Elixir Supplier - ตอนที่ 767
767 ที่รัก ในที่สุดเธอก็มา
“ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีคนมาอีก” เจี้ยจื้อจายพูด “แล้วอันซินอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
“ไม่ต้องพูดถึงเธออย่างรักใคร่ขนาดนั้นก็ได้นะ” จงหลิวชวนพูด “นั่นมันน้องสาวของฉัน แล้วเธอก็ไม่มีทางตกอยู่ในอันตราย”
“นายแน่ใจเหรอ?” เจียจื้อจายถาม
“หมอให้บางอย่างกับเธอเพื่อใช้ปกป้องตัวเธอเอาไว้” จงหลิวชวนพูด
“เครื่องป้องกัน? คงไม่ใช่พวกน้ําหอมสลายกระดูกแบบนั้นหรอกนะ?” เจี้ยจื้อจายประหลาดใจ
“ใช่ ของพวกนั้นแหละ” จงหลิวชวนพูด “ฉันได้ยินว่ามันใช้ได้ผลดีมาก มันจะมีประโยชน์มากในตอนที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น”
“ใช่ มันได้ผลดีมาก แต่เธอยังเด็กอยู่นะ” เจี้ยจื้อจายพูด
“ใช่ ฉันรู้” จงหลิวชวนพูด “ฉันอยากให้เธอไปเรียนในเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก ฉันจะได้ไปรับไปส่งเธอทุกวัน”
“ทําไมนายไม่บอกสิ่งที่นายรู้ แล้วเราก็ช่วยกันจัดการเขา” เจี้ยจื้อจายเสนอ
“ใคร? บอสน่ะเหรอ?” จงหลิวชวนถาม
“กฎข้อหนึ่งที่เขาตั้งขึ้นมาในตอนก่อตั้งบริษัท คือห้ามร่วมมือกับคนจากโพ้นทะเล” เจี่ยจื้อจายพูด “แต่ตอนนี้เขากลับติดต่อกับคนพวกนั้นซะเอง นั่นก็หมายความว่า มีเรื่องไม่ชอบมาพากลระหว่างพวกเขา”
“บอสแข็งแกร่งรึเปล่า?” จงหลิวชวนถาม
“อืม เขาแข็งแกร่งมาก เพราะเขามีความสามารถพิเศษ” เจี้ยจื้อจายตอบ
“ความสามารถอะไร?” จงหลิวชวนถาม
“ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน” เจี้ยจื้อจายพูด “แล้วทุกคนที่ได้เห็นก็ตายหมดแล้ว”
“แล้วเราจะกําจัดเขาได้ยังไงล่ะ?” จงหลิวชวนถาม
“ง่ายมาก ขอให้อาจารย์ของนายลงมือตบเขาให้ตายก็ได้แล้ว” เจี้ยจื้อจายตอบ
บนหน้าผากของจงหลิวชวนแสดงให้เห็นถึงความรําคาญและช่วยไม่ได้ “ฉันไม่อยากให้เขามายุ่งกับเรื่องนี้ แล้วก็อย่าพูดเรื่องนี้ให้เขาฟังด้วย”
“นายคิดจะฟังความสามารถของตัวเองอย่างเดียวสินะ” เจี่ยจื้อจายพูด “หลายวันมานี้นายคงก้าวหน้าไปมากล่ะสิ?”
“นายมองออกด้วยเหรอ?” จงหลิวชวนแปลกใจ
“แหงสิ นายคิดว่าฉันมีตําแหน่งกรรมการเปล่าๆหรือยังไง? ฉันก็มีความสามารถนะ” เจี่ยจื้อจายยิ้ม “คิดเรื่องที่ฉันบอกนายให้ดี”
“โอเค” จงหลิวชวนตอบ
อันตรายยังคงอยู่ เขาต้องคิดหาวิธีต่อต้านมันเพื่อให้มีชีวิตรอด สถานการณ์ตอนนี้คล้ายกับมีดาบแขวนอยู่เหนือศีรษะและเขาที่ต้องถือเกราะ เพื่อกําบังมันเอาไว้ตลอดเวลา เขาต้องหาทางกําจัดดาบเล่มนั้นให้ได้
ในความเป็นจริง ข้อเสนอของเจี้ยจื้อจายนั้นน่าสนใจมาก แต่เขาไม่มั่นใจในนิสัยและท่าทีของเจี้ยจื้อจาย จากชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของเขานั้น ทําให้จงหลิวชวนไม่อยากร่วมมือกับคนแบบนี้ ไม่ต่างจากการขอหนังจากเสือเลยสักนิด
เขามีแผนอื่นอยู่ นั่นก็คือการทนอยู่เงียบๆเหมือนอย่างตอนนี้ เขาจะฝึกฝนต่อไปจนความสามารถของเขาสูงมากพอที่จะบดขยี้พวกเขาจนแหลกละเอียด ในตอนนั้น เขาจะลงมือจัดการคนพวกนั้นเอง น่าเสียดายที่วิธีนี้ต้องใช้เวลา
หลังจากทานอาหารแล้ว เจี่ยจือจายก็นอนอยู่บนเตียงและพูดว่า “คิดให้ดีดีล่ะ อย่าพูดในสิ่งที่นายไม่ได้ต้องการจริงๆ”
หลังกลับไปถึงที่บ้าน จงหลิวชวนก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง เขาเข้าไปในห้องฝึก หยิบคัมภีร์ที่หวังเย้าให้ขึ้นมาท่องเสียงเบา เขาต้องสงบนิ่ง
ทางสุดทางทิศเหนือของหมู่บ้าน มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอด หญิงสาวให้ชุดสวยลงมาจากรถคันนั้น
ชาวบ้านที่เดินมากับวัวอุทานออกมา “สวยจริงๆ!”
