล้มากเลยล่ะครับ” หวังเย้าพูด “ผมได้ช่วยพระสงฆ์จากเขาหลงหู่ไล่ผีด้วยล่ะ”
“เรื่องจริงเหรอ?” เว่ยห่ายถาม
“ทําไมผมต้องโกหกด้วยล่ะครับ?” หวังเย้าพูด
“ พวกภูตผีปีศาจหน้าตาเป็นยังไงเหรอ?” เว่ยห่ายถาม
“อืมมม..ผมจะอธิบายยังไงดีล่ะ?” หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมไม่ได้เห็นร่างจริงหรอก แต่พวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ใต้ดินนานหลายร้อยปี”
“วิญญาณเหรอ?” เว่ยห่ายถาม
“จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้” หวังเย้าพูด
“โอ้ น่าเสียดายจัง!” เว่ยห่ายถอนหายใจแล้วจุดบุหรี่
“เสียดายเหรอ? เสียดายเรื่องอะไรกัน?” หวังเย้าถาม
“ก็เสียดายที่ฉันไม่ได้ไปเห็นมันน่ะสิ” เว่ยห่ายตอบ “มันไม่ใช่จะเจอได้ง่ายๆ แล้วฉันก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนด้วย คราวหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก นายบอกฉันด้วยนะ ฉันจะไปด้วย”
“หา?” หวังเย้าแปลกใจ “ตอนนั้นมีคนตายไปอย่างน้อยก็สี่คนเลยนะ”
“มีคนตายด้วยเหรอ?” เว่ยห่ายถาม “นายอยู่ที่นั่นด้วย แต่พวกเขาก็ยังตายได้อีกเหรอ?”
“คนที่ตายเป็นพวกที่ไปก่อนหน้าผมนะครับ แล้วผมก็ไม่ใช่พระเจ้าด้วย” หวังเย้าตอบ “ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครตายในตอนที่ผมอยู่ตรงนั้นด้วย เพราะของพวกนี้มันน่ากลัวมากจริงๆ”
“แล้วนายจัดการมันได้ยังไงเหรอ?” เว่ยห่ายถาม
“ที่นั่นมีพระสงฆ์จากเขาหลงหู่อยู่ด้วยน่ะสิ” หวังเย้าพูด
“แล้วพระพวกนั้นรู้เรื่องเด็ด้วยไหม?” เว่ยห่ายถาม
“รู้สิ แล้วพวกเขาทุกคนยังมีพวกอาวุธวิญญาณด้วย ทําให้พวกเขามีพลังที่สุดยอดมากเลยล่ะ” หวังเย้าตอบ
“เขาหลงหู่… ฉันยังไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน” เว่ยห่ายพูด “ได้ยินที่นายเล่าให้ฟังแล้ว ถ้าฉันมีเวลาคงต้องไปเที่ยวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนั้นสักครั้งแล้วล่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันจนกระทั่งได้เวลาทานอาหารกลางวัน
“อย่าเพิ่งกลับ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด
พวกเขาไปที่ร้านอาหารไม่ไกลจากหมู่บ้าน ด้านในมีคนทานอาหารอยู่ไม่กี่โต๊ะ
“กิจการช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถามเจ้าของร้าน
“ก็เรื่อยๆ” เจ้าของร้านตอบ “ อากาศร้อนแบบนี้มีคนมากินไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ”
ในเวลาที่อากาศร้อน ผู้คนมักเลือกอยู่ในห้องแอร์มากกว่า มีไม่มากที่จะออกไปข้างนอก
“นี่ๆๆ ที่น้ำพุร้อนหมู่บ้านหลี่มีคนตายอีกแล้วล่ะ” เจ้าของร้านพูด
“มีคนตาย? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ได้ยินมาว่า เขาโดนอะไรบางอย่างที่มีพิษกัดเข้าจนตายน่ะสิ แต่ก่อนหน้านั้นเขาไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยนะ” เจ้าของร้านพูด
โดนกัด?
อาหารถูกนําขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็ว มีอาหารอยู่หลายจาน รวมไปถึงเบียร์อีกสองขวดด้วย
“พี่จะดื่มทั้งๆที่ต้องขับรถเนี่ยนะ?” หวังเย้าถาม
“ไม่เป็นไรๆ คนขับรถก็อยู่แถวนี้ เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้เข้ามาก็ได้แล้ว” เว่ยห่ายพูด
ทั้งสองทานอาหารและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ หลังจบมื้อเที่ยง เว่ยห่ายก็กลับไปนั่งอยู่ที่คลินิกของหวังเย้าต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นไม่นาน คนขับรถก้มาถึงที่หมู่บ้านด้วยแท็กซี่และขับรถพาเขากลับไป
ก่อนที่เขาจะกลับ เขาได้ย้ำเตือนหวังเย้าเรื่องที่พวกเขาได้คุยกันก่อนหน้านั้น “อย่าลืมนะ คราวหน้าถ้ามีเรื่องแบบนั้นอีกต้องโทรบอกฉันด้วย!”
