Elixir Supplier - ตอนที่ 779 อย่ากังวล ผมอยู่นี่แล้ว
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างสงสัยว่าหวังเย้าเป็นใคร และในหัวของพวกเขาก็ต่างเต็มไปด้วยคําถามมากมาย
“ดี ตอนนี้อาการของเขาคงที่แล้ว” หวังเย้าอยู่เฝ้าดูอาการของทหารหนุ่มต่ออีกเกือบชั่วโมงจนแน่ใจว่าอาการของเขาคงที่ดีแล้ว
เขาถอนหายใจโล่งอก เมื่อครู่เป็นช่วงเวลาวิกฤตอย่างแท้จริง หากเขามาช้าไปเพียงนาที่ทหารหนุ่มคนนี้คงได้ตายจริงๆถึงสัญญาณชีพของเขาจะหายไปแต่หวังเย้าก็สามารถดึงมันกลับมาได้ด้วยการสะกิดเพียงเล็กน้อย
หวังเย้าลุกขึ้นยืนและเตรียมจะเดินออกจากห้อง เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องต่างขยับเพื่อเปิดทางให้เขาพวกเขาต่างประทับใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและต่างก็สงสัยว่าหวังเย้าใช้วิธีอะไรในการยื้อชีวิตให้กลับมาใหม่อีกครั้ง
“ตอนนี้อาการของจองกับเพื่อนของเขาคงที่ดีแล้ว ตอนนี้ผมจําเป็นต้องทํายาเพิ่มอีกสองตัว”หวังเย้าพูดกับซงรุ่ยปิง
“หมออยากให้เราทําอะไรบ้าง?” ซงรุ่ยปังถาม
“ผมต้องการสถานที่ที่เงียบสงบครับ” หวังเย้าพูด “ใช้กระท่อมที่ผมเคยพักอยู่ก็ได้”
“ได้ ฉันจะโทรหาเฉินหญิงเดี๋ยวนี้” ซงรุ่ยปิงพูด
“ฉันจะไปกับคุณด้วยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ชูเหลียน ขับพาพวกเขาไปที่กระท่อมที” ซงรุยปิงพูด
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง” ชูเหลียนพูด
ซงรุยปิงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจยาว ครูต่อมา ซูเซียงฮวาก็โทรหาเธอเขากําลังอยู่ในระหว่างการเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศเธอไม่ได้บอกเขาเรื่องที่เกิดขึ้นกับซูจือฉิง เพราะเธอไม่อยากให้เขาต้องเป็นกังวล
“ฮัลโหล เซี่ยงฮวา” ซงรุ่ยปิงรับสาย
“ผมได้ยินมาว่าจือฉิงได้รับบาดเจ็บ” ซูเซี่ยงฮวาพูด
“ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว” ซงรุ่ยปิงพูด “หวังเย้าเพิ่งจะมาถึงเมื่อกี้ แล้วจือจิงก็พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“อาการหนักรึเปล่า? แล้วมันร้ายแรงไหม?” ซูเซี่ยงฮวาถามด้วยความกังวล
“ค่ะ แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว” ซงรุ่ยปิงพูด “อย่ากังวลไปเลยค่ะ ตั้งใจทํางานของคุณให้ดีดีกว่านะคะ”
เธอคุยกับสามีเพียงครู่เดียว ก่อนจะวางสาย
ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็มาถึงที่กระท่อมพร้อมกับซูเสียวซีและชูเหลียน ทั้งเฉินหยิงและเฉินโจวต่างก็อยู่ที่นั่นด้วย
“หมอหวัง ฉันเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วค่ะ” เฉินหยิ่งพูด เธอได้เตรียมหม้อต้มยาและฟื้นเอาไว้แล้ว
“เยี่ยม ขอบคุณครับ” หวังเย้าพูด
“ยินดีค่ะ” เฉินหยิ่งพูด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หวังเย้าก็ตัดสินใจใช้สมุนไพรรากหลายตัวในการทํายาล้างพิษสมุนไพรตัวหลักที่จะใช้แน่นอนว่าต้องเป็น หญ้าพิษ เขายังเพิ่มหญ้าน้ําแข็งลงไปในตัวยาด้วยเขาพบว่ามันเป็นพิษที่มีความร้อนสูง เพราะร่างกายของซูจือฉิงและทหารหนุ่มถูกเผาโดยพิษชนิดนี้หญ้าน้ําแข็งจะช่วยจัดการกับความร้อนนี้ได้สุดท้ายเขาได้ใส่กุยหยวนเพื่อช่วยประสานตัวยาทั้งหมดเข้าด้วยกันตัวยานั้นเรียบง่ายแต่สมุนไพรที่ใช้นั้นไม่ใช่เลย
ฟื้นถูกเผาเสียงดัง ซูเสี่ยวซวีนั่งรอคอยเงียบๆอยู่ข้างหวังเย้า
“พี่ชายของเธอได้รับบาดเจ็บมาได้ยังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม
เขาไม่คิดว่าการถามเรื่องรายละเอียดอื่นๆในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่เหมาะสม และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ดีที่จะถามดู
“พี่ชายได้รับภารกิจให้ไปที่ชายแดนค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “พวกเขาเกิดการต่อสู้กับกองกําลังต่างชาติแล้วเขาก็ได้รับบาดเจ็บ”
“กองกําลังต่างชาติ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ดูเหมือนว่าหน่วยที่พี่ชายของเธออยู่จะมีหน้าที่รับผิดชอบหนักเอาการเลยนะ”หวังเย้าพูด
ตามลักษณะพิเศษของสมุนไพรราก หวังเย้าจึงไม่ได้ใช้เวลาในการต้มนาน เพียงครู่เดียวตัวยาก็เสร็จเรียบร้อย
“เรียบร้อย” หวังเย้ายกหม้อออกจากเตา “แค่รอให้ตัวยาเย็นลงก็ได้แล้ว”
อากาศค่อนข้างดี ลมพัดเย็นสบายในตอนกลางคืน
“เดินทางมาตั้งไกล คุณคงเหนื่อยมากแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูดพร้อมกับนวดไหล่ให้หวังเย้า
“ไม่เหนื่อยหรอก” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตบมือเธอเบาๆ
การเดินทางไม่ได้ทําให้เขาเหนื่อยเลยสักนิด
“ฉันรู้สึกว่า คุณเหมือนจะพัฒนาขึ้นไปอีกแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด
“จริงเหรอ? ดูได้จากอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“มันบอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าพลังฉีในร่างกายของคุณแข็งแกร่งขึ้นก็เท่านั้น”ซูเสี่ยวซวีพูด เธอแค่สัมผัสได้เท่านั้น
“ผมรู้สึกว่า ตัวเองพัฒนาขึ้นเหมือนกัน” หวังเย้าพูด
เขาพัฒนาขึ้นในช่วงที่เกิดพายเมื่อไม่นานมานี้ เขาเชื่อมต่อกับโลกเมื่ออยู่บนท้องทะเลและปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างอิสระ หลังจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่ระดับใหม่แต่เขาไม่คิดว่าซูเสียวซวีจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
“ผมคิดว่า เธอก็พัฒนาขึ้นเหมือนกัน” หวังเย้าพูด
“ใช่ค่ะ ถึงจะอยู่ที่มหาลัย ฉันก็ไม่เคยหยุดฝึกเลยสักครั้ง” ซูเสียวซวีพูด “ฉันฝึกการหายใจในตอนเช้าและตอนเย็นแล้วฉันยังฝึกฝนการต่อสู้ที่คุณเคยสอนด้วย”
“ดีครับ เธอจะพัฒนาได้ขึ้นถ้าไม่หยุดฝึกฝน” หวังเย้าพูด “เอาล่ะ ยาพร้อมแล้ว พวกเรากลับไปที่โรงพยาบาลกันเถอะผมคิดว่าพี่ชายของเธอน่าจะได้สติแล้ว”
“คุณคิดว่า พี่จะฟื้นขึ้นมาจริงๆเหรอ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
ในขณะเดียวกัน ซูจือฉิงที่รักษาตัวอยู่ในห้องคนไข้พิเศษก็ได้สติขึ้นมา
“จือจิ้ง ลูกได้ยินแม่ไหม?” ซงรุ่ยปิงมองลูกชายของเธอที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมา
“ครับ” ซูจือจึงพูด
เขารู้สึกทรมาน ราวกับว่าร่างกายไม่ใช่ของเขา เขารู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ทั้งยังรู้สึกย่าแย่และเหนื่อยล้า ร่างกายไม่ฟังคําสั่งของเขา และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดออกมาสักค่าเขาพยายามพูดออกไป แต่ก็เหมือนคําพูดจะติดอยู่ที่ล่าคอของเขาแล้วในที่สุดเขาก็ส่งเสียงที่เบาราวกับยุงออกไป
“ลูกรู้สึกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?” ซงรุ่ยปังถาม
“ผมไม่เป็นอะไรครับ” ซูจือฉิงพูด เขาอยากจะพูดให้มากกว่านี้ แต่เขาก็ทําไม่ได้
“อย่าเพิ่งพูดเลยจ๊ะ ลูกพักก่อนดีกว่า” ซงรุ่ยยิ่งพูด
เธอกดกริ่ง ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามา แพทย์ผู้ดูแลประหลาดใจเมื่อเห็นว่าซูจือจึงได้สติแล้วเขาตรวจอาการอย่างละเอียดและนําเลือดไปตรวจสอบ
“จือฉิง ทนอีกหน่อยนะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด “หวังเย้ากําลังไปทํายามารักษาลูกอยู่ อีกเดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”
ครูต่อมา หวังเย้ากับซูเสี่ยวซวีก็กลับมาที่โรงพยาบาล
“อ๊ะ พี่ฟื้นแล้ว!” ซเสี่ยซวียินดีที่ได้เห็นพี่ชายของเธอฟื้นแล้ว
“ขอบคุณนะ หมอหวัง” ซูจือฉิงพูดออกมาอย่างยากล่าบาก
“สภาพของพี่ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรดีกว่านะครับ” หวังเย้าพูด “พักผ่อน แล้วกินยาซะ”
ตัวยาที่ยังอุ่นมีรสขม ซูจือฉิงยกดื่มจนหมด
“พี่พักก่อนนะครับ ผมจะออกไปดูอาการเพื่อนของพี่ที่อยู่อีกห้อง” หวังเย้าพูด
“ได้” ซูจือจึงพูด
หวังเย้าเดินออกไปดูอาการของทหารหนุ่มที่อยู่อีกห้องหนึ่ง เขาป้อนยาให้กับทหารหนุ่มที่ยังไม่ได้สติ แล้วรออยู่ที่ข้างหน้าต่างนานเกือบหนึ่งชั่วโมง จนเขาแน่ใจแล้วว่าอาการของทหารหนุ่มคงที่และตัวยาเริ่มออกฤทธิ์แล้วถึงได้ออกไป
แค่ก! แค่ก! เมื่อเขากลับไปที่ห้องของซูจือฉิง เขาก็ได้ยินเสียงไอของซูจือจึง
“เขากินอะไรได้ไหม?” ซงรุ่ยปิงถาม
“ได้ครับ แต่ควรเป็นอาหารเหลวที่ย่อยง่าย อย่างพวกโจ๊ก” หวังเย้าพูด
“ฉันจะไปทําโจ๊กให้จือจิ้งเองค่ะ” ชูเหลียนพูด
“หมอหวัง อีกนานไหมคะกว่าที่พี่ชายของฉันจะหายดี?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“หนึ่งเดือน” หวังเย้าพูด
กริ้ง! ต็ด! มือถือของเขาส่งเสียงดัง “ขอโทษด้วย ผมต้องรับสายนี้”
“อะไรนะ? หมอไม่ได้อยู่ที่เมืองเต่เหรอ?” เจี้ยจื้อจายที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วเขาคงต้องเปลี่ยนแผน
“ใช่ครับ มีเรื่องเกิดขึ้นจนผมต้องรีบไปจัดการน่ะครับ” หวังเย้าพูด “ผมคงยังไม่กลับไปที่หมู่บ้านหรือเมืองเต๋เร็วๆนี้ ไว้เจอกันอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านะครับ”
สิ่งสําคัญในเวลานี้ก็คือพี่ชายของซูเสี่ยวซวี ซึ่งก็คือพี่เขยในอนาคตของเขา
“ฉันเข้าใจแล้ว” เลี้ยจื้อจายพูด
หลังจากวางสายเขาก็จุดบุหรี่
“หมอหวังไปแล้วเหรอ?” หูเหมยถาม
“ใช่ เขารีบไปที่อื่นแล้ว” เจี้ยจื้อจายพูด “ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเตหรือที่หมู่บ้านฉันไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“แล้วเราจะจัดการเรื่องหลี่ฟางยังไงกันดีล่ะ?” หูเหมยถาม
“เราก็แค่ต้องบอกเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เจี้ยจื้อจายพูด “ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป”
ด้านนอกเริ่มมืดลง
หลังจากกินยาเข้าไป ซูจือฉิงและเพื่อนทหารของเขาก็หลับสนิท การนอนคือวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูร่างกาย
“วันนี้ คุณยังไม่ได้พักเลย กลับไปพักที่กระท่อมนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูดอย่างอ่อนโยน
“ได้ครับ ตอนนี้พวกเขาน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว” หวังเย้าพูด “น้าซงจะกลับไปพักด้วยไหมครับ?
“ไม่เป็นไรจ๊ะ น้าว่าจะพักอยู่ที่นี่เลย” ซงรุ่ยปิงตอบ
ห้องพักแบบวีไอพีมีทุกอย่างให้พร้อม ทั้งโซฟา, เตียงเสริม, ทีวี, และไวไฟ
“เสี่ยวซวีกลับไปกับหมอหวังเถอะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
“ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
ชูเหลียนขับรถพาหวังเย้าและซุเสี่ยวซวีกลับบ้าน หลังจากส่งพวกเขาเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับไปที่โรงพยาบาล
“พรุ่งนี้เธอมีเรียนไหม?” หวังเย้าถาม
“ฉันลาไว้แล้วค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “พรุ่งนี้เช้า ฉันจะกลับไปที่โรงพยาบาล
“อย่างกังวล ผมอยู่นี่แล้ว เขาจะปลอดภัย” หวังเย้าพูดอย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพยักหน้า
“คืนนี้ คุณจะพักที่ไหนคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ที่กระท่อมครับ” หวังเย้าพูด
เขาคุ้นเคยกับกระท่อมและเคยพักตอนมาที่ปักกิ่งอยู่หลายครั้ง