Elixir Supplier - ตอนที่ 777 เม็ดยา เดินทางหนึ่งพันไมล์เพื่อช่วยเหลือ
“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่ เจียจื้อจายพูด “ฉันรู้แค่ว่า หมอคนนั้นอยู่ทางใต้ แถมยังต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้ยามา”
“ทางใต?” หวังเย้านึกถึงราชายาคนนั้นขึ้นมาทันที
“ตกลง ผมจะรักษาเขา” หวังเย้าที่วันนี้กําลังอารมณ์ดีก็ได้ตอบตกลงออกไป
“ได้ ฉันจะนัดเขาเอง” เจี้ยจื้อจายเดินฝ่าสายฝนออกไป
ข่าวที่ได้รับทําให้หลี่ฟางต้องแปลกใจ “เขาตกลงเหรอ?”
“ใช่ แต่ที่ที่นายอยู่ถูกจับตามองตลอดเวลา มันไม่สะดวกน่ะสิ” เจี้ยจื้อจายพูด
“ฉันขอคิดดูก่อน” หลี่ฟางพูด “ถ้าหาทางไม่ได้จริงๆ ฉันจะพาเสี่ยวหมิงไปหาเขาเอง”
“ได้ ยังไงก็บอกฉันด้วยล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด
สายฝนยังคงเทกระหน่ําลงมา หวังเย้ายืนมองท้องฟ้าอยู่ที่หน้าต่างบานกระจก เขาคิด พายุคงจะยังไม่หยุดเร็วๆนี้
กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
“เสี่ยวซวี”
“เชียนเชิง พี่ชายของฉันได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก คุณมาช่วยเขาได้ไหมคะ?” น้ําเสียงของซูเสี่ยวซวีเต็มไปด้วยความกังวล
“ใจเย็นๆ” หวังเย้าพูด “ตอนนี้ เขาอยู่ที่ไหน?”
“ที่ปักกิ่งค่ะ” เธอรีบบอก
“ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” หวังเฝ้ามองท้องฟ้าที่ด้านนอก
ในสภาพอากาศแบบนี้ รถไปความเร็วสูงและท่าอากาศยานคงหยุดทํางาน เขาออกจากห้องและเดินทางไปสนามบิน เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะสภาพอากาศเลวร้าย เครื่องบินถูกห้ามบิน และทันทีที่เขาสอบถามก็ได้รู้ว่ารถไฟความเร็วสูงถูกระงับการเดินทางเช่นเดียวกัน
หวังเฝ้ามองดูเวลา เขาค้นหาในอินเตอร์เนตและเจอแท็กซี่ที่สามารถพาเขาไปเมืองเวียที่มีรถไฟความเร็วสูงมุ่งหน้าสู่ปักกิ่งได้
ภายในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของปักกิ่ง
ซงรุ่ยปิงเฝ้ามองลูกชายของเธอด้วยความกังวล ข้างกันมีผู้อาวุโสอยู่อีกสองคน
ใบหน้าของซูจือจึงเขียวคล้ํา ทั้งยังหายใจแผ่วเบา
“หมอเฉิน หมอหลี่ เกิดอะไรขึ้นกับจือฉิงคะ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“กระสุนเกือบถูกปอดของเขา แต่ก็ยังถือว่าจัดการได้ไม่ยาก” หลี่เชิงหรงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สิ่งที่อันตรายถึงชีวิตจริงๆคือแผลถูกแทงที่ท้องต่างหาก เพราะมีดที่ใช้แทงเคลือบพิษเอาไว้!”
“เราล้างพิษออกไม่ได้เหรอคะ?” เธอถาม
“ฉันไม่เคยเจอพิษชนิดนี้มาก่อน แล้วฉันก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ด้วย” หลี่เชิงหรงพูด
“เขาถูกพิษมาได้ยังไง?” เฉินโจวถาม
“เขารับภารกิจอยู่ที่ชายแดนค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด “เขาสู้กับกองกําลังต่างชาติในป่า แล้วก็ได้รับบาดเจ็บกลับมา”
ซูจือจึงถูกส่งตัวมาที่ปักกิ่ง ที่ยูนนานใต้ไม่สามารถรักษาเขาได้ ดังนั้น ทางกองทัพจึงส่งตัวเขามาโดยเครื่องบิน
“แล้วก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บด้วยค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“เฮ้อ ยิ่งยุ่งไปกันใหญ่” หลี่เชิงหรงพูด “พิษอาจจะมาจากข้างนอก แล้วเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน โอ้ จริงด้วย รับเชิญหมอหวังมาที่ปักกิ่งเลยสิ!”