เธอเข้าไปถามทางกับชายชราและเดินกลับขึ้นไปบนรถ รถขับเข้าไปจอดที่กลางหมู่บ้าน เธอลงจากรถอีกครั้ง “ที่นี่สินะ”
เธอหยิบมือถือออกมาและเปิดมัน กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เมฆสีขาวบนฟ้าลอยละล่อง นกน้อยน่ารัก พวกเจ้าร้องเพลงให้ใครฟัง? ลาลาลา…ลาลาลา…”
เจี้ยจื้อจายกําลังนอนหลับตาร้องเพลงอยู่ อยู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกดังแกร็ก “โอ้ นายคิดได้แล้วเหรอ?”
แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขายันตัวลุกขึ้นและเห็นสาวงามคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ทําไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” เขาถาม
เธอถอดแว่นตากันแดดออกและสํารวจเจี้ยจื้อจายอย่างละเอียด เธอยื่นมือออกไปตบหน้าเขา แล้วผลักเขา จนล้มลงไปกองกับพื้น
“นายเก่งนะเจี๊ยซื้อจาย ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาสบายเลยนะ” เธอพูดเสียงเย็น “นายคิดว่าฉันจะหานายไม่เจออย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ ที่รัก ในที่สุดเธอก็มาแล้ว” เขาตอบ “เร็วเข้า แก้มัดให้ฉันเร็ว”
ถึงเธอจะโมโหอยู่ เธอก็ยังแก้มัดที่มือให้เขา
อืมมม จับ!
เขากอดหญิงสาวและจูบเธอแรงๆ “ฉันคิดถึงเธอที่สุด!”
“พอ เลิกแสดงละครได้แล้ว” เธอพูด “ทําไมกลิ่นตัวถึงได้แรงแบบนี้ล่ะ?”
“ฉันไม่ได้อาบน้ํามาสิยกว่าวันแล้วน่ะสิ จะไม่ห์ฉันเหม็นได้ยังไงล่ะ?” เจียจื้อจายหมุนข้อมือ ร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่
“ทําไมถึงถูกขังอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” เธอถาม
“เรื่องมันยาวน่ะ” เขาพูด
ประตูด้านนอกถูกเปิดออกอีกครั้ง
“มีคนมา” เจี้ยจื้อจายพูด
จงหลิวชวนได้ยินเสียงบางอย่างในตอนที่เขาเดินเข้ามา พอเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เขาก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ “โอ้ เธอนี่เอง!”
“จงหลิวชวนจับนายได้ด้วยเหรอ?” เธอจ้องจงหลิวชวนแล้วหันหน้าไปหาเจี้ยจื้อจายที่อยู่ข้างๆ “นายโดนวางยา?”
“ไม่ใช่เขา เป็นอาจารย์ของเขาต่างหาก” เจี่ยจื้อจายพูด
“อาจารย์? นายมีอาจารย์ด้วยเหรอ?” เธอถาม
“เพิ่งมีไม่นานมานี้เอง” จงหลิวชวนตอบกลั้วหัวเราะ “ในเมื่อตอนนี้คุณหูก็มาแล้ว ทําไมไม่อยู่ที่นี่สักพักล่ะ?”
“อยู่ในที่แบบนี้เนี้ยนะ?” เธอมองดูบ้านที่ทรุดโทรมทั้งหลัง “ฉันไม่ชินหรอก”
“ไปกันเถอะ” เธอประคองเจี่ยจื้อจายและเตรียมจะจากไป เธอชี้ไปทางจงหลิวชวนและพูดว่า “แล้วก็นายมากับฉัน อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือ”โอ้ ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน” จงหลิวชวนพูด
“อ้อ?” หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เธอก็หยุดชะงักและหันหน้าไปมองจงหลิวชวน “น่าสนใจ”
“เหมย อย่าทําร้ายเขา” เจี้ยจื้อจายพูด
“ฉันรู้” หลังจากพูดจบ เธอก็ลงมือทันที เธอรวดเร็วและพุ่งเข้าใส่จงหลิวชวน
“เร็วมาก!” จงหลิวชวนรีบหลบ
แสงแฟลชวาบผ่าน เธอถอนหายใจเบาๆ
ซีดดด ฮู….
