Elixir Supplier - ตอนที่ 785 คนนิสัยไม่น่าคบ!
“แล้วทําไมยาที่ไปฉีดมาถึงไม่ได้ผลล่ะคะ?” เธอถาม
“เขาได้กินไก่ทอดเป็นมื้อเช้ารึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ค่ะ เขาชอบกินไก่ทอดมาก” เธอตอบ
“ผมคิดว่า คุณควรหยุดให้เขากินไก่ทอดไปก่อนดีกว่านะครับ เพราะมันย่อยยากโดยเฉพาะตอนที่เขาป่วยแบบนี้”หวังเย้าพูด “อาหารทอดจะยิ่งทําให้อาการของเขาแย่ลงกว่าเดิม”
ในปัจจุบัน พ่อแม่จํานวนมากมักตามใจลูกของพวกเขามากเกินไป ขอแค่ลูกของพวกเขาชอบพวกเขาก็มักจะปล่อยให้เด็กๆทําในสิ่งที่ไม่ควรได้ตามใจชอบเด็กเหล่านั้นมักกลายเป็นพวกขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี พ่อแม่ของพวกเขามักมีข้ออ้างสําหรับพฤติกรรมเหล่านั้นได้เสมอเช่นพวกเขายังเด็กหรือไม่ก็พอโตขึ้นเดี๋ยวพวกเขาก็ดีเองข้ออ้างเหล่านั้นล้วนฟังไม่ขึ้น เด็กจะมีการพัฒนาลักษณะนิสัยของพวกเขาตั้งแต่ยังเล็กๆหากโตแล้วก็เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแย่ๆเหล่านั้น
“เอาล่ะครับ ผมจะจ่ายยาให้ลูกชายของคุณ”หวังเย้าพูด“ลองดูว่าจะเป็นยังไงพยายามให้เขากินอาหารอ่อนๆเข้าไว้ด้วยนะครับอย่าเพิ่งเอาอาหารรสจัดให้เขากินต้องจําเรื่องนี้ไว้ให้ดีนะครับ”
“ฉันจะพยายามไม่ให้เขากินของพวกนั้นค่ะ” เธอพูด
“ถ้าคุณจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียเวลากลับมาที่นี่อีกนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ค่ะ ฉันจะทําตามที่หมอบอกทุกอย่าง” เธอพูด
เธอจ่ายค่ารักษารับยามาและพาลูกชายออกไปจากคลินิก
“คนต่อไปครับ” หวังเย้าเรียก
“สวัสดีค่ะ หมอหวัง ลูกสาวก็ไอแบบมีเสลดเหมือนกันค่ะ” แม่ของเด็กหญิงพูด “เธอไอทั้งวันทั้งคืนเลยล่ะค่ะ”
เด็กหญิงมีอายุราว 7-8 ปี เธอมีอาการคล้ายกับเด็กชายคนเมื่อครู่ แต่ไม่หนักเท่าเขาจึงจ่ายยาตัวเดียวกันให้
“ขอบคุณค่ะ” แม่ของเด็กหญิงพูด
คนไข้รายที่สามก็พาเด็กอีกคนมา แต่เขายังเด็กอยู่มาก อายุยังไม่ถึง 3 ขวบดีเขาหายใจฟืดฟาดและลําบาก
“เขาอายุเท่าไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม
“สองขวบครึ่งค่ะ” แม่เด็กพูด
หวังเย้ารู้ได้จากการฟังการหายใจของเขาว่ามีเสลดติดอยู่ในปอดของเขาเด็กที่ยังอายุแค่นี้ไม่สามารถไอเอาเสลดทิ้งได้ด้วยตนเอง และเขายังมีอาการท้องเสียอีกด้วย
“เขาป่วยมานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม
“ได้อาทิตย์กว่าแล้วค่ะ” แม่เด็กบอก “หมอที่โรงพยาบาลให้ยามากิน แต่หลังจากกินไปได้แค่สี่วันเขาก็ท้องเสีย
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะลองหยุดอาการท้องเสียดูก่อน แล้วค่อยมาดูเรื่องอาการไออีกทีนะครับ”หวังเย้าพูด
“แม่ ผมอยากเข้าห้องน้ำ” เด็กบอก
“ห้องน้ำอยู่ข้างนอกครับ”หวังเย้าพูด
ผู้เป็นแม่พาลูกชายของเธอออกไปและกลับมาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
“ขอโทษด้วยนะคะ”เธอเอ่ยปากขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ” หวังเย้าพูด
เขาลงมือนวดให้เด็กชาย เด็กผายลมปล่อยกลิ่นเหม็นออกมาไม่หยุด หวังเข้าตบไปที่หลังของเขา แล้วอยู่ๆเด็กชายก็ไอออกมาอย่างรุนแรงและขับเสลดสีเหลืองออกมาด้วย
หวังเย้าจ่ายยาให้เขาสองตัว “ตัวหนึ่งเป็นยาแก้ท้องเสีย ส่วนอีกตัวเป็นยาแก้ไอนะครับควรให้เขากินอาหารอ่อนไปก่อน”
“เข้าใจแล้วค่ะ” แม่เด็กพูด
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย เธอก็พาลูกกลับ
คนไข้รายที่สีเป็นหญิงวัยหกสิบกว่า
“มีอะไรให้ผมช่วยครับคุณป้า?” หวังเย้าถาม
“ฉันปวดขาน่ะ” เธอพูด“เริ่มปวดตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว”
เขาตรวจดูอาการของเธอ ซึ่งไม่ได้หนักหนาอะไร เนื่องจากอากาศที่เย็นลงทําให้เส้นเลือดที่ขาเกิดการไหลเวียนติดขัดและเป็นสาเหตุที่ทําให้เธอปวดขา
“อาการของคุณป้าไม่ถือว่าหนักมากครับ” หวังเข้าพูด
เขาไม่ได้จ่ายยาหรือฝังเข็มให้เธอ เขาเพียงนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเท่านั้นยี่สิบนาที่ต่อมาหญิงชราก็รู้สึกปวดที่ขาน้อยลงจนรู้สึกได้ เธอรู้สึกอุ่นและเบาสบาย
“หมอหวัง คุณเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ฉันได้ยินมาจริงๆด้วย” เธอพูด
“ชมเกินไปแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงชราก็กลับไป
หวังเข้ารักษาคนไข่ในช่วงเช้าไป 12 คนและตอนกลางวันยังมีคนไข้มารออยู่อีกเขาโทรไปหาพ่อแม่เพื่อบอกว่าเขาจะไม่กลับไปทานอาหารกลางวันที่บ้านเขาตรวจคนไข้ต่อ และส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่ยังเด็ก
ไวรัสไข้หวัดในครั้งนี้แพร่กระจายอย่างหนัก และคงยังไม่หยุดไปอีกสักพักใหญ่แน่หวังเย้าคิด
เขายังจําได้ว่า ก่อนที่เขาจะเดินทางไปเมืองเต่ก็มีพ่อแม่ที่พาลูกๆของพวกเขามารักษาที่นี่และเด็กส่วนใหญ่จะมาด้วยอาการไอเขาเดินทางไปเมืองเต่โดยใช้เวลานานเกือบหนึ่งเดือนแต่กลับยังมีเด็กๆที่ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันนั้น ที่ปักกิ่ง ซูจือฉิงต้องการออกจากโรงพยาบาลแล้ว
“หมอ ผมออกจากโรงพยาบาลได้รึยัง?” เขาถาม
“ยังไม่ได้ครับ” แพทย์ปฏิเสธโดยไม่ลังเล
“ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าผมหายดีแล้ว” ซูจือจึงพูด
“ยังหรอกครับ” แพทย์พูด “คุณยังต้องได้รับการรักษาต่อ ผมเป็นหมอของคุณและเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด”
“ก็ได้” ซูจือจึงล้มตัวลงนอน
ฉันนอนนานเกินจนหยากไยเริ่มขึ้นแล้ว ฉันต้องออกไปเดินข้างนอกบ้างแล้วเขาคิด
เขาเดินออกจากห้องและเดินไปที่ห้องข้างๆ เมิงหบูชวงที่พักรักษาตัวอยู่ห้องข้างฟื้นตัวเป็นอย่างดีเขากําลังซิทอัพอยู่ในตอนที่ซูจือจึงเดินเข้ามา
“ว่าไงครับ หัวหน้า” หมิ่งหรูชวงพูด
“ตามสบาย” ซูจือจึงพูด “ทําไมนายถึงหายเร็วกว่าฉันล่ะ?”
“คงต้องขอบคุณหมอหวัง นั่งก่อนสิครับหัวหน้า” เพิ่งหวชวงลุกขึ้นยืน “หมอเพิ่งเข้ามาหาผมเมื่อกี้นี้เองเขาบอกว่าอีกไม่กี่วันผมก็กลับได้แล้ว หัวหน้าล่ะครับ?”
“คงเร็วๆนี้แหละ”ซูจือจึงพูดอย่างไม่มั่นใจนัก “นายเพิ่งจะหายดีก็ออกกําลังกายได้แล้ว
เหรอ?”
“คิดว่าได้ครับ ผมมั่นใจในร่างกายของตัวเอง” เพิ่งหรูชวงตอบ “ตอนอยู่ที่วัดเส้าหลินผมฝึกหลายอย่างรวมถึงฝึกการหายใจด้วย ผมเลยหายเร็วกว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บพอๆกันน่ะครับ”
“อืมมม สมแล้วที่วัดเส้าหลินเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของกังฟู” ซูจือจึงพูด
“หัวหน้า หมอหวังเก่งอย่างที่หัวหน้าว่าจริงเหรอครับ?” เพิ่งหรูชวงถาม
“จริงสิ ฉันเคยทดสอบเขามาก่อน” ซูจือจึงพูด “หลังนายหายดีแล้วอยากจะลองดูก็ได้นะ”
“ไม่ดีกว่าครับ หมอหวังคือคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้” เพิ่งหรูชวงพูด
“ก็แค่ฝึกฝนกับเขาก็เท่านั้น” ซูจือจึงพูด
เขาอยู่คุยกับเพิ่งหรูชวงสักพักก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ครู่ต่อมาก็มีคนมาเยี่ยม
ผู้ที่มาเยี่ยมก็คือกั่วเจิ้งเหอ “สวัสดีครับ พี่จอจิง”
“ว่าไง เจิ้งเหอ เข้ามานั่งข้างในก่อนสิ” ซูจองพูดด้วยรอยยิ้ม ถึงเขาจะไม่ชอบกั่วเจิ้งเหอแต่เขาก็ยังต้องรักษามารยาทเอาไว้
“พี่ดูดีขึ้นนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “ตอนนี้พี่คงหายดีแล้ว”
“ใช่ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว” ซูจือจึงพูด “ฉันอยากออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่หมอไม่ยอม
“พี่ต้องเชื่อฟังหมอนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “ต้องให้แน่ใจว่าพี่หายแล้วจริงๆค่อยออกจากโรงพยาบาล
“แล้วนายล่ะ?” ซูจือจึงถาม “นายยังทํางานอยู่ที่ยูนนานใต้อยู่ไหม? ตอนนี้นายรับราชการแล้วฉันเดาว่านายคงจะยุ่งมากสินะ”
“ครับ ผมค่อนข้างยุ่งทีเดียว”กั่วเจิ้งเหอพูด“ผมมาปักกิ่งก็เพื่อคุยเรื่องโครงการหนึ่งนะครับที่ ที่ผมทํางานอยู่ยากจนมากสิ่งอํานวยความสะดวกหลายๆอย่างไม่ดีเท่าที่ควรมีคนไม่มากที่คิดจะไปลงทุนที่นั่นฉันพยายามใช้เส้นสายเท่าที่มีเพื่อดึงดูดนักลงทุนไปที่นั่นตอนนี้ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่นั่นบ้างแล้วมีคนเข้าไปสร้างโรงงานผลิตยาที่นั่นด้วยทุกอย่างกําลังดีขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะครับที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อยื่นเรื่องของบเพิ่มจากรัฐบาล”
“ฟังดูดีทีเดียวนะ” ซูจอฉิงพูด“เรื่องยื่นขอทุนของนายไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
“ไม่เลวเลยครับ” กั่วเจิ้งเหอตอบ “ผมได้รับการอนุมัติแล้ว ถึงจะเป็นเงินไม่มากแต่ก็ช่วยแก้ไขปัญหาเร่งด่วนไปได้บ้าง”
“นายจะกลับเมื่อไหร่เหรอ?” ซูจือจึงถาม
“พรุ่งนี้ครับวันนี้ผมก็เลยแวะมาเยี่ยมพี่ก่อน” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะ” ซูจือจึงพูด
“ยินดีครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “ยังไงพี่ก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผม”
กล้ามากเลยนะ ไอ้หนู! ซูจือจึงคิด
กั่วเจิ้งเหอไม่ได้อยู่นานนัก และบังเอิญเจอซูเสียวซวีที่ลิฟท์พอดี “อ้าว เสียวซวีเพิ่งเลิกเรียนเหรอ?”
“ใช่ค่ะ มาเยี่ยมพี่เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ครับ ผมเพิ่งไปเจอเขามา เขาดดีขึ้นมากเลย” กั่วเจิ้งเหอตอบ
“ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณหมอหวัง” ซูเสียวซวีพูด
“เขาเป็นหมอที่เก่งมาก” กั่วเจิ้งเหอพูด “แล้วคืนนี้ว่างไหมครับ?”
“ขอโทษด้วย คืนนี้ฉันต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่น่ะค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมคงต้องกลับแล้ว” กั่วเจิ้งเหอพูด
“อ่อ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” ซูเสียวซวีพูด
“ขอบคุณครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด
หลังจากคุยกับซูเสี่ยวซวีเพียงสั้นๆ เขาก็เดินเข้าไปในลิฟท์ ถึงบนใบหน้าของเขาจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เขากลับไม่ได้ยินดีเลยสักนิดเขาคิด ดูเหมือนทั้งซูเสี่ยวซวีกับพี่ชายของเธอจะอยากให้ฉันกลับไปไวๆหรือฉันไปทําอะไรให้สองคนนั้นไม่พอใจเข้า?
“พี่กําลังทําอะไรอยู่คะ?” ซูเลี้ยวซวีที่เดินเข้าไปในห้องพบว่าพี่ชายของเธอกําลังสควอชอยู่
“พี่ต้องออกกําลังกายบ้าง ไม่อย่างนั้นหยากไย่ขึ้นกันพอดี” ซูจือจึงตอบ
“อย่าเพิ่งหักโหมสิคะ”ซูเสี่ยวซวีพูด“แผลของพี่ยังไม่หายดีเลยนะ!”