Elixir Supplier - ตอนที่ 791 ฉันแค่ล้อเล่น
“หัวหน้ากลับไปเถอะครับ” เจิ้งอี้ชวนพูด “ที่กองทัพกําลังยุ่ง ยังมีงานอีกมากที่ต้องจัดการ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก” เฉิงห่ายตงพูด “ฉันลางานไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราจะกลับไปด้วยกันในตอนที่นายหายดีแล้วเท่านั้น”
เย็นวันนั้น เฉิงห่ายตงบอกให้หมอฟ้านและนางพยาบาลหลี่กลับบ้านได้
“แล้วเรื่องอาการบาดเจ็บของเขาล่ะครับ?” หมอฟานถาม
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก” เฉิงห่ายตงพูด “ผมคุยเรื่องนี้กับหมอหวังแล้วชวนพ้นขีดอันตรายตอนนี้เขาแค่ต้องนอนพักให้มากอีกไม่กี่วันเขาก็ลุกขึ้นเดินได้แล้ว”
“ได้ครับ เราจะกลับกันพรุ่งนี้” หมอฟานพูด
ความจริงพวกเขาก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ต่อ ถึงในบ้านจะมีอยู่สี่ห้อง แต่พวกเขาใช้ห้องหนึ่งเป็นห้องครัว, ห้องหนึ่งเป็นของคนไข้, และอีกห้องสําหรับผู้หญิงพัก
เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือคนหนึ่ง แต่กลับต้องมานอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่นการต้อนรับที่เขาเคยได้รับในอดีตล้วนอยู่ในระดับสูงเมื่อไหร่กันที่เขาเคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้? ถึงชื่อเสียงของเขาจะลดน้อยลงไปแล้วก็ตามคําพูดของเฉิงห่ายตงเมื่อครู่ก็ยังทําให้เขาไม่พอใจอยู่เล็กน้อยเขารู้ว่ามันไม่เหมาะที่จะตอบโต้ออกไปเขาจึงทําได้แค่อดทนอย่างน้อยๆเขาก็กลับได้แล้ว
“ผมรบกวนคุณมากมาแล้ว” เฉิงห่ายตงพูด “เมื่อไหร่ที่ชวนหายดีแล้ว เราจะไปขอบคุณคุณถึงที่หน้าประตูแน่นอนครับ”
“ด้วยความยินดีครับ” หมอฟานพูด “มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
เขาพอใจกับคําพูดนั้นของเฉิงห่ายตง
“เป็นอันตกลงนะครับ” เฉิงห่ายตงพูด “พรุ่งนี้เช้า ผมจะให้คนพาคุณกลับไปพร้อมกับรถพยาบาลเลย”
หมอฟ้านตกลงด้วยความพอใจ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว
วันต่อมา หมอฟาน, นางพยาบาลหลี, และทหารอีกสองนายได้เดินทางออกจากหมู่บ้าน เหลือไว้เพียงเฉิงห่ายตง, เจิ้งอี้ชวน, และทหารอีกนายที่ยังคงอยู่ที่บ้าน
“ฟ้ว ในที่สุดก็ได้ออกมาจากที่นั่นสักทีนะคะ” นางพยาบาลหลี่พูดขึ้นในตอนที่พวกเขาขับออกมาไกลแล้ว
เธออยู่ที่หมู่บ้านกลางเขาแค่สองวันเท่านั้น แต่แค่นั้นเธอก็ทนแทบไม่ไหวแล้วเธอต้องอยู่กับพวกผู้ชายแก่ๆและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องเธอไม่มีเรื่องสนุกให้ทําสักอย่างแม้แต่ไวไฟที่นี่ก็ไม่มี ในเมื่อที่อยู่กลางเขามันจึงไม่มีร้านค้าให้เธอไปเดินเล่นมันเทียบกับเมืองใหญ่ที่เธอทํางานและอาศัยอยู่ไม่ได้เลยสักนิดประสบการณ์ที่นี่ทําให้เธอเบื่อแทบตาย
“หมอคะ หมอหวังช่วยเจิ้งอี้ชวนได้ยังไงเหรอคะ?” เธอถาม
คําถามนี้รบกวนเธอมาหลายวันแล้ว ตอนที่พวกเขามาถึง เจิ้งอี้ชวนกําลังจะตายและชีวิตของเขาก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายเขาดูเหมือนจะจากไปได้ทุกขณะหลังจากผ่านไปแค่วันเดียวสัญญาณชีพของเขาก็กลับมาคงที่ทั้งหมดต้องขอบคุณหมอหวังแต่เธอกลับไม่รู้ว่าเขาทําได้ยัง
“มันอาจเป็นเพราะยาที่เขาใช้ก็ได้” หมอฟานพูด “น่าเสียดาย”
เขาคิด เฉิงห่ายตง เพราะเจ้าโง่นั่นคนเดียว เขาไม่รู้ว่ายานั้นมีความหมายมากแค่ไหน!มันหมายถึงชื่อเสียงมากมาย,กําไรมหาศาล,และโอกาสที่จะทําให้คนคนหนึ่งรุ่งโรจน์ได้!
