Elixir Supplier - ตอนที่ 769 ลองดู
“ถ้าฉันไม่ได้ลอง ฉันจะต้องเสียใจ ขออภัยที่เสียมารยาท” ร่างของสาวงามอยู่ๆก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของหวังเย้า
เธอพุ่งเข้าใส่จนเกิดเสียงดังปัง
เมื่อลงถึงพื้นแล้ว เธอก็ได้แต่ตกตะลึง ในตอนที่เธอโจมตีชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตัวเอง เธอรู้สึกได้ถึงแรงต้านที่รุนแรง เมื่อเธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงเมตร เธอก็รู้สึกราวกับกําลังอยู่ต่อหน้ากําแพง แม้แต่จะเคลื่อนเข้าหาสักนิ้วหนึ่งก็ยังยาก
“วิชากังฟูอะไรกัน? พลังวิเศษเหรอ?” เพียงพริบตาก็ปรากฏมีดอยู่ในมือของเธอ มันทั้งคมและเป็นประกาย
หวังเย้าแยกอากาศด้วยหนึ่งมือ เธอรู้สึกได้ถึงพลังอํานาจที่ยิ่งใหญ่โจมตีเข้าที่หน้าอกและท้องของเธอ แล้วเธอก็ปลิวออกไปชนเข้ากับกําแพงจนเกิดรอยแตก กําแพงได้รับความเสียหาย แต่เธอไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“อยากลองอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่จําเป็น” เธอพูด
ตอนนี้เธอเชื่อในความสามารถของหวังเย้าแล้ว เขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเขาสามารถจัดการบอสได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถพวกเธอทั้งหมดได้อย่างแน่นอน
“นายเยี่ยมไปเลย!” เธอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เขา
“ชมเกินไป” หวังเย้าพูด
“อาจารย์อยากเข้าไปนั่งพักในบ้านก่อนไหม?” เจียจื้อจายถาม
“ผมบอกแล้วยังไงครับ ว่าผมไม่รับคุณเป็นศิษย์” หวังเย้าพูด
“ฉันอยากเป็นลูกศิษย์ของนายจริงๆนะ” เจียจื้อจายพูด
“ผมก็ไม่อยากรับคุณเป็นลูกศิษย์จริงๆเหมือนกัน” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ “อาการดีขึ้นแล้วก็ไปได้เลยนะครับ”
เจี้ยจื้อจายถอนหายใจ
ก่อนจะออกไป หวังเย้าปลดขีดจํากัดให้กับเจียจื้อจายและพูดว่า “จากไปให้เร็วที่สุดเถอะครับ”
“หมอ หลิวชวนไม่ได้บอกหมอหลายเรื่องเลยใช่รึเปล่า?” เมื่อเห็นว่าหวังเย้าไม่คิดรับเขาเป็นศิษย์จริงๆ เขาจึงเปลี่ยนคําเรียกใหม่
“เรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าชะงัก
“สถานการณ์ในตอนนี้ของหลิวชวนอันตรายมากเลยล่ะ” เจี่ยจื้อจายพูด “องค์กรคงจะส่งคนมาอีก”
“เรื่องจริงเหรอ หลิวชวน?” หวังเย้าหันหน้าไปถามเขา
“ครับ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก” จงหลิวชวนตอบ
“ฉันมีทางออก” เจียจื้อจายพูด
“ลองบอกมาสิครับ” หวังเย้าพูด
“งั้นเชิญหมอเข้ามาในบ้านดีกว่า” เจียจื้อจายพูด “มานั่งคุยกันก่อน”
หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน หญิงสาวชงชาดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมให้พวกเขา
“หมอ ลองดื่มชาดอกไม้นี้ดูนะคะ” เธอพูด
“ครับ ขอบคุณ” หวังเย้าพูด
เจียจื้อจายอธิบายรายละเอียดของแผนการ และการร่วมมือกันระหว่างพวกเขาให้หวังเย้าฟัง แม้แต่จงหลิวชวนก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ เขาให้ความสําคัญกับ “บอส” ขององค์กรว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
“ถ้าเขาตายหรือล้มลง ทุกอย่างก็จะจบลงใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่อย่างน้อยๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลิวชวนก็จะจบลง เพราะเขาเป็นคนที่เห็นบอสติดต่อกับคนโพ้นทะเลพวกนั้น” เจียจื้อจายพูด
