Elixir Supplier - ตอนที่ 771 ยาที่ไม่มีรสขม
“หมอ ขอถามอะไรสักอย่างสิ” เจี้ยจื้อจายพูด “หมออยากจัดการเขาด้วยกฎหมายเหรอ?”
“ใช่ครับ ทําไมเหรอ?” หวังเย้าถาม
“หมอ สิ่งที่พวกเราทํามันผิดกฎหมาย”เจียจื้อจายพูด“ในทางทฤษฎีแล้ว องค์กรแบบนี้ควรถูกลบออกไปคนแบบพวกเราก็ต้องถูกจับและรับโทษแต่พวกเราก็ยังมีชีวิตรอดเหมือนอย่างตอนนี้แถมองค์กรก็ยังดําเนินกิจการได้ตามปกติทั้งๆที่มีการกวาดล้างเมื่อต้นปีแต่องค์กรก็ยังคงปลอดภัยได้รอยขีดข่วนหมอคิดว่าเป็นเพราะอะไร?”
“พันธมิตรที่มีอํานาจ?” หวังเย้าถามยิ้มๆ
“เป็นความจริง แล้วองค์กรของพวกเราก็มีระบบที่ดีเยี่ยมด้วย”เจียจื้อจายพูด “เมื่อไหร่ก็ตามที่หมอเข้าร่วมกับพวกเรา เราจะมีข้อมูลของคุณอยู่ในมือเมื่อไหร่ที่องค์กรมีปัญหาพวกเขาก็จะโยนมันให้กับใครบางคนด้วยวิธีการพิเศษบางอย่างเมื่อไม้ ใหญ่ล้มหมู่ลิงก็กระจัดกระจายเมื่อบอสหมดอํานาจลูกสมุนของเขาก็แตกกระจายไม่พูดให้ถูกก็คือตาย!”
“ถ้าอย่างนั้น เมื่อไหร่ที่พวกเราจัดการเขาได้สําเร็จแล้วคุณก็ยังต้องติดร่างแหอยู่อย่างนั้นใช่ไหมครับ?”หวังเย้าถาม
“ฉันมีทางออกสําหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว”เจี้ยจื้อจายพูด
“จริงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“มีโอกาสสําเร็จอยู่ที่ 50%” เจี้ยจื้อจายพูด
“ต่ําขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวังเย้าพูด
“แต่มันก็คุ้มที่จะลอง” เจี้ยจื้อจายพูด
คนพวกนี้เคยพัวพันกับการนองเลือดด้วยคมมีด ความเสี่ยงจึงสูงอยู่เสมอ และอัตราความเสี่ยงก็สูงอย่างมากด้วย
“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ บอกข่าวของบอสมาก่อน แล้วผมจะดูว่าจะจัดการยังไง”หวังเย้ายิ้ม
“โอเค แต่หมอต้องบอกฉันก่อนที่จะลงมือนะ เพื่อที่ฉันจะได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า” เจี้ยจื้อจายพูด
“ไม่มีปัญหาครับ” หวังเย้าตอบ
เจียจื้อจายไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านนานนัก เขาเอาข้อมูลให้หวังเย้าเสร็จแล้วก็จากไป
ช่วงหลังมานี้ คลินิกค่อนข้างยุ่ง คนไข้ทั้งหมดล้วนเป็นเด็กๆที่มาด้วยอาการไอหรือเป็นหวัดบางที่อาจจะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลอากาศมักจะร้อนๆหนาวๆนั่นจึงทําให้เด็กตัวเล็กป่วยไข้ได้
มันยังคงเป็นยาตัวเดิมที่ช่วยขับร้อนและหยุดอาการไอแต่หวังเย้าพบเจอปัญหาของมันเข้านั้นคือเด็กบางคนเกลียดการกินยาจนบางครั้งก็ร้องไห้อย่างหนักสาเหตุง่ายๆนั้นมาจากรสขมของตัวยานั่นเอง
เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ หวังเฝ้าคิด
มันเป็นความจริงที่ยามักมีรสขม มันอาจจะธรรมดาสําหรับผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่สําหรับเด็กๆ
หวังเย้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผีผา, ชวนเปีย, เจี่ยเกิง, หวเว่ยจี, เมนทอล…
มันเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขาที่จะทํายาที่มีประสิทธิภาพออกมาแต่ปัญหากลับอยู่ที่การปรับเปลี่ยนรสชาติของตัวยาที่มีรสชาติเฉพาะตัวของมันอยู่ มันไม่ง่ายเลยที่จะทําให้รสชาติของตัวยาดีขึ้นได้
หวังเย้าไม่คิดว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนรสชาติในขณะที่ประสิทธิภาพของยายังคงเดิมได้
จงหลิวชวนยังคงฝึกฝนเป็นประจําทุกวันทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเขาจะขึ้นไปฝึกการหายใจอยู่บนเนินเขาตงชานทําให้พัฒนาการของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนกลางวัน พันจวินก็มาที่คลินิก หวังเย้ากําลังยุ่งอยู่กับการรักษาเด็กคนหนี้งอยู่เด็กคนนี้มีอายุ 12 เดือน มีอาการไอไม่หยุดและอ่อนแรง
“นั่งสิ” หวังเย้าพูด
“อ้อ” เด็กน้อยทําตามที่เขาบอก แต่สีหน้านั้นดูกังวล
“นี่ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ” หวังเย้าปลอบเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน แล้วตบไปที่ หน้าอกและหน้าท้องของเด็ก
แล้วเด็กก็หยุดไอและสําลักบางอย่างออกมามันไม่ใช่อาหารแต่เป็นเสลดสีเหลืองหลังเสลดหลุดออกไปแล้วการหายใจของเด็กก็ดีขึ้นด้วยมันสร้างความรําคาญและทําให้เสียงแหบในตอนที่ยังอยู่ในลําคอของเขา
เด็กในวัยนี้มักไอเอาเสลดออกมาเองไม่เป็น การรักษาโดยทั่วไปทําได้เพียงให้ยาที่ช่วยละลายเสลดแต่มันก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานการรักษาของหวังเย้านั้นเป็นการกระตันภายในสู่ภายนอกช่วยให้เด็กขับเสลดออกมาจากปอด
แม้มันอาจจะรู้สึกไม่สบาย แต่ผ่านไปสองวันอาการก็จะดีขึ้นเอง แต่เด็กคนนี้ก็ยังหวาดกลัวและร้องไห้พ่อแม่ของเด็กใช้เวลาปลอบเขาอยู่นานกว่าที่เขาจะหยุดร้อง
“นี่นาครับ ถึงมันจะขมแต่คุณก็ต้องเอาให้เขากินให้ได้” หวังเย้าส่งยาให้กับพ่อของเด็ก
ตัวยานั้นขมมาก แต่ประสิทธิภาพของมันก็ดีเยี่ยมเช่นกัน ที่สําคัญไปกว่านั้นก็คือร่างกายของเด็กนั้นบอบบางอย่างมาก เขาจึงไม่สามารถใช้ตัวยาที่แรงมากเกินไปได้
หลังพ่อและลูกชายจากไปแล้ว คนไข้คนต่อมาเป็นชายชราที่มากับเด็กหญิงวัยประมาณ 6 ขวบ เขาไอไม่หยุดและมีน้ำมูก
“ไม่ต้องกลัวนะ” หวังเย้ากดจุดฝังเข็มบนใบหน้าของเด็กอย่างเบามือ เขาฝังเข็มลงไปบนใบหน้าของเธอและเขียนใบสั่งยาให้“กินยาไม่ให้ขาดผ่านไปสัดอาทิตย์ก็จะดีขึ้นนะครับ”
เขารักษาเด็กที่มาด้วยอาการไอและมีน้ำมูกถึงสี่คนติดต่อกัน
“นี่เป็นคนไข้ที่เจอในช่วงนี้สินะ”พันจวินพูด“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นมีเด็กเป็นหวัดเต็มไปหมดที่แผนกเด็กของโรงพยาบาลก็เต็มเหมือนกัน”
“คงเป็นเพราะหลายวันมานี้อากาศเปลี่ยนแปลงน่ะครับ” หวังเย้าพูด