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ถ้าว่างก็แวะมาอีกนะ” หวังเย้าพูด
หลังเว่ยห่ายกลับไปแล้ว หวังเย้าก็ปิดประตู ในเมื่อไม่มีคนไข้แล้ว เขาก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“ซานเซียน”
ซานเซียนวิ่งมาหาเขา
“ช่วยฉันหาว่ามีงูอยู่บนเขารึเปล่า แบบคล้ายตัวนี้น่ะ” หวังเย้าหยิบชิ้นส่วนงูออกมา แล้วส่ายไปมาอยู่ตรงหน้าชานเซียน
ซานเซียนมองดูมันอย่างละเอียด จากนั้นก็หมุนตัวและวิ่งออกไป
“มีอยู่จริงๆเหรอ?” หวังเย้าพึมพํา
ซานเซียนพาเขาไปทางทิศใต้ของเนินเขาหนานชาน ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้และพงหญ้า ซานเซียนหยุดอยู่ตรงหน้าหินก้อนหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางของเนินเขาด้านนี้ กรงเล็กแหลมคมของซานเซียนชี้ไปยังจุดใต้หินก้อนนั้น
หวังเฝ้ามองลงไปและเห็นรูอยู่ใต้ก้อนหิน “ข้างในนั้นเหรอ?”
โฮ่ง! ซานเซียนเห่าตอบ
หวังเย้ายื่นมือออกไปผลักก้อนหินออกไป แล้วเริ่มขุดดินในบริเวณนั้น ไม่นานก็ปรากฏงสีขาวตัวหนึ่งอยู่ภายในรู มันมีความหนาประมาณนิ้วโป้ง แต่มองไม่เห็นความยาวของตัวงู เพียงลมวูบหนึ่ง หวังเย้าก็ดึงงูออกมาจากรูและจับกรามของมันเอาไว้
“เหมือนกันจริงๆด้วย!” เขาสังเกตดูงในมือ มันเป็นงูที่ไม่มีพิษ แต่ลักษณะของมันคล้ายกับงูพิษตัวนั้นมาก
ต้องมีสถานการณ์พิเศษบางอย่างที่ทําให้มันกลายพันธุ์อย่างแน่นอน แต่ฉันสงสัยว่า มีงูแบบนี้อยู่อีกกี่ตัวกัน?
“ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนนะ” หวังเย้ายิ้มแล้วปล่อยงูตัวนั้นไป “ไปกันเถอะ”
หนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัวพากันเดินขึ้นเขาอีกครั้ง เจ้างูก็เลื่อยหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลายวันผ่านไป
ยูนนานใต้ที่ไกลออกไป
“คุณผู้หญิงครับ วันนี้เป็นตาของคุณชายแล้วครับ” ชายคนหนึ่งพูด
“งั้นเราก็ไปกันเลยเถอะ” คุณหลี่ แม่ของโฮ่วชื่อต๋าพูด
รถทั้งหมดสามคัน หนึ่งในนั้นเป็นรถบ้านได้ขับออกจากตัวเมืองและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน หลังจากรออยู่นานเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ถึงคิวของพวกเขาแล้ว หลายคนช่วยกันยกร่างของโฮ่วชื่อต๋าเข้าไปด้านในอาคารไม้ไผ่
“รอก่อน อาจารย์กําลังคุยโทรศัพท์อยู่” ชายวัยสามสิบคนหนึ่งพูด
พวกเขารอคอยอยู่ภายในอาคารไม้ไผ่ที่เย็นเยียบ หลังจากผ่านไปสามสิบนาที ชายในวัยประมาณห้าสิบก็เดินออกมาจากห้องด้านใน “เขาป่วยเป็นอะไรมา?”
“เขามีอาการปวดท้องกับปวดหัว แล้วยังเจ็บตามส่วนต่างๆของร่างกายด้วยครับ” ผู้ช่วยของราชายาพูด “แม้แต่ยาบรรเทาอาการปวดก็ยังไม่ได้ผล
“เอาเขาเข้ามา” ราชายาพูด
หลายคนช่วยกันแบกร่างของโฮ่วชื่อต๋าเข้าไป
หืม? หลังจากยื่นมือออกไปจับชีพจรของเขาดู ราชายาก็ถอนหายใจออกมา
“มีอะไรเหรอคะ?” คุณหลี่รีบถาม
ราชายาหัวเราะ “ฉันรักษาโรคนี้ได้”
“ได้โปรดช่วยรักษาเขาด้วยคะ
ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ราคาอยู่ที่ 100,000 หยวน” เขาตอบ
“ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอพูด
“แล้วก็ตอบคําถามฉันมาด้วย ว่าใครเป็นคนที่ทําร้ายเขา?” ราชายาถาม
“ทําร้าย? คุณหมายถึงมีคนทําร้าย จนเขาต้องอยู่ในสภาพแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?” คุณหลี่ถาม
“นี่เป็นอาการของพลังฉีที่ถูกส่งเข้าไปในร่างกาย จนรบกวนการไหลเวียนของกําลังภายในเข้าแล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขามีอาการแบบนี้ยังไงล่ะ” ราชายาพูด “ช่างเถอะ ถามเธอไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี คนที่ทําแบบนี้ได้ คงไม่ทางปล่อยให้เธอรู้แน่ว่าตัวเองเป็นใคร”
ราชายาเดินออกไป แล้วหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่ง เขาป้อนมันให้กับโฮ่วชื่อต๋า ก่อนที่จะฝังเข็มให้กับเขา