“คุณพอจะสืบได้ไหมว่าพวกเขาติดต่อกันทําไม?” หวังเย้าถาม
“ฉันจะลองดู” เจี้ยจื้อจายพูด
“ถ้าผู้ชายคนนั้นจัดการไม่ได้ง่ายๆ ผมจะเป็นคนลงมือเอง” หวังเย้าพูด
“ไม่จําเป็นครับหมอ” จงหลิวชวนรีบพูดขึ้นมา
“ก็แค่ถ้าหากเท่านั้น อย่างที่เขาพูดไปเมื่อกี้นี้ ในเมื่อองค์กรที่คุณทํางานให้ไม่ดี ก็หมายความได้ว่าบอสคนพิเศษคนนี้ก็คงจะร้ายกาจมากเหมือนกัน” หวังเย้าพูด “คนแบบนี้ควรถูกกําจัดให้หายไป”
จงหลิวชวนเงียบไป เขาไม่ต้องการให้หวังเย้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ถือได้ว่าพวกเราเป็นฝ่ายเดียวกันแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด “พอคนคนนั้นหมดอํานาจแล้ว องค์กรกับเรื่องต่างๆคงต้องให้พวกคุณสองคนเป็นคนจัดการแล้ว”
“ครับ หมอ” เจี้ยจื้อจายพูด
“เอาล่ะ ผมต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับเขา” หวังเย้าพูด
“เราจะกลับไปรวบรวมเดี๋ยวนี้เอง” เจียจื้อจายพูด
ในตอนเช้า เจี้ยจื้อจายกับหูเหมยก็เดินทางออกจากหมู่บ้านไป
“หมอ สองคนนั้นอาจเชื่อถือไม่ได้นะครับ” จงหลิวชวนพูด
เขารู้ดีว่าในองค์กรไม่มีใครดีแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะคนอย่างเจี่ยจื้อจาย ที่มีตําแหน่งสูงอยู่ในองค์กร มือของเขาคงจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดของผู้คนมานับไม่ถ้วน สาเหตุที่เขาสนใจเรื่องนี้มากอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นว่ามันน่าสนใจดีก็เป็นได้
“แค่มีความปรารถนา คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้แล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด“คุณน่าจะบอกเรื่องนี้กับผมให้เร็วกว่านี้นะครับ”
“ผมอยากเรียนรู้ทักษะจากคุณ แล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองน่ะครับ” จงหลิวช่วนตอบ
“แบบนั้นจะช้าเกินไป แล้วคุณก็ไม่ได้ตัวคนเดียวด้วย” หวังเย้าพูด “คุณยังมีอันซินแล้วก็หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย”
“ครับ ผมคิดน้อยไปจริงๆ” จงหลิวชวนพูด
“เอาล่ะ เรื่องนี้เป็นอันว่าเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด “คุณสามารถติดต่อกับพวกเขาได้เลย ผ่านไปไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าพัฒนาการของคุณจะไม่เคยหยุดเลยนะครับ!”
เขารับรู้ได้ถึงพลังที่เปลี่ยนแปลงไปของจงหลิวชวน
“ไม่มีอะไรมากไปกว่าฝึกทุกวันครับ” จงหลิวชวนพูด
นอกจากนั่งสมาธิกับฝึกฝนแล้ว เขายังท่องคัมภีร์อีกด้วย เมื่อจิตของเขาสงบ ก็ทําให้การฝึกฝนของเขากําวหน้าเร็วขึ้นด้วย
“นั่นเป็นเรื่องดีครับ” หวังเย้าพูด
“เดินทางไปปักกิ่งรอบนี้ราบรื่นดีไหมครับ?” จงหลิวชวนถาม
“ราบรื่นมากครับ” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ
“อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง หลายวันมานี้มีผู้ชายคนหนึ่งมาที่คลินิกทุกวันเลยครับ” จงหลิวชวนพูด “เขาดูกังวลมาก แล้วก็อยากพาลูกสาวของเขามารักษากับหมอด้วย”
หลังกลับไปถึงที่บ้านได้ไม่นาน หวังเย้าก็อัพเดทเวยป๋อว่าคลินิกจะรับตรวจคนไข้ตามปกติตั้งแต่บ่ายของวันนี้ หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เขาก็ออกจากบ้านเพื่อไปที่คลินิก เขาเพิ่งเดินพ้นถนนสายหนึ่งมา เขาก็เห็นครอบครัวทั้งสามคนรออยู่ใต้ต้นไม้ ด้านหน้าคลินิกแล้ว
“หมอหวัง ในที่สุดหมอก็มาแล้ว” ทันทีที่เขาเห็นหวังเย้า เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าให้ความสนใจกับเด็กหญิงที่มาด้วย เธอมีอายุแค่สิบกว่าปีเท่านั้น และใบหน้าของเธอก็ซีดเซียว “หรือเด็กคนนี้จะมีแมลงพิษเหมือนกัน”
“ใช่ ผมพาเธอเพื่อให้คุณรักษา” เขาพูด
“เข้ามาข้างในกันก่อนเถอะครับ” หวังเย้าพูด
หลังเข้าไปด้านในคลินิกแล้ว เขาก็ตรวจเด็กหญิงอย่างละเอียด เธอมีอาการป่วยเหมือนกับพ่อของเธอ แต่ยังถือว่ารุนแรงน้อยกว่า
“เอ่อ หมอหวัง มันเป็นโรคติดต่อรึเปล่าครับ?” เขาถาม
“ผมยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” หวังเย้าตอบ
เขายังไม่ชัดเจนในเรื่องพฤติกรรมของแมลงพิษเหล่านี้ มันอาจจะเป็นโรคติดต่อ แต่เป็นในวิธีการที่ค่อนข้างพิเศษก็เป็นได้
“หมอช่วยตรวจให้ภรรยาของผมด้วยได้ไหมครับ?” เขาถาม
“เธอปกติดีครับ” หวังเย้าพูด “เอาล่ะครับ ผมจะจัดยาสําหรับสาวน้อยคนนี้ก่อนกิน เหมือนที่คุณเคยนะครับ แล้วกลับมาในอีกสามวัน”
เขาจ่ายเงินด้วยความยินดีและจากไปพร้อมกับภรรยาและลูกสาว
“พ่อคะ หนูป่วยเป็นอะไรเหรอคะ?” เด็กหญิงถาม
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เขาพูด “ก็แค่เป็นพยาธิเท่านั้น ยาที่หมอให้มาจะรักษามันได้ พอกินยาเสร็จแล้วเราไปทะเลกันดีไหม?”
“ค่ะ ค่ะ!” เด็กหญิงตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อพูดถึงทะเล
ทั้งครอบครัวจากไปด้วยความสุข
ภายในตึกไม่ไผ่ในหมู่บ้านกลางเขาที่ทางใต้ของยูนนาน
“โอ๊ย มันเจ็บๆๆๆ!” เสียงกรีดร้องของชายคนหนึ่งดังขึ้น
“หนวกหู!” เมื่อได้ยินเสียงร้องของเขา ชายในวัยสี่สิบก็ตบไปที่หัวของเขาด้วยความรําคาญ แล้วชายที่กรีดร้องคนนั้นก็หมดสติไปในทันที
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็แสดงสีหน้าไม่พอใจในตอนที่พูดอย่างนิ่งเรียบว่า “ฉันคงต้องรบกวนราชายาแล้ว”
“ไม่ต้องเสแสร้งหรอก เธอคงจะสบฤด่าฉันในใจ หรือไม่ก็คิดหาวิธีแก้แค้นฉันหลัง จากที่ฉันรักษาลูกชายของเธอจนหายดีแล้วสินะ สภาพลูกชายของเธอตอนนี้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะเธอเองที่ตามใจเขา เธอก็คือคนที่ทําให้เขาต้องเป็นแบบนี้” คําพูดของราชายานั้นรุนแรงและไม่น่าฟัง แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าที่ไม่พอใจแต่อย่างใด
“คุณพูดถูกค่ะ” เธอตอบ
“เอาล่ะ ไม่ต้องแสงพูดหรอก จังหวะหัวใจของเธอบอกทุกอย่างแล้ว” ราชายาพูด
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วลงมือรักษาคนไข้อย่างตั้งใจ อาการของคนไข้ค่อนข้าง พิเศษ อาจจะพูดได้เลยว่า หลายปีมานี้เขาไม่เคยพบเจอคนไข้แบบนี้เลย
เขาทาครีมบางอย่างลงบนหน้าอกและหน้าท้องของโฮ้วชื่อตํา รวมถึงที่ศีรษะของเขาด้วย เขากระตุ้นการรักษาทั้งจากการฝังเข็ม เพื่อให้การดูดซึมครีมดีขึ้น และสลายพลังงานแปลกประหลาดภายในร่างของเขาให้ออกไป การรักษาใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง
“เรียบร้อย” เขาพูด
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูด
“เธอเจอคนรึยัง?” ราชายาถาม
“ยังเลยค่ะ ฉันกําลังให้คนสืบอยู่” เธอตอบ