อากาศค่อนข้างอึมครึม, มีฝนตก,จากนั้นก็เย็นลง สภาพอากาศในตอนเช้าและตอนเย็นนั้นต่างกันมากรวมไปถึงการเปิดเครื่องปรับอากาศในหน้าร้อน, อากาศในและนอกห้องที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเด็กนั้นไม่ได้แข็งแรงเหมือนอย่างผู้ใหญ่จึงทําให้พวกเขาเป็นหวัดได้ง่ายกว่า
มีคนไข้เข้ามาอีกสองคน พันจวินจึงเข้าไปช่วยหวังเย้า แล้วพวกเขาก็รักษาคนไข้ทั้งสองเสร็จอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ พรุ่งนี้ว่างรึเปล่า?” พันจวินถาม
“พรุ่งนี้เหรอ? พี่จะทําอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันอยากเชิญอาจารย์กินข้าวด้วยกัน ชวนจงหลิวชวนด้วย แต่ไม่ชวนคนอื่นเพิ่มแล้ว”พันจวินพูด
“ตอนกลางวันหรือว่าตอนเย็นครับ?” หวังเย้าถาม
“พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ งั้นตอนกลางวันเป็นไง?” พันจวินพูด
“เวลาเดินเร็วจริงๆ” หวังเย้าพูด “วันเสาร์ ผมว่างอยู่ครับ”
“งั้นฉันจะมารับนะ” พันจวินพูด
“ไม่ต้องหรอก แค่โทรมาก็พอ” หวังเย้าพูด “ผมจะไปกับหลิวชวนเอง”
ตอนบ่ายแก่ๆ พันจวินก็ขับรถกลับบ้าน เดิมหวังเย้าอยากให้เขาอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันแต่เย็นนี้พันจวินมีนัดแล้ว
หวังเย้าเดินออกจากคลินิก และบังเอิญเห็นจงหลิวชวนที่กําลังวิ่งลงมาจากภูเขาการเคลื่อนไหวของเขาดูแผ่วเบา
“ขึ้นเขามาเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ครับ” จงหลิวชวนพูด
“พรุ่งนี้มีแผนจะทําอะไรไหม?” หวังเย้าถาม
“ไม่มีครับ” จงหลิวชวนตอบ “หมออยากให้ทําอะไรเหรอครับ?”
“เปล่าหรอก พันจวินเขาอยากเลี้ยงข้าวกลางวันพวกเราน่ะ” หวังเย้าพูด “อยากไปด้วยกันไหม?อันซินน่าจะไม่มีเรียน พาเธอไปด้วยได้เลยนะ”
“ก็ดีครับ” จงหลิวชวนพูด
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะโทรหา แล้วเราขับรถไปที่นั่นด้วยกัน” หวังเย้าพูด
“ครับ หมอ” จงหลิวชวนพูด
หลังทานอาหารเสร็จ หวังเย้าก็ขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานทันที และเก็บสมุนไพรบางตัวเขาเตรียมที่จะทําการทดลองบางอย่าง
พื้นที่เก็บจากบนเขากําลังเผาไหม้ส่งเสียงให้ได้ยิน ภายในหม้อมีตัวยาที่กําลังเดีอดกลิ่นเฉพาะของตัวยาลอยออกมาจากหม้อ
“ขม” หวังเย้าไม่จําเป็นต้องชิมเขาก็รู้ได้จากกลิ่นของตัวยา
เขาเติมยาตัวรองลงไป หลังจากผ่านไปสักพัก รสชาติของตัวยาก็เปลี่ยนไป
“ยังขมอยู่” หวังเย้าคิด แล้วใส่กรีบดอกลิลี่ลงไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลองตักตัวยาชิมดู
“โอ๊ะ ไม่” เขายกหม้อออกจากเตา แล้ววางไว้อีกด้านเพื่อให้ตัวยาเย็นลง จากนั้นเขาก็ใส่น้ำตาลก้อนกับน้ำลูกแพรลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
“อึม ตอนนี้ดีขึ้นมาก” ถึงจะยังมีรสขมติดอยู่เล็กน้อย แต่รสหวานก็จะช่วยให้กลีนง่ายขึ้นได้ “ฉันน่าจะเพิ่มน้ำตาลกับน้ำผึ้งลงไปด้วย”
หวังเย้ามีวัตถุดิบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คืนนั้น นอกจากทํายาแก้ไอและแก้ไข้สําหรับเด็กแล้ว เขาก็ไม่ได้ทําอย่างอื่นอีกเลย เขาทําพลาดไปสามครั้ง ก่อนจะทําสําเร็จใน กลางดึกของคืนนั้น ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลวเลย และเป็นรสชาติที่เด็กรับได้
วันต่อมาเขาแบ่งยาที่ทําออกมาใส่ขวดขนาดเล็กหลายใบ และนําลงจากเขาไปเขาเดาว่าวันนี้ก็น่าจะมีคนไข้มาเยอะเหมือนเดิม แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนเช้ามีคนไข้มามากกว่าหนึ่งโหล พวกเขาทั้งหมดมาพร้อมกับเด็กๆที่มีอาการไอและมีน้ำมูกยาตัวใหม่ของหวังเย้าถูกหยิบออกมาใช้งาน หมดช่วงเช้าไปยาก็เหลือเพียงขวดเดียวเท่านั้น
ตอนเที่ยง เขาปิดประตูคลินิกและเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชานกับจงหลิวชวนจงอันซินไม่ได้ไปกับเขาเธอไม่อยากไปด้วย จงหลิวชวนจึงไม่ได้บังคับเธอเขาปล่อยให้เธออยู่บ้านเพียงลําพัง หลังจากบอกกล่าวไปหลายคําเขาก็ออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับหวังเย้า
พันจวินจองโต๊ะที่ร้านอาหารเอาไว้แล้ว
“พวกเราแค่สามคนจําเป็นต้องหรูขนาดนี้ด้วยเหรอครับ?” หวังเย้าแปลกใจ
“ก็เพราะมีแค่เราสามคนน่ะสิ” พันจวินยิ้ม
“แต่ก็ไม่เห็นต้องมาร้านแบบนี้ก็ได้นี่ครับ” หวังเย้าพูด
“อาจารย์ เข้าไปข้างในกันเถอะ” พันจวินพูด “ฉันสั่งอาหารเอาไว้หลายจานเลย”
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไป ก็พบว่าด้านในนั้นวุ่นวายมาก
“ร้านนี้ดูคึกคักดีนะครับ” หวังเย้าพูด
“ใช่ ฉันจองโต๊ะไม่ได้ตั้งหลายครั้ง” พันจวินพูด
ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
“ช่วยเอาอาหารออกมาเสิร์ฟเลยได้ไหม?” พันจวินถามพนักงาน
“ได้ครับท่าน กรุณารอสักครู่” พนักงานพูด
ถึงจะมีพวกเขาแค่สามคน แต่ก็มีพนักงานที่รับผิดชอบในชาให้พวกเขาอยู่ด้วยอาหารถูกนําขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่ละจานล้วนหน้าตาหน้าทานทั้งนั้น
“อม รสชาติดี” หวังเย้าพูด
“สามปีที่ผ่านมาร้านนี้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้วสองครั้ง”พันจวินพูด“เจ้าของคนนี้เป็นคนทางใต้เขาบริหารงานค่อนข้างยืดหยุ่นมากกว่า”
อาหารดูหรูหรา แต่ราคากลับไม่แพงมากจนเกินไป บรรยากาศภายในร้านก็ดีจึงทําให้มีลูกค้ามากมายเข้ามาใช้บริการ
“ไม่ต้องกินจานนี้แล้วครับ” หวังเย้าชี้ไปที่จานผักที่เพิ่งถูกนําขึ้นโต๊ะได้ไม่นาน
“ทําไมล่ะ?” พันจวินถาม
“ไม่ใช่เวลาที่ควรกินมันน่ะครับ” หวังเย้าพูด “การกินอาหารจานนี้กับเหล้าจะทําให้ท้องเสียกับอาเจียนได้ง่ายน่ะครับ”
พนักงานที่อยู่ไม่ไกลตกใจ เขาคิด เราจัดอาหารคู่กันแบบนี้อยู่ตั้งหลายครั้ง ก็ไม่เห็นจะมีใครเป็นอะไรสักคน
เขาไม่เชื่อคําพูดของหวังเย้าอย่างเห็นได้ชัด