สองร่างเคลื่อนไหวรวดเร็วพุ่งตัวออกไปด้านนอกตัวบ้าน
ติ้ง! อึ้ง! อึ้ง! เกิดเสียงกระทบกันของอาวุธ มีดสั้นปรากฏในมือของหญิงสาว มันทั้งยาวและคมกริบ
เมื่อทั้งสองแยกจากกัน เธอก็พูดขึ้นมาอย่างแปลกใจ “ฉันคิดมาตลอดว่านายมีฝีมือเป็นรอง ไม่คิดเลยว่าจะเจอยอดฝีมือเข้าแล้ว”
จงหลิวชวนไม่พดอะไร เขาเพียงปรับลมหายใจของตัวเองและจับจ้องเธออยู่เงียบๆเท่านั้น เขาเคยได้ยินวิธีการของเธอมาก่อน “แฟนท่อม” คือคําเรียกเธอ เธอรวดเร็วราวกับภูตผี เขาตามความเร็วของเธอแทบไม่ทัน
“จ อาจารย์ของนายสุดยอดจริงๆ!” เลี้ยจื้อจายที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพูดขึ้นมา
“อาจารย์ทําไมนะ?” จงหลิวชวนถาม
“เอาล่ะ เหมย พอได้แล้ว” เลี้ยจื้อจายพูด
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เธอก็ลดมีดในมือลงและเดินไปหาเจียจื้อจาย “เกิดอะไรขึ้นกับนาย? ทําไมถึงหายใจเร็วแบบนี้?”
“มีคนกําจัดการเคลื่อนไหวของฉันไว้ แล้วทําให้ฉันไม่มีแรง” เจี้ยจื้อจายสูดลมหายใจเข้าลึก เขามองไปที่จงหลิวชวนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและถามว่า “นายอยากจะลองอีกรอบไหมล่ะ?”
“ไม่ ฉันสู้เธอไม่ได้” จงหลิวชวนส่ายหน้า
“เอาล่ะ ไปดื่มชาที่บ้านนายกันเถอะ” เจี้ยจื้อจายพูด
จงหลิวชวนเห็นด้วยและพาพวกเขาไปที่บ้าน แต่ก็ยังคงระวังตัวอยู่เสมอ
“นายไม่ต้องกังวล เหมยไม่โจมตีนายหรอก” เจี้ยจื้อจายนั่งลงที่โซฟา “โซฟาสบายกว่าจริงๆ เตียงนั่นทั้งแข็งทั้งไม่สบาย”
“ดื่มชา” จงหลิวชวนเทชาให้ทั้งสอง
“ขอบคุณ” เธอพูด
“ดื่มเถอะ ไม่มีพิษหรอก” เจี้ยจื้อจายมองดูเธอที่มีท่าทีระมัดระวังและยกชาของตัวเองขึ้นดื่ม “ในเมื่อเหม่ยมาที่นี่แล้ว นายคิดว่าข้อเสนอของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
จงหลิวชวนมองพวกเขาและส่ายหน้า “ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะสําเร็จ”
“ข้อเสนออะไรเหรอ?” เธอวางถ้วยชาลง
“ร่วมมือกันจัดการบอส” เจี้ยจื้อจายพูด
“อะไรนะ? นายบ้าไปแล้วเหรอ?” เธอตกตะลึง “นายรู้รึเปล่าว่าเขาทําอะไรได้บ้าง?”
“ไม่รู้ แต่เหมย เธอรู้ใช่ไหม?” เจี่ยจื้อจายถาม
“ฉันรู้ ฉันถึงได้บอกว่านายบ้าไปแล้วยังไงล่ะ?” เธอพูด “ความสามารถของเขาพิเศษมาก”
“ความสามารถอะไร?” เจียจื้อจายถาม
“ดาบกับปืนทําอะไรเขาไม่ได้ แล้วพิษก็ฆ่าเขาไม่ได้ด้วย” เธอพูด
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” หลังจากที่ได้ฟัง เจียจื้อจายก็นั่งตัวตรง
“ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง แล้วจะบอกว่าเขาแสร้งทํางั้นเหรอ?” เธอถาม “กระสุนเจาะผ่านผิวหนังของเขาไม่ได้ พวกมันทําได้แค่สร้างรอยขีดข่วนเท่านั้น”