“เสี่ยวซวีโทรหาเขาแล้วค่ะ ตอนนี้เขาน่าจะกําลังเดินทางมาอยู่” ซงรุ่ยปิงพูด
“ตอนนี้ สิ่งที่เราจะทําได้ก็คือพยายามยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด” หลี่เชิงหรงพูด
ในตอนที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่นั้น ซูเสี่ยวซวีก็เดินเข้ามาในห้องด้วยความรีบร้อน หลังได้รู้ข่าวของพี่ชาย เธอก็รีบโทรหาหวังเย้าและหยุดเรียน
“คุณแม่ คุณปู่เฉิน คุณปู่หลี่ พี่ชายเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถาม
“ไม่ดีเลย อาการของเขาตอนนี้อันตรายมาก” ซงรุ่ยปิงพูด
“หนโทรไปหาเชียนเชิงแล้วนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “เขาอยู่ที่เมืองเต่า แล้วที่นั่นก็กําลังมีพายุ ทั้งท่าอากาศยานและรถไฟความเร็วสูงถูกระงับการเดินทางทั้งหมด ตอนที่หนูมาที่นี่ก็ได้โทรไปหาเขา เขากําลังเดินทางไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่เมืองเว่ยแทนค่ะ”
“แบบนั้นจะใช้เวลานานเกินไปน่ะสิ” หลี่เชิงหรงพูด
“รอเดี๋ยว” ซงรุ่ยปิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปโทรศัพท์ที่ด้านนอก เธอกลับเข้ามาพร้อมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับลูกสาว “โทรหาหวังเย้า แล้วบอกให้เขาอยู่รอที่ตรงนี้จะมีคนไปรับเขา”
หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่หวังเย้าได้รับสายจากซูเสี่ยวซวี เขาบอกแท็กซี่ให้จอดเข้าข้างทางและลงจากรถ ลมฝนในเมืองเว่ยยังคงรุนแรง มีทหารนายหนึ่งกําลังรอเขาอยู่ที่ข้างถนน
“สวัสดีครับ ผมหวังเย้า”
“สวัสดีครับ เชิญขึ้นรถได้เลยครับ” ทหารพูด
ทหารขับรถพาหวังเข้าไปที่ค่ายทหารที่อยู่ไม่ไกล
หวังเย้าตกตะลึง เฮลิคอปเตอร์ของทหารที่อยู่ต่อหน้าเขาอยู่ในสถานะพร้อมออกเดินทางตลอดเวลา เขาขึ้นนั่งบนเฮลิคอปเตอร์และมุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง
ในโรงพยาบาล อุปกรณ์ข้างเตียงคนไข้ส่งสัญญาณดังลั่น แพทย์พยายามรีบเข้าไปในห้องคนไข้ทันที
ซงรุ่ยปิงที่อยู่ไม่ไกลมองดูด้วยความกังวล
“ท่าไม่ดีแล้ว!” หลังจับดูชีพจรของซูจือฉิงแล้ว สีหน้าของหมอเฉินก็เปลี่ยนไป
หมอเฉินไม่คิดอธิบายมากความ เขาและหมอหลิ่มองหน้ากัน จากนั้นก็หยิบเข็มทองออกมา และเริ่มแทงลงไปตามร่างกายของซูจือฉิง
แพทย์ที่อยู่ด้านข้างคอยให้ความร่วมมือ พวกเขาต่างรู้สถานะของคนทั้งสองเป็นอย่างดี
“ฉันกลัวว่าเราจะยังควบคุมพิษในร่างของเขาในตอนนี้ได้” หลี่เชิงหรงพูด “พิษมันรุนแรงเกินไป!”
ในความคิดของพวกเขา การที่ซูจือมิ่งมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะอํานาจของตระกูลซู เขาก็คงจะตายไปนานแล้ว
ปีบ ปี๊บ! เครื่องสัญญาณของเครื่องดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ หมอชราทั้งสองต้องหลั่งเหงื่อเย็น
“ไม่ดีแล้ว!” หมอเฉินใจหายวาบ
พิษชนิดนี้รุนแรงมาก และพวกเขาก็ยังหาวิธีควบคุมไม่ได้ พวกเขาทําได้เพียงปรุงยาที่จะช่วยป้องกันอวัยวะภายในของซูจือจึงเอาไว้เท่านั้น แต่มันก็ช่วยได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทําอะไรไม่ได้แล้ว ชีวิตของซูจือฉิงกําลังจะลอยละล่องจากไป
“ตอนนี้ หมอหวังอยู่ไหนแล้ว?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ฮัลโหล เชียนเชิง คุณอยู่ที่ไหนแล้วคะ? พี่ชายฉันกําลังจะทนไม่ไหวแล้ว!” ซูเสี่ยวซวีร่ําไห้
“ผมอยู่บนเฮลิคอปเตอร์แล้ว” หวังเย้าเป็นกังวลเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของซูเสี่ยวซวี แต่เขาก็ไม่สามารถเร่งความเร็วให้มากกว่านี้ได้ แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
“เสี่ยวซวีอย่าร้อง” เขาพูด “ยังจํายาที่ผมเคยให้ไว้ได้ไหม?”
“ค่ะ ฉันจําได้” เธอตอบ
“รีบเอาให้พี่ชายของเธอตอนนี้เลย” หวังเย้าพูด “เขาน่าจะทนจนผมไม่ถึงได้”
หลังตกลงคบหากับซูเสี่ยวซวีอย่างเป็นทางการแล้ว หวังเย้าก็ได้มอบของขวัญเล็กๆน้อยๆให้กับเธอ รวมไปถึงใบสั่งแพทย์ปรุงยา, ถุงหญ้าพิษช่วยป้องกันแมลงพิษ, และเม็ดยาอายุวัฒนะที่ช่วยยืดอายุ
ตัวยามีส่วนผสมของโสม, หลินจือ, ตังกุย, เยวฮวา, ชานจึง, กุยหยวน, จื้อหยู, เกี่ยเหมย, และตัวยาล้ําค่าอีกสิบชนิด แต่กลับทําเม็ดยาออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หวังเย้าจึงมอบมันให้กับเพื่อนสนิทและคนในครอบครัว
“ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากที่ซูเสี่ยวซวีวางสาย เธอก็บอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ และรีบกลับไปเอายาที่เก็บไว้ที่บ้าน
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของลูกสาว ซงรุ่ยปิงจึงพูดขึ้นมาว่า “ให้ชูเหลียนไปกับลูกเถอะจ๊ะ”
“ทนอีกหน่อยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูดในตอนที่เธอออกจากโรงพยาบาลไป
ซูเหลียนขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ ในช่วงเวลานี้ของแต่ละวัน การจราจรมักติดขัดเล็กน้อย โชคดีที่ระยะทางระหว่างโรงพยาบาลกับบ้านตระกูลซูไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลานไม่นานพวกเธอก็มาถึงบ้าน เมื่อคว้ายาได้ก็รีบพากันกลับไปที่โรงพยาบาล
ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!… เครื่องวัดสัญญาณชีพส่งเสียงเตือนให้รู้ว่าผู้ป่วยกําลังอยู่ในขั้นวิกฤต ขาข้างหนึ่งของซูจือฉิงได้ย่างก้าวเข้าสู่ประตูนรก ขาอีกข้างก็กําลังจะตามเข้าไปได้ทุกเมื่อ
หมอเฉินกับหมอหล็ใช้วิธีการทั้งหมดที่พวกเขามี พวกเขาเป็นหมอมากประสบการณ์ แต่ก็ไม่ใช่เทพเซียน ยังมีโรคอีกหลายชนิดที่พวกเขาไม่สามารถรักษาได้
เสียงเปิดประตูดังปัง
“เรามาแล้วค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีตรงไปที่เตียง แล้วเทเม็ดยาออกมาจากขวดกระเบื้อง
กลิ่นของตัวยาลอยฟังไปทั่วทั้งห้อง
“ยานี่มัน!” หมอเฉินตกตะลึงเมื่อได้เห็นยาตัวนี้อีกครั้ง
ยาที่เขาจดจําได้อย่างชัดเจน มันสามารถยื้อยุดชีวิตให้กลับมาจากความตายได้ คนที่กินยาเม็ดนั้นก็คือซูเสี่ยวซวี และครั้งนี้ก็เป็นพี่ชายของเธอ
หลังจากกินยาเข้าไป เครื่องวัดสัญญาณชีพก็หยุดส่งเสียงและกราฟชีวิตกลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง
หมอหลีได้แต่ตกตะลึง เขายื่นมือไปจับชีพจรของซูจือฉิง และเผยสีหน้าตกใจออกมา “เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“มีอะไรเหรอคะ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ตอนนี้คือจึงปลอดภัยชั่วคราวและอาการคงที่แล้วล่ะ” หมอหลี่พูด “เขาน่าจะทนจนหมอหวังมาถึงได้”
“ดีจริงๆ ดีจริงๆ!” ซงรุ่ยยิ่งรู้สึกโล่งอก