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทําไมคนหนุ่มที่มากความสามารถแบบเขา ถึงได้เลือกมาอยู่หมู่บ้านกลางเขาแบบนี้”นางพยาบาลหลี่พูด
รถขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่คับแคบ ทางทิศใต้เป็นแม่น้ำสายหนึ่งทางทิศเหนือเป็นไร่นารอบด้านถูกล้อมไว้ด้วยทิวเขาเขตเหลียนชานเป็นเขตที่เต็มไปด้วยภูเขาแต่ก็มีความพิเศษในตัวมันเองเพียงแต่บางคนกลับมองไม่ออกถึงจุดนี้
“หมอคะ จะทํายังไงกับเรื่องที่หัวหน้าเฉิงบอกไว้ดีคะ?” นางพยาบาลหลี่ถาม
“เราต้องระวังคําพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มาก” หมอฟานพูด
เขารู้เกี่ยวกับนิสัยของเฉิงห่ายตงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในเมื่อเขาพูดขึ้นมาแล้วหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปเฉิงห่ายตงต้องมาเล่นงานเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเจิ้งอี้ชวนที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ใช่คนจิตใจดีเช่นเดียวกัน
“อ้อ” นางพยาบาลหลีรับคําอย่างเชื่อฟัง
หมอฟานคิด เธอยังเด็กและยังไม่มีประสบการณ์ชีวิตที่ลึกซึ้งมากพอ จึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะถูกหลอกและอาจเผลอพูดบางอย่างออกมานั่นคงกลายเป็นปัญหาได้แต่ก็ไม่ใช่เพราะเขาเสียหน่อยจริงไหม?
ค่ําคืนในหมู่บ้านกลางเขาเงียบสงบ
“มันเงียบมาก” เจิ้งอี้ชวนที่นอนอยู่บนเตียงพูด
ความเงียบชนิดนี้ต่างไปจากความเงียบในฐานทัพหลังปิดไฟแล่ว มันเป็นธรรมชาติมากกว่า
เขาหลับตาลง และนึกถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้น เขาเห็นเพื่อนของเขาตายไปต่อหน้าต่อตาและความรู้สึกไร่กําลังเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู
เขาหายใจเร็ว ลืมตาคมกริบขึ้น เขาคิด ถึงฉันจะกลับเข้าสู่สนามรบได้อีกครั้งแต่ฉันจะจัดการศัตรูเหล่านั้นได้ไหม?
เขาเคยถามค่าถามนี้กับตัวเองมาก่อน และคําตอบก็คือ ไม่ได้
ศัตรูในครั้งนี้ทั้งรวดเร็ว, พิษที่ร้ายกาจ, และอาวุธกับการร่วมมือที่เข้าขาได้อย่างน่ากลัวศัตรูแข็งแกร่งเกินไป
อยู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นมา เขาตะโกนออกไป “หัวหน้า?”
เฉิงห่ายตงเดินเข้ามาและเปิดไฟ “มีอะไรเหรอ? นายรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่กําลังคิดเรื่องกองกําลังนั้นอยู่” เจิ้งอี้ชวนพูด “ถ้าพวกเราสู้กับพวกเขาอีกครั้ง เราจะมีโอกาสชนะบ้างไหมครับ?”
“ฉันก็คิดเรื่องนั้นเหมือนกัน” เฉิงห่ายตงพูด “ถ้าพวกเราสู้กันอีกครั้ง ด้วยความสามารถและอาวุธที่พวกเรามีอยู่ ผลลัพธ์คงไม่ต่างจากครั้งก่อนนัก เราเข้าใจและรู้เกี่ยวกับพวกเขาก็จริงแต่พวกเขาก็รู้และเข้าใจเกี่ยวกับพวกเราเช่นเดียวกันพวกเราไม่มีทางจัดการกับพวกเขาได้เลย”
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ มันก็ทําให้เขารู้สึกไร้กําลัง
“ผมกําลังคิดว่า ถ้าพวกเราสามารถซื้อยาแก้พิษที่หมอหวังใช้รักษาผมได้” เจิ้งอี้ชวนพูด “เราสามารถให้คนในทีมพกไว้กับตัว เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องรับภารกิจแบบนี้อีก เราอาจหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากพิษได้”
“ฉันคิดเรื่องนั้นดูแล้ว” เฉิงห่ายตงพูด “แต่หมอหวังดันเอ่ยปากว่า เขาไม่คิดค่ารักษาแม้แต่หยวนเดียวถ้าฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วเขาตกลงละก็ ฉันควรจะทํายังไงถ้าเกิดเขาไม่ยอมรับเงินขึ้นมา?”
“หัวหน้าคิดมากเกินไปแล้วล่ะครับ” เจิ้งอี้ชวนพูด “ถึงเขาจะไม่ต้องการเงิน แต่เราก็ต้องถามเรื่องนี้กับเขาอยู่ดียาตัวนี้สําหรับกับพวกเรามากนะครับ”
“แล้วนายได้คิดหาคําอธิบายเรื่องของเขากับทีมรึยังล่ะ?” เฉิงห่ายตงถาม “ถ้าทีมของเรารู้เรื่องยาตัวนี้ มันก็ต้องถูกนําไปทดสอบก่อน ถ้าตัวยาปลอดภัยและเหมาะสมมันก็สามารถนํามาใช้งานได้แล้วเราจะทําแบบนั้นได้ยังไง?ขอสูตรมาจากหมอหวังอย่างนั้นเหรอ?การบอกให้เขาขายยาให้พวกเรายังจะจําเป็นอยู่อีกเหรอ? แล้วถ้าเขาไม่ยินยอมมอบให้ขึ้นมาล่ะ?
เจิ้งอี้ชวนเงียบไป คําถามเหล่านี้ล้วนต้องนํามาพิจารณา หวังเย้ามีฝีมือการรักษาสูงแต่กลับเลือกที่จะอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการพบเจอเรื่องยุ่งยากเมื่อไหร่ก็ตามที่เรื่องนี้รู้ไปถึงหูใครหลายๆคน มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะหาวิธีการต่างๆมากดดันเขามันจะนําปัญหามาให้หมอหวังหมอหวังช่วยชีวิตเขาเอาไว้ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“เราจะจัดการกันเอง” เจิ้งอี้ชวนพูด “ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเอง”
“นาย? ทําไมนายต้องทําแบบนั้นด้วย?” เฉิงห่ายตงถาม “ฉันขอคิดดูก่อน ไว้พรุ่งนี้ฉันจะลองถามความคิดเห็นจากเขาดูก่อน”
สําหรับเรื่องนี้ ถึงพวกเขาคิดค่าพูดนับพันตั้งคําถามเป็นหมื่น สุดท้ายล้วนขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่าเห็นด้วยหรือไม่
“ได้ครับ” เจิ้งอี้ชวนพูด
“เอาล่ะ เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว” เฉิงห่ายตงพูด “นอนพักผ่อนซะ เรื่องแรกที่นายต้องทําก็คือการฟื้นตัว”
บนเขาในคืนนั้น ซูจือฉิงโทรหาหวังเย้าและถามว่า “น้องเขย ทหารคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาไม่เป็นอะไรแล้วครับ” หวังเย้าพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ซลือจึงพูด “ยาแก้พิษที่นายให้ฉันราคาแพงมากไหม?”
“ใช่ มันแพงมากครับ” หวังเข้าตอบ
“แล้วมันสามารถผลิตออกมาจํานวนมากได้รึเปล่า?” ซูจือจึงถาม
“ทําแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ” หวังเย้าตอบ “พี่จะเอาไปทําอะไรเหรอครับ?”
“เอ่อ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ ฉันอยากเอายาแก้พิษตัวนี้ไปใช้ในกองทัพ” ซูจือจึงพูดเขามีความคิดเดียวกับเฉิงห่ายตง“ขอแค่บอกราคามาได้เลย”
“ผมขอโทษ ผมคงผลิตออกมาจํานวนมากไม่ได้” หวังเย้าพูด
สมุนไพรรากเปรียบได้กับสมุนไพรวิเศษ พวกมันมีระยะเวลาในการเจริญเติบโตที่แน่นอน อีกทั้งยังสามารถปลูกได้แค่บนเนินเขาหนานชานที่มีค่ายกลรวมวิญญาณอยู่เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ถึงจะได้น้อยก็ยังดี!” ซูจือจึงพยายามทําตัวหน้าไม่อาย
“ถ้าเป็นจํานวนไม่มาก ผมพอจะทําให้ได้” หวังเย้าพูด “ผมให้พี่ได้เดือนละหนึ่